สามเดือนก่อน เขา และ คุณหนูจากบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้แสนเย็นชา ใช้ชีวิตติดเกาะร้างด้วยกันหนึ่งเดือน แต่เขากลับลืมทุกอย่างเพราะอุบัติเหตุ เธอจึงหลอกให้เขากลับมาติดเกาะอีกครั้ง เพื่อเตือนความทรงจำที่หายไป!!
Lihat lebih banyakแสงแรกของวันใหม่สาดส่องผ่านผืนทรายขาว เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังแผ่วเบาเป็นจังหวะราวกับบทเพลงของมหาสมุทร สายลมอ่อนๆ พัดผ่านผืนทรายเย็นเฉียบให้ความรู้สึกสบาย ร่างของชายหนุ่มค่อยๆ ขยับไหวใต้ผ้าห่มผืนบาง ก่อนที่เปลือกตาจะเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้าเรนกระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับสายตากับแสงอาทิตย์อุ่นๆ ที่ลอดผ่านเข้ามาในเต็นท์ เขายกมือขยี้ผมยุ่งๆ อย่างขี้เกียจพลางพ่นลมหายใจออกเบาๆ กลิ่นไอทะเลปะทะจมูกชวนให้รู้สึกสดชื่นแม้ว่าร่างกายจะยังคงรู้สึกมึนงงจากความง่วงอยู่ก็ตาม เขาหาวเบาๆก่อนจะยันตัวเองขึ้นจากพื้น หยัดกายลุกขึ้นนั่ง แล้วสะบัดศีรษะเล็กน้อยเพื่อไล่ความงัวเงียออกไปเมื่อพร้อมที่จะเริ่มวันใหม่ เขาเอื้อมมือไปเปิดซิปเต็นท์และก้าวออกมาสู่อากาศยามเช้า พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับบางอย่างที่ผิดแปลกไปจากเดิม"นั่นมัน...อะไรน่ะ?"เรนขมวดคิ้วมองลังไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกซัดมาเกยอยู่บนชายหาดไม่ไกลจากที่พักนัก มันดูใหม่เกินกว่าที่จะเป็นซากของลอยทะเลธรรมดา ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้พลางกวาดตามองสภาพโดยรอบ ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งลองเปิดฝากล่องขึ้น และสิ่งที่เขาเห็นภายในทำให้ต้องเบิกตากว้างเนื้อสด ผักสด และเครื่องปรุงรสต
เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงสนามในเต็นท์เล็ก เสียงคลื่นที่กระทบชายฝั่งดังแว่วอยู่ในความเงียบสงัด ขณะที่เขาค่อยๆหลับตา ความเหนื่อยล้าค่อยๆกลืนกินเขาเข้าสู่ห้วงนิทราในความฝันนั้น เขาพบว่าตัวเองอยู่บนชายหาดแห่งหนึ่งแสงแดดที่ร้อนระอุจากท้องฟ้า สะท้อนลงบนผืนทรายขาวสว่างวาบ สายลมทะเลพัดเอื่อยๆผสมกลิ่นเค็มที่แปลกชวนให้อึดอัด ชายหนุ่มคนนึงกำลังแล่ปลาที่จับมาได้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตั้งใจราวกับว่ากำลังจดจ่อกับสิ่งที่ทำ ทว่าทุกอย่างรอบตัวกลับพร่ามัว เหมือนโลกนี้ถูกห่อหุ้มด้วยม่านบางๆของความฝันเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น สายตาก็สะดุดเข้ากับร่างของหญิงสาวที่ยืนอยู่ห่างออกไป ร่างของเธอปรากฏอยู่ในเงามืดแม้แสงแดดจะเจิดจ้า ชุดเดรสสีขาวหรูหราที่เธอสวมอยู่ดูชำรุดทรุดโทรม รอยขาดและคราบเปื้อนบอกเล่าเรื่องราวของความลำบาก ผมสีขาวยาวประบ่าปลิวไหวไปตามสายลม แต่ใบหน้าของเธอกลับพร่ามัว มองเห็นได้เพียงเค้าโครงรางๆเธอยืนมองเขาอยู่ในระยะที่ห่างออกไป แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าของเธอแต่ก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึก ห่างเหิน และ ท่าทีที่เต็มไปด้วยวามระมัดระวัง เหมือนกับมีกำแพงที่มองไม่เห็นคั่นกลางระหว่างพวกเขาสองคนเอาไว้“คุณจะยืน
แสงยามเย็นทอดตัวลงบนพื้นทรายอุ่นๆ ขณะที่เขากำลังจัดการกางเต็นท์ ลมทะเลที่พัดมาอ่อนๆชวนให้รู้สึกสงบ แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ สถานที่นี้ดูเหมือนแปลกใหม่สำหรับเขา ทว่ากลับมีบางสิ่งที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยโดยที่เขาเองก็บอกไม่ได้ว่าทำไมเขามองกระโจมผ้าใกล้ๆ ที่เธอกำลังยุ่งอยู่กับเตรียมอาหาร กลิ่นไอทะเลที่โชยมากับสายลมผสมกับกลิ่นของเตาแก๊สเล็กที่เธอเพิ่งจุดขึ้น ท่าทางของเธอท่ี่ดูชำนาญ กลับทำให้เขารู้สึกพิลึก“ฉันยังไม่ได้สอนเธอใช้เตาแก๊สเลย….จะเป็นอะไรไหมน่ะ?”ชายหนุ่มที่กำลังมองเธออยู่ ก็รู้สึกตกใจกับความคิดของตัวเอง เราสองคนพึ่งจะเจอกันแท้ๆ แต่ทำไมถึงคิดว่าเธอจะใช้ของแบบนั้นไม่เป็น?เขาพยายามขับไล่ความคิดแปลกๆนั้นออก ก่อนที่จะทำงานของตัวเองต่อ เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอเรียกเขามาที่โต๊ะเล็กตรงกลาง บนโต๊ะมีถ้วยอาหารสองถ้วยวางอยู่ พร้อมช้อนส้อมที่เธอยื่นให้“นี่ กินก่อนสิ จะได้มีแรง”เขามองอาหารในถ้วยด้วยความลังเล ราวกับสัญชาตญาณบางอย่างกำลังส่งเสียงเตือนอยู่ลึกๆ แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น มันเป็นแค่อาหารอุ่นร้อนธรรมดา ไม่มีอะไรน่าสงสัย หน้าตาของมันก็ดูปกติ“ไม่
แสงแดดอ่อนๆ เริ่มลดความแรงลงเมื่อพวกเขายกของในกล่องออกมาเรียงไว้บนพื้นทราย เสียงคลื่นที่ซัดสาดเข้าฝั่งเป็นจังหวะ มีกลิ่นอายของทะเลที่โชยมาเบาๆ ขณะที่ทั้งสองกำลังตรวจสอบสิ่งที่อยู่ในลังไม้"เต็นท์สองอัน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารซองพร้อมทาน ข้าวสาร ไฟแช็ค แล้วก็...นี่อะไร?" ชายหนุ่มพูดพลางหยิบเครื่องบดกาแฟแบบมือออกมาพลิกดูด้วยความงุนงง "ลูกคุณหนูที่ไหนมาจำลองการติดเกาะกันเนี่ย? สั่งมากระทั่งของแบบนี้...แล้วนี่อะไรอีก?"มือของเขาเอื้อมหยิบถุงเมล็ดกาแฟที่ทับอะไรบางอย่างอยู่ เผยให้เห็นเครื่องกรองน้ำพกพาขนาดเล็กหลายอัน ก่อนจะหลุดปาก "โอ้โห เมล็ดกาแฟยี่ห้อดัง...แถมตัวกรองน้ำพกพาก็มี? พร้อมใช้ชีวิตอยู่บนเกาะจริงๆ เลยน้า"เสียงบ่นแบบติดตลกของเขาทำให้หญิงสาวที่กำลังจัดของอยู่อีกมุมสะดุ้งเล็กน้อย ใบหน้าที่ก้มอยู่เหนือกระเป๋าเริ่มมีสีแดงเรื่อ แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มองอยู่ เธอรีบก้มหน้าทำทีเหมือนตั้งใจจัดของต่อ"ใจเย็นเข้า ต้องเก็บสีหน้าเอาไว้ อย่าให้เขาจับได้ แค่เตรียมมาดีเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง" เธอบอกตัวเองในใจ ขณะพยายามข่มความรู้สึกเขินอายที่ค่อยๆ พอกพูนขึ้น เธอหายใจลึกๆ พลางคิดว่าความสนใจของเ
เสียงคลื่นซัดเบาๆ คลอเคลียไปกับฝีเท้าของทั้งสองที่ย่ำผ่านผืนทราย พวกเขาเดินเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร หญิงสาวเหลือบมองคู่เดินของเธอเป็นระยะ สีหน้าของชายหนุ่มดูจริงจังราวกับกำลังพยายามปะติดปะต่อบางสิ่งที่กระจัดกระจายอยู่ในหัว“นายคิดอะไรอยู่หรือเปล่า?” เธอถามขึ้นในที่สุดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเขาหันมามองเธอเล็กน้อยก่อนส่ายหน้า “เปล่า แค่…พยายามคิดว่าเราควรทำอะไรต่อ”ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดที่เธอพูดถึง ลังไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแนวคลื่น มันเต็มไปด้วยคราบเกลือและรอยเปียกชื้นจากน้ำทะเล เขาคุกเข่าลงสำรวจมันอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา“มันถูกปิดล็อคอย่างแน่นหนาเลย…” ชายหนุ่มลองเขย่าฝาลังเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจ “คงต้องหาวิธีเปิด”หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาของเธอจะสะดุดกับบางสิ่ง “เดี๋ยวก่อนนะ… ตรงนั้น” เธอชี้นิ้วไปทางเงาร่มไม้ที่บดบังมุมสายตาเขาหันไปมองตามที่เธอชี้ เห็นกระโจมผ้าเล็กๆ เก่าโทรมเหมือนถูกปล่อยทิ้งไว้นาน ตั้งอยู่ใต้ร่มไม้ห่างออกไปไม่ไกลนัก“นั่นมัน… กระโจม?” ชายหนุ่มพูดขึ้นเสียงแผ่ว ความสงสัยสะท้อนในน้ำเสียง ดวงตาจับจ้องไปยังสิ่งปลูกสร้างเล็กๆ ที่ปรากฏอยู่ใต้ร่มไม้“ไม
"โอเคครับ! เสร็จสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ!" เสียงแหลมสูงประกาศด้วยน้ำเสียงภูมิใจเกินพอดี ราวกับเพิ่งสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่จะเปลี่ยนโลกได้สำเร็จ "แค่พูดคำคีย์เวิร์ดครบสามครั้ง คุณผู้ชายก็จะฟื้นขึ้นมาทันทีครับ คุณหนู!""จริงๆ ไม่มีคำอื่นที่มันฟังดูดีกว่านี้แล้วเหรอ?" เสียงทุ้มต่ำของอีกคนดังขึ้นทันควัน พร้อมถอนหายใจแรง "ทำไมต้องให้คุณหนูของเราพูดคำว่า 'จังโก้' ด้วย?""อ้าว! 'จังโก้' มันไม่ดีตรงไหนครับ?" เจ้าของเสียงแหลมสูงรีบโต้ตอบอย่างไม่ยอมแพ้ "ง่าย จำง่าย แถมมีเสน่ห์สุดๆ ไปเลยนะครับ!""เสน่ห์บ้าอะไรของคุณ!" เสียงทุ้มตะโกนสวนด้วยความหงุดหงิด "ทำไมไม่เลือกอะไรที่มันดูสมาร์ตกว่านี้ อย่าง 'ลูมิน่า' หรือ 'ออโรร่า' บ้าง?""พอเถอะครับ" เสียงนุ่มนวลของชายอีกคนแทรกขึ้นอย่างสงบ "คุณทั้งสองจะทะเลาะกันอีกนานแค่ไหน? ถ้าพูดครบสามครั้งโดยไม่ตั้งใจ แล้วผิดแผนขึ้นมาจะทำยังไง?"กลุ่มคนค่อยๆ สงบลง ขณะที่อากาศร้อนระอุรอบตัวทำให้เหงื่อเริ่มซึมตามไรผมของพวกเขา หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงกลางสูดลมหายใจลึก พยายามตั้งสติ เธอหันไปมองร่างที่นอนนิ่งอยู่ตรงหน้า"คุณหนู... พร้อมหรือยังครับ? ถ้าพร้อมแล้ว พวกเราจะออกไปก่อน"หญิงสาว
โต๊ะไม้กลางห้องเต็มไปด้วยแก้วพลาสติก ซองขนม และขวดเครื่องดื่มที่ถูกเปิดทิ้งไว้ กลุ่มเพื่อนสนิทสี่คนนั่งล้อมวงกันอยู่ เสียงหัวเราะและบทสนทนาเติมเต็มค่ำคืนสบายๆ ของพวกเขาชายหนุ่มนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ มือหนึ่งถือแก้วเครื่องดื่ม อีกมือพาดพนักอย่างผ่อนคลาย แต่แววตาของเขาเหมือนมีเรื่องราวที่ยังค้างคาอยู่ในใจ"เรน นายไม่คิดจะตอบกลับอะไรเธอหน่อยเหรอ?”คีย์ถามขึ้น พลางยกแก้วจิบเล็กน้อย ใบหน้าเจือด้วยความสงสัย“เรื่องของคุณหนูคนนั้นน่ะ…. เธออุตส่าห์ลดตัวเข้าหานายเลยน่ะ จะปล่อยผ่านไปจริงๆเหรอ?”ชายหนุ่มได้ยินดังนั้น แต่เขาเพียงหัวเราะตอบเบาๆ ยกแก้วจิบช้าๆ ส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ“ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย ผ่านไปสักเดือนเดี่ยวเธอก็ยอมแพ้ไปเอง”“นายคิดอย่างงั้นจริงๆหรอ?” ท็อปพิงโซฟา ถามเสียงขรึม “นี่นายจำไม่ได้ หรือแกล้งทำเป็นลืมกันแน่?”จุนที่นั่งข้างๆ พยักหน้าเสริม “ใช่ นายลืมทุกอย่างจริงๆ หรือไง? เกี่ยวกับเกาะร้าง และ ทริปทะเลนั่นอีก...”คำพูดของพวกเขาทำให้ชายหนุ่มเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ก็อย่างที่เคยบอก จำได้แค่ว่าตกเรือ...แล้วก็หมดสติไป รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว”คีย์ว
โต๊ะไม้กลางห้องเต็มไปด้วยแก้วพลาสติก ซองขนม และขวดเครื่องดื่มที่ถูกเปิดทิ้งไว้ กลุ่มเพื่อนสนิทสี่คนนั่งล้อมวงกันอยู่ เสียงหัวเราะและบทสนทนาเติมเต็มค่ำคืนสบายๆ ของพวกเขาชายหนุ่มนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ มือหนึ่งถือแก้วเครื่องดื่ม อีกมือพาดพนักอย่างผ่อนคลาย แต่แววตาของเขาเหมือนมีเรื่องราวที่ยังค้างคาอยู่ในใจ"เรน นายไม่คิดจะตอบกลับอะไรเธอหน่อยเหรอ?”คีย์ถามขึ้น พลางยกแก้วจิบเล็กน้อย ใบหน้าเจือด้วยความสงสัย“เรื่องของคุณหนูคนนั้นน่ะ…. เธออุตส่าห์ลดตัวเข้าหานายเลยน่ะ จะปล่อยผ่านไปจริงๆเหรอ?”ชายหนุ่มได้ยินดังนั้น แต่เขาเพียงหัวเราะตอบเบาๆ ยกแก้วจิบช้าๆ ส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ“ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย ผ่านไปสักเดือนเดี่ยวเธอก็ยอมแพ้ไปเอง”“นายคิดอย่างงั้นจริงๆหรอ?” ท็อปพิงโซฟา ถามเสียงขรึม “นี่นายจำไม่ได้ หรือแกล้งทำเป็นลืมกันแน่?”จุนที่นั่งข้างๆ พยักหน้าเสริม “ใช่ นายลืมทุกอย่างจริงๆ หรือไง? เกี่ยวกับเกาะร้าง และ ทริปทะเลนั่นอีก...”คำพูดของพวกเขาทำให้ชายหนุ่มเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ก็อย่างที่เคยบอก จำได้แค่ว่าตกเรือ...แล้วก็หมดสติไป รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว”คีย์ว...
Komen