แสงแดดอ่อนๆ เริ่มลดความแรงลงเมื่อพวกเขายกของในกล่องออกมาเรียงไว้บนพื้นทราย เสียงคลื่นที่ซัดสาดเข้าฝั่งเป็นจังหวะ มีกลิ่นอายของทะเลที่โชยมาเบาๆ ขณะที่ทั้งสองกำลังตรวจสอบสิ่งที่อยู่ในลังไม้
"เต็นท์สองอัน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารซองพร้อมทาน ข้าวสาร ไฟแช็ค แล้วก็...นี่อะไร?" ชายหนุ่มพูดพลางหยิบเครื่องบดกาแฟแบบมือออกมาพลิกดูด้วยความงุนงง "ลูกคุณหนูที่ไหนมาจำลองการติดเกาะกันเนี่ย? สั่งมากระทั่งของแบบนี้...แล้วนี่อะไรอีก?"
มือของเขาเอื้อมหยิบถุงเมล็ดกาแฟที่ทับอะไรบางอย่างอยู่ เผยให้เห็นเครื่องกรองน้ำพกพาขนาดเล็กหลายอัน ก่อนจะหลุดปาก "โอ้โห เมล็ดกาแฟยี่ห้อดัง...แถมตัวกรองน้ำพกพาก็มี? พร้อมใช้ชีวิตอยู่บนเกาะจริงๆ เลยน้า"
เสียงบ่นแบบติดตลกของเขาทำให้หญิงสาวที่กำลังจัดของอยู่อีกมุมสะดุ้งเล็กน้อย ใบหน้าที่ก้มอยู่เหนือกระเป๋าเริ่มมีสีแดงเรื่อ แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มองอยู่ เธอรีบก้มหน้าทำทีเหมือนตั้งใจจัดของต่อ
"ใจเย็นเข้า ต้องเก็บสีหน้าเอาไว้ อย่าให้เขาจับได้ แค่เตรียมมาดีเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง" เธอบอกตัวเองในใจ ขณะพยายามข่มความรู้สึกเขินอายที่ค่อยๆ พอกพูนขึ้น เธอหายใจลึกๆ พลางคิดว่าความสนใจของเขาน่าจะอยู่ที่ของในกล่อง มากกว่าจะจับสังเกตอาการของเธอ
ชายหนุ่มยังคงรื้อของในกล่องด้วยความสนใจ "เดี๋ยวนะ...นี่มันอะไรอีก?" เขาหยิบหมอนเล็กสองใบออกมา หมอนแต่ละใบดูเรียบง่าย แต่สิ่งที่เด่นชัดคือฝั่งหนึ่งของหมอนมีคำว่า YES ปักไว้ ส่วนอีกฝั่งเขียนว่า NO
เขาจ้องหมอนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดขึ้นอย่างงงๆ "เจ้าของคงไม่ใช่ลูกคุณหนูแล้ว แต่ต้องเป็นของคู่รักที่ไหนแหงๆ..."
คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวที่พยายามทำตัวให้ดูปกติ หูเริ่มแดงจัดจนรู้สึกร้อน เธอขบเม้มริมฝีปากเล็กน้อย พึมพำเบาๆ กับตัวเอง "นี่มันต้องเป็นฝีมือของแม่แน่ๆ... หนูไม่ได้สั่งมาซ่ะหน่อย จะใส่มาทำไมเนี่ย?"
ชายหนุ่มไม่ได้ยินสิ่งที่เธอบ่น สายตาของเขาสะดุดเข้ากับสิ่งที่ติดอยู่บนหมอนด้านที่เขียนว่า YES จนต้องหยิบมันขึ้นมาดูใกล้ๆ
"อะไรเนี่ย...จดหมายหรอ?" เขาเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆ ถูกเคลือบแผ่นใสแปะติดไว้อย่างแน่นหนา ตัวอักษรในจดหมายเขียนด้วยลายมือใหญ่ชัดเจนว่า 'ถ้าแกแตะต้องลูกสาวฉัน แกตาย!!!'
ชายหนุ่มอ่านจดหมายเสร็จแล้วถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่ "ดูท่าคนที่ส่งกล่องนี่มา คงเป็นพ่อที่หวงลูกสาวสุดๆ แบบนี้ใครจะกล้าแตะตัวแฟนตัวเองเนี่ย?"
คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวหน้าแดงหนักกว่าเดิม เธอหลบสายตาทันที รีบก้มหน้าลงด้วยความอับอาย ก่อนร้องในใจอย่างเคืองๆ พ่อ! นี่มันน่าอายชะมัด! เพราะเถียงสู้แม่ไม่ได้ เลยต้องแอบทำแบบนี้ใช่ไหม?
ขณะที่เธอพยายามสงบใจและควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติ อีกฝ่ายกลับไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อย เขายังคงดูสบายๆ เหมือนไม่ได้พูดอะไรผิดปกติ ทั้งที่หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบหลุดออกมาข้างนอก!
หลังจากนั้นสักพัก ทั้งสองก็ช่วยกันเก็บของเข้ากระโจมที่พบใกล้ๆ ระหว่างเก็บของ หญิงสาวชี้ไปที่เต็นท์ที่ยังไม่ได้กาง "นายไปกางเต็นท์ให้หน่อย ตอนนี้ก็ใกล้จะเย็นแล้ว เดี๋ยวอาหารฉันจะทำเอง"
ชายหนุ่มกำลังจะตอบตกลง แต่ในหัวกลับมีภาพบางอย่างแวบขึ้นมา—วัตถุสีดำลึกลับที่มีกลิ่นไหม้โชยขึ้นมา เขาชะงักเล็กน้อยก่อนเผลอพูดออกไปโดยไม่ทันคิด "คิดจะทำไหม้อีกรึไง?"
ทันทีที่พูดจบ เขาก็รีบปิดปากตัวเอง ก่อนจะคิดในใจ พูดอะไรออกไปเนี่ย?
หญิงสาวหันมามองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ "เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ?"
ชายหนุ่มรีบโบกมือปฏิเสธ "ไม่มีอะไร! สงสัยฉันสับสนอะไรนิดหน่อยน่ะ ฝากเธอจัดการด้วยแล้วกัน"
ก่อนที่เขาจะเดินออกไป เขาก็ยังถามด้วยความระมัดระวัง "เอ่อ... อยากจะให้ฉันช่วยรึเปล่า? คือแบบว่าคนช่วยทำอาหารไรงี้?"
หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ทำให้ชายหนุ่มรีบหันหลังแล้วเดินไปกางเต็นท์ทันที พลางบ่นกับตัวเองเบาๆ จำเรื่องของฉันไม่ได้ แต่ดันจำเรื่องอาหารได้เนี่ยน่ะ?... น่าโมโหชะมัด
เธอยังคงจัดเตรียมของสำหรับทำอาหารต่อไป แต่ก่อนจะเริ่มลงมือ เธอกลับสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อก้มลงตรวจดูของที่เตรียมไว้ ก็พบว่ามีเพียงข้าวสารที่ยังต้องหุงก่อนจะกินได้ ส่วนที่เหลือเป็นเพียงอาหารสำเร็จรูปที่แค่อุ่นด้วยน้ำร้อนก็พร้อมรับประทาน
หญิงสาวจ้องถุงข้าวสารในมือด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ในใจกลับวุ่นวายสับสน ข้าวสารกับอาหารสำเร็จรูป... ฉันเป็นคนจัดรายการเองแท้ๆ แต่ดันลืมสั่งวัตถุดิบมาเนี่ยนะ?
เธอล้มตัวนั่งลงกับพื้น ถอนหายใจยาว พลางเช็ดน้ำตาและความเสียใจที่ไม่ได้แสดงฝีมือของตัวเอง ก่อนจะปลอบตัวเองด้วยรอยยิ้มแห้งๆ ด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง "ไม่เป็นไร รอบหน้าเอาใหม่ คราวนี้แค่อุ่นอาหารไปก่อนล่ะกัน"
พูดจบเธอก็ยกมือตบแก้มตัวเองเบาๆสองข้างเพื่อเรียกกำลังใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน มองไปยังหม้อที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตามุ่งมั่นอีกครั้ง แม้วันนี้จะล้มเหลว แต่พรุ่งนี้ยังมีโอกาสอยู่!
ในห้องที่แสงสลัวจากหน้าจอขนาดใหญ่ สะท้อนให้เห็นใบหน้าของทั้งสามคน พวกเขานั่งเฝ้าดูภาพบนจอด้วยความสนใจ เสียงหัวเราะกึกก้องของหญิงสาวผู้เต็มไปด้วยชีวิตชีวาดังแทรกความเงียบรอบตัว บรรยากาศเย็นชาของห้องไม่ได้ทำให้ความสนุกของเธอลดลงเลย
“ฮ่าๆๆ โอ้ย ผมขำจนเจ็บท้องแล้ว!” เขาโค้งตัวเล็กน้อย มือกุมที่ท้องพลางสูดลมหายใจลึก พยายามกลั้นเสียงหัวเราะที่ยังหลุดออกมาเป็นระยะ “คุณหนูของเรานี่สุดยอดจริงๆ! เรียนทำอาหารตั้งนาน แต่ดันลืมเตรียมวัตถุดิบทำอาหารมาด้วยซะงั้น!” เขาเอื้อมมือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากการหัวเราะหนัก ก่อนจะเงยหน้ากลับไปมองหน้าจอด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
เสียงของหญิงสาววัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กำลังโทรศัพท์คุยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เธอรายงานสถานการณ์ขณะเหลือบมองภาพบนหน้าจอเป็นระยะ “คุณผู้หญิงคะ… นายท่านแอบติดข้อความขู่ไว้บนหมอนค่ะ”
เสียงจากปลายสายดังขึ้นแทบจะทันที น้ำเสียงของชายที่โอดครวญตอบกลับมา “โอ๊ย! อะไรกันเล่า แค่ขู่นิดหน่อยเอง ไม่เห็นจะต้องลงมือ เบาๆ โอ้ย!!…” แต่ยังไม่ทันพูดจบ เสียงแหลมคมจากอีกฝ่ายก็ดังขัดขึ้น
“ใครอนุญาตให้ทำแบบนั้นกัน? ไหนตกลงกันแล้วว่าจะสนับสนุนการตัดสินใจของลูกสาวเรา แล้วนี้อะไร?”
เสียงตบตียังดังขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ฝ่ายชายกำลังขอโทษด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสาร
“พอแล้วเมียจ๋า ผมขอโทษ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว หยุดเถอะ โอ้ยยย!!!” เสียงร้องโหยหวนและเสียงดังโครมครามจากอีกฝั่งของสายดังอยู่สักพัก ก่อนทุกอย่างจะเงียบลงตามด้วยเสียงของปลายสายที่พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“ทำดีมาก! เดี๋ยวฉันจะจัดการสามีฉันเอง เฝ้าสังเกตการณ์ต่อไป ถ้ามีเหตุการณ์สำคัญอย่าลืมรายงานมา!”
สายโทรศัพท์ถูกตัดลง หญิงผู้ถือโทรศัพท์วางสายพร้อมถอนหายใจอีกครั้ง ในขณะที่ชายหนุ่มเจ้าอารมณ์ยังคงหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินการสนทนาเมื่อครู่
ชายสูงวัยผู้มีท่าทางสุขุม ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึมแต่ทรงอำนาจกับลูกน้องใกล้ๆ
“ไปเตรียมวัตถุดิบ ส่งไปที่เกาะก่อนเช้ามืด อย่าให้คุณชายรู้ตัวเด็ดขาด”
“ครับ/ค่ะ” ลูกน้องสองคนที่ยืนรอรับคำสั่งพยักหน้าและรีบเดินออกไปทันที
ชายสูงวัยหันกลับมามองภาพบนหน้าจอที่แสดงให้เห็นชายหนุ่มกำลังพยายามกางเต็นท์อย่างไม่ถนัดนัก ในขณะที่หญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกล กำลังจ้องมองถุงข้าวสารในมือด้วยสีหน้าเอือมระอา
หญิงผู้ถือโทรศัพท์พูดขึ้นเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง แต่ยังแฝงด้วยความกังวลเล็กน้อย “อย่างน้อยก็ยังดีค่ะ ที่เขาจำอะไรได้บ้าง ถึงจะเป็นเรื่องไม่น่าจดจำก็เถอะ…”
ชายสูงวัยพยักหน้าเล็กน้อย พลางครุ่นคิด “ใช่ อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าเขายังพอจำอะไรได้บ้าง... เธอยังมีหวัง” เขาหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “หวังว่าเธอจะอดทนและมุ่งมั่นต่อไป ข้ารับใช้คนนี้จะช่วยเธอเอง”
ชายหนุ่มผู้เปี่ยมด้วยอารมณ์ขันหลุดหัวเราะเบาๆ ก่อนพูดติดตลก “ผมเองก็หวังอย่างนั้นเหมือนกัน อยากรู้จริงๆว่าเขาจะนึกเรื่องตลกๆอะไรเกี่ยวกับเธอได้อีก!”
ทั้งสามคนหันกลับไปมองหน้าจออีกครั้ง เสียงคลื่นที่ดังแว่วจากลำโพงช่วยเสริมบรรยากาศให้ภาพตรงหน้าดูสมจริงยิ่งขึ้น เหตุการณ์บนเกาะร้างที่ถูกจัดฉากยังดำเนินต่อไป ท่ามกลางความคาดหวังและรอยยิ้มปนเปื้อนความสนุกบนใบหน้าของผู้เฝ้ามองทั้งสามคน
แสงยามเย็นทอดตัวลงบนพื้นทรายอุ่นๆ ขณะที่เขากำลังจัดการกางเต็นท์ ลมทะเลที่พัดมาอ่อนๆชวนให้รู้สึกสงบ แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ สถานที่นี้ดูเหมือนแปลกใหม่สำหรับเขา ทว่ากลับมีบางสิ่งที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยโดยที่เขาเองก็บอกไม่ได้ว่าทำไมเขามองกระโจมผ้าใกล้ๆ ที่เธอกำลังยุ่งอยู่กับเตรียมอาหาร กลิ่นไอทะเลที่โชยมากับสายลมผสมกับกลิ่นของเตาแก๊สเล็กที่เธอเพิ่งจุดขึ้น ท่าทางของเธอท่ี่ดูชำนาญ กลับทำให้เขารู้สึกพิลึก“ฉันยังไม่ได้สอนเธอใช้เตาแก๊สเลย….จะเป็นอะไรไหมน่ะ?”ชายหนุ่มที่กำลังมองเธออยู่ ก็รู้สึกตกใจกับความคิดของตัวเอง เราสองคนพึ่งจะเจอกันแท้ๆ แต่ทำไมถึงคิดว่าเธอจะใช้ของแบบนั้นไม่เป็น?เขาพยายามขับไล่ความคิดแปลกๆนั้นออก ก่อนที่จะทำงานของตัวเองต่อ เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอเรียกเขามาที่โต๊ะเล็กตรงกลาง บนโต๊ะมีถ้วยอาหารสองถ้วยวางอยู่ พร้อมช้อนส้อมที่เธอยื่นให้“นี่ กินก่อนสิ จะได้มีแรง”เขามองอาหารในถ้วยด้วยความลังเล ราวกับสัญชาตญาณบางอย่างกำลังส่งเสียงเตือนอยู่ลึกๆ แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น มันเป็นแค่อาหารอุ่นร้อนธรรมดา ไม่มีอะไรน่าสงสัย หน้าตาของมันก็ดูปกติ“ไม่
โต๊ะไม้กลางห้องเต็มไปด้วยแก้วพลาสติก ซองขนม และขวดเครื่องดื่มที่ถูกเปิดทิ้งไว้ กลุ่มเพื่อนสนิทสี่คนนั่งล้อมวงกันอยู่ เสียงหัวเราะและบทสนทนาเติมเต็มค่ำคืนสบายๆ ของพวกเขาชายหนุ่มนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ มือหนึ่งถือแก้วเครื่องดื่ม อีกมือพาดพนักอย่างผ่อนคลาย แต่แววตาของเขาเหมือนมีเรื่องราวที่ยังค้างคาอยู่ในใจ"เรน นายไม่คิดจะตอบกลับอะไรเธอหน่อยเหรอ?”คีย์ถามขึ้น พลางยกแก้วจิบเล็กน้อย ใบหน้าเจือด้วยความสงสัย“เรื่องของคุณหนูคนนั้นน่ะ…. เธออุตส่าห์ลดตัวเข้าหานายเลยน่ะ จะปล่อยผ่านไปจริงๆเหรอ?”ชายหนุ่มได้ยินดังนั้น แต่เขาเพียงหัวเราะตอบเบาๆ ยกแก้วจิบช้าๆ ส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ“ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย ผ่านไปสักเดือนเดี่ยวเธอก็ยอมแพ้ไปเอง”“นายคิดอย่างงั้นจริงๆหรอ?” ท็อปพิงโซฟา ถามเสียงขรึม “นี่นายจำไม่ได้ หรือแกล้งทำเป็นลืมกันแน่?”จุนที่นั่งข้างๆ พยักหน้าเสริม “ใช่ นายลืมทุกอย่างจริงๆ หรือไง? เกี่ยวกับเกาะร้าง และ ทริปทะเลนั่นอีก...”คำพูดของพวกเขาทำให้ชายหนุ่มเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ก็อย่างที่เคยบอก จำได้แค่ว่าตกเรือ...แล้วก็หมดสติไป รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว”คีย์ว
"โอเคครับ! เสร็จสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ!" เสียงแหลมสูงประกาศด้วยน้ำเสียงภูมิใจเกินพอดี ราวกับเพิ่งสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่จะเปลี่ยนโลกได้สำเร็จ "แค่พูดคำคีย์เวิร์ดครบสามครั้ง คุณผู้ชายก็จะฟื้นขึ้นมาทันทีครับ คุณหนู!""จริงๆ ไม่มีคำอื่นที่มันฟังดูดีกว่านี้แล้วเหรอ?" เสียงทุ้มต่ำของอีกคนดังขึ้นทันควัน พร้อมถอนหายใจแรง "ทำไมต้องให้คุณหนูของเราพูดคำว่า 'จังโก้' ด้วย?""อ้าว! 'จังโก้' มันไม่ดีตรงไหนครับ?" เจ้าของเสียงแหลมสูงรีบโต้ตอบอย่างไม่ยอมแพ้ "ง่าย จำง่าย แถมมีเสน่ห์สุดๆ ไปเลยนะครับ!""เสน่ห์บ้าอะไรของคุณ!" เสียงทุ้มตะโกนสวนด้วยความหงุดหงิด "ทำไมไม่เลือกอะไรที่มันดูสมาร์ตกว่านี้ อย่าง 'ลูมิน่า' หรือ 'ออโรร่า' บ้าง?""พอเถอะครับ" เสียงนุ่มนวลของชายอีกคนแทรกขึ้นอย่างสงบ "คุณทั้งสองจะทะเลาะกันอีกนานแค่ไหน? ถ้าพูดครบสามครั้งโดยไม่ตั้งใจ แล้วผิดแผนขึ้นมาจะทำยังไง?"กลุ่มคนค่อยๆ สงบลง ขณะที่อากาศร้อนระอุรอบตัวทำให้เหงื่อเริ่มซึมตามไรผมของพวกเขา หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงกลางสูดลมหายใจลึก พยายามตั้งสติ เธอหันไปมองร่างที่นอนนิ่งอยู่ตรงหน้า"คุณหนู... พร้อมหรือยังครับ? ถ้าพร้อมแล้ว พวกเราจะออกไปก่อน"หญิงสาว
เสียงคลื่นซัดเบาๆ คลอเคลียไปกับฝีเท้าของทั้งสองที่ย่ำผ่านผืนทราย พวกเขาเดินเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร หญิงสาวเหลือบมองคู่เดินของเธอเป็นระยะ สีหน้าของชายหนุ่มดูจริงจังราวกับกำลังพยายามปะติดปะต่อบางสิ่งที่กระจัดกระจายอยู่ในหัว“นายคิดอะไรอยู่หรือเปล่า?” เธอถามขึ้นในที่สุดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเขาหันมามองเธอเล็กน้อยก่อนส่ายหน้า “เปล่า แค่…พยายามคิดว่าเราควรทำอะไรต่อ”ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดที่เธอพูดถึง ลังไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแนวคลื่น มันเต็มไปด้วยคราบเกลือและรอยเปียกชื้นจากน้ำทะเล เขาคุกเข่าลงสำรวจมันอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา“มันถูกปิดล็อคอย่างแน่นหนาเลย…” ชายหนุ่มลองเขย่าฝาลังเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจ “คงต้องหาวิธีเปิด”หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาของเธอจะสะดุดกับบางสิ่ง “เดี๋ยวก่อนนะ… ตรงนั้น” เธอชี้นิ้วไปทางเงาร่มไม้ที่บดบังมุมสายตาเขาหันไปมองตามที่เธอชี้ เห็นกระโจมผ้าเล็กๆ เก่าโทรมเหมือนถูกปล่อยทิ้งไว้นาน ตั้งอยู่ใต้ร่มไม้ห่างออกไปไม่ไกลนัก“นั่นมัน… กระโจม?” ชายหนุ่มพูดขึ้นเสียงแผ่ว ความสงสัยสะท้อนในน้ำเสียง ดวงตาจับจ้องไปยังสิ่งปลูกสร้างเล็กๆ ที่ปรากฏอยู่ใต้ร่มไม้“ไม
แสงยามเย็นทอดตัวลงบนพื้นทรายอุ่นๆ ขณะที่เขากำลังจัดการกางเต็นท์ ลมทะเลที่พัดมาอ่อนๆชวนให้รู้สึกสงบ แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ สถานที่นี้ดูเหมือนแปลกใหม่สำหรับเขา ทว่ากลับมีบางสิ่งที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยโดยที่เขาเองก็บอกไม่ได้ว่าทำไมเขามองกระโจมผ้าใกล้ๆ ที่เธอกำลังยุ่งอยู่กับเตรียมอาหาร กลิ่นไอทะเลที่โชยมากับสายลมผสมกับกลิ่นของเตาแก๊สเล็กที่เธอเพิ่งจุดขึ้น ท่าทางของเธอท่ี่ดูชำนาญ กลับทำให้เขารู้สึกพิลึก“ฉันยังไม่ได้สอนเธอใช้เตาแก๊สเลย….จะเป็นอะไรไหมน่ะ?”ชายหนุ่มที่กำลังมองเธออยู่ ก็รู้สึกตกใจกับความคิดของตัวเอง เราสองคนพึ่งจะเจอกันแท้ๆ แต่ทำไมถึงคิดว่าเธอจะใช้ของแบบนั้นไม่เป็น?เขาพยายามขับไล่ความคิดแปลกๆนั้นออก ก่อนที่จะทำงานของตัวเองต่อ เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอเรียกเขามาที่โต๊ะเล็กตรงกลาง บนโต๊ะมีถ้วยอาหารสองถ้วยวางอยู่ พร้อมช้อนส้อมที่เธอยื่นให้“นี่ กินก่อนสิ จะได้มีแรง”เขามองอาหารในถ้วยด้วยความลังเล ราวกับสัญชาตญาณบางอย่างกำลังส่งเสียงเตือนอยู่ลึกๆ แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น มันเป็นแค่อาหารอุ่นร้อนธรรมดา ไม่มีอะไรน่าสงสัย หน้าตาของมันก็ดูปกติ“ไม่
แสงแดดอ่อนๆ เริ่มลดความแรงลงเมื่อพวกเขายกของในกล่องออกมาเรียงไว้บนพื้นทราย เสียงคลื่นที่ซัดสาดเข้าฝั่งเป็นจังหวะ มีกลิ่นอายของทะเลที่โชยมาเบาๆ ขณะที่ทั้งสองกำลังตรวจสอบสิ่งที่อยู่ในลังไม้"เต็นท์สองอัน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารซองพร้อมทาน ข้าวสาร ไฟแช็ค แล้วก็...นี่อะไร?" ชายหนุ่มพูดพลางหยิบเครื่องบดกาแฟแบบมือออกมาพลิกดูด้วยความงุนงง "ลูกคุณหนูที่ไหนมาจำลองการติดเกาะกันเนี่ย? สั่งมากระทั่งของแบบนี้...แล้วนี่อะไรอีก?"มือของเขาเอื้อมหยิบถุงเมล็ดกาแฟที่ทับอะไรบางอย่างอยู่ เผยให้เห็นเครื่องกรองน้ำพกพาขนาดเล็กหลายอัน ก่อนจะหลุดปาก "โอ้โห เมล็ดกาแฟยี่ห้อดัง...แถมตัวกรองน้ำพกพาก็มี? พร้อมใช้ชีวิตอยู่บนเกาะจริงๆ เลยน้า"เสียงบ่นแบบติดตลกของเขาทำให้หญิงสาวที่กำลังจัดของอยู่อีกมุมสะดุ้งเล็กน้อย ใบหน้าที่ก้มอยู่เหนือกระเป๋าเริ่มมีสีแดงเรื่อ แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มองอยู่ เธอรีบก้มหน้าทำทีเหมือนตั้งใจจัดของต่อ"ใจเย็นเข้า ต้องเก็บสีหน้าเอาไว้ อย่าให้เขาจับได้ แค่เตรียมมาดีเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง" เธอบอกตัวเองในใจ ขณะพยายามข่มความรู้สึกเขินอายที่ค่อยๆ พอกพูนขึ้น เธอหายใจลึกๆ พลางคิดว่าความสนใจของเ
เสียงคลื่นซัดเบาๆ คลอเคลียไปกับฝีเท้าของทั้งสองที่ย่ำผ่านผืนทราย พวกเขาเดินเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร หญิงสาวเหลือบมองคู่เดินของเธอเป็นระยะ สีหน้าของชายหนุ่มดูจริงจังราวกับกำลังพยายามปะติดปะต่อบางสิ่งที่กระจัดกระจายอยู่ในหัว“นายคิดอะไรอยู่หรือเปล่า?” เธอถามขึ้นในที่สุดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเขาหันมามองเธอเล็กน้อยก่อนส่ายหน้า “เปล่า แค่…พยายามคิดว่าเราควรทำอะไรต่อ”ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดที่เธอพูดถึง ลังไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแนวคลื่น มันเต็มไปด้วยคราบเกลือและรอยเปียกชื้นจากน้ำทะเล เขาคุกเข่าลงสำรวจมันอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา“มันถูกปิดล็อคอย่างแน่นหนาเลย…” ชายหนุ่มลองเขย่าฝาลังเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจ “คงต้องหาวิธีเปิด”หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาของเธอจะสะดุดกับบางสิ่ง “เดี๋ยวก่อนนะ… ตรงนั้น” เธอชี้นิ้วไปทางเงาร่มไม้ที่บดบังมุมสายตาเขาหันไปมองตามที่เธอชี้ เห็นกระโจมผ้าเล็กๆ เก่าโทรมเหมือนถูกปล่อยทิ้งไว้นาน ตั้งอยู่ใต้ร่มไม้ห่างออกไปไม่ไกลนัก“นั่นมัน… กระโจม?” ชายหนุ่มพูดขึ้นเสียงแผ่ว ความสงสัยสะท้อนในน้ำเสียง ดวงตาจับจ้องไปยังสิ่งปลูกสร้างเล็กๆ ที่ปรากฏอยู่ใต้ร่มไม้“ไม
"โอเคครับ! เสร็จสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ!" เสียงแหลมสูงประกาศด้วยน้ำเสียงภูมิใจเกินพอดี ราวกับเพิ่งสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่จะเปลี่ยนโลกได้สำเร็จ "แค่พูดคำคีย์เวิร์ดครบสามครั้ง คุณผู้ชายก็จะฟื้นขึ้นมาทันทีครับ คุณหนู!""จริงๆ ไม่มีคำอื่นที่มันฟังดูดีกว่านี้แล้วเหรอ?" เสียงทุ้มต่ำของอีกคนดังขึ้นทันควัน พร้อมถอนหายใจแรง "ทำไมต้องให้คุณหนูของเราพูดคำว่า 'จังโก้' ด้วย?""อ้าว! 'จังโก้' มันไม่ดีตรงไหนครับ?" เจ้าของเสียงแหลมสูงรีบโต้ตอบอย่างไม่ยอมแพ้ "ง่าย จำง่าย แถมมีเสน่ห์สุดๆ ไปเลยนะครับ!""เสน่ห์บ้าอะไรของคุณ!" เสียงทุ้มตะโกนสวนด้วยความหงุดหงิด "ทำไมไม่เลือกอะไรที่มันดูสมาร์ตกว่านี้ อย่าง 'ลูมิน่า' หรือ 'ออโรร่า' บ้าง?""พอเถอะครับ" เสียงนุ่มนวลของชายอีกคนแทรกขึ้นอย่างสงบ "คุณทั้งสองจะทะเลาะกันอีกนานแค่ไหน? ถ้าพูดครบสามครั้งโดยไม่ตั้งใจ แล้วผิดแผนขึ้นมาจะทำยังไง?"กลุ่มคนค่อยๆ สงบลง ขณะที่อากาศร้อนระอุรอบตัวทำให้เหงื่อเริ่มซึมตามไรผมของพวกเขา หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงกลางสูดลมหายใจลึก พยายามตั้งสติ เธอหันไปมองร่างที่นอนนิ่งอยู่ตรงหน้า"คุณหนู... พร้อมหรือยังครับ? ถ้าพร้อมแล้ว พวกเราจะออกไปก่อน"หญิงสาว
โต๊ะไม้กลางห้องเต็มไปด้วยแก้วพลาสติก ซองขนม และขวดเครื่องดื่มที่ถูกเปิดทิ้งไว้ กลุ่มเพื่อนสนิทสี่คนนั่งล้อมวงกันอยู่ เสียงหัวเราะและบทสนทนาเติมเต็มค่ำคืนสบายๆ ของพวกเขาชายหนุ่มนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ มือหนึ่งถือแก้วเครื่องดื่ม อีกมือพาดพนักอย่างผ่อนคลาย แต่แววตาของเขาเหมือนมีเรื่องราวที่ยังค้างคาอยู่ในใจ"เรน นายไม่คิดจะตอบกลับอะไรเธอหน่อยเหรอ?”คีย์ถามขึ้น พลางยกแก้วจิบเล็กน้อย ใบหน้าเจือด้วยความสงสัย“เรื่องของคุณหนูคนนั้นน่ะ…. เธออุตส่าห์ลดตัวเข้าหานายเลยน่ะ จะปล่อยผ่านไปจริงๆเหรอ?”ชายหนุ่มได้ยินดังนั้น แต่เขาเพียงหัวเราะตอบเบาๆ ยกแก้วจิบช้าๆ ส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ“ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย ผ่านไปสักเดือนเดี่ยวเธอก็ยอมแพ้ไปเอง”“นายคิดอย่างงั้นจริงๆหรอ?” ท็อปพิงโซฟา ถามเสียงขรึม “นี่นายจำไม่ได้ หรือแกล้งทำเป็นลืมกันแน่?”จุนที่นั่งข้างๆ พยักหน้าเสริม “ใช่ นายลืมทุกอย่างจริงๆ หรือไง? เกี่ยวกับเกาะร้าง และ ทริปทะเลนั่นอีก...”คำพูดของพวกเขาทำให้ชายหนุ่มเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ก็อย่างที่เคยบอก จำได้แค่ว่าตกเรือ...แล้วก็หมดสติไป รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว”คีย์ว