แสงยามเย็นทอดตัวลงบนพื้นทรายอุ่นๆ ขณะที่เขากำลังจัดการกางเต็นท์ ลมทะเลที่พัดมาอ่อนๆชวนให้รู้สึกสงบ แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ สถานที่นี้ดูเหมือนแปลกใหม่สำหรับเขา ทว่ากลับมีบางสิ่งที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยโดยที่เขาเองก็บอกไม่ได้ว่าทำไม
เขามองกระโจมผ้าใกล้ๆ ที่เธอกำลังยุ่งอยู่กับเตรียมอาหาร กลิ่นไอทะเลที่โชยมากับสายลมผสมกับกลิ่นของเตาแก๊สเล็กที่เธอเพิ่งจุดขึ้น ท่าทางของเธอท่ี่ดูชำนาญ กลับทำให้เขารู้สึกพิลึก
“ฉันยังไม่ได้สอนเธอใช้เตาแก๊สเลย….จะเป็นอะไรไหมน่ะ?”
ชายหนุ่มที่กำลังมองเธออยู่ ก็รู้สึกตกใจกับความคิดของตัวเอง เราสองคนพึ่งจะเจอกันแท้ๆ แต่ทำไมถึงคิดว่าเธอจะใช้ของแบบนั้นไม่เป็น?
เขาพยายามขับไล่ความคิดแปลกๆนั้นออก ก่อนที่จะทำงานของตัวเองต่อ เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอเรียกเขามาที่โต๊ะเล็กตรงกลาง บนโต๊ะมีถ้วยอาหารสองถ้วยวางอยู่ พร้อมช้อนส้อมที่เธอยื่นให้
“นี่ กินก่อนสิ จะได้มีแรง”
เขามองอาหารในถ้วยด้วยความลังเล ราวกับสัญชาตญาณบางอย่างกำลังส่งเสียงเตือนอยู่ลึกๆ แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น มันเป็นแค่อาหารอุ่นร้อนธรรมดา ไม่มีอะไรน่าสงสัย หน้าตาของมันก็ดูปกติ
“ไม่กินหรอ?”เธอที่เห็นท่าทีลังเลของเขา ส่งเสียงเรียก เสียงของเธอทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย
“เปล่า...” เขารีบตอบ พยายามขจัดความคิดแปลกๆออกจากหัว ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาและลองตักคำแรกเข้าปาก
รสชาติมันธรรมดา—ไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีเด่นอะไร เหมือนอาหารกึ่งสำเร็จรูปทั่วไป ทว่าเมื่อได้กินแล้ว ความรู้สึกแปลกๆนั้นก็คล้ายจะจางหายไป
“รสชาติเป็นไงบ้าง?” เธอถามพลางมองเขาด้วยสายตาสงสัย
“ก็...ใช้ได้” เขาตอบแบบเรียบๆก่อนจะตักคำต่อไป
เธอพยักหน้าเบาๆไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ยังคงแอบสังเกตเขาอย่างเงียบๆ ขณะที่เขายังกินอย่างเคร่งขรึม โดยไม่ได้สนใจสายตาของเธอ ราวกับว่าคนที่ไม่ได้กินอะไรมาพักใหญ่ๆ
หลังจากกินเสร็จ เขาที่ตั้งใจจะเฝ้าดูทะเล เผื่อจะมีเรือแล่นผ่านมา แต่หญิงสาวกลับมานั่งใกล้ๆโดยไม่ได้พูดอะไร ทั้งสองนั่งฟังเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งอย่างเงียบๆ ลมทะเลเริ่มแรงขึ้นในยามค่ำ เส้นขอบฟ้าค่อยๆถูกกลืนไปด้วยความมืด สายลมที่เย็นขึ้นทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบ
“ลมคืนนี้แรงกว่าตอนกลางวันน่ะ”
เธอหันมามองเขาเล็กน้อย “ก็คงเป็นปกติของทะเลมั้ง...”
เขาพยักหน้าเบาๆแต่ในใจกลับไม่คิดอย่างนั้น มันมีบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ เหมือนความทรงจำบางส่วนกำลังพยายามเล็ดลอดกลับมา แต่ไม่ชัดเจนมากพอ
ขณะที่เขาเหม่อมองออกไปในความมืด เธอก็แอบลอบมองเขาอีกครั้ง ดวงตาของเขาที่ทอดยาวไปยังท้องทะเลนั้นมีแววที่ทั้งอ้างว้างและขบคิด เธออยากถามว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็เลือกจะเงียบไว้
หลังจากที่ทั้งสองเงียบกันไปพักใหญ่ เขาก็เหลือบมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าของเธอที่สะท้อนแสงไฟจากตะเกียงดูอ่อนโยนและสงบ แต่กลับรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งในตัวเธอดึงดูดสายตาเขาโดยไม่รู้ตัว
ความรู้สึกแปลกๆ เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ ราวกับว่าเขารู้จักเธอ แต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม
ในหัวเขา ภาพหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเลือนลาง—หญิงสาวคนหนึ่งที่มีผมสั้นกว่าเธอตรงหน้าเล็กน้อย ใบหน้าของเธอดูดื้อรั้น เย็นชา หัวสูง แถมยังรู้สึกห่างเหิน เหมือนกับว่าจะพยายามรักษาระยะห่างจากเขาเล็กน้อย ต่างจากเธอที่อยู่ตรงหน้า ราวกับเป็นคนล่ะคน
เขาเผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เหมือนความคิดของเขากำลังพยายามไขปริศนาอะไรบางอย่าง แต่กลับติดอยู่ในความว่างเปล่าของความทรงจำ
“มีอะไรเหรอ?” เสียงของเธอเรียกเขากลับมาสู่ปัจจุบัน
“ไม่มีอะไร...” เขาตอบพลางหลบสายตา แต่ความสงสัยกลับคาใจจนอดถามออกมาไม่ได้
“เรา...เคยเจอกันมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”
คำถามของเขาทำให้เธอชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มเล็กๆพร้อมกับตอบทันที
“เปล่า เราพึ่งจะเคยคุยกันครั้งแรกนี้แหละ”
คำพูดของเธอดูมั่นใจ แต่ในดวงตาคู่นั้นกลับแฝงประกายความดีใจที่เธอพยายามปิดซ่อน
เขาสังเกตเห็นเพียงแวบเดียว แต่ก็รู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่คำตอบที่ตรงไปตรงมาเสียทีเดียว
“แน่ใจเหรอ?” เขาถามต่อด้วยน้ำเสียงลังเล
“แน่สิ” เธอหัวเราะเบาๆ ราวกับพยายามทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องตลก
“หรือไม่ก็ นายอาจจะเคยเห็นฉันจากที่ใกลๆก็ได้…. ยังไงก็เรียนอยู่ที่เดียวกันนี้น่า?”
เขามองเธอนิ่งๆ เหมือนพยายามจะจับความจริงในน้ำเสียง แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับเบาๆ
“อืม...คงงั้นแหละ”
เธอหลบสายตาเขาเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืน สะบัดมือไล่เศษทรายออกจากชุด
“ถ้ายังไงฉันขอไปพักก่อนน่ะ… พรุ่งนี้เรายังมีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะ อย่านอนดึกซ่ะล่ะ”
เธอเดินออกไป ทิ้งเขาให้นั่งอยู่คนเดียวกับความคิดที่ยังคงวนเวียน
เขามองตามเธอไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งในตัวเธอที่คุ้นเคยอย่างประหลาด แต่เขากลับไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร
เมื่อสายตาของเขาหันกลับไปมองทะเลเบื้องหน้า เสียงคลื่นยังคงซัดสาดไม่ขาดสาย แต่ในหัวของเขากลับเต็มไปด้วยความสับสน
“เธอในภาพนั้น...คือใครกันแน่?”
เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ราวกับถามคำถามนี้ไปยังเกลียวคลื่นที่สะท้อนแสงจันทร์ ก่อนจะถอนหายใจยาว แล้วเผ้ามองท้องทะเลยามค่ำคืนต่อไป
โต๊ะไม้กลางห้องเต็มไปด้วยแก้วพลาสติก ซองขนม และขวดเครื่องดื่มที่ถูกเปิดทิ้งไว้ กลุ่มเพื่อนสนิทสี่คนนั่งล้อมวงกันอยู่ เสียงหัวเราะและบทสนทนาเติมเต็มค่ำคืนสบายๆ ของพวกเขาชายหนุ่มนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ มือหนึ่งถือแก้วเครื่องดื่ม อีกมือพาดพนักอย่างผ่อนคลาย แต่แววตาของเขาเหมือนมีเรื่องราวที่ยังค้างคาอยู่ในใจ"เรน นายไม่คิดจะตอบกลับอะไรเธอหน่อยเหรอ?”คีย์ถามขึ้น พลางยกแก้วจิบเล็กน้อย ใบหน้าเจือด้วยความสงสัย“เรื่องของคุณหนูคนนั้นน่ะ…. เธออุตส่าห์ลดตัวเข้าหานายเลยน่ะ จะปล่อยผ่านไปจริงๆเหรอ?”ชายหนุ่มได้ยินดังนั้น แต่เขาเพียงหัวเราะตอบเบาๆ ยกแก้วจิบช้าๆ ส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ“ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย ผ่านไปสักเดือนเดี่ยวเธอก็ยอมแพ้ไปเอง”“นายคิดอย่างงั้นจริงๆหรอ?” ท็อปพิงโซฟา ถามเสียงขรึม “นี่นายจำไม่ได้ หรือแกล้งทำเป็นลืมกันแน่?”จุนที่นั่งข้างๆ พยักหน้าเสริม “ใช่ นายลืมทุกอย่างจริงๆ หรือไง? เกี่ยวกับเกาะร้าง และ ทริปทะเลนั่นอีก...”คำพูดของพวกเขาทำให้ชายหนุ่มเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ก็อย่างที่เคยบอก จำได้แค่ว่าตกเรือ...แล้วก็หมดสติไป รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว”คีย์ว
"โอเคครับ! เสร็จสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ!" เสียงแหลมสูงประกาศด้วยน้ำเสียงภูมิใจเกินพอดี ราวกับเพิ่งสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่จะเปลี่ยนโลกได้สำเร็จ "แค่พูดคำคีย์เวิร์ดครบสามครั้ง คุณผู้ชายก็จะฟื้นขึ้นมาทันทีครับ คุณหนู!""จริงๆ ไม่มีคำอื่นที่มันฟังดูดีกว่านี้แล้วเหรอ?" เสียงทุ้มต่ำของอีกคนดังขึ้นทันควัน พร้อมถอนหายใจแรง "ทำไมต้องให้คุณหนูของเราพูดคำว่า 'จังโก้' ด้วย?""อ้าว! 'จังโก้' มันไม่ดีตรงไหนครับ?" เจ้าของเสียงแหลมสูงรีบโต้ตอบอย่างไม่ยอมแพ้ "ง่าย จำง่าย แถมมีเสน่ห์สุดๆ ไปเลยนะครับ!""เสน่ห์บ้าอะไรของคุณ!" เสียงทุ้มตะโกนสวนด้วยความหงุดหงิด "ทำไมไม่เลือกอะไรที่มันดูสมาร์ตกว่านี้ อย่าง 'ลูมิน่า' หรือ 'ออโรร่า' บ้าง?""พอเถอะครับ" เสียงนุ่มนวลของชายอีกคนแทรกขึ้นอย่างสงบ "คุณทั้งสองจะทะเลาะกันอีกนานแค่ไหน? ถ้าพูดครบสามครั้งโดยไม่ตั้งใจ แล้วผิดแผนขึ้นมาจะทำยังไง?"กลุ่มคนค่อยๆ สงบลง ขณะที่อากาศร้อนระอุรอบตัวทำให้เหงื่อเริ่มซึมตามไรผมของพวกเขา หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงกลางสูดลมหายใจลึก พยายามตั้งสติ เธอหันไปมองร่างที่นอนนิ่งอยู่ตรงหน้า"คุณหนู... พร้อมหรือยังครับ? ถ้าพร้อมแล้ว พวกเราจะออกไปก่อน"หญิงสาว
เสียงคลื่นซัดเบาๆ คลอเคลียไปกับฝีเท้าของทั้งสองที่ย่ำผ่านผืนทราย พวกเขาเดินเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร หญิงสาวเหลือบมองคู่เดินของเธอเป็นระยะ สีหน้าของชายหนุ่มดูจริงจังราวกับกำลังพยายามปะติดปะต่อบางสิ่งที่กระจัดกระจายอยู่ในหัว“นายคิดอะไรอยู่หรือเปล่า?” เธอถามขึ้นในที่สุดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเขาหันมามองเธอเล็กน้อยก่อนส่ายหน้า “เปล่า แค่…พยายามคิดว่าเราควรทำอะไรต่อ”ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดที่เธอพูดถึง ลังไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแนวคลื่น มันเต็มไปด้วยคราบเกลือและรอยเปียกชื้นจากน้ำทะเล เขาคุกเข่าลงสำรวจมันอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา“มันถูกปิดล็อคอย่างแน่นหนาเลย…” ชายหนุ่มลองเขย่าฝาลังเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจ “คงต้องหาวิธีเปิด”หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาของเธอจะสะดุดกับบางสิ่ง “เดี๋ยวก่อนนะ… ตรงนั้น” เธอชี้นิ้วไปทางเงาร่มไม้ที่บดบังมุมสายตาเขาหันไปมองตามที่เธอชี้ เห็นกระโจมผ้าเล็กๆ เก่าโทรมเหมือนถูกปล่อยทิ้งไว้นาน ตั้งอยู่ใต้ร่มไม้ห่างออกไปไม่ไกลนัก“นั่นมัน… กระโจม?” ชายหนุ่มพูดขึ้นเสียงแผ่ว ความสงสัยสะท้อนในน้ำเสียง ดวงตาจับจ้องไปยังสิ่งปลูกสร้างเล็กๆ ที่ปรากฏอยู่ใต้ร่มไม้“ไม
แสงแดดอ่อนๆ เริ่มลดความแรงลงเมื่อพวกเขายกของในกล่องออกมาเรียงไว้บนพื้นทราย เสียงคลื่นที่ซัดสาดเข้าฝั่งเป็นจังหวะ มีกลิ่นอายของทะเลที่โชยมาเบาๆ ขณะที่ทั้งสองกำลังตรวจสอบสิ่งที่อยู่ในลังไม้"เต็นท์สองอัน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารซองพร้อมทาน ข้าวสาร ไฟแช็ค แล้วก็...นี่อะไร?" ชายหนุ่มพูดพลางหยิบเครื่องบดกาแฟแบบมือออกมาพลิกดูด้วยความงุนงง "ลูกคุณหนูที่ไหนมาจำลองการติดเกาะกันเนี่ย? สั่งมากระทั่งของแบบนี้...แล้วนี่อะไรอีก?"มือของเขาเอื้อมหยิบถุงเมล็ดกาแฟที่ทับอะไรบางอย่างอยู่ เผยให้เห็นเครื่องกรองน้ำพกพาขนาดเล็กหลายอัน ก่อนจะหลุดปาก "โอ้โห เมล็ดกาแฟยี่ห้อดัง...แถมตัวกรองน้ำพกพาก็มี? พร้อมใช้ชีวิตอยู่บนเกาะจริงๆ เลยน้า"เสียงบ่นแบบติดตลกของเขาทำให้หญิงสาวที่กำลังจัดของอยู่อีกมุมสะดุ้งเล็กน้อย ใบหน้าที่ก้มอยู่เหนือกระเป๋าเริ่มมีสีแดงเรื่อ แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มองอยู่ เธอรีบก้มหน้าทำทีเหมือนตั้งใจจัดของต่อ"ใจเย็นเข้า ต้องเก็บสีหน้าเอาไว้ อย่าให้เขาจับได้ แค่เตรียมมาดีเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง" เธอบอกตัวเองในใจ ขณะพยายามข่มความรู้สึกเขินอายที่ค่อยๆ พอกพูนขึ้น เธอหายใจลึกๆ พลางคิดว่าความสนใจของเ
แสงยามเย็นทอดตัวลงบนพื้นทรายอุ่นๆ ขณะที่เขากำลังจัดการกางเต็นท์ ลมทะเลที่พัดมาอ่อนๆชวนให้รู้สึกสงบ แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ สถานที่นี้ดูเหมือนแปลกใหม่สำหรับเขา ทว่ากลับมีบางสิ่งที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยโดยที่เขาเองก็บอกไม่ได้ว่าทำไมเขามองกระโจมผ้าใกล้ๆ ที่เธอกำลังยุ่งอยู่กับเตรียมอาหาร กลิ่นไอทะเลที่โชยมากับสายลมผสมกับกลิ่นของเตาแก๊สเล็กที่เธอเพิ่งจุดขึ้น ท่าทางของเธอท่ี่ดูชำนาญ กลับทำให้เขารู้สึกพิลึก“ฉันยังไม่ได้สอนเธอใช้เตาแก๊สเลย….จะเป็นอะไรไหมน่ะ?”ชายหนุ่มที่กำลังมองเธออยู่ ก็รู้สึกตกใจกับความคิดของตัวเอง เราสองคนพึ่งจะเจอกันแท้ๆ แต่ทำไมถึงคิดว่าเธอจะใช้ของแบบนั้นไม่เป็น?เขาพยายามขับไล่ความคิดแปลกๆนั้นออก ก่อนที่จะทำงานของตัวเองต่อ เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอเรียกเขามาที่โต๊ะเล็กตรงกลาง บนโต๊ะมีถ้วยอาหารสองถ้วยวางอยู่ พร้อมช้อนส้อมที่เธอยื่นให้“นี่ กินก่อนสิ จะได้มีแรง”เขามองอาหารในถ้วยด้วยความลังเล ราวกับสัญชาตญาณบางอย่างกำลังส่งเสียงเตือนอยู่ลึกๆ แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น มันเป็นแค่อาหารอุ่นร้อนธรรมดา ไม่มีอะไรน่าสงสัย หน้าตาของมันก็ดูปกติ“ไม่
แสงแดดอ่อนๆ เริ่มลดความแรงลงเมื่อพวกเขายกของในกล่องออกมาเรียงไว้บนพื้นทราย เสียงคลื่นที่ซัดสาดเข้าฝั่งเป็นจังหวะ มีกลิ่นอายของทะเลที่โชยมาเบาๆ ขณะที่ทั้งสองกำลังตรวจสอบสิ่งที่อยู่ในลังไม้"เต็นท์สองอัน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารซองพร้อมทาน ข้าวสาร ไฟแช็ค แล้วก็...นี่อะไร?" ชายหนุ่มพูดพลางหยิบเครื่องบดกาแฟแบบมือออกมาพลิกดูด้วยความงุนงง "ลูกคุณหนูที่ไหนมาจำลองการติดเกาะกันเนี่ย? สั่งมากระทั่งของแบบนี้...แล้วนี่อะไรอีก?"มือของเขาเอื้อมหยิบถุงเมล็ดกาแฟที่ทับอะไรบางอย่างอยู่ เผยให้เห็นเครื่องกรองน้ำพกพาขนาดเล็กหลายอัน ก่อนจะหลุดปาก "โอ้โห เมล็ดกาแฟยี่ห้อดัง...แถมตัวกรองน้ำพกพาก็มี? พร้อมใช้ชีวิตอยู่บนเกาะจริงๆ เลยน้า"เสียงบ่นแบบติดตลกของเขาทำให้หญิงสาวที่กำลังจัดของอยู่อีกมุมสะดุ้งเล็กน้อย ใบหน้าที่ก้มอยู่เหนือกระเป๋าเริ่มมีสีแดงเรื่อ แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มองอยู่ เธอรีบก้มหน้าทำทีเหมือนตั้งใจจัดของต่อ"ใจเย็นเข้า ต้องเก็บสีหน้าเอาไว้ อย่าให้เขาจับได้ แค่เตรียมมาดีเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง" เธอบอกตัวเองในใจ ขณะพยายามข่มความรู้สึกเขินอายที่ค่อยๆ พอกพูนขึ้น เธอหายใจลึกๆ พลางคิดว่าความสนใจของเ
เสียงคลื่นซัดเบาๆ คลอเคลียไปกับฝีเท้าของทั้งสองที่ย่ำผ่านผืนทราย พวกเขาเดินเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร หญิงสาวเหลือบมองคู่เดินของเธอเป็นระยะ สีหน้าของชายหนุ่มดูจริงจังราวกับกำลังพยายามปะติดปะต่อบางสิ่งที่กระจัดกระจายอยู่ในหัว“นายคิดอะไรอยู่หรือเปล่า?” เธอถามขึ้นในที่สุดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเขาหันมามองเธอเล็กน้อยก่อนส่ายหน้า “เปล่า แค่…พยายามคิดว่าเราควรทำอะไรต่อ”ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดที่เธอพูดถึง ลังไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแนวคลื่น มันเต็มไปด้วยคราบเกลือและรอยเปียกชื้นจากน้ำทะเล เขาคุกเข่าลงสำรวจมันอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา“มันถูกปิดล็อคอย่างแน่นหนาเลย…” ชายหนุ่มลองเขย่าฝาลังเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจ “คงต้องหาวิธีเปิด”หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาของเธอจะสะดุดกับบางสิ่ง “เดี๋ยวก่อนนะ… ตรงนั้น” เธอชี้นิ้วไปทางเงาร่มไม้ที่บดบังมุมสายตาเขาหันไปมองตามที่เธอชี้ เห็นกระโจมผ้าเล็กๆ เก่าโทรมเหมือนถูกปล่อยทิ้งไว้นาน ตั้งอยู่ใต้ร่มไม้ห่างออกไปไม่ไกลนัก“นั่นมัน… กระโจม?” ชายหนุ่มพูดขึ้นเสียงแผ่ว ความสงสัยสะท้อนในน้ำเสียง ดวงตาจับจ้องไปยังสิ่งปลูกสร้างเล็กๆ ที่ปรากฏอยู่ใต้ร่มไม้“ไม
"โอเคครับ! เสร็จสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ!" เสียงแหลมสูงประกาศด้วยน้ำเสียงภูมิใจเกินพอดี ราวกับเพิ่งสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่จะเปลี่ยนโลกได้สำเร็จ "แค่พูดคำคีย์เวิร์ดครบสามครั้ง คุณผู้ชายก็จะฟื้นขึ้นมาทันทีครับ คุณหนู!""จริงๆ ไม่มีคำอื่นที่มันฟังดูดีกว่านี้แล้วเหรอ?" เสียงทุ้มต่ำของอีกคนดังขึ้นทันควัน พร้อมถอนหายใจแรง "ทำไมต้องให้คุณหนูของเราพูดคำว่า 'จังโก้' ด้วย?""อ้าว! 'จังโก้' มันไม่ดีตรงไหนครับ?" เจ้าของเสียงแหลมสูงรีบโต้ตอบอย่างไม่ยอมแพ้ "ง่าย จำง่าย แถมมีเสน่ห์สุดๆ ไปเลยนะครับ!""เสน่ห์บ้าอะไรของคุณ!" เสียงทุ้มตะโกนสวนด้วยความหงุดหงิด "ทำไมไม่เลือกอะไรที่มันดูสมาร์ตกว่านี้ อย่าง 'ลูมิน่า' หรือ 'ออโรร่า' บ้าง?""พอเถอะครับ" เสียงนุ่มนวลของชายอีกคนแทรกขึ้นอย่างสงบ "คุณทั้งสองจะทะเลาะกันอีกนานแค่ไหน? ถ้าพูดครบสามครั้งโดยไม่ตั้งใจ แล้วผิดแผนขึ้นมาจะทำยังไง?"กลุ่มคนค่อยๆ สงบลง ขณะที่อากาศร้อนระอุรอบตัวทำให้เหงื่อเริ่มซึมตามไรผมของพวกเขา หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงกลางสูดลมหายใจลึก พยายามตั้งสติ เธอหันไปมองร่างที่นอนนิ่งอยู่ตรงหน้า"คุณหนู... พร้อมหรือยังครับ? ถ้าพร้อมแล้ว พวกเราจะออกไปก่อน"หญิงสาว
โต๊ะไม้กลางห้องเต็มไปด้วยแก้วพลาสติก ซองขนม และขวดเครื่องดื่มที่ถูกเปิดทิ้งไว้ กลุ่มเพื่อนสนิทสี่คนนั่งล้อมวงกันอยู่ เสียงหัวเราะและบทสนทนาเติมเต็มค่ำคืนสบายๆ ของพวกเขาชายหนุ่มนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ มือหนึ่งถือแก้วเครื่องดื่ม อีกมือพาดพนักอย่างผ่อนคลาย แต่แววตาของเขาเหมือนมีเรื่องราวที่ยังค้างคาอยู่ในใจ"เรน นายไม่คิดจะตอบกลับอะไรเธอหน่อยเหรอ?”คีย์ถามขึ้น พลางยกแก้วจิบเล็กน้อย ใบหน้าเจือด้วยความสงสัย“เรื่องของคุณหนูคนนั้นน่ะ…. เธออุตส่าห์ลดตัวเข้าหานายเลยน่ะ จะปล่อยผ่านไปจริงๆเหรอ?”ชายหนุ่มได้ยินดังนั้น แต่เขาเพียงหัวเราะตอบเบาๆ ยกแก้วจิบช้าๆ ส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ“ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย ผ่านไปสักเดือนเดี่ยวเธอก็ยอมแพ้ไปเอง”“นายคิดอย่างงั้นจริงๆหรอ?” ท็อปพิงโซฟา ถามเสียงขรึม “นี่นายจำไม่ได้ หรือแกล้งทำเป็นลืมกันแน่?”จุนที่นั่งข้างๆ พยักหน้าเสริม “ใช่ นายลืมทุกอย่างจริงๆ หรือไง? เกี่ยวกับเกาะร้าง และ ทริปทะเลนั่นอีก...”คำพูดของพวกเขาทำให้ชายหนุ่มเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ก็อย่างที่เคยบอก จำได้แค่ว่าตกเรือ...แล้วก็หมดสติไป รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว”คีย์ว