"เอาล่ะครับ... เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว!" เสียงแหลมสูงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงภูมิใจเต็มเปี่ยมเกินจำเป็น "ถ้าพูด คีย์เวิร์ด ครบสามครั้ง คุณผู้ชายก็จะตื่นขึ้นมาทันทีครับ คุณหนู!"
"ไม่มีคำอื่นที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ?" เสียงทุ้มต่ำดังสวนมาแฝงอารมณ์เหนื่อยหน่ายอย่างเห็นได้ชัด "ทำไมต้องให้คุณหนูของเราพูดคำว่า จังโก้ ด้วย?"
"หา? จังโก้ มันไม่ดีตรงไหนครับ?" เสียงแหลมสูงรีบโต้กลับทันควัน ราวกับคำนี้เป็นผลงานชิ้นเอกของตัวเอง "ฟังดูง่าย จำง่าย แถมมีเสน่ห์อีกต่างหาก!"
"เสน่ห์บ้าอะไรของคุณ!?" เสียงทุ้มตอบกลับทันที น้ำเสียงใกล้ระเบิดเต็มที "ทำไมไม่เลือกอะไรที่มันดูดีกว่านี้หน่อย อย่าง มิราเคิล หรือ พรีเชียส!?"
ก่อนที่การโต้เถียงจะบานปลาย เสียงนุ่มนวลของอีกคนดังขึ้นอย่างสุขุม "พอเถอะครับ... คุณทั้งสองเกือบจะพูดครบสามครั้งแล้วนะครับ ถ้าทำให้แผนพังจะว่าไง?" น้ำเสียงเจือความตำหนิเล็กน้อย
"คุณหนู... พร้อมหรือยังครับ? ถ้าพร้อมแล้ว พวกเราจะออกไปก่อน" น้ำเสียงเขายังคงนุ่มนวล แต่ชัดเจนพอจะเบรคทุกคนในห้อง
หญิงสาวสูดลมหายใจลึก ความกดดันตีตื้นขึ้นมาในอก แต่เธอก็พยักหน้าเบาๆ "ฉัน... พร้อมแล้วค่ะ"
"ถ้ามีอะไร ส่งสัญญาณมาเลยนะคะ!" เสียงอีกคนพูดแทรกด้วยความเป็นห่วง แต่ก็รีบเงียบเมื่อเสียงนุ่มนวลพูดขึ้นอีกครั้ง "ไปกันเถอะครับ"
เสียงฝีเท้าค่อยๆ ห่างออกไป ทว่าก็ยังไม่วายมีเสียงแหลมสูงโผล่มาอีกจากระยะไกล "ผมก็ยังยืนยันว่า มันดี—" ก่อนจะมีเสียงอะไรบางอย่างดังกุกกักเหมือนพยายามปิดปากเขา
ความเงียบเข้ามาแทนที่ หญิงสาวยืนนิ่งอยู่กับที่ หัวใจเต้นรัวจนแทบสะท้อนออกมาให้ได้ยิน
"ไม่เป็นไร…ที่ผ่านมา ฉันเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ฉันทำได้.." เธอบ่นพึมพำเบาๆ แต่เสียงนั้นสั่นจนตัวเธอเองยังรู้สึก
เธอสูดลมหายใจลึกอีกครั้ง พยายามรวบรวมความกล้า แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร หญิงสาวก็พลันนึกขึ้นได้ว่า คำที่เธอต้องพูดนั้นช่างน่าอายเสียเหลือเกิน ความคิดนี้ทำเอาหน้าอกของเธอไหวสะท้อนตามจังหวะหายใจที่เริ่มแปรปรวน
เธอเม้มริมฝีปากแน่น ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้กับร่างที่ยังคงสลบอยู่ตรงหน้า ราวกับต้องการกระซิบไม่ให้คนอื่นได้ยิน ใบหน้าร้อนวูบจนแทบรู้สึกได้ แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจเอ่ยคำนั้นออกมา ด้วยน้ำเสียงที่สั่นพร่าผสมความเขินอาย
"จ-จังโก้..."
ความรู้สึกปวดหนึบที่ขมับซ้ายแล่นผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว ราวกับเสียงสะท้อนของความทรงจำที่ยุ่งเหยิง เขายกมือขึ้นกุมหัวอย่างงุนงง ความรู้สึกเหมือนคนที่เพิ่งส่างเมา—แต่เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปดื่มที่ไหนหรือทำอะไรมา
ดวงตาของเขาเปิดขึ้นช้าๆแสงแดดสาดส่องผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้เหนือศีรษะ กลิ่นเกลือทะเลแตะจมูกลึกๆ และสายลมอ่อนๆ ที่พัดพาเม็ดทรายกระทบผิวกาย
"ที่นี่…ที่ไหนเนี่ย?" เขาพึมพำ พลางมองไปรอบๆเห็นพื้นทรายขาวละเอียดที่ทอดยาวไปจนจรดน้ำทะเลสีฟ้าคราม ไกลออกไปมีเส้นขอบฟ้าตัดกับสีของท้องฟ้าอันปลอดโปร่ง
แต่ก่อนที่เขาจะตั้งคำถามกับตัวเองมากไปกว่านี้ เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?…."
เสียงหวานใสนั้นสั่นเครือเล็กน้อย แต่ก็ยังฟังชัดเจนพอจนทำให้เรนหันไปทันที สายตาของเขาปะทะเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งใกล้อยู่ไม่ห่างในที่ร่ม ผมสีขาวยาวสลวยของเธอสะท้อนแสงอาทิตย์แม้ในเงาร่ม ใบหน้าของเธอมีความงามสง่าราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด ดวงตาสีฟ้าของเธอจับจ้องมาที่เขาอย่างเย็นชา แต่ในความเย็นชานั้นกลับแฝงความลังเลเล็กน้อยที่เขาอ่านไม่ออก
ชุดที่เธอสวมงดงามเกินกว่าที่จะเหมาะกับสถานที่เช่นนี้ มันดูหรูหราและวิจิตรบรรจง คล้ายกับคุณหนูจากตระกูลใหญ่ที่ไม่ควรจะมาเหยียบพื้นทรายแบบนี้ได้ง่ายๆ
"นี่มัน…คุณหนูคนนั้น..." เขาพึมพำเบาๆพลางเพ่งมองใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า ความทรงจำเลือนรางเริ่มผุดขึ้นมาในหัว "คนที่เข้ามาโวยวาย แล้วก็ร้องไห้ใส่ฉันกลางคณะเมื่อเดือนก่อน…ใช่ไหม?"
คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวชะงัก ดวงตาสีฟ้าสดใสที่จ้องมองเขาอยู่สั่นไหวเล็กน้อย ราวกับคลื่นในทะเลที่ถูกลมพัด ท่าทีเย็นชาของเธอแปรเปลี่ยนไปชั่ววูบจนเขาเกือบจับได้ แต่ไม่นานนัก เธอก็กลับมามีสีหน้าราบเรียบเช่นเดิม
"พูดอะไรของนาย?" เธอเอ่ยตอบ น้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่ในน้ำเสียงนั้นกลับมีบางสิ่งที่ดูเหมือนซ่อนเร้น "พวกเราเพิ่งเจอกันครั้งแรกเอง ฉันเห็นว่านายนอนสลบอยู่ที่ชายหาด ก็เลยช่วยลากนายมาที่นี่ต่างหาก"
เขาชะงัก ขมวดคิ้วพยายามนึกถึงสิ่งที่เธอพูด ความทรงจำที่เหมือนจะชัดเจนในตอนแรก กลับเริ่มเลือนรางเหมือนหมอกที่ถูกลมพัดหายไป เขายกมือขึ้นแตะขมับ พยายามไล่เรียงเหตุการณ์ในหัว แต่ยิ่งคิดกลับยิ่งว่างเปล่า
"ขอโทษที... ดูเหมือนว่าฉันจะจำคนผิดไป" เขาพูดพลางส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนจะพยายามลุกขึ้น แต่ทันทีที่ร่างกายขยับ เขาก็เซเล็กน้อยเหมือนคนที่เพิ่งฟื้นจากการหลับใหลอันยาวนาน
หญิงสาวลุกขึ้นตามทันที ดวงตาสีฟ้าของเธอมองเขาอย่างละเอียด ท่าทีที่เคยเย็นชากลับแฝงความเป็นห่วงเล็กๆ อย่างปิดไม่มิด เธอยื่นมือออกมาหมายจะช่วยพยุง แต่เรนกลับยกมือห้ามไว้
"ไม่เป็นไร ฉันลุกเองได้" เขาพูด พร้อมยืนทรงตัวอย่างระมัดระวัง ก่อนจะทอดสายตามองไปรอบๆ ความสับสนฉายชัดในแววตา "ที่นี่ที่ไหนกันแน่... เกิดอะไรขึ้น?"
หญิงสาวมองเขานิ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ราวกับลังเลที่จะพูด แต่สุดท้ายเธอก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย ทว่าแฝงไปด้วยความจริงจัง "ที่นี่คือเกาะร้าง"
เรนชะงัก หันมามองเธอทันทีด้วยแววตาตื่นตระหนก
"เกาะร้าง?" เขาทวนคำเสียงต่ำ
หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง "พวกเราพลัดตกจากเรือ... แล้วลอยมาติดที่นี่"
เรนเบิกตากว้าง ความทรงจำเกี่ยวกับเรือที่เธอพูดถึงเหมือนจะอยู่แค่ปลายขอบความคิด แต่กลับจางหายไปอย่างรวดเร็ว เขาส่ายหัวเล็กน้อย พยายามเกาะเกี่ยวสิ่งที่พอจะจำได้
"เรือล่มเหรอ?" เรนถามเสียงแหบพร่า แววตาสับสนเต็มไปด้วยคำถาม เขาขยับตัวเล็กน้อย ราวกับพยายามดึงบางสิ่งจากความทรงจำที่ดูเลือนลาง
หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเบือนสายตามองทะเลเบื้องหน้า ลมพัดผ่านเส้นผมสีขาวยาวสลวยของเธอเบาๆ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนตอบเสียงเรียบนิ่ง
"ไม่ใช่…เรือไม่ได้ล่ม" เธอพูดช้าๆราวกับเลือกคำที่จะพูดอย่างระมัดระวัง "เรามาเที่ยวทัศนศึกษาบนเรือยอร์ช..."
เรนขมวดคิ้ว สายตามีแต่ความงุนงง "ทัศนศึกษาเหรอ? แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?"
"ฉันก็ไม่ได้รู้รายละเอียดทั้งหมดหรอก แต่..." เธอเว้นไปครู่หนึ่ง สบตาเขาแล้วพูดต่อ "นายออกมาข้างนอกพร้อมฉันในตอนที่พายุเข้ากระทันหัน พวกเราถึงพลัดตกจากเรือพร้อมกัน"
เรนพยายามคิดทบทวน แต่ยิ่งนึกก็ยิ่งรู้สึกเหมือนมีกำแพงบางๆขวางอยู่ในหัว เขาขมวดคิ้วแน่น ใช้มือขยี้ขมับเบาๆ
"พายุ..." เขาพึมพำ ส่ายหัวเล็กน้อย "ฉันจำอะไรไม่ได้เลย"
ไอลีนมองเขา ดวงตาที่นิ่งสงบเริ่มฉายแววเป็นห่วง เธอกำมือแน่นอยู่ข้างตัว ก่อนจะพูดเสียงเบา "ไม่ต้องฝืน... นายอาจจะเพิ่งฟื้นตัว สมองยังอาจจะสับสนอยู่ ให้เวลาหน่อยเถอะ"
เรนเงยหน้าขึ้นมองเธอ สีหน้าครุ่นคิดยังไม่หายไป แต่เขาส่ายหัวอีกครั้งก่อนพูด "ไม่ได้... ถ้าพวกเราติดเกาะร้างจริง ก่อนอื่นเราต้องหาอาหารก่อน"
ไอลีนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจ "จริงๆแล้ว ฉันเจอลังอาหารเกยตื้นอยู่ที่ชายหาด แต่...มันหนักมาก ฉันไม่มีแรงพอจะเปิดมันเอง"
เรนพยักหน้ารับทันที "ถ้างั้น... ไปดูกัน"
หญิงสาวมองหน้าเขาด้วยไปหน้าที่โสร้าลงเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะยิ้มบางๆ "อืม ถ้านายพูดแบบนั้นก็ไปกันเถอะ"
พวกเขาเริ่มก้าวเดิน แต่จู่ๆ เขาก็หยุดชะงักกลางทาง ราวกับเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้ แล้วหันกลับมามองเธออีกครั้ง
"ฉันอาจจะจำผิดก็ได้... แต่เธอน่ะ ชื่อว่าไอลีนใช่ไหม?"
คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวนิ่งไปเล็กน้อย ดวงตาที่เคยเย็นชาสั่นไหวเหมือนมีบางอย่างสะท้อนในใจ รอยยิ้มเล็กๆ แต่งแต้มบนใบหน้าที่ดูนิ่งเฉยของเธอ
"อืม ใช่แล้วล่ะ" เธอตอบเบาๆ "ฉันชื่อไอลีน แล้วนายล่ะ?"
เรนยิ้มบางๆ "เรน... ยินดีที่ได้รู้จัก"
ไอลีนมองเขา แววตาดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย เธอพยักหน้า "อืม ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน"
เขาหันหลังกลับ เดินนำไปยังชายหาด ไอลีนเดินตามหลังเขา ใบหน้าที่นิ่งสงบเริ่มเผยรอยยิ้มจางๆอย่างห้ามไม่อยู่ เธอเหลือบมองแผ่นหลังของเขา ขณะที่หัวใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกยินดี
เสียงคลื่นซัดเบาๆ คลอเคลียไปกับฝีเท้าของทั้งสองที่ย่ำผ่านผืนทราย พวกเขาเดินเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร ไอลีนคอยเหลือบมองเรนเป็นระยะ สีหน้าของเขาดูจริงจังเหมือนคนที่กำลังพยายามปะติดปะต่ออะไรบางอย่างในหัวในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดที่เธอพูดถึง ลังไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแนวคลื่น มันเต็มไปด้วยคราบเกลือและรอยเปียกชื้นจากน้ำทะเล เรนคุกเข่าลงสำรวจมันอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา"มันถูกปิดล็อคอย่างแน่นหนาเลย…" เขาลองเขย่าฝาลังเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจ "คงต้องหาวิธีเปิด"ไอลีนกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาของเธอจะสะดุดกับบางสิ่ง "เดี๋ยวก่อนนะ… ตรงนั้น" เธอชี้นิ้วไปทางเงาร่มไม้ที่บดบังมุมสายตาเขาหันไปมองตามที่เธอชี้ ก็เห็นกระโจมผ้าเล็กๆเก่าโทรมเหมือนถูกปล่อยทิ้งไว้นาน ตั้งอยู่ใต้ร่มไม้ห่างออกไปไม่ไกลนัก"นั่นมัน... กระโจม?" เรนพูดขึ้นเสียงแผ่ว ความสงสัยสะท้อนในน้ำเสียง ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังสิ่งปลูกสร้างเล็กๆที่ปรากฏอยู่ใต้ร่มไม้"ไม่แน่ใจ แต่ดูเหมือนจะถูกทิ้งร้างพอสมควร" ไอลีนตอบพลางส่ายหน้าเล็กน้อย น้ำเสียงของเธอเรียบนิ่ง แต่ฟังดูแฝงความระมัดระวัง "ตอนนายสลบอยู่ ฉันเดินไปดูมาแล้ว ข้างในมีเครื่อ
เสียงเพลงจากลำโพงตัวเล็กดังคลอเบาๆ ทั่วห้องพักนักศึกษา โต๊ะไม้กลางห้องมีขวดเครื่องดื่มวางเรียงรายอยู่หลายขวด แก้วน้ำพลาสติกใสตั้งระเกะระกะเคียงคู่กับซองขนมที่ถูกเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง บรรยากาศค่อนข้างผ่อนคลาย ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนสนิทที่มารวมตัวกันเพื่อสังสรรค์ในค่ำคืนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง มือหนึ่งถือแก้วเครื่องดื่มที่เหลือเพียงครึ่ง ส่วนอีกมือวางพาดบนพนักเก้าอี้อย่างสบายๆ บนใบหน้าของเขาแฝงความคิดบางอย่างที่ยากจะอ่านออก เพื่อนๆรอบตัวเขา—คีย์ จุน และท็อป—ยังคงพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน"เรน นายไม่คิดจะทำอะไรหน่อยเหรอ?” คีย์เปิดบทสนทนา พร้อมยกแก้วขึ้นจิบ สีหน้าเขาปนความอยากรู้และความขบขันเล็กๆ “เรื่องของคุณหนูคนนั้นน่ะ ผู้หญิงระดับนั้นอุตส่าห์ลดตัวมาคุยกับนายกลางลานคณะเลยน่ะ จะปล่อยผ่านไปจริงๆเหรอ?”เขาฟังแล้วก็หัวเราะในลำคอ ยกแก้วในมือขึ้นจิบช้าๆ ก่อนตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก “ก็ไม่เห็นจะต้องทำอะไรนี่ เราไม่ได้รู้จักกันหรือเป็นอะไรกันสักหน่อย...แล้วจะให้ทำอะไรได้?”“แบบนั้นน่ะหรอที่เรียกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน?” ท็อปแทรกขึ้น พลางเอนตัวพิงโซฟา ใบหน้าฉายแววสงสัย “นายลืมไปจริงๆหรือแกล้งลืมกันแน่เน
เสียงคลื่นซัดเบาๆ คลอเคลียไปกับฝีเท้าของทั้งสองที่ย่ำผ่านผืนทราย พวกเขาเดินเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร ไอลีนคอยเหลือบมองเรนเป็นระยะ สีหน้าของเขาดูจริงจังเหมือนคนที่กำลังพยายามปะติดปะต่ออะไรบางอย่างในหัวในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดที่เธอพูดถึง ลังไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแนวคลื่น มันเต็มไปด้วยคราบเกลือและรอยเปียกชื้นจากน้ำทะเล เรนคุกเข่าลงสำรวจมันอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา"มันถูกปิดล็อคอย่างแน่นหนาเลย…" เขาลองเขย่าฝาลังเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจ "คงต้องหาวิธีเปิด"ไอลีนกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาของเธอจะสะดุดกับบางสิ่ง "เดี๋ยวก่อนนะ… ตรงนั้น" เธอชี้นิ้วไปทางเงาร่มไม้ที่บดบังมุมสายตาเขาหันไปมองตามที่เธอชี้ ก็เห็นกระโจมผ้าเล็กๆเก่าโทรมเหมือนถูกปล่อยทิ้งไว้นาน ตั้งอยู่ใต้ร่มไม้ห่างออกไปไม่ไกลนัก"นั่นมัน... กระโจม?" เรนพูดขึ้นเสียงแผ่ว ความสงสัยสะท้อนในน้ำเสียง ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังสิ่งปลูกสร้างเล็กๆที่ปรากฏอยู่ใต้ร่มไม้"ไม่แน่ใจ แต่ดูเหมือนจะถูกทิ้งร้างพอสมควร" ไอลีนตอบพลางส่ายหน้าเล็กน้อย น้ำเสียงของเธอเรียบนิ่ง แต่ฟังดูแฝงความระมัดระวัง "ตอนนายสลบอยู่ ฉันเดินไปดูมาแล้ว ข้างในมีเครื่อ
"เอาล่ะครับ... เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว!" เสียงแหลมสูงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงภูมิใจเต็มเปี่ยมเกินจำเป็น "ถ้าพูด คีย์เวิร์ด ครบสามครั้ง คุณผู้ชายก็จะตื่นขึ้นมาทันทีครับ คุณหนู!""ไม่มีคำอื่นที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ?" เสียงทุ้มต่ำดังสวนมาแฝงอารมณ์เหนื่อยหน่ายอย่างเห็นได้ชัด "ทำไมต้องให้คุณหนูของเราพูดคำว่า จังโก้ ด้วย?""หา? จังโก้ มันไม่ดีตรงไหนครับ?" เสียงแหลมสูงรีบโต้กลับทันควัน ราวกับคำนี้เป็นผลงานชิ้นเอกของตัวเอง "ฟังดูง่าย จำง่าย แถมมีเสน่ห์อีกต่างหาก!""เสน่ห์บ้าอะไรของคุณ!?" เสียงทุ้มตอบกลับทันที น้ำเสียงใกล้ระเบิดเต็มที "ทำไมไม่เลือกอะไรที่มันดูดีกว่านี้หน่อย อย่าง มิราเคิล หรือ พรีเชียส!?"ก่อนที่การโต้เถียงจะบานปลาย เสียงนุ่มนวลของอีกคนดังขึ้นอย่างสุขุม "พอเถอะครับ... คุณทั้งสองเกือบจะพูดครบสามครั้งแล้วนะครับ ถ้าทำให้แผนพังจะว่าไง?" น้ำเสียงเจือความตำหนิเล็กน้อย"คุณหนู... พร้อมหรือยังครับ? ถ้าพร้อมแล้ว พวกเราจะออกไปก่อน" น้ำเสียงเขายังคงนุ่มนวล แต่ชัดเจนพอจะเบรคทุกคนในห้องหญิงสาวสูดลมหายใจลึก ความกดดันตีตื้นขึ้นมาในอก แต่เธอก็พยักหน้าเบาๆ "ฉัน... พร้อมแล้วค่ะ""ถ้ามีอะไร ส่งสัญญาณมาเ
เสียงเพลงจากลำโพงตัวเล็กดังคลอเบาๆ ทั่วห้องพักนักศึกษา โต๊ะไม้กลางห้องมีขวดเครื่องดื่มวางเรียงรายอยู่หลายขวด แก้วน้ำพลาสติกใสตั้งระเกะระกะเคียงคู่กับซองขนมที่ถูกเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง บรรยากาศค่อนข้างผ่อนคลาย ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนสนิทที่มารวมตัวกันเพื่อสังสรรค์ในค่ำคืนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง มือหนึ่งถือแก้วเครื่องดื่มที่เหลือเพียงครึ่ง ส่วนอีกมือวางพาดบนพนักเก้าอี้อย่างสบายๆ บนใบหน้าของเขาแฝงความคิดบางอย่างที่ยากจะอ่านออก เพื่อนๆรอบตัวเขา—คีย์ จุน และท็อป—ยังคงพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน"เรน นายไม่คิดจะทำอะไรหน่อยเหรอ?” คีย์เปิดบทสนทนา พร้อมยกแก้วขึ้นจิบ สีหน้าเขาปนความอยากรู้และความขบขันเล็กๆ “เรื่องของคุณหนูคนนั้นน่ะ ผู้หญิงระดับนั้นอุตส่าห์ลดตัวมาคุยกับนายกลางลานคณะเลยน่ะ จะปล่อยผ่านไปจริงๆเหรอ?”เขาฟังแล้วก็หัวเราะในลำคอ ยกแก้วในมือขึ้นจิบช้าๆ ก่อนตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก “ก็ไม่เห็นจะต้องทำอะไรนี่ เราไม่ได้รู้จักกันหรือเป็นอะไรกันสักหน่อย...แล้วจะให้ทำอะไรได้?”“แบบนั้นน่ะหรอที่เรียกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน?” ท็อปแทรกขึ้น พลางเอนตัวพิงโซฟา ใบหน้าฉายแววสงสัย “นายลืมไปจริงๆหรือแกล้งลืมกันแน่เน