"กลับมาแล้ว"
วันหนึ่งที่ขึ้นมาเดินเล่นบนชานบ้านเพื่อดูหมู่ดาวบนท้องฟ้าเมื่อได้เห็นรถกระบะสีดำขับเข้ามาเธอก็จำได้ว่าเป็นรถน่านน้ำจึงรีบวิ่งลงมารับหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มทันที
"ทำไมยังไม่ไปพักผ่อน"
น่านน้ำเปิดประตูลงจากรถได้ก็ขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กในชุดนอนเจ้าหญิงสีชมพูปล่อยผมสยายด้วยแววตาฉงนว่าเธอมาทำอะไรตรงนี้เพราะตอนนี้ดึกพอสมควร
"รอพ่อเลี้ยงกลับมาก่อนค่ะ"
สาวเจ้าฉีกยิ้มตอบเสียงใส
"อุ่นไม่ได้บอกหรือไงว่าไม่ต้องรอ"
คนที่ถูกถามไม่ได้สนใจคำถามสักนิดเธอค่อยๆเดินเข้าไปเพ่งมองหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มใกล้ๆก็เห็นว่าใบหน้าของเขาเขียวช้ำแถมริมฝีปากยังมีรอยแตกเลือดซิบอีกต่างหาก
"หน้าพ่อเลี้ยงเป็นอะไรคะทำไมช้ำแบบนั้น...เข้าบ้านก่อนค่ะเดี๋ยวหนึ่งทำแผลให้"
วันหนึ่งรีบดึงมือน่านน้ำเข้าไปในบ้าน พฤติกรรมของหญิงสาวทำน่านน้ำตกใจพอสมควรเพราะน้อยคนนักที่จะเข้าถึงเนื้อถึงตัวของเขา
"ไปมีเรื่องกับใครมาเหรอคะ"
วันหนึ่งหยิบกล้องปฐมพยาบาลมาวางตรงหน้าน่านน้ำก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆชายหนุ่มเธอเอาแต่มองรอบๆหน้าของคนบาดเจ็บด้วยสายตาที่เป็นห่วงทั้งยังอยากรู้ว่าเขาไปทำอะไรมากันแน่ถึงได้มีสภาพกลับมาเช่นนี้
"คุณไปพักเถอะผมทำแผลเองได้"
"ไม่ได้ค่ะหนึ่งจะดูแลพ่อเลี้ยงเอง"
เมื่อสาวเจ้ากำลังเป็นคนที่พูดไม่รู้เรื่องน่านน้ำจึงเลือกที่จะเงียบและจัดการดึงอุปกรณ์ทำแผลออกมาเพื่อทำแผลเองแต่ของทุกอย่างก็ถูกรวบไปอยู่ในมิอของวันหนึ่ง
"แฮร่...ขอทำแผลให้พ่อเลี้ยงนะคะเสร็จแล้วจะไม่กวนอะไรเลยค่ะ"
"อืม"
และแล้วพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ต้องพ่ายให้กับความเจ้ากี้เจ้าการของสาวน้อยตรงหน้าจนได้
"ช้ำแค่หน้าใช่หรือเปล่าคะตรงตัวมีด้วยหรือเปล่า"
มือน้อยยื่นไปเปิดปกเสื้อเชิ้ตของพ่อเลี้ยงหนุ่มทำเอาน่านน้ำต้องรีบรั้งข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ก่อนที่เธอจะเปิดดูเนื้อหนังในตัวของเขาอย่างไม่คิดเขินอาย
"คุณ"
"ไม่ต้องอายหรอกค่ะพ่อเลี้ยงหนึ่งจะช่วยดูให้ค่ะ"
สาวเจ้าเงยหน้ายิ้มกับคนที่จับมือเธอเอาไว้
"ตัวผมไม่ได้เป็นอะไรมีแผลแค่ที่หน้าเท่านั้น"
"โอเคค่ะงั้นหนึ่งจะทำแผลแค่ที่หน้าพอค่ะ"
น่านน้ำมองจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาฉงนไม่เข้าใจว่าหญิงสาวถูกปลูกฝังมาแบบไหนเรื่องเมื่อครู่เขาไม่ได้อายแต่คนที่จะอายควรจะเป็นฝ่ายหญิงสาวมากกว่า
"ดูซิ.. หน้าหล่อๆบวมช้ำหมดตกลงไปโดนอะไรมาคะ"
หลังจากทำแผลเสร็จวันหนึ่งก็มองจ้องสำรวจใบหน้าของน่านน้ำไปมาทั้งบุ้ยปากบ่นอุกถึงอาการบวมช้ำของหน้าว่าที่สามีของเธอและยังคงถามย้ำถึงสิ่งที่ยังไม่ได้คำตอบ
"ทำแผลเสร็จคุณบอกว่าจะไม่กวนไง"
น่านน้ำเริ่มรู้แล้วว่าเขาน่าจะคิดผิดที่เลือกคนพูดมากมาเป็นคนดูแลบ้านแต่ก็หลวมตัวรับเธอเข้ามาแล้วเห็นทีคงจะต้องทำใจ
"โอเคค่ะ...หนึ่งไปนอนแล้วนะคะ"
"อืม.."
คนตัวเล็กผุดลุกเดินเอากล่องปฐมพยาบาลไปเก็บก่อนจะหันหลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหาน่านน้ำอีกครั้ง
"พ่อเลี้ยง"
"หื้มม.." คนที่นึกว่าสาวเจ้ากลับเข้าห้องไปแล้วสะดุ้งตัวโยนเมื่อถูกเรียกเสียงดัง
"ตกใจหมด"
"เมื่อกี้ลืมบอกว่าฝันดีค่ะพ่อเลี้ยงรีบพักผ่อนนะคะแผลจะได้หายไวๆ"
"โอเค"
น่านน้ำส่ายหัวยืนมองจนสาวเจ้ากลับเข้าห้องไปถึงกลับมานั่งสบายใจได้ไม่รู้ว่าเธอเป็นญาติฝ่ายไหนของอุไรและไออุ่นเพราะนิสัยของเธอไม่เหมือนสองคนนั้นสักนิดเดาได้ว่าเธอคงเป็นจำพวกที่ผ่าเหล่าผ่ากอแน่นอน
ฟึ่บ.. "โอ่ยย.."
วันหนึ่งสีหน้าเหยเกเมื่อทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเล็กเธอลืมไปว่าเตียงที่นอนไม่ได้นิ่มเด้งเหมือนที่เคยนอนมาก่อนเห็นทีต้องหัดนิสัยการทิ้งตัวนอนใหม่เสียแล้ว
(วิธีการเข้าหาคนโลกส่วนตัวสูง)
สาวเจ้าพลิกคว่ำหน้ากับหมอนนอนเล่นมือถือพิมพ์หาข้อมูลการเข้าหาคนโลกส่วนตัวสูงเพื่อที่จะเอาไปใช้กับพ่อเลี้ยงหนุ่ม
"อย่าเข้าหาแบบจู่โจม หากจะคุยต้องรู้ว่าเค้าชอบเรื่องอะไรแล้วเราก็ค่อยหาเรื่องนั้นมาคุย ห้ามหยอดบ่อย ทิ้งระยะห่างบ้าง"
วันหนึ่งอ่านข้อมูลครู่หนึ่งก็เตรียมคัดลอกข้อความสำคัญๆลงโน๊ตมือถือเอาไว้ท่องให้ขึ้นใจ
"ขอให้ใช้ได้ผลจริงๆเถอะ..ถ้าได้ผลวันหนึ่งคนนี้แหละจะดันกระทู้นี้ให้ดังเปรี้ยงปร้างเล้ยย"
ว่าจบก็นอนกลิ้งเกลือกกับเตียงนอนดึงผ้าห่มผืนหนามากอดนอนหลับเอาแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ที่เธอต้องเริ่มงานเป็นแม่ครัวและแม่บ้านเต็มตัว
เช้ามืดวันต่อมา
กรี๊งงงง... กรี๊งงงงง
"อืม..อีกแปปนะคะคุณย่า"
คนตัวเล็กที่นอนพาดอยู่กับเตียงควานไม้ควานมือไปทั่วหมายจะปิดมือถือที่กำลังปลุกแต่ก็ควานหาไม่เจอ
กรี๊งงงง...กรี๊งงงงง
เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นเรื่อยๆทำวันหนึ่งเริ่มได้สติว่าตอนนี้เธอไม่ได้ใช้ชีวิตแบบคุณหนูเช่นเดิมแล้วจึงผุดลุกขึ้นมาด้วยท่าทางงัวเงีย
"เป็นแม่ครัววันแรกนี่นา"
สาวเจ้าหยิบมือถือที่กำบังส่งเสียงปลุกขึ้นมาปิดเตือนก่อนจะล้มพับไปกับเตียงอีกรอบ
ฟึ่บบ.."อ่อยย.. ง่วงจางง.."
มือน้อยทั้งสองยกขยี้หูขยี้ตาให้ตัวเองได้ตื่นตัวและดีดตัวลุกขึ้นยืนขึ้นมาได้
"ฮึ่ยย.. ไม่ได้เราต้องยึดมั่นในอุดมการณ์"
คนตัวเล็กว่าพร้อมไปเปิดไฟให้ห้องสว่างเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้วจึงออกมาจากห้องขณะที่กำลังจะเลี้ยวตัวหันเข้าไปในครัวเธอก็เห็นชายหนุ่มแต่งตัวทำงานเต็มยศลงบันไดมาเสียก่อนจึงยืนอ้าปากบ๋อมองพ่อเลี้ยงหนุ่มด้วยสายตาที่แอบทึ่งไม่ยักรู้ว่าเขาจะขยันทำงานจนต้องออกจากบ้านตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า
“พ่อเลี้ยงจะไปทำงานแต่เช้ามืดดด..เลยเหรอคะ”
“ผมจะเข้าไปในฟาร์มแกะน่ะมีคนโทรมาบอกว่ามีแกะออกลูกต้องไปดูหน่อยเดี๋ยวคุณทำกับข้าวเสร็จก็เอาไปส่งผมที่นั่นจักรยานสีขาวอยู่ข้างบ้านเอาคันนั้นไป”
“แล้วฟาร์มแกะอยู่ตรงไหนล่ะคะ”
วันหนึ่งรีบเรียกคนที่กำลังจะเดินหันหลังออกจากบ้านไปเพราะเธอไม่เคยรู้ว่าที่นี่มีฟาร์มแกะและไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนด้วย
“ออกจากบ้านเจอสามแยกแรกก็จะเห็นเสาร์ที่ตั้งป้ายชี้ไปทางฟาร์มแกะเลี้ยวซ้ายตามทางประมาณสองกิโลกว่าๆคุณก็จะเห็นฟาร์มแล้ว”
“ค่ะ”
ร่วมสองชั่วโมงกว่าได้ที่วันหนึ่งง่วนอยู่กับการเข้าครัวทำอาหารเช้าและกลางวันใส่ปิ่นโตให้พ่อเลี้ยงหนุ่มเธอเห็นว่าเรื่องทำอาหารก็ไม่ได้มีอะไรยากเพราะสามารถเปิดดูวิธีทำในอินเตอร์เน็ตได้และเครื่องครัวต่างๆเธอก็เคยได้ใช้บ้างแล้วเมื่ออยู่ต่างประเทศกับย่าของเธอ
“ข้าวต้มกุ้งที่ขาดหอมผักชีโรยหน้า..กะหล่ำปลีผัดน้ำปลาที่อาจจะเค็มไปนิด..ปลานิลทอดที่มีรอยไหม้เล็กน้อยบวกข้าวหอมมะลิที่แฉะไปหน่อย..หวังว่าคุณจะชอบนะคะคุณพ่อเลี้ยง”
สาวเจ้าจัดแจงอาหารใส่ปิ่นโตสแตนเลสเถาใหญ่อย่างระวังมือภูมิใจกับตัวเองพอสมควรที่ทำอาหารหลายอย่างครั้งแรกได้ออกมาดีกว่าที่คิดแต่ก็ไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะถูกปากหรือเปล่ายังไงในใจก็ภาวนาอยู่ตลอดว่าขอให้เขาติดใจในเสน่ห์ปลายจวักของเธอด้วยแล้วกัน
“แดดออกแล้วยืมหน่อยแล้วกันนะคะ”
คนตัวเล็กในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีขาวรัดรูปกับกางเกงวอมขายาวสีเทาเดินถือปิ่นโตเถาใหญ่มาวางที่โต๊ะไม้ใหญ่หน้าบ้านมองไปข้างนอกตอนนี้แดดจ้าแล้วเธอจึงหยิบหมวกคาวบอยสีน้ำตาลที่ห้อยอยู่เสาหน้าบ้านของพ่อเลี้ยงหนุ่มเอามาใส่แม้นแสงตอนนี้จะเป็นแสดงแดดยามเช้าที่ใครก็ว่าแดดนี้มีประโยชน์แต่ก็อาจจะทำให้หน้าของเธอขึ้นฝ้าได้เหมือนกัน
“จะใช้จักรยานแล้วทำไมไม่เอาขึ้นกระบะไปนะ..ต้องให้เราจูงไปอีกอีตาพ่อเลี้ยงคนนี้นี่”
คนตัวเล็กจูงจักรยานแม่บ้านคันสีขาวที่มีปิ่นโตวางอยู่ในตระกร้าหน้าออกมาจากบ้านมาได้ยังไม่ถึงครึ่งทางที่จะไปฟาร์มแกะเธอก็บ่นอุกถึงพ่อเลี้ยงหนุ่มที่ตัวเองนั้นมีรถกระบะคันใหญ่ด้านหลังสามารถเอาจักรยานขึ้นไปได้ก็ไม่เอาไปตั้งแต่แรกแต่มาสั่งให้เธอที่ปั่นจักรยานไม่เป็นเอาไปให้เสียอย่างนั้นลำพังแค่เดินก็เหนื่อยอยู่แล้วนี่ยังต้องมาจูงจักรยานขึ้นลงเนินเล็กเนินน้อยอีกจึงรู้สึกหงุดหงิดใจพอสมควร
"แม่หนูจะไปไหนล่ะน่ะ"คำอ้ายขับรถกระบะตอนเดียวสีน้ำตาลคันเก่ามาทางที่จะไปฟาร์มแกะเมื่อเห็นมีผู้หญิงตัวเล็กเดินจูงจักรยานอยู่ตรงหน้าจึงรีบขับมาเทียบจอดถาม"อ๋อ..คือหนึ่งจะเอาปิ่นโตไปส่งพ่อเลี้ยงที่ฟาร์มแกะน่ะค่ะคุณลุง"วันหนึ่งหันมาตอบตอบคนที่ถามพร้อมยกมือปาดเหงื่อสองสามครั้งและส่งยิ้มร่าอย่างเป็นมิตรกับคนที่ถามด้วยรู้ว่าตอนนี้กำลังมีคนจะช่วยเหลือเธอแล้ว"อ๋อ..หนูเองเหรอที่เป็นแม่ครัวคนใหม่ลุงชื่อคำอ้ายเป็นผู้จัดการไร่..แล้วจักรยานเป็นอะไรถึงต้องจูง"คำอ้ายมองสำรวจไปยังคนตัวเล็กผิวขาวสวมหมวกคาวบอยสีน้ำตาลเขาก็พอจะรู้แล้วว่าเธอเป็นแม่ครัวคนใหม่ของพ่อเลี้ยงหนุ่มเพราะเธอสวยน่ารักเหมือนกับที่เอื้องฟ้าได้เปรยให้ฟังมิน่าลูกตนถึงได้มีท่าทีไม่ชอบใจเมื่อพูดถึงแม่ครัวคนนี้เท่าไรนัก"หนึ่งปั่นไม่เป็นค่ะแต่พ่อเลี้ยงบอกให้เอาจักรยานไปพร้อมกับปิ่นโตหนึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมพ่อเลี้ยงไม่เอาจักรยานขึ้นรถกระบะไปตั้งแต่แรก""งั้นเดี๋ยวเอาขึ้นรถลุงไปลุงกำลังจะไปฟาร์มแกะพอดี"สาวเจ้าบ่นน้ำเสียงอู้อี้ทำคำอ้ายยิ้มออกคิดว่ามีบางอย่างที่พ่อเลี้ยงหนุ่มสื่อสารกับแม่ครัวตัวเองพลาดแน่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาที่ทำตอนนี้ก
“หนึ่งอยากทำงานที่นี่จริงๆตอนนี้หนึ่งไม่มีที่ไปหนึ่งพาย่ามาขออาศัยบ้านป้าอุไรแถมย่าหนึ่งก็ป่วยหลงๆลืมๆทานอะไรก็ไม่ค่อยจะได้หนึ่งต้องทำงานเก็บเงินเอาไว้รักษาย่าค่ะแล้วอีกอย่างนึงหนึ่งก็อยากมีอาชีพเผื่อวันหน้าจะได้มีบ้านอยู่ของตัวเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งญาติพี่น้อง”วันหนึ่งใช้ลูกอ้อนอย่างเต็มที่ดวงตากลมโตจ้องพ่อเลี้ยงหนุ่มเรียกร้องความสงสารไม่ขาดระยะจนน่านน้ำต้องหลบสายตาของเธออยู่หลายจังหวะด้วยรู้กำลังรู้สึกใจอ่อนไปกับคำพูดที่เรียกร้องความสงสาร“เฮ้อ..!”เป็นอีกครั้งที่น่านน้ำต้องถอนหายใจให้กับแม่ครัวที่ชื่อวันหนึ่งคนนี้“สงสารหนึ่งเถอะนะคะ..หนึ่งจะไม่ให้มันเกิดความผิดพลาดอะไรอีก..นะคะพ่อเลี้ยง..นะค้า..”มือน้อยเกาะเขย่าขาคนที่เอาแต่หันหน้าหนีเธอพยายามออดอ้อนเช่นดั่งที่เคยออดอ้อนคนในครอบครัววิธีนี้เธอใช้ได้ผลทุกครั้งและภาวนาว่าจะใช้ได้ผลกับพ่อเลี้ยงหนุ่มด้วย“อืม”เสียงตอบกลับสั้นๆห้วนๆของน่านน้ำทำวันหนึ่งหายความกังวลใจไปปลิดทิ้งใช่แล้ววิธีการขอความเห็นใจเช่นนี้เธอใช้มันได้ผล“แต่..ห้ามพลาดอะไรอีกเข้าใจหรือเปล่าทำอะไรต้องมีสติรอบคอบใส่ใจกับสิ่งที่ทำเสมอ”“หนึ่งจะจำไว้ค่ะพ่อเลี้ยง..พ่อเลี้ย
"ก็..จบแค่ม.ปลายค่ะเคยเป็นแม่บ้านมาก่อนนี่แหละค่ะ""ทำไมอ่านภาษาอังกฤษได้คล่อง"ดวงตาคมเริ่มจ้องแม่ครัวคนใหม่เขม็งเพราะความสงสัยในตัวของเธอเริ่มทวีคูณมากขึ้น"ก็..ขยันอ่านหนังสือสิคะสมัยนี้สื่อการเรียนการสอนเข้าถึงง่ายมากเลยนะคะพ่อเลี้ยง"วันหนึ่งยังคงหาทางหนีทีไล่คนที่ถามได้ตลอดแอบภูมิใจกับตัวเองในใจที่ตนนั้นหัวไวอยู่เหมือนกันและเชื่อว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มคงจะไม่กังขาในความรู้ของเธอด้วยสมัยนี้สื่อการเรียนการสอนมีได้ทุกที่อยู่ที่ใครอยากจะหาความรู้เพิ่มเติมหรือไม่เท่านั้น"อืม..”น่านน้ำนิ่งไปครู่หนึ่งทำเอาวันหนึ่งเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าจะเชื่อสิ่งที่เธอพูดหรือไม่“ผมชื่นชมนะคนเราถึงจะไม่ได้ร่ำเรียนมาสูงแต่รู้จักขวนขวายอันนี้ถือเป็นข้อดี""ขอบคุณที่ชมหนึ่งนะคะ..เดี๋ยวหนึ่งขอตัวไปทำความสะอาดส่วนอื่นก่อนนะคะ""อืม"วันหนึ่งยิ้มร่าอย่างโล่งอกและรีบเดินปรี่ออกไปจากห้องทำงานของน่านน้ำทันทีก่อนจะมีคำถามอะไรมาเพิ่ม ยังไม่ทันที่สาวเจ้าจะได้เดินผ่านห้องทำงานของน่านน้ำไปไกลเมื่อเห็นว่าประตูห้องนอนของพ่อเลี้ยงหนุ่มเปิดอยู่เธอก็รีบแทรกตัวเข้าไปในนั้นทันทีเพราะเมื่อตอนที่ไออุ่นพาดูห้องที่ต้องทำควา
“ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง”เกือบเที่ยงคืนแล้วแต่น่านน้ำยังคงตาสว่างเมื่อเพื่อนที่เป็นนักสืบได้โทรมาคุยเรื่องความคืบหน้าในการสืบเรื่องอุบัติเหตุของปู่“ได้ฉันจะอ่านในเมล..ขอบคุณมาก”เมื่อปลายสายบอกว่าได้ส่งข้อมูลทั้งหมดให้ในอีเมลคนตัวโตในชุดนอนก็ผุดลุกเปิดโน๊ตบุ๊คที่วางอยู่ที่โต๊ะข้างหัวเตียงทันที“คิดอะไรเอาไว้ไม่ผิด”พักใหญ่ที่น่านน้ำนั่งอ่านข้อมูลในอีเมลเขากำมือแน่นกัดฟันกรอดพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้กระโตกกระตากอะไรไปก่อน หลังจากที่ได้รู้ว่าพื้นที่ที่ปู่ของเขาไปประสบอุบัติเหตุคือพื้นที่ของเสี่ยทรงยศที่ได้ทำการซื้อก่อนหน้าที่ปู่ของเขาจะเสียได้ไม่กี่เดือนและยังใช้ชื่อคนอื่นเป็นเจ้าของเท่ากับว่าที่เขาสงสัยเรื่องสาเหตุการตายของปู่ว่าไม่ปกติเขาน่าจะสันนิษฐานถูกทางด้านวันหนึ่งในเวลานี้เธอก็ยังคงนอนกลิ้งนอนเกลือกอยู่บนเตียงเล็กดวงตากลมโตยังคงไม่มีอาการหนังตาหย่อนแม้แต่น้อยเพราะยังคงสนุกกับการเรียนรู้วิธีกรทำอาหารในอินเตอร์เน็ต“มันไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของคนอย่างเราหรอก..ตาพ่อเลี้ยงหน้าหล่อต้องหลงในฝีมือการทำอาหารของเราแน่”สาวเจ้าแววตาหยาดเยิ้มฉีกริมฝีปากบางยิ้มร่าอย่างเพ้อฝันถึงวันข้
“พ่อเลี้ยงคะน้ำค่ะ”วันหนึ่งเดินตรงมายังพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังยืนส่งกระเบื้องให้กับคนบนหลังคาก่อนจะรีบยื่นน้ำให้กับเขา“ขอบคุณ”แกร๊ก.. กึก“ระวังค่ะ” วันหนึ่งมองไปยังต้นเสียงด้านบนที่รู้สึกว่ามันผิดปกติและก็เห็นว่ามีค้อนกำลังหล่นลงมาจะถึงหัวของพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังดื่มน้ำเธอจึงรีบกระโจนผลักชายหนุ่มจนล้มลงไปกองกับพื้นกันทั้งคู่ฟึ่บ.. “โอ้ย..” น่านน้ำหัวโขกกับกองไม้จนหางคิ้วแตก"ผมขอโทษครับไม่เห็นจริงๆ"มนัสชายหนุ่มชาวบ้านวัยกลางคนรีบกระโดดลงมาขอโทษพ่อเลี้ยงหนุ่มทันทีรวมถึงคนที่อยู่ระแวกนั้นก็เข้ามาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย“พ่อเลี้ยง..ดีนะคะที่หลบทัน..แต่..เลือด”วันหนึ่งค่อยๆลุกพร้อมกันกับน่านน้ำเมื่อเห็นว่าเขามีเลือดออกที่หางคิ้วก็รีบควักผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็กให้เขาได้กดแผลเอาไว้ น่านน้ำเห็นค้อนปอนที่หล่นมากองกับพื้นก็นึกหวาดเสียวพอสมควรไม่อยากจะคิดว่าถ้าหากมันหล่นใส่หัวของเขาสภาพตัวเองตอนนี้จะเป็นเช่นไรคิดได้เช่นนั้นก็หันไปขอบคุณแม่ครัวตัวเล็กทันที“ขอบคุณนะหนึ่ง”"ไม่เป็นไรค่ะ..พ่อเลี้ยงไปหาหมอก่อนเถอะค่ะ""นั่นสิครับ"คำอ้ายที่ยืนมองพ่อเลี้ยงหนุ่มด้วยความเ
"คนพวกนั้นทำไมใจจืดใจดำแบบนี้นะ"ขณะนั่งรถกลับสาวเจ้าก็บ่นอุกถึงเรื่องที่พึ่งเจอ"คราวหลังอย่าหาเรื่องใส่ตัวคนพวกนั้นเป็นคนของเสี่ยทรงยศเจ้าของที่ตลาดขึ้นชื่อว่าเป็นอันธพาล""ถึงว่าล่ะ..แต่หนึ่งไม่กลัวหรอกค่ะ"วันหนึ่งคิดเอาไว้แล้วว่าคนพวกนี้ไม่พ้นอันธพาลและมีอิทธิพลที่นี่ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าวางมาดกันขนาดนั้นหรอก"หัดกลัวไว้บ้างก็เงินที่จ่ายไปถึงบ้านแล้วผมจะคืนให้""ไม่เอาค่ะหนึ่งไม่ได้เดือดร้อน"คนที่กำลังอารมณ์เดิอดดาลส่ายหัวหงึกหงัก"ไม่ได้เดือดร้อนอะไร..คุณยังต้องหาเงินอีกเยอะเพื่อรักษาย่าคุณไม่ใช่หรือไง""อ๋อค่ะ..เดือดร้อนขอบคุณนะคะ"สาวเจ้าตำหนิตัวเองในใจที่จะเผลอหลุดตัวตนออกมาในขณะที่ไม่สติแล้ว"คุณอยากเรียนต่อหรือเปล่า"น่านน้ำว่าจะพูดเรื่องนี้กับวันหนึ่งมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแต่ก็ลืมเพราะเขาเห็นว่าเธออายุยังน้อยหากได้เรียนสูงๆคงมีโอกาสทำงานดีๆกว่าจะมาเป็นแม่บ้าน"ทำไมเหรอคะ""ผมจะส่งคุณเรียนช่วงเสาร์อาทิตย์คุณโอเคไหมถ้าคุณมีความรู้เพิ่มอาจจะได้ทำงานที่ดีกว่าเป็นแม่บ้าน"เรื่องสนับสนุนการศึกษาเขายินดีทำอยู่แล้วเพราะก่อนหน้าก็เห็นปู่ของเขาชอบให้ทุนการศึกษากับลูกคนงานในไร่หลายคน
"เป็นยังไงบ้างคะคุณหนูงานบ้านงานครัวทำไหวหรือเปล่าคะ"อุไรยกอาหารเย็นสำรับใหญ่มาวางกลางโต๊ะอาหารหลังจากที่ไออุ่นไปรับวันหนึ่งมาทานข้าวเย็นที่นี่เมื่อเห็นหน้าคุณหนูตัวเล็กได้ก็ไม่วายอยากจะรู้ว่าวันหนึ่งไหวกับงานบ้านงานครัวหรือเปล่า"สบายมากค่ะป้าไรหนึ่งสนุกมากค่ะที่ได้ทำอาหาร""แน่ใจนะว่าไม่ได้ทำอะไรของเค้าเสียหาย"นฤดีเอ่ยหยอกหลานสาวที่เอ่ยตอบอุไรยิ้มปากบานด้วยความมั่นใจเธอไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยอย่างที่หลานเธอว่าเพราะรู้ดีว่าวันหนึ่งไม่เคยได้ทำงานบ้านงานครัวเก่ง"ไม่มี๊.. ไม่มีแม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ"ใบหน้าจิ้มลิ้มส่ายหัวหงึกหงัก ไออุ่นมองมายังวันหนึ่งก็ยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะเปรยเอ่ยหยอกเรื่องที่รับรู้มากับวันหนึ่ง"เอ.. พี่ได้ยินมาว่าพ่อเลี้ยงต้องไปหากับข้าวที่โรงครัวในไร่เพราะใครดันลืมปิดแก๊สกันน้า""นั่นไงย่าว่าแล้ว""ผิดพลาดนิดหน่อยเองค่ะ"นฤดียิ้มร่าคิดเอาไว้ไม่มีผิดคนที่ไม่มีอะไรจะเถียงอย่างวันหนึ่งก็ได้แต่นั่งก้มหน้างุดทำท่าทีสนใจอาหารตรงหน้าแก้เขินทำเอาคนที่รายล้อมโต๊ะอาหารต่างก็อมยิ้มเอ็นดู"คุณพ่อกับคุณแม่โทรตามเราบ้างหรือเปล่าคะคุณย่า"หลังจากทานข้าวเย็นเรียบร้อยว
น่านน้ำกลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์ของตนที่เคยอยู่ก็นึกถึงเรื่องราวเก่าๆทุกผืนที่ในเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้เคยมีกวินตราได้เคยอยู่เฟอร์นิเจอร์ทุกตัวหรือของตกแต่งก็เป็นสิ่งที่หญิงสาวเลือกทั้งหมด น่านน้ำทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาสีครีมตัวใหญ่ก่อนจะถอนหายใจอ่อนเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้รู้สึกสบายขึ้นก่อนจะลุกเก็บรูปคู่ของเขากับกวินตราที่ใส่กรอบวางเอาไว้ทั่งพื้นที่ลงกล่อง“ผมจะพยายามลืมคุณให้ได้”น่านน้ำพูดกับรูปภาพที่อยู่ในกล่องก่อนจะเก็บมันเอาไว้ที่ในตู้เก็บของ เขาคบกับกวินตราตั้งแต่ไปเรียนต่างประเทศพร้อมกันด้วยความที่พ่อแม่รู้จักกันและเรียนรุ่นเดียวกันเมื่อไปอยู่ต่างประเทศเขาและเธอห่างครอบครัวจึงทำให้ได้พูดคุยกันสนิทสนมกว่าอยู่ที่ไทยและตัดสินใจคบกัน ความรักของเขาและเธอมันดีมาโดยตลอดแต่มันมาสะดุดตรงที่เขาเลือกที่จะเข้ามาดูแลไร่ในช่วงที่เคยคุยไว้ว่าจะแต่งงานเขาแพลนการสร้างครอบครัวไว้ตั้งแต่แรกว่าจะบริหารงานแทนคนเป็นพ่อที่ต่างประเทศและให้พ่อกับแม่กลับไปอยู่ที่ไทยแต่เมื่อมีเรื่องปู่ของเขาเกิดขึ้นจึงทำให้แผนทั้งหมดที่วางเอาไว้ไม่เป็นเช่นที่คิด กวินตราจึงไม่พอใจมากและโกรธเคืองเขาที่สุดเพราะสัญญาไม่เป็นสัญญาอีกอย