“ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง”
เกือบเที่ยงคืนแล้วแต่น่านน้ำยังคงตาสว่างเมื่อเพื่อนที่เป็นนักสืบได้โทรมาคุยเรื่องความคืบหน้าในการสืบเรื่องอุบัติเหตุของปู่
“ได้ฉันจะอ่านในเมล..ขอบคุณมาก”
เมื่อปลายสายบอกว่าได้ส่งข้อมูลทั้งหมดให้ในอีเมลคนตัวโตในชุดนอนก็ผุดลุกเปิดโน๊ตบุ๊คที่วางอยู่ที่โต๊ะข้างหัวเตียงทันที
“คิดอะไรเอาไว้ไม่ผิด”
พักใหญ่ที่น่านน้ำนั่งอ่านข้อมูลในอีเมลเขากำมือแน่นกัดฟันกรอดพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้กระโตกกระตากอะไรไปก่อน หลังจากที่ได้รู้ว่าพื้นที่ที่ปู่ของเขาไปประสบอุบัติเหตุคือพื้นที่ของเสี่ยทรงยศที่ได้ทำการซื้อก่อนหน้าที่ปู่ของเขาจะเสียได้ไม่กี่เดือนและยังใช้ชื่อคนอื่นเป็นเจ้าของเท่ากับว่าที่เขาสงสัยเรื่องสาเหตุการตายของปู่ว่าไม่ปกติเขาน่าจะสันนิษฐานถูก
ทางด้านวันหนึ่งในเวลานี้เธอก็ยังคงนอนกลิ้งนอนเกลือกอยู่บนเตียงเล็กดวงตากลมโตยังคงไม่มีอาการหนังตาหย่อนแม้แต่น้อยเพราะยังคงสนุกกับการเรียนรู้วิธีกรทำอาหารในอินเตอร์เน็ต
“มันไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของคนอย่างเราหรอก..ตาพ่อเลี้ยงหน้าหล่อต้องหลงในฝีมือการทำอาหารของเราแน่”
สาวเจ้าแววตาหยาดเยิ้มฉีกริมฝีปากบางยิ้มร่าอย่างเพ้อฝันถึงวันข้างหน้าว่าเธอจะต้องได้คำชมจากน่านน้ำในเรื่องการทำอาหารทุกวันแม้จะยังไม่ถึงวินาทีนั้นจริงแต่เธอก็มีความหวังไปก่อนแล้ว
ตึ๊งง.. วันหนึ่งรีบกดดูมือถือเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือน
“ฮันน่า..”
สาวเจ้าแววตาเป็นประกายเมื่อได้รับข้อความจากฮันน่าสาวสุดฮอตเพื่อนสนิทที่อยู่ต่างประเทศ เธอคิดว่าจะไม่ได้คำตอบจากฮันน่าแล้วหลังจากที่ส่งข้อความขอความช่วยเหลือจากเพื่อนไปในเรื่องของเอื้องฟ้าเธอถามฮันน่าไปว่าจะทำยังไงถ้ามีศัตรูหัวใจ
“แค่หาคนมาจีบยัยผู้หญิงที่มีเป้าหมายเดียวกันงั้นเหรอ..จะหาที่ไหนล่ะ”
แล้วคำตอบที่ได้ก็ทำเอาวันหนึ่งเริ่มคิดหนัก
Rrrrr
“ยูยังไม่นอนอีกเหรอที่นั่นกี่โมงแล้ว”
ปลายสายมีน้ำเสียงตื่นเต้นที่ไม่คิดว่าเวลานี้เพื่อนอีกรักที่อยู่ซีกโลกจะโทรหาเพราะเวลาตรงข้ามกับที่เธออยู่
“เที่ยงคืนแล้วแต่ไอยังไม่ง่วง..ขอวิธีแบบละเอียดได้ไหมว่าจะต้องทำยังไง”
วันหนึ่งเอ่ยถามปลายสายด้วยท่าทีตื่นเต้น
“ตามที่ไอบอกยูเลยหาคนมาจีบยัยคนที่เป็นศัตรูหัวใจยูจ้างก็ได้ยูมีเงินก็ใช้เงินแก้ปัญหาสิ”
“อ่อ..โอเคจะลองดู”
“ทำตามที่ไอบอกรับรองได้ผลร้อยเปอร์เซ็น”
“โอเค..โอเค”
วันหนึ่งเชื่อฮันน่าอย่างสนิทใจเพราะเพื่อนเธอขึ้นชื่อว่าเป็นสาวฮอตที่จีบผู้ชายคนไหนก็ติดทุกรายแถมยังรู้วิธีหว่านเสน่ห์จนไม่ว่าผู้ชายคนไหนที่เจอก็อยากจะเข้าหาฮันน่าจึงคบได้แต่เธอเพราะผู้หญิงคนอื่นมีแต่คนอิจฉาจนฮันน่าเสียความรู้สึกเรื่องเพื่อนมาพอสมควร
ในเช้ามืดของวันต่อมาเป็นอีกวันที่วันหนึ่งตื่นมาตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นดีเธอเข้าครัวทำอาหารแต่เช้าและมั่นใจมากว่าวันนี้อาหารเช้าของเธอจะต้องเป็นที่ถูกปากพ่อเลี้ยงหนุ่มแน่นอน
เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงตอนนี้ข้าวต้มกุ้งที่มีควันกรุ่นถ้วยโตก็ถูกวางอยู่ที่เคาเตอร์มือน้อยของหญิงสาวค่อยๆโปรยหอมผักชีที่พึ่งหั่นเสร็จลงที่กลางถ้วยอย่างเบามือ
“เรียบร้อย..น่าทานที่สุด”
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นคนตัวเล็กก็ยืนยิ้มกริ่มอารมณ์ดีที่วันนี้ทำทุกอย่างได้ตามที่เรียนมาเมื่อคืนได้อย่างไม่มีอะไรติดขัดคิดไปคิดมาก็รู้สึกได้ว่าตัวเองชอบทำอาหารอยู่เหมือนกันไม่อย่างนั้นคงไม่รู้สึกสนุกที่ได้ทำเช่นนี้
“อืม.วันนี้ทำได้ดีนี่..แก๊สไม่ลืมปิดแล้วใช่ไหม”
พ่อเลี้ยงหนุ่มในชุดพร้อมทำงานชิมข้าวต้มถ้วยโตก็พยักหน้าอย่างชื่นชมก่อนจะชำเลืองมองแม่ครัวตัวเล็กถามย้ำถึงความเรียบร้อยเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเช่นเมื่อวาน
“แน่นอนค่ะพ่อเลี้ยงหนึ่งไม่พลาดแน่นอน”
คนตัวเล็กยืนบิดไปมายิ้มกรุ้มกริ่มตาเป็นประกายเมื่อได้รับคำชมจากพ่อเลี้ยงหนุ่มแต่เช้านับว่าความสามารถในการทำอาหารของเธอพัฒนาขึ้นแล้ว
“ขอบคุณนะอุ่นที่เร่งงานให้ผม”
ช่วงสายน่านน้ำเข้ามาเอาเอกสารบัญชีที่สำนักงานจากไออุ่นเขาต้องร่งตรวจให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปธุระที่อื่นร่วมสองอาทิตย์
“ค่ะ..เอ่อ..เดี๋ยวอุ่นวานฝากของให้หนึ่งด้วยนะคะ”
ไออุ่นรีบยื่นถุงกระดาษใบขนาดกลางไม่ใหญ่มากนักให้กับพ่อเลี้ยงหนุ่มของข้างในเป็นตุ๊กตาหมีสีขาวที่ค่อนข้างเก่าเรียกง่ายๆก็คือตุ๊กตาเน่าที่วันหนึ่งติดมากที่พึ่งจะอยู่ในมือของเธอก็เพราะเมดที่เก็บของให้กับวันหนึ่งลืมหยิบลงกระเป๋ามาให้จึงต้องส่งตามมาทีหลัง
“ได้สิ”
น่านน้ำรับของจากมือไออุ่นก่อนจะเดินออกจากสำนักงานไปเขาไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูของข้างในแต่ปากถุงกระดาษที่กว้างพอจะทำให้สายตาของเขาสอดส่องมองเห็นเจ้าตุ๊กตาหมีน้อยที่ค่อนข้างเก่าก็พอจะเดาออกว่าของชิ้นนี้น่าจะเป็นน้องเน่าที่หลายๆคนติดกันตั้งแต่เด็กเขาเองก็เคยติดเช่นกันแต่เมื่อโตขึ้นคนได้ทำงานย้ายที่พักที่หลับที่นอนหลายที่ก็เลิกติดไปเอง
“เย่ได้ซะที”
เมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มยื่นถุงที่ไออุ่นฝากมาให้ได้วันหนึ่งก็รีบหยิบเจ้าหมีเน่ามากระโดดกอดแน่นแสดงออกถึงความดีใจเป็นที่สุดเพราะเธอจะได้นอนหลับได้ง่ายๆได้เสียที
“ท่าทางจะติดมากน่ะสิ”
“ค่ะ..หนึ่งมีเจ้าหมีตัวนี้อยู่ติดตัวมาตั้งแต่จำความได้แล้ว”
สาวเจ้าพยักหน้าหงึกหงักน่านน้ำพอเห็นเจ้าหมีเน่าในมือของหญิงสาวเต็มๆเขาก็นึกถึงตุ๊กตาของตัวเองขึ้นมาเพราะรู้สึกว่าทั้งขนาดรูปแบบการตัดเย็บเหมือนเจ้าหมีเน่าที่เขาเคยติดมากแต่เพียงแค่คนละสีเท่านั้นแต่ทว่าก็ไม่ได้คิดสงสัยอะไรมากเพราะตุ๊กตาหมีบนโลกนี้มีไม่รู้กี่ล้านตัวที่เหมือนกัน
และแล้วก็มาถึงวันที่ทุกคนร่วมใจกันมาช่วยซ่อมห้องสมุดของโรงเรียนในวันหยุดสุดสัปดาห์ทั้งคนในไร่เพชรพนาและคนในหมู่บ้านที่มีเวลาว่างบรรยากาศที่โรงเรียนตอนนี้จึงดูครึกครื้นเป็นพิเศษเพราะต่างคนต่างก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือเร่งให้ห้องสมุดเสร็จทันโรงเรียนเปิดในวันจันทร์ที่จะถึง เหล่าชายฉกรรจ์ที่แข็งแรงหน่อยและพอจะมีฝีมือช่างก็ขึ้นโครงซ่อมกันที่บนหลังคาส่วนผู้ชายสูงวัยหน่อยก็คอยส่งอุปกรณ์ซ่อมแซมให้คนด้านบน ในส่วนของผู้หญิงก็คอยเสริฟน้ำของว่างเป็นเสบียงให้เหล่าคนที่ทำงานหนักได้อิ่มท้อง
“วันนี้วันหยุดเธอไม่ใช่เหรอนึกว่าจะนอนพักอยู่บ้านซะอีก”
เอื้องฟ้าละมือจากการแจกของว่างให้กับช่างที่ซ่อมหลังคาเสร็จก็ไม่วายที่จะเข้ามาถากถางวันหนึ่งที่กำลังเดินเสริฟน้ำเพราะไม่ชอบใจตั้งแต่เห็นหญิงสาวนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถของพ่อเลี้ยงหนุ่มมาที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้ว
“หนึ่งแค่อยากมาช่วยค่ะวันนี้ก็วันหยุดพี่เอื้องฟ้าเหมือนกันทำไมถึงมาล่ะคะ”
วันหนึ่งว่าจบก็รีบเดินหนีออกห่างเอื้องฟ้าเพราะเธอไม่อยากที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคนที่เข้ามาพูดจาหาเรื่อง
“ยอกย้อนนักนะ”
เอื้องฟ้าเน้นเขี้ยวเน้นฟันบุ้ยปากตามหลังหญิงสาวตัวเล็กที่ตอกกลับเธอเมื่อครู่หากตรงนี้คนอยู่ไมเยอะเธอคงได้ต่อปากต่อคำกับวันหนึ่งยาวแน่
“พ่อเลี้ยงคะน้ำค่ะ”วันหนึ่งเดินตรงมายังพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังยืนส่งกระเบื้องให้กับคนบนหลังคาก่อนจะรีบยื่นน้ำให้กับเขา“ขอบคุณ”แกร๊ก.. กึก“ระวังค่ะ” วันหนึ่งมองไปยังต้นเสียงด้านบนที่รู้สึกว่ามันผิดปกติและก็เห็นว่ามีค้อนกำลังหล่นลงมาจะถึงหัวของพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังดื่มน้ำเธอจึงรีบกระโจนผลักชายหนุ่มจนล้มลงไปกองกับพื้นกันทั้งคู่ฟึ่บ.. “โอ้ย..” น่านน้ำหัวโขกกับกองไม้จนหางคิ้วแตก"ผมขอโทษครับไม่เห็นจริงๆ"มนัสชายหนุ่มชาวบ้านวัยกลางคนรีบกระโดดลงมาขอโทษพ่อเลี้ยงหนุ่มทันทีรวมถึงคนที่อยู่ระแวกนั้นก็เข้ามาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย“พ่อเลี้ยง..ดีนะคะที่หลบทัน..แต่..เลือด”วันหนึ่งค่อยๆลุกพร้อมกันกับน่านน้ำเมื่อเห็นว่าเขามีเลือดออกที่หางคิ้วก็รีบควักผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็กให้เขาได้กดแผลเอาไว้ น่านน้ำเห็นค้อนปอนที่หล่นมากองกับพื้นก็นึกหวาดเสียวพอสมควรไม่อยากจะคิดว่าถ้าหากมันหล่นใส่หัวของเขาสภาพตัวเองตอนนี้จะเป็นเช่นไรคิดได้เช่นนั้นก็หันไปขอบคุณแม่ครัวตัวเล็กทันที“ขอบคุณนะหนึ่ง”"ไม่เป็นไรค่ะ..พ่อเลี้ยงไปหาหมอก่อนเถอะค่ะ""นั่นสิครับ"คำอ้ายที่ยืนมองพ่อเลี้ยงหนุ่มด้วยความเ
"คนพวกนั้นทำไมใจจืดใจดำแบบนี้นะ"ขณะนั่งรถกลับสาวเจ้าก็บ่นอุกถึงเรื่องที่พึ่งเจอ"คราวหลังอย่าหาเรื่องใส่ตัวคนพวกนั้นเป็นคนของเสี่ยทรงยศเจ้าของที่ตลาดขึ้นชื่อว่าเป็นอันธพาล""ถึงว่าล่ะ..แต่หนึ่งไม่กลัวหรอกค่ะ"วันหนึ่งคิดเอาไว้แล้วว่าคนพวกนี้ไม่พ้นอันธพาลและมีอิทธิพลที่นี่ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าวางมาดกันขนาดนั้นหรอก"หัดกลัวไว้บ้างก็เงินที่จ่ายไปถึงบ้านแล้วผมจะคืนให้""ไม่เอาค่ะหนึ่งไม่ได้เดือดร้อน"คนที่กำลังอารมณ์เดิอดดาลส่ายหัวหงึกหงัก"ไม่ได้เดือดร้อนอะไร..คุณยังต้องหาเงินอีกเยอะเพื่อรักษาย่าคุณไม่ใช่หรือไง""อ๋อค่ะ..เดือดร้อนขอบคุณนะคะ"สาวเจ้าตำหนิตัวเองในใจที่จะเผลอหลุดตัวตนออกมาในขณะที่ไม่สติแล้ว"คุณอยากเรียนต่อหรือเปล่า"น่านน้ำว่าจะพูดเรื่องนี้กับวันหนึ่งมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแต่ก็ลืมเพราะเขาเห็นว่าเธออายุยังน้อยหากได้เรียนสูงๆคงมีโอกาสทำงานดีๆกว่าจะมาเป็นแม่บ้าน"ทำไมเหรอคะ""ผมจะส่งคุณเรียนช่วงเสาร์อาทิตย์คุณโอเคไหมถ้าคุณมีความรู้เพิ่มอาจจะได้ทำงานที่ดีกว่าเป็นแม่บ้าน"เรื่องสนับสนุนการศึกษาเขายินดีทำอยู่แล้วเพราะก่อนหน้าก็เห็นปู่ของเขาชอบให้ทุนการศึกษากับลูกคนงานในไร่หลายคน
"เป็นยังไงบ้างคะคุณหนูงานบ้านงานครัวทำไหวหรือเปล่าคะ"อุไรยกอาหารเย็นสำรับใหญ่มาวางกลางโต๊ะอาหารหลังจากที่ไออุ่นไปรับวันหนึ่งมาทานข้าวเย็นที่นี่เมื่อเห็นหน้าคุณหนูตัวเล็กได้ก็ไม่วายอยากจะรู้ว่าวันหนึ่งไหวกับงานบ้านงานครัวหรือเปล่า"สบายมากค่ะป้าไรหนึ่งสนุกมากค่ะที่ได้ทำอาหาร""แน่ใจนะว่าไม่ได้ทำอะไรของเค้าเสียหาย"นฤดีเอ่ยหยอกหลานสาวที่เอ่ยตอบอุไรยิ้มปากบานด้วยความมั่นใจเธอไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยอย่างที่หลานเธอว่าเพราะรู้ดีว่าวันหนึ่งไม่เคยได้ทำงานบ้านงานครัวเก่ง"ไม่มี๊.. ไม่มีแม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ"ใบหน้าจิ้มลิ้มส่ายหัวหงึกหงัก ไออุ่นมองมายังวันหนึ่งก็ยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะเปรยเอ่ยหยอกเรื่องที่รับรู้มากับวันหนึ่ง"เอ.. พี่ได้ยินมาว่าพ่อเลี้ยงต้องไปหากับข้าวที่โรงครัวในไร่เพราะใครดันลืมปิดแก๊สกันน้า""นั่นไงย่าว่าแล้ว""ผิดพลาดนิดหน่อยเองค่ะ"นฤดียิ้มร่าคิดเอาไว้ไม่มีผิดคนที่ไม่มีอะไรจะเถียงอย่างวันหนึ่งก็ได้แต่นั่งก้มหน้างุดทำท่าทีสนใจอาหารตรงหน้าแก้เขินทำเอาคนที่รายล้อมโต๊ะอาหารต่างก็อมยิ้มเอ็นดู"คุณพ่อกับคุณแม่โทรตามเราบ้างหรือเปล่าคะคุณย่า"หลังจากทานข้าวเย็นเรียบร้อยว
น่านน้ำกลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์ของตนที่เคยอยู่ก็นึกถึงเรื่องราวเก่าๆทุกผืนที่ในเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้เคยมีกวินตราได้เคยอยู่เฟอร์นิเจอร์ทุกตัวหรือของตกแต่งก็เป็นสิ่งที่หญิงสาวเลือกทั้งหมด น่านน้ำทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาสีครีมตัวใหญ่ก่อนจะถอนหายใจอ่อนเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้รู้สึกสบายขึ้นก่อนจะลุกเก็บรูปคู่ของเขากับกวินตราที่ใส่กรอบวางเอาไว้ทั่งพื้นที่ลงกล่อง“ผมจะพยายามลืมคุณให้ได้”น่านน้ำพูดกับรูปภาพที่อยู่ในกล่องก่อนจะเก็บมันเอาไว้ที่ในตู้เก็บของ เขาคบกับกวินตราตั้งแต่ไปเรียนต่างประเทศพร้อมกันด้วยความที่พ่อแม่รู้จักกันและเรียนรุ่นเดียวกันเมื่อไปอยู่ต่างประเทศเขาและเธอห่างครอบครัวจึงทำให้ได้พูดคุยกันสนิทสนมกว่าอยู่ที่ไทยและตัดสินใจคบกัน ความรักของเขาและเธอมันดีมาโดยตลอดแต่มันมาสะดุดตรงที่เขาเลือกที่จะเข้ามาดูแลไร่ในช่วงที่เคยคุยไว้ว่าจะแต่งงานเขาแพลนการสร้างครอบครัวไว้ตั้งแต่แรกว่าจะบริหารงานแทนคนเป็นพ่อที่ต่างประเทศและให้พ่อกับแม่กลับไปอยู่ที่ไทยแต่เมื่อมีเรื่องปู่ของเขาเกิดขึ้นจึงทำให้แผนทั้งหมดที่วางเอาไว้ไม่เป็นเช่นที่คิด กวินตราจึงไม่พอใจมากและโกรธเคืองเขาที่สุดเพราะสัญญาไม่เป็นสัญญาอีกอย
"พี่มาที่นี่จะมาหาพ่อเลี้ยงจะหาผู้ช่วยไปฉีดวัคซีนให้วัวไม่รู้ว่าไม่อยู่..แล้วที่อยู่ที่นี่พี่แค่เบื่อชีวิตในเมืองเบื่อการปั้นหน้าออกงานสังคมเราก็พอจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าส่วนมากก็มีแต่ปลอมๆทั้งนั้น"สายน้ำสัตวแพทย์หนุ่มรูปหล่อปานนายแบบเขาแก่กว่าวันหนึ่งประมาณสี่ห้าปีเป็นลูกชายคนเดียวของพิศิษฐ์และวันรวีน้าสาวและน้าเขยของวันหนึ่งเจ้าของกิจการนำเข้าเครื่องมือแพทย์เจ้าใหญ่ ที่เขาเลือกมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อันที่จริงแล้วก็เพราะอกหักช้ำรักจากผู้หญิงไม่จริงใจมาหลายหนทุกคนเข้าหาเขาก็เพราะหน้าตาชาติตระกูลเท่านั้น อีกอย่างที่เลือกที่จะปักหลักอยู่แถวนี้เพราะรู้สึกถูกชะตากับใครบางคน"ก็จริง""แล้วมาเป็นแม่บ้านให้พ่อเลี้ยงแบบนี้เค้ารู้หรือเปล่าว่าเราเป็นลูกใคร"สายน้ำคิดว่าไม่ใช่เขาคนเดียวหรอกที่ใช้ชีวิตที่นี่อย่างที่ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริง"มีแค่คุณย่าของหนึ่งพี่อุ่นกับป้าไรที่รู้ค่ะแล้วพี่สายก็ห้ามบอกใครด้วยเรื่องนี้...แลกกับการที่หนึ่งจะไม่บอกกับน้าวีว่าพี่สายอยู่ที่นี่""ยัยตัวแสบ...”สายน้ำเปรยยิ้มแกมเอ็นดูยัยน้องสาวตัวแสบที่ชอบหาเรื่องเล่นซนไม่เลิก“โอเคพี่รับปากแต่พี่ขอคำอธิบายหน่อยเถอะว่าทำแบบ
"ในสังคมของเราหากยากเหมือนกันนะคนแบบนี้"หมอหนุ่มยังคงพูดถึงเอื้องฟ้าโดยที่สีหน้ายังคงมีรอยยิ้มไม่หุบ"ชื่นชมเหรอคะ.. เอ... หรือว่าพี่สายปลื้มพี่เอื้องฟ้า"หญิงสาวเริ่มวาดแขนกอดอกเอียงหน้าเงยมองพี่ชายเธอด้วยสายตามีเลศนัยเพราะดูรอยยิ้มของพี่ชายและสายตาที่มองตามคนที่ปั่นจักรยานออกไปด้วยความหยาดเยิ้มมันดูแปลกๆ"พี่ไม่เคยเจอคนตรงไปตรงมาแบบนี้มาก่อนเลยชอบก็พูดตรงๆไม่ชอบก็พูดตรงๆ.. คำบางคำอาจจะขัดหูคนอื่นไปบ้างแต่พี่ก็ชอบที่เธอตรงไปตรงมากับความคิดของตัวเอง... ไม่เหมือนพวกคนที่พี่เคยเจอเสแสร้งแกล้งปั้นคำกันทั้งนั้น"คำถามของวันหนึ่งทำหมอหนุ่มหลบสายตาด้วยความเขินอายเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะพูดยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเขารู้สึกถูกชะตากับเอื้องฟ้าพอสมควรแม้นจะรู้มาว่าคนแทบทั้งไร่จะไม่ค่อยชอบนิสัยของเธอก็เถอะ และคำตอบของหมอหนุ่มก็ทำวันหนึ่งเริ่มคิดอะไรออกเธอไม่ต้องไปเสียเงินจ้างใครที่ไหนให้มาจีบเอื้องฟ้าแล้วเพราะมีพี่ชายเธอเป็นตัวช่วยอยู่ตรงนี้ทั้งคน"ชอบก็จีบเลยสิคะ""แน่ะ...จะหาไม้กันหมาสินะ"มือหนายกยีหัวทุยน้องสาวตัวเล็กเล่นเบาๆด้วยดูออกว่ายัยตัวแสบนั้นคิดอะไรอยู่"พี่รู้ว่าเอื้องฟ้าช
หลังจากพ่อเลี้ยงหนุ่มออกจากบ้านไปได้วันหนึ่งก็รีบทำงานบ้านให้เสร็จก่อนจะมาหาวิธีเจ็บตัว ใช่วิธีเจ็บตัวเมื่อตอนฝึกปั่นจักรยานเพราะเธอต้องการให้น่านน้ำนั้นดูแลเธออย่างใกล้ชิด"...อืม..ลงท่าไหนถึงจะดูสวยนะ"ตั้งแต่เที่ยงจนจะเข้าบ่ายวันหนึ่งก็ยังคงจับจ้องเจ้าจักรยานแม่บ้านหัดขึ้นขี่และฝึกท่าล้มลงพื้นไม่ลดละเพราะต้องการหาวิธีล้มให้เธอดูดีที่สุดในสายตาของน่านน้ำ หลังจากล้มเธอก็จะแกล้งข้อเท้าเคล็ดเดินไม่ได้แล้วคนที่ถือเนื้อถือตัวอย่างพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ต้องอุ้มเธอจนได้เวลานั้นแหละเธอจะทำตัวใกล้ชิดเขามากที่สุดเท่าที่จะทำได้พอบ่ายคล้อยน่านน้ำก็กลับมาสอนวันหนึ่งปั่นจักรยานตามนัดเขาสอนหญิงสาวที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านอยู่พักใหญ่จนเธอนั้นเริ่มที่จะปั่นไปข้างหน้าเองได้แล้ว"เดี๋ยวหนึ่งลองปั่นไปตรงนั้นแล้ววนกลับมานะคะ"วันหนึ่งอยากจะลองปั่นเองโดยที่ไม่ต้องมีน่านน้ำคอยประคองเพราะเธอจะได้ล้มลงและแกล้งเจ็บตัวอย่างที่ชายหนุ่มไม่สงสัยอะไร"อืม.. ผมจะไม่เดินตามแล้ว..จะรออยู่ตรงนี้""ค่ะ"วันหนึ่งเริ่มปั่นทั้งที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่มั่นใจเท่าไรแต่เพราะอยากจะทำตามสิ่งที่คิดเอาไว้แล้วจึงขอน่านน้ำปั่นจักรยานแม่บ้า
"สายตาพ่อเลี้ยงมันฟ้องค่ะว่ากำลังมีเรื่องไม่สบายใจ"ดวงตากลมโตเริ่มจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อจนน่านน้ำต้องหลบสายตาก่อนจะใช้มือหนาปัดใบหน้าจิ้มลิ้มให้เลิกมองจ้องเขาอย่างเบามือ"ทำเป็นรู้ดี""ยิ้มเข้าไว้สิคะ..พ่อเลี้ยงของหนึ่งเก่งอยู่แล้ว"มือเรียวทั้งสองยกจับแก้มพ่อเลี้ยงหนุ่มเล่นเบาๆทั้งฉีกยิ้มกว้างหมายจะนำร่องให้เขานั้นยิ้มตาม พฤติกรรมเช่นนี้ไม่เคยมีใครเคยทำกับน่านน้ำแม้นจะเป็นกวินตราและไม่คิดว่าจะมีใครทำด้วยแต่ก็ทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มรู้สึกดีไม่น้อยจนยิ้มกว้างออกมาได้อย่างเช่นที่วันหนึ่งอยากให้เป็น"คุณนี่ก็เล่นเป็นเด็กไปได้""นั่นไงยิ้มหล่อแล้วหายเครียดแล้วใช่ไหมคะ"ริมฝีปากหนายิ้มกว้างได้วันหนึ่งก็ละมือจากพวงแก้มสากเปลี่ยนเป็นยืนเกาะแขนแกร่งของน่านน้ำแทน และครั้งนี้คนที่จะถือเนื้อถือตัวกลับไม่ปฏิเสธที่สาวเจ้าจะยืนเกาะแขนของเขาไว้เพราะรู้สึกดีกับทุกการกระทำของคนตัวเล็กไปหมดเสียทุกอย่าง อย่างที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้สึกรำคาญเธอแม้แต่น้อย"ขอบคุณนะ..อ่อ..เรื่องที่จะเรียนต่อคุณอยากจะเรียนเมื่อไรล่ะเห็นว่าอาทิตย์หน้าเค้าก็จะเปิดรับสมัครแล้ว""เดี๋ยวหนึ่งให้พี่อุ่นพาไปสมัครค่ะ"