หลังจากพ่อเลี้ยงหนุ่มออกจากบ้านไปได้วันหนึ่งก็รีบทำงานบ้านให้เสร็จก่อนจะมาหาวิธีเจ็บตัว ใช่วิธีเจ็บตัวเมื่อตอนฝึกปั่นจักรยานเพราะเธอต้องการให้น่านน้ำนั้นดูแลเธออย่างใกล้ชิด
"...อืม..ลงท่าไหนถึงจะดูสวยนะ"
ตั้งแต่เที่ยงจนจะเข้าบ่ายวันหนึ่งก็ยังคงจับจ้องเจ้าจักรยานแม่บ้านหัดขึ้นขี่และฝึกท่าล้มลงพื้นไม่ลดละเพราะต้องการหาวิธีล้มให้เธอดูดีที่สุดในสายตาของน่านน้ำ หลังจากล้มเธอก็จะแกล้งข้อเท้าเคล็ดเดินไม่ได้แล้วคนที่ถือเนื้อถือตัวอย่างพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ต้องอุ้มเธอจนได้เวลานั้นแหละเธอจะทำตัวใกล้ชิดเขามากที่สุดเท่าที่จะทำได้
พอบ่ายคล้อยน่านน้ำก็กลับมาสอนวันหนึ่งปั่นจักรยานตามนัดเขาสอนหญิงสาวที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านอยู่พักใหญ่จนเธอนั้นเริ่มที่จะปั่นไปข้างหน้าเองได้แล้ว
"เดี๋ยวหนึ่งลองปั่นไปตรงนั้นแล้ววนกลับมานะคะ"
วันหนึ่งอยากจะลองปั่นเองโดยที่ไม่ต้องมีน่านน้ำคอยประคองเพราะเธอจะได้ล้มลงและแกล้งเจ็บตัวอย่างที่ชายหนุ่มไม่สงสัยอะไร
"อืม.. ผมจะไม่เดินตามแล้ว..จะรออยู่ตรงนี้"
"ค่ะ"
วันหนึ่งเริ่มปั่นทั้งที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่มั่นใจเท่าไรแต่เพราะอยากจะทำตามสิ่งที่คิดเอาไว้แล้วจึงขอน่านน้ำปั่นจักรยานแม่บ้านด้วยตัวเอง
"ก็ไม่เห็นจะยากอะไรนี่นา...ตอนนี้แหละ"
สาวเจ้าปั่นรอบต้นไม้ใหญ่หนึ่งรอบก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ยากอะไรและคนที่อยากรู้อยากลองท้าทายความสามารถของตัวเองและโชว์ความเก่งให้กับคนที่สอนดูว่าเธอเป็นคนหัวไวก็รีบเร่งฝีเท้าการปั่นจักรยานให้เร็วขึ้น
“พ่อเลี้ยงดูสิคะหนึ่งเก่งแล้ว”
คนที่กำลังเร่งฝีเท่าการปั่นจักรยานโชว์เอาแต่ยิ้มร่าและสายตาก็ยังคงจับจ้องไปยังพ่อเลี้ยงหนุ่มโดยที่ไม่ได้มองว่าทางข้างหน้าที่เธอกำลังปั่นไปเป็นหลุมที่ควรจะต้องหลบ
"หนึ่งระวังล้ม.."
กึก “อ๊ายยยย”
ไม่ทันที่น่านน้ำจะได้พูดจบหญิงสาวก็ลงหลุมไปจนได้จนน่านน้ำต้องรีบวิ่งเข้าไปหาวันหนึ่งก่อนที่เธอจะล้มลง
ปึก..”โอ้ยย..”
แต่ด้วยความที่โชคไม่ดีของคนที่กำลังจะเข้าไปช่วยเขายังไม่ทันที่จะได้รับตัวของหญิงสาวที่กำลังจะล้มลงพร้อมจักรยานก็ถูกล้อหน้าของจักรยานคันโตพุ่มเข้ามาผ่าหมากจนรู้สึกเจ็บจุกร้าวไปทั่วตัวและลงไปนอนกองกับพื้น
"พ่อเลี้ยงงง.."
วันหนึ่งที่ล้มลงไปกับพื้นพร้อมๆกับพ่อเลี้ยงหนุ่มเมื่อเห็นเขานอนเจ็บก็รีบผุดลุกขึ้นมาดูอีกฝ่ายเพราะตัวเองไม่ได้เจ็บอะไรมากและรู้อีกด้วยว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มต้องเจ็บกว่าเธอหลายเท่าด้วยถูกกจักรยานพุ่งผ่ากลางกล่องดวงใจเสียขนาดนั้น จากที่เธอจะแกล้งเจ็บเพื่อให้เขาดูแลกลับเป็นเธอเองที่น่าจะต้องดูแลเขาแทน
"หนึ่งขอโทษค่ะ"
สาวเจ้าพยุงน่านน้ำเข้ามานั่งในบ้านได้ก็รีบขอโทษขอโพยเขายกใหญ่
"วันหลังค่อยสอนกันใหม่แล้วกันวันนี้พอก่อน"
คนที่ยังรู้สึกจุกอยู่เอ่ยน้ำเสียงติดๆขัดๆ
"คงต้องเป็นแบบนั้นแหละค่ะ..ต..แต่พ่อเลี้ยงจะเป็นหมันไหมคะ"
“ห้ะ..ม..ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
“ค่อยโล่งอก..เดี๋ยวหนึ่งไปหาของว่างมาให้ทานนะคะ”
ริมฝีปากบางพ่นลมหายใจโล่งอกก่อนจะรีบลุกเดินเข้าไปในครัว คำถามที่ดูจริงจังของวันหนึ่งทำน่านน้ำขมวดคิ้วกับคำพูดตรงไปตรงมาของเธอเป็นครั้งที่เท่าไรนับไม่ได้ และแทนที่เธอจะห่วงเรื่องการเจ็บตัวภายนอกของเขาดันมาห่วงเรื่องที่กลัวว่าเขาจะเป็นหมันเสียอย่างนั้น นับวันๆแม่ครัวของเขาก็มีอะไรให้แปลกใจได้ทุกวันจริงๆ
"เฮ้อ..หรือว่าเราไม่มีเสน่ห์จะมัดใจพ่อเลี้ยงจริงๆ"
วันหนึ่งมานั่งกลุ้มที่ชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน ด้วยร่วมเดือนกว่าแล้วที่เธออยู่ที่นี่แต่กลับไม่มีวี่แววว่าน่านน้ำจะสนใจเธอแม้แต่น้อยทั้งที่เธอนั้นทั้งหาเรื่องคุยกับเขาหาเรื่องอยู่ใกล้เขาตลอดเวลา
"มานั่งซึมอะไรตรงนี้"
"ฮะ.! “
สาวเจ้าสะดุ้งเฮือกเมื่อกำลังนั่งเหม่ออยู่ในภวังค์ต้องตกใจเพราะเสียงเรียกของพ่อเลี้ยงหนุ่ม
“ตกใจหมดเลยพ่อเลี้ยง"
"เป็นอะไรมีปัญหาอะไรหรือเปล่า"
น่านน้ำยืนกอดอกถามแม่ครัวตัวเล็กด้วยสีหน้าเป็นห่วงด้วยเห็นว่าเธอเหม่อจนไม่ได้สังเกตว่าเขาขับรถมาที่บ้านแล้วก่อนหน้านี้ทุกๆวันก่อนที่เขาจะออกจากบ้านหรือเข้าบ้านมาก็จะมีหญิงสาวคอยส่งยิ้มและส่งเสียงเจื้อยแจ้วให้ฟังตลอดวันนี้ไม่เห็นรอยยิ้มของเธอจึงรู้สึกว่ามีอะไรขาดหายไป
"เอ่อ...พ่อเลี้ยงเป็นห่วงความรู้สึกหนึ่งด้วยเหรอคะ"
ริมฝีปากบางเริ่มเปรยรอยยิ้มอ่อนขึ้นมาได้บ้างเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีทีท่าเป็นห่วง
“ก็..คุณเป็นคนในบ้านผมเห็นคุณแปลกไปผมก็สงสัยเป็นธรรมดา”
คำตอบของชายหนุ่มเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังของวันหนึ่งพอสมควร แต่ใครจะไปรู้ว่าน่านน้ำอยากตอบว่าห่วงอย่างตรงไปตรงมาเหมือนกันแต่กลัวว่าหญิงสาวจะมองเขาไม่ดีเพราะเขาและเธออยู่ในสถานะเจ้านายกับลูกน้อง
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะพ่อเลี้ยงหิวหรือยังคะหนึ่งทำปลาทับทิมนึ่งกับน้ำจิ้มรสแซ่บไว้ให้ด้วยนะคะ"
"อืม.. กำลังอยากทานปลาอยู่พอดี.. คุณเป็นแม่ครัวที่รู้ใจผมจริงๆเลยนะ"
"อยากเป็นคนรู้ใจด้วยจะได้ไหมคะ"
น่านน้ำถึงกับไปไม่เป็นกับคำถามของคนตัวเล็กปกติแล้วเขาจะตอบกลับเธอด้วยคำที่ไม่ค่อยสนใจคำพูดของเธอแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ตัวเองถึงได้รู้สึกเขินคำถามของหญิงสาวขึ้นมาดื้อๆเสียอย่างนั้น
"หยอกเล่นน่ะค่ะ..แฮร่"
ถึงจะผิดหวังในคำตอบของพ่อเลี้ยงหนุ่มเมื่อครู่แต่คนตัวเล็กก็ไม่วายจะทิ้งลูกหยอดเอาไว้ให้เขาก่อนจะรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าบ้านไป
คนตัวโตสาวเท้าเดินตามหลังคนตัวเล็กไปติดๆริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มตลอดเวลาเมื่อมองคนที่กระโดดโลดเต้นวิ่งเข้าไปในบ้าน พักหลังมานี้เขายิ้มได้มากขึ้นทุกวันก็เพราะความทะเล้นความจุ้นจ้านของแม่ครัวตัวเล็กแม้ในบางครั้งเธอจะหาเรื่องให้เขาต้องดุบ่อยๆก็เถอะแต่เมื่อมีเธออยู่ที่นี่บ้านที่เคยเงียบเหงาก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมามากพอสมควร
ทำไมไม่มางานหมั้นเกรซล่ะคะน่าน เราไม่เหลือแม้กระทั่งมิตรภาพแล้วเหรอ
น่านน้ำเปิดอ่านข้อความที่กวินตราส่งมาให้ในช่วงหัวค่ำ เขากดเปิดอ่านและไม่ได้ตอบกลับข้อความของเธอเพราะไม่มีข้อแก้ตัวอะไรทั้งนั้นตอนนี้เขายอมรับว่าถึงจะเลิกกับหญิงสาวด้วยดีแต่ก็ยังทำใจเป็นเพื่อนกับเธอหรือจะเข้าไปร่วมยินดีในชีวิตคู่ของเธอไม่ได้จริงๆ
"ถ้าเกรซอายุ30แล้วน่านต้องขอเกรซแต่งงานแล้วนะเกรซไม่อยากมีลูกตอนแก่กว่านั้น"
"ได้สิ..ขอก่อนหน้านั้นได้หรือเปล่า"
"แล้วแต่น่านเลยค่ะ"
คำพูดที่น่านน้ำเคยคุยกับกวินตราเมื่อคบกันได้ปีสองปีแรกยังคงก้องอยู่ในหัวและเขายังจำมันได้ทุกคำเป็นเขาเองที่ผิดสัญญากับเธอจนทำให้ระหองระแหงกัน แต่ชีวิตที่หญิงสาวเลือกก็น่าจะทำให้เธอนั้นมีความสุขดีแล้วเพราะกวินตราชอบที่จะใช้ชีวิตสุขสบายในต่างประเทศและชรันก็เป็นคนที่สร้างชีวิตแบบนั้นให้เธอได้
"พ่อเลี้ยงคะ.."
คนที่กำลังยืนเหม่อมองฟ้าต้องก้มลงมองที่หน้าบ้านเมื่อจู่ๆแม่ครัวตัวเล็กก็เรียกเขาเสียงแจ๋วกระโดดโบกไม้โบกมืออยู่ข้างล่างภาพนั้นทำคนที่กำลังนึกถึงเรื่องเก่าที่ไม่ค่อยจะดีนักแสยะยิ้มออกมาได้
"นึกว่าเข้าห้องพักผ่อนไปแล้วซะอีก"
เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมเปรยยิ้มอ่อนให้กับคนตัวเล็กที่พึ่งวิ่งขึ้นมาหาเขาด้านบน
"หนึ่งเห็นว่าวันนี้เป็นคืนฟ้าเปิดก็เลยจะออกมาดูดาวค่ะ..ทำไมพ่อเลี้ยงดูเหม่อจังเลยล่ะคะเครียดอะไรหรือเปล่า"
สาวเจ้าเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัยเพราะก่อนที่เธอจะเรียกพ่อเลี้ยงหนุ่มเมื่อครู่เห็นเขายืนเหม่ออยู่ก่อนหน้าแล้ว
"เปล่าหรอก"
คนถูกถามส่ายหัวเพราะไม่ได้ต้องการตอบอะไรด้วยเป็นเหตุผลส่วนตัวที่เขาเองก็ยังไม่อยากจะเอ่ยปากพูดถึง
"สายตาพ่อเลี้ยงมันฟ้องค่ะว่ากำลังมีเรื่องไม่สบายใจ"ดวงตากลมโตเริ่มจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อจนน่านน้ำต้องหลบสายตาก่อนจะใช้มือหนาปัดใบหน้าจิ้มลิ้มให้เลิกมองจ้องเขาอย่างเบามือ"ทำเป็นรู้ดี""ยิ้มเข้าไว้สิคะ..พ่อเลี้ยงของหนึ่งเก่งอยู่แล้ว"มือเรียวทั้งสองยกจับแก้มพ่อเลี้ยงหนุ่มเล่นเบาๆทั้งฉีกยิ้มกว้างหมายจะนำร่องให้เขานั้นยิ้มตาม พฤติกรรมเช่นนี้ไม่เคยมีใครเคยทำกับน่านน้ำแม้นจะเป็นกวินตราและไม่คิดว่าจะมีใครทำด้วยแต่ก็ทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มรู้สึกดีไม่น้อยจนยิ้มกว้างออกมาได้อย่างเช่นที่วันหนึ่งอยากให้เป็น"คุณนี่ก็เล่นเป็นเด็กไปได้""นั่นไงยิ้มหล่อแล้วหายเครียดแล้วใช่ไหมคะ"ริมฝีปากหนายิ้มกว้างได้วันหนึ่งก็ละมือจากพวงแก้มสากเปลี่ยนเป็นยืนเกาะแขนแกร่งของน่านน้ำแทน และครั้งนี้คนที่จะถือเนื้อถือตัวกลับไม่ปฏิเสธที่สาวเจ้าจะยืนเกาะแขนของเขาไว้เพราะรู้สึกดีกับทุกการกระทำของคนตัวเล็กไปหมดเสียทุกอย่าง อย่างที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้สึกรำคาญเธอแม้แต่น้อย"ขอบคุณนะ..อ่อ..เรื่องที่จะเรียนต่อคุณอยากจะเรียนเมื่อไรล่ะเห็นว่าอาทิตย์หน้าเค้าก็จะเปิดรับสมัครแล้ว""เดี๋ยวหนึ่งให้พี่อุ่นพาไปสมัครค่ะ"
"นี่..ถึงฉันจะไม่ชอบที่เธอตัวติดกับพ่อเลี้ยงแต่ฉันก็มีความคิดมากพอจะขอบคุณคนที่ช่วยเหลือฉัน..จะกินหรือเปล่าไม่กินก็ไม่ว่าจะได้เอากลับ"เอื้องฟ้าทำท่าจะคว้าแก้วที่ยื่นให้วันหนึ่งคืนแต่หญิงมีหรือคนที่ได้ของแล้วจะยอมคืนให้"ให้แล้วให้เลย...ทำเป็นน้อยใจไปได้""ก็ทำเป็นพูดจาหักหารน้ำใจกันเองนี่...อ่อนี่แกงเขียวหวานแม่ฉันเห็นเธอชอบเลยฝากมาให้"ว่าจบก็เลือนปิ่นโตที่ถือมาไว้ตรงหน้าของวันหนึ่ง"ฝากขอบคุณป้าสร้อยด้วยนะคะ""อืม..""แล้วพี่เอื้องล่ะไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมเมื่อวานกลับมาก็มืดค่ำไม่ได้ถามอะไรกันเลย"เมื่อวานเธอมัวตกใจและโมโหกับเรื่องที่มนัสทำและกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ดึกแล้วเลยไม่ได้มีเวลาคุยกับเอื้องฟ้ามากนัก"ไม่...เอ่อ..ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงช่วยฉัน""ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรหรอกแค่ไม่อยากเห็นใครถูกทำร้าย""ตัวเล็กเท่าลูกหมาทำเก่ง"วันหนึ่งอ้าปากค้างกับคำพูดของเอื้องฟ้าเธอเข้าใจว่าหญิงสาวคงจะห่วงเธอแต่ก็น่าจะใช้คำพูดให้มันดีกว่านี้จะได้ฟังอย่างรื่นหูหน่อย"อ้าว...ฉันช่วยพี่นะพูดให้ดีๆหน่อยไม่ได้หรือไง""ทีหลังก็หัดห่วงตัวเองก่อน""ได้ทีหลังหนึ่งจะมองดูพี่ถูกรุมกระทืบก่อน""ปากคอนะ""ฮ่าๆ
"ฉันว่าคนที่จะมาป่วนไร่ฉันคงไม่มีใครหรอกนอกจากทรงพล"เสียงของน่านน้ำที่ดังมาจากในห้องทำงานทำให้วันหนึ่งชะงักฝีเท้าที่จะเดินเอาของว่างไปให้เขาเพราะอยากรู้ว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มนั้นรู้อะไรมา"หลักฐานที่แกได้มาตอนนี้มันทำให้ฉันมั่นใจแล้วว่าเสี่ยทรงยศเป็นทำให้ปู่ฉันตาย..ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครจนกว่าจะมีหลักฐานมัดแน่น"น่านน้ำรู้สึกคับแค้นใจพอสมควรกับเรื่องที่พึ่งได้รับรู้จากเพื่อนของเขาที่เป็นตำรวจลับว่าหลักฐานทุกอย่างที่มีตอนนี้มีความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ว่าคนที่ทำให้ปู่ของเขาตายคือเสี่ยทรงยศ ไม่ว่าจะเป็นที่ดินที่ปู่ของเขาไปประสปอุบัติเหตุก็เป็นที่ดินของทรงยศที่ซื้อก่อนหน้าที่ปู่ของเขาจะเสียไปไม่เท่าไรหนำซ้ำยังใช้ชื่อคนอื่นเป็นเจ้าของเพื่อปกปิด และสมานคนสนิทของปู่เขาที่อ้างว่าป่วยจนต้องขอลาออกจากไร่ก็มีประวัติว่าเคยรับเงินของทรงยศแถมวันที่ปู่ของเขาต้องขับรถออกไปข้างนอกกลางดึกจนเกิดอุบัติเหตุก็เพราะสมานคนสนิทของปู่เขาโทรมาบอกว่าตัวเองไม่สบายไม่มีใครพาไปโรงพยาบาลอีก หากเพื่อนของเขาที่เป็นตำรวจลับตามตัวสมานได้ก็คงจะได้เค้นความจริงและถ้าความจริงคือทุกอย่างคือการจัดฉากที่มีทรงยศอยู่เบื้องหลังคร
รถตู้สีดำใช้เวลาไม่นานนักก็ขับมาถึงท้ายไร่ของเสี่ยทรงยศสองสาวถูกลากตัวเข้ามาในโรงเก็บฟางโรงใหญ่โดยมีหมอกและสิงห์คอยคุมตัวอยู่ไม่ห่าง"จับพวกฉันมาทำไมห้ะไอ้พวกอันธพาลฉันจำแกได้นะว่าเป็นใครฉันจะแจ้งตำรวจจับแก"วันหนึ่งเอ่ยเสียงแข็งอย่างไม่พอใจที่คนพวกนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษไม่พอยังจะคิดทำชั่วทำเลวโดยการฉุดผู้หญิงมาอีก"ปล่อยฉันไปนะถ้าเรื่องนี้ถึงหูพ่อเลี้ยงว่าพวกแกทำร้ายคนในไร่เค้าโดนดีแน่"เอื้องฟ้าตะคอกใส่หน้าหมอกกับสิงห์ยังไม่ทันขาดคำเธอกับวันหนึ่งก็ต้องถอยกรูเมื่อนักเลงทั้งสองจ่อปากกระบอกปืนมายังพวกเธอ“ถ้ายังไม่เงียบปากเจ็บตัวแน่”เป็นหมอกที่เอ่ยขู่สาวทั้งสองเสียงแข็งเพราะเขารำคาญเสียงพวกเธอโวยวายตั้งแต่ในรถไม่ยอมหยุดจนมาถึงที่นี่"พวกแกพาใครมาด้วยวะ"ทรงพลมองไปยังผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวที่ยืนอยู่ข้างตัวเอื้องฟ้าด้วยสายตาไม่พอใจเพราะเขาสั่งคนสนิททั้งสองให้พาตัวเอื้องฟ้ามาแค่คนเดียว"นังนี่เป็นคนของพ่อเลี้ยงน่านดันเข้ามายุ่งก็เลยรวบมาเลยครับนาย"สิงห์เอ่ยกับคนเป็นนายที่ต้องทำนอกเหนือคำสั่งก็เพราะกลัวว่าหาปล่อยคนที่เห็นเหตุการณ์ไปไม่วายเรื่องถึงหูตำรวจเร็วแน่"พวกแกจะเอายัยนี่ไปทำอะไรก็เชิ
ปั้งๆ"อ๊า..ยย.. "วันหนึ่งที่วิ่งไปวิ่งมาก็เหมือนจะวนอยู่ที่เดิมแถมหมอกกับสิงห์ยังตามอยู่ไม่ห่างตอนนี้ความกลัวตายเคลือบคลานเข้ามาในหัวใจของหญิงสาวพอสมควรจากไม่ค่อยกลัวเสียงปืนเพราะเคยฝึกซ้อมยิงปืนมาบอยตอนนี้กลับตกใจส่งเสียงกรีดร้องจนต้องรีบใช้มือทั้งสองปิดปากตัวเองเอาไว้ขณะที่ขาทั้งสองก็สับเท้าวิ่งไปตามทางที่พอจะไปได้"เสียงปืน.."น่านน้ำเหยียบเบรกกะทันหันก่อนที่จถึงปากทางเข้าไร่ของทรงยศเขาพอจะฟังทิศทางออกว่ามันอยู่ทางด้านหลังจึงรีบหันหัวรถเลี้ยวกลับไปทันที"หนึ่ง.."แสงไฟของรถกระบะส่องไปเห็นหญิงสาวตัวเล็กที่เขาจำได้ดีว่าคือวันหนึ่งจึงรีบเหยียบคันเร่งเข้าไปประชิดตัวของเธอ"พ่อเลี้ยง.."สาวเจ้าแทบจะน้ำตาไหลรู้สึกโล่งใจเป็นปลิดทิ้งที่ได้เห็นหน้าของน่านน้ำเธอไม่รีรอที่จะเปิดประตูขึ้นรถหลังจากนั้นน่านน้ำก็รีบเหยียบคันเร่งหนีออกไปจากตรงนี้ทันทีโดยที่ยังคงมีกระสุนปืนยิงมาที่รถอยู่เรื่อยๆปั้งๆ"โถ่โว้ย..ไอ้สิงห์มึงรีบไปขับรถมามันไปได้ไม่ไกลหรอกโว้ย"หมอกสบถอย่างหัวเสียเมื่อตามวันหนึ่งไม่ทันจนเธอนั้นหนีไปได้เขาจำได้ดีว่ารถกระบะคันโตเป็นของน่านน้ำและรู้ว่าเอื้องฟ้าคงหนีไปได้และคาบข่าวไปบอกน่
ไออุ่นที่ตามหาวันหนึ่งทั้งงานก็ไม่เจอซ้ำยังเห็นถุงอาหารที่หญิงสาวซื้อหล่นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากรถมอเตอร์ไซต์จึงรู้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีแล้วสิ่งที่เธอสังหรณ์ใจมันเป็นเช่นนั่นจริงๆเมื่อเอื้องฟ้าโทรบอกกับเธอว่าวันหนึ่งถูกจับตัวไป"หลานฉันจะเป็นยังไงบ้างนะ"นฤดีแทบลมจับเมื่อได้รับรู้ข่าวจากไออุ่น"ใจเย็นๆค่ะคุณท่านทั้งพ่อเลี้ยงทั้งตำรวจกำลังไปช่วยยังไงคุณหนูก็จะต้องปลอดภัยค่ะ"อุไรประคองหญิงชราเอาไว้ขณะที่ไออุ่นยังคงจ่อยาดมไม่ห่างจากจมูกของนฤดี อุไรเชื่อว่าย่างไรวันหนึ่งก็ต้องปลอดภัยเพราะน่านน้ำไม่ยอมปล่อยให้คนในปกครองของตัวเองเป็นอันตรายอะไรไปแน่"เป็นแบบนี้ได้ยังไงกันแล้วตำรวจก็เชื่อไอ้พวกตอแหลพวกนั้นน่ะเหรอ..พ่อเลี้ยงกับหนึ่งจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้"เอื้องฟ้าโมโหจนเสียงสั่นที่ทรงพลปฏิเสธข้อกล่าวหาไม่พอตำรวจยังไม่พบน่านน้ำและวันหนึ่งอีกกลับพบเพียงแค่รถของน่านน้ำที่มีแต่รอยลูกกระสุนปืนเท่านั้นแต่พวกของทรงยศก็ปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นอีก"ใจเย็นๆครับยังไงเราก็ไม่มีหลักฐานไปพูดปากเปล่าแบบนั้นตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี"“จริงอย่างที่หมอว่า”คำอ้ายเห็นด้วยกับสิ่งที่สายน้ำพูดเพราะตอนนี้เท่ากับทางเราไป
"ดูซิ..ตัวเท่าลูกหมาทำเก่งปกป้องคนโน้นปกป้องคนนี้จะตายอยู่แล้วเห็นไหมเนี่ย..อีพวกคนชั่วมันก็ชั่วได้ใจจริงๆพูดแล้วก็โมโห"เอื้องฟ้าพูดไปน้ำตาคลอไปยิ่งรู้ว่าวันหนึ่งปกป้องพ่อเลี้ยงจนตัวเองถูกยิงต้องผ่าตัดกันสดๆยิ่งสงสารจับหัวใจจากก่อนหน้าที่ไม่ค่อชอบหน้าหญิงสาวตอนนี้กลับนับถือน้ำใจที่วันหนึ่งนั้นชอบเอาตัวเองปกป้องคนอื่นก่อนเสมอไม่เว้นแม้แต่เธอที่กัดกันอยู่บ่อยครั้ง"อารมณ์เสียไปก็เท่านั้นแหละค่ะพี่เอื้องหลักฐานความผิดพวกทรงพลไม่แน่นหนาตำรวจก็เอาผิดพวกมันไม่ได้อยู่ดี"ไออุ่นยกมือแตะหัวไหล่ของเอื้องฟ้าที่โกรธจนตัวสั่นเทา เธอเองก็อยากให้คนชั่วได้รับโทษตามกฏหมายแต่จะทำอะไรได้ในเมื่อหลักฐานอะไรก็ไม่มีมัดตัวคนพวกนั้นสักอย่างเดียวหลักฐานพวกรอยกระสุนอะไรพวกนั้นที่มีอยู่น้อยนิดคนพวกนั้นก็แถกันไปได้อยู่ดีว่าไม่ได้เกี่ยวกับการที่วันหนึ่งและพ่อเลี้ยงหนุ่มหายไปไออุ่นกลับมาได้ก็ต้องรีบแจ้งข่าวที่ต้องเก็บเป็นความลับกับคนในบ้านทันที"ถึงต้องแกล้งตายกันเลยเหรอลูก"นฤดีที่ได้ฟังก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมหลานเธอและน่านน้ำต้องแกล้งตายในเมื่อสามารถกลับมาบอกตำรวจได้เลยว่าถูกพวกของทรงยศทำร้าย"เพื่อความปลอดภัยของ
วันนี้เป็นวันพิธีเผาศพของวันหนึ่งและน่านน้ำคนในไร่ต่างก็มีอาการโศกเศร้าเสียใจไปตามๆกันบางกลุ่มก็นั่งสงสัยในสาเหตุการตายของทั้งคู่ว่าทำไมถึงไปเสียชีวิตกันที่กลางป่าและมีอาการสงสารทั้งสองพอสมควร บางกลุ่มก็คิดไม่ดีว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มนั้นไปทำอะไรเชิงชู้สาวกับแม่ครัวของตัวเองเช่นกลุ่มที่เอื้องฟ้ากำลังยินอยู่ตอนนี้"ทำไมพ่อเลี้ยงไปตกน้ำในป่าลึกกับแม่ครัวได้ล่ะ..เข้าไปทำอะไรกันในป่าลึกแบบนั้น..คงไม่ใช่ไป..""นี่ป้า..คนตายไปแล้วยังจะหาเรื่องพูดให้เค้าดูไม่ดีอีกนะ"เอื้องฟ้าไม่ยอมปล่อยให้คำพูดไม่ดีของเหล่ามนุษย์ป้าที่คิดอกุศลออกมาจนจบเพราะเธอรู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไรเพียงแค่พูดออกมาไม่ได้เท่านั้น"พวกฉันก็แค่สงสัย...เออแล้วเรื่องที่แกถูกฉุดล่ะเอื้อง..ไม่ได้สึกเหรออะไรใช่ไหม"หญิงร่างท้วมตอกกลับเอื้องฟ้าน้ำเสียงฉะฉานเพราะพอจะรู้มาว่าคืนวันลอยกระทงเอื้องฟ้าไปแจ้วความกับตำรวจว่าเธอนั้นถูกทรงพลฉุด"ฉันไม่ได้เป็นอะไร"เป็นครั้งแรกที่เอื้องฟ้ารู้สึกหน้าชาเพราะเหล่าป้าๆที่นั่งยิ้มเยาะจ้องมายังเธอไม่วางตาเธอไม่คิดว่าคนที่ไร่จะคิดกับเธออย่างนี้"เชื่อได้เร้อะ"ไออุ่นที่กำลังเก็บโต๊ะเก้าอี้หลังจากงานจบเ