รถตู้สีดำใช้เวลาไม่นานนักก็ขับมาถึงท้ายไร่ของเสี่ยทรงยศสองสาวถูกลากตัวเข้ามาในโรงเก็บฟางโรงใหญ่โดยมีหมอกและสิงห์คอยคุมตัวอยู่ไม่ห่าง
"จับพวกฉันมาทำไมห้ะไอ้พวกอันธพาลฉันจำแกได้นะว่าเป็นใครฉันจะแจ้งตำรวจจับแก"
วันหนึ่งเอ่ยเสียงแข็งอย่างไม่พอใจที่คนพวกนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษไม่พอยังจะคิดทำชั่วทำเลวโดยการฉุดผู้หญิงมาอีก
"ปล่อยฉันไปนะถ้าเรื่องนี้ถึงหูพ่อเลี้ยงว่าพวกแกทำร้ายคนในไร่เค้าโดนดีแน่"
เอื้องฟ้าตะคอกใส่หน้าหมอกกับสิงห์ยังไม่ทันขาดคำเธอกับวันหนึ่งก็ต้องถอยกรูเมื่อนักเลงทั้งสองจ่อปากกระบอกปืนมายังพวกเธอ
“ถ้ายังไม่เงียบปากเจ็บตัวแน่”
เป็นหมอกที่เอ่ยขู่สาวทั้งสองเสียงแข็งเพราะเขารำคาญเสียงพวกเธอโวยวายตั้งแต่ในรถไม่ยอมหยุดจนมาถึงที่นี่
"พวกแกพาใครมาด้วยวะ"
ทรงพลมองไปยังผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวที่ยืนอยู่ข้างตัวเอื้องฟ้าด้วยสายตาไม่พอใจเพราะเขาสั่งคนสนิททั้งสองให้พาตัวเอื้องฟ้ามาแค่คนเดียว
"นังนี่เป็นคนของพ่อเลี้ยงน่านดันเข้ามายุ่งก็เลยรวบมาเลยครับนาย"
สิงห์เอ่ยกับคนเป็นนายที่ต้องทำนอกเหนือคำสั่งก็เพราะกลัวว่าหาปล่อยคนที่เห็นเหตุการณ์ไปไม่วายเรื่องถึงหูตำรวจเร็วแน่
"พวกแกจะเอายัยนี่ไปทำอะไรก็เชิญส่วนเอื้องฟ้าฉันจัดการเอง"
ทรงพลว่าจบก็เข้าไปกระชากเอื้องฟ้าออกไปเพราะคืนนี้ยังไงเขาก็จะทำให้คนที่หยิ่งผยองกับเขากลายเป็นลูกแมวยอมสยบแก่เขาให้ได้
"ปล่อยนะ"
ฟึ่บ.. ปึก ..วันหนึ่งใช้ความเร็วของเธอดึงปืนจากเอวของสิงห์และเข้าไปกระโดดเตะปลายคางของทรงพล นึกในใจว่าคนพวกนี้ประมาทเธอเกินไปที่ไม่คิดจะมัดมือมัดเท้าด้วยอาจจะคิดว่าเธอไม่มีพิษมีภัยอะไร
"โอ้ยย.."
วันหนึ่งดึงตัวเอื้องฟ้าเอาไว้ก่อนจะจ่อปลายกระบอกปืนขู่หมอกกับสิงห์ที่กำลังจะก้าวเข้ามาจับตัวของเธอ
“ไปพี่เอื้อง”
สองสาวรีบวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิตเลือกที่จะฝ่าความมืดเข้าไปในชายป่า
“คุณทรงพล”
"ตามไปสิวะ"
ทรงพลตัวดแขนลูกน้องทั้งสองที่พึ่งพยุงเขาขึ้นด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดเพราะดันเสียท่าผู้หญิงตัวเล็กเสียได้
ปั้ง
วันหนึ่งเห็นสมุนทั้งสองวิ่งตามเธอออกมาติดๆก็รีบยิงสกัดสองคนนั้นเอาไว้
"อ๊ายย..นี่..ยิงปืนเป็นด้วยเหรอ"
เอื้องฟ้ามองวันหนึ่งอย่างไม่เชื่อสายตาว่าเมื่อครู่หญิงสาวจะใช้ปืนเป็นแถมยังดูชำนาญไม่เกรงกลัวเสียงของมันด้วย
"หนีก่อนอย่าพึ่งถาม"
"เราหนีไม่พ้นหรอกที่นี่เป็นไร่เสี่ยทรงยศมีแต่คนของเค้าทั้งนั้น"
เอื้องฟ้าคิดไม่ออกเลยว่าจะหนีจากไร่ของทรงยศอย่างไรเพราะสมุนของทรงพลก็ยังไล่ตามเธอมาไม่ห่าง
"งั้นเอางี้พี่เอื้องหาทางออกหนีไปให้ได้เดี๋ยวหนึ่งจะวิ่งล่อคนไปอีกทาง"
วันหนึ่งรู้ว่าหากหนีรวมกันทั้งสองคงไม่มีใครหนีออกไปได้แน่และเธอก็จะต้องเป็นฝ่ายล่อสมุนของทรงพลเอาไว้เพื่อให้เอื้องฟ้าที่ชำนาญเส้นทางแถวนี้มากกว่าหนีไปเพื่อไปหาคนมาช่วย
"ไม่.. ฉันไม่ทิ้งเธอหรอก"
เอื้องฟ้าส่ายหัวเธอไม่ยอมให้วันหนึ่งไปเสี่ยงคนเดียวแน่
“เอาไว้ป้องกันตัวนะ
"หนึ่ง..หนึ่ง"
ไม่ทันที่เอื้องฟ้าจะได้พูดจบวันหนึ่งก็ยัดปืนใส่มือของเอื้องฟ้าและใช้ความไววิ่งล่อหมอกและสิงห์ไปอีกทาง
"ช่วยด้วยย.."
เอื้องฟ้าวิ่งหนีตายสุดชีวิตเมื่อออกมาถึงถนนใหญ่และเห็นส่ามีรถยนต์ขับผ่านมาได้จึงรีบวิ่งขวางหน้ารถเอาไว้และก็เป็นความโชคดีของเธอที่คนในรถคือหมอสายน้ำ
หลังจากที่สายน้ำช่วยเอื้องฟ้ามาได้และรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นพวกเขาจึงรีบบึ่งไปที่บ้านของน่านน้ำเพื่อแจ้งข่าวร้ายให้ทราบว่าตอนนี้วันหนึ่งกำลังตกอยู่ในอันตราย
"หมอพาเอื้องฟ้าไปแจ้งความเดี๋ยวผมจะไปที่ไร่พ่อเลี้ยงทรงยศ"
“ครับ”
น่านน้ำรีบคว้าอาวุธติดตัวและรีบขับรถกระบะคันเก่งของเขามุ่งหน้าไปที่ไร่ของทรงยศก่อนเพราะความรู้สึกห่วงแม่ครัวตัวเล็กมั่นร้อนรุ่มอยู่ในใจจนทนรอเจ้าหน้าที่ไม่ได้
ทางด้านของวันหนึ่งที่ไม่ชำนาญเส้นทางในไร่ของทรงยศเธอจึงถูกหมอกและสิงห์จับตัวมาที่โรงเก็บฟางอีกจนได้
"อย่าคิดว่าอิทธิพลจะทำอะไรกับชีวิตใครก็ได้คอยดูเถอะความผิดของพวกแกกำลังจะเปิดเผย"
สาวเจ้าที่สะบักสะบอมมอมแมมไปด้วยดินโคลนต่อว่าผู้ชายทั้งสามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวและพุ่งสายตาโกรธแค้นไปยังทรงพลไม่ลดลา
"พูดอะไร.. เธอรู้อะไรมาห้ะ"
ทรงพลถึงกับหน้าชาวาบรีบกระชากคนตัวเล็กให้อธิบายส่งที่พูดมาให้กระจ่าง
"วีรกรรมชั่วๆของพวกแกไงของพ่อแก..อีกไม่นานมันจะเปิดเผยถึงเวลานั้นพวกแกก็จะไม่มีอิทธิพลอีกต่อไป"
"พวกมึงออกไป"
ทรงพลรีบไร่ลูกน้องออกไปเพราะเขาไม่รู้ว่าวันหนึ่งจะพูดอะไรออกมาอีกบ้างด้วยรู้ว่าเธอเป็นคนของน่านน้ำคงได้รู้ได้เห็นความลับของน่านน้ำมาบ้างแน่และหากเธอรู้ความผิดในอดีตที่พ่อของเขาทำกับปู่ของน่านน้ำเท่ากับว่าน่านน้ำต้องรู้เรื่องนี้แล้ว
Rrrrr
"พ่อมาที่ท้ายไร่ด่วนเลย"
ทรงพลรีบโทรหาทรงยศในเวลากลางดึกเห็นว่านาทีนี้เขาต้องยืมมือคนเป็นพ่อมาเค้นความจริงจากปากของวันหนึ่ง
"บอกมาให้กูรู้ซะดีๆว่ามึงรู้อะไรมา"
หลังจากวางสายจากคนเป็นพ่อได้ทรงพลก็รีบเค้นวันหนึ่งอีกรอบ
"หยาบคายฉันคิดว่าจะไม่มีผู้ชายแบบนี้อยู่บนโลกแล้วซะอีก"
"กูบอกให้บอกมา"
ปึก.. ฟึ่บ วันหนึ่งอาศัยจังหวะที่ทรงพลเข้ามาใกล้ตะผ่าหมากชายหนุ่มเต็มแรงและคว้าเศษดินเศษฟางที่พื้นปาใส่ตาของทรงพลก่อนจะใช้ความตัวเล็กลอดช่องโหว่ของไม้ที่ผุออกไปจากโรงเก็บฟาง
"โอ้ย.. อีเวรเอ้ย"
คนนอนเจ็บจุกอยู่กับพื้นเอ่ยน้ำเสียงปนโมโหเจ็บใจที่เสียท่าวันหนึ่งครั้งแล้วครั้งเล่า
"พวกมึงอยู่ไหนอีเวรนี่มันหนีไปแล้ว"
เมื่อหายจุกจนลุกขึ้นได้ทรงพลก็ออกมาเรียกลูกน้องทั้งสองที่หน้าโรงเก็บฟาง
"ไอ้หมอกไอ้สิงห์มึงตามมันไป..จัยตัวมันมาเป็นๆนะโว้ย"
"ครับ"
หากวันหนึ่งไม่เอ่ยอะไรมาให้เขาคาใจเขาคงสั่งลูกน้องให้ฆ่าเธอไปแล้วไม่รู้ว่าตัวแค่นี้จะแสบนัก
เพี๊ยะ... เสี่ยทรงยศมาถึงก็ตบหน้าลูกชายหลังจากที่รู้ว่าต้นเรื่องที่สร้างปัญหาคือทรงพลที่อยากจะฉุดเอื้องฟ้ามาทำมิดีมิร้าย
"หาเรื่องให้ฉันปวดหัวไม่เว้นแต่ละวันเงินแกก็มีหิวนักก็ไปซื้อกินเอาสิวะจะไปฉุดคนให้เป็นเรื่องเพื่ออะไร"
ทรงยศโมโหเหลือเกินที่มีลูกชายกับเค้าอยู่คนเดียวก็สร้างแต่เรื่อง
"พ่อหยุดบ่นฉันก่อนตอนฉันจับเอื้องฟ้ามามีแม่บ้านของไอ้พ่อเลี้ยงน่านมาด้วยแถมมันก็พูดว่าอีกหน่อยเรื่องที่เราทำผิดเอาไว้ก็จะถูกเปิดเผยฉันถามมันว่ารู้เรื่องอะไรมามันก็ไม่ยอมตอบแล้วมันก็หนีไปได้ฉันให้ไอ้หมอกไปตามเก็บมันอยู่"
"ผู้หญิงคนเดียวปล่อยให้หนีไปได้แกควรจะพิจารณาตัวเองได้แล้วทรงพล"
ยิ่งได้ฟังลูกจนพูดทรงยศก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาสาธยายความโง่ของลูกตัวเอง และคิดว่างานนี้เขาจะต้องทำให้พ่อเลี้ยงน่านไม่เหลือชื่อน่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด
ปั้งๆ"อ๊า..ยย.. "วันหนึ่งที่วิ่งไปวิ่งมาก็เหมือนจะวนอยู่ที่เดิมแถมหมอกกับสิงห์ยังตามอยู่ไม่ห่างตอนนี้ความกลัวตายเคลือบคลานเข้ามาในหัวใจของหญิงสาวพอสมควรจากไม่ค่อยกลัวเสียงปืนเพราะเคยฝึกซ้อมยิงปืนมาบอยตอนนี้กลับตกใจส่งเสียงกรีดร้องจนต้องรีบใช้มือทั้งสองปิดปากตัวเองเอาไว้ขณะที่ขาทั้งสองก็สับเท้าวิ่งไปตามทางที่พอจะไปได้"เสียงปืน.."น่านน้ำเหยียบเบรกกะทันหันก่อนที่จถึงปากทางเข้าไร่ของทรงยศเขาพอจะฟังทิศทางออกว่ามันอยู่ทางด้านหลังจึงรีบหันหัวรถเลี้ยวกลับไปทันที"หนึ่ง.."แสงไฟของรถกระบะส่องไปเห็นหญิงสาวตัวเล็กที่เขาจำได้ดีว่าคือวันหนึ่งจึงรีบเหยียบคันเร่งเข้าไปประชิดตัวของเธอ"พ่อเลี้ยง.."สาวเจ้าแทบจะน้ำตาไหลรู้สึกโล่งใจเป็นปลิดทิ้งที่ได้เห็นหน้าของน่านน้ำเธอไม่รีรอที่จะเปิดประตูขึ้นรถหลังจากนั้นน่านน้ำก็รีบเหยียบคันเร่งหนีออกไปจากตรงนี้ทันทีโดยที่ยังคงมีกระสุนปืนยิงมาที่รถอยู่เรื่อยๆปั้งๆ"โถ่โว้ย..ไอ้สิงห์มึงรีบไปขับรถมามันไปได้ไม่ไกลหรอกโว้ย"หมอกสบถอย่างหัวเสียเมื่อตามวันหนึ่งไม่ทันจนเธอนั้นหนีไปได้เขาจำได้ดีว่ารถกระบะคันโตเป็นของน่านน้ำและรู้ว่าเอื้องฟ้าคงหนีไปได้และคาบข่าวไปบอกน่
ไออุ่นที่ตามหาวันหนึ่งทั้งงานก็ไม่เจอซ้ำยังเห็นถุงอาหารที่หญิงสาวซื้อหล่นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากรถมอเตอร์ไซต์จึงรู้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีแล้วสิ่งที่เธอสังหรณ์ใจมันเป็นเช่นนั่นจริงๆเมื่อเอื้องฟ้าโทรบอกกับเธอว่าวันหนึ่งถูกจับตัวไป"หลานฉันจะเป็นยังไงบ้างนะ"นฤดีแทบลมจับเมื่อได้รับรู้ข่าวจากไออุ่น"ใจเย็นๆค่ะคุณท่านทั้งพ่อเลี้ยงทั้งตำรวจกำลังไปช่วยยังไงคุณหนูก็จะต้องปลอดภัยค่ะ"อุไรประคองหญิงชราเอาไว้ขณะที่ไออุ่นยังคงจ่อยาดมไม่ห่างจากจมูกของนฤดี อุไรเชื่อว่าย่างไรวันหนึ่งก็ต้องปลอดภัยเพราะน่านน้ำไม่ยอมปล่อยให้คนในปกครองของตัวเองเป็นอันตรายอะไรไปแน่"เป็นแบบนี้ได้ยังไงกันแล้วตำรวจก็เชื่อไอ้พวกตอแหลพวกนั้นน่ะเหรอ..พ่อเลี้ยงกับหนึ่งจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้"เอื้องฟ้าโมโหจนเสียงสั่นที่ทรงพลปฏิเสธข้อกล่าวหาไม่พอตำรวจยังไม่พบน่านน้ำและวันหนึ่งอีกกลับพบเพียงแค่รถของน่านน้ำที่มีแต่รอยลูกกระสุนปืนเท่านั้นแต่พวกของทรงยศก็ปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นอีก"ใจเย็นๆครับยังไงเราก็ไม่มีหลักฐานไปพูดปากเปล่าแบบนั้นตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี"“จริงอย่างที่หมอว่า”คำอ้ายเห็นด้วยกับสิ่งที่สายน้ำพูดเพราะตอนนี้เท่ากับทางเราไป
"ดูซิ..ตัวเท่าลูกหมาทำเก่งปกป้องคนโน้นปกป้องคนนี้จะตายอยู่แล้วเห็นไหมเนี่ย..อีพวกคนชั่วมันก็ชั่วได้ใจจริงๆพูดแล้วก็โมโห"เอื้องฟ้าพูดไปน้ำตาคลอไปยิ่งรู้ว่าวันหนึ่งปกป้องพ่อเลี้ยงจนตัวเองถูกยิงต้องผ่าตัดกันสดๆยิ่งสงสารจับหัวใจจากก่อนหน้าที่ไม่ค่อชอบหน้าหญิงสาวตอนนี้กลับนับถือน้ำใจที่วันหนึ่งนั้นชอบเอาตัวเองปกป้องคนอื่นก่อนเสมอไม่เว้นแม้แต่เธอที่กัดกันอยู่บ่อยครั้ง"อารมณ์เสียไปก็เท่านั้นแหละค่ะพี่เอื้องหลักฐานความผิดพวกทรงพลไม่แน่นหนาตำรวจก็เอาผิดพวกมันไม่ได้อยู่ดี"ไออุ่นยกมือแตะหัวไหล่ของเอื้องฟ้าที่โกรธจนตัวสั่นเทา เธอเองก็อยากให้คนชั่วได้รับโทษตามกฏหมายแต่จะทำอะไรได้ในเมื่อหลักฐานอะไรก็ไม่มีมัดตัวคนพวกนั้นสักอย่างเดียวหลักฐานพวกรอยกระสุนอะไรพวกนั้นที่มีอยู่น้อยนิดคนพวกนั้นก็แถกันไปได้อยู่ดีว่าไม่ได้เกี่ยวกับการที่วันหนึ่งและพ่อเลี้ยงหนุ่มหายไปไออุ่นกลับมาได้ก็ต้องรีบแจ้งข่าวที่ต้องเก็บเป็นความลับกับคนในบ้านทันที"ถึงต้องแกล้งตายกันเลยเหรอลูก"นฤดีที่ได้ฟังก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมหลานเธอและน่านน้ำต้องแกล้งตายในเมื่อสามารถกลับมาบอกตำรวจได้เลยว่าถูกพวกของทรงยศทำร้าย"เพื่อความปลอดภัยของ
วันนี้เป็นวันพิธีเผาศพของวันหนึ่งและน่านน้ำคนในไร่ต่างก็มีอาการโศกเศร้าเสียใจไปตามๆกันบางกลุ่มก็นั่งสงสัยในสาเหตุการตายของทั้งคู่ว่าทำไมถึงไปเสียชีวิตกันที่กลางป่าและมีอาการสงสารทั้งสองพอสมควร บางกลุ่มก็คิดไม่ดีว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มนั้นไปทำอะไรเชิงชู้สาวกับแม่ครัวของตัวเองเช่นกลุ่มที่เอื้องฟ้ากำลังยินอยู่ตอนนี้"ทำไมพ่อเลี้ยงไปตกน้ำในป่าลึกกับแม่ครัวได้ล่ะ..เข้าไปทำอะไรกันในป่าลึกแบบนั้น..คงไม่ใช่ไป..""นี่ป้า..คนตายไปแล้วยังจะหาเรื่องพูดให้เค้าดูไม่ดีอีกนะ"เอื้องฟ้าไม่ยอมปล่อยให้คำพูดไม่ดีของเหล่ามนุษย์ป้าที่คิดอกุศลออกมาจนจบเพราะเธอรู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไรเพียงแค่พูดออกมาไม่ได้เท่านั้น"พวกฉันก็แค่สงสัย...เออแล้วเรื่องที่แกถูกฉุดล่ะเอื้อง..ไม่ได้สึกเหรออะไรใช่ไหม"หญิงร่างท้วมตอกกลับเอื้องฟ้าน้ำเสียงฉะฉานเพราะพอจะรู้มาว่าคืนวันลอยกระทงเอื้องฟ้าไปแจ้วความกับตำรวจว่าเธอนั้นถูกทรงพลฉุด"ฉันไม่ได้เป็นอะไร"เป็นครั้งแรกที่เอื้องฟ้ารู้สึกหน้าชาเพราะเหล่าป้าๆที่นั่งยิ้มเยาะจ้องมายังเธอไม่วางตาเธอไม่คิดว่าคนที่ไร่จะคิดกับเธออย่างนี้"เชื่อได้เร้อะ"ไออุ่นที่กำลังเก็บโต๊ะเก้าอี้หลังจากงานจบเ
"ไปไหนกันมากลับซะค่ำเลย"คำอ้ายยืนเท้าเอวมองหมอสายน้ำอย่างสงสัยที่พาลูกสาวของเขากลับมาส่งเสียมืดค่ำ"ผมให้เอื้องฟ้าไปช่วยจับลูกหมาที่หลังโรงเรียนมาฉีดวัคซีนครับ""บอกฉันว่าจะพาไปขี่รถเล่นแต่กลับให้ไปจับลูกหมาให้ซะงั้น.. มอมแมมหมดฉันไปอาบน้ำก่อนนะพ่อ"เอื้องฟ้าลงจากรถได้ก็เดินปรี่เข้าไปในบ้านเพราะอยากจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากเหนื่อยวิ่งไล่จับหมาตัวใหญ่ให้หมอหนุ่มได้ฉีดวัคซีน"เออๆ..""วันหลังผมจะชวนเอื้องฟ้าไปด้วยบ่อยๆขออนุญาตลุงคำอ้ายด้วยนะครับ"เอื้องฟ้าเดินหายไปในบ้านได้สายน้ำก็รีบขออนุญาตกับคำอ้ายถึงเรื่องที่วันข้างหน้าเขาคงได้เข้ามาเกาะแกะอยู่กับเอื้องฟ้าบ่อยๆ คำอ้ายได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วไม่คิดว่าจะมีใครอยากจะเข้าใกล้ลูกสาวของเขาที่มีสุนัขอยู่เต็มปากได้"ลูกผมมันเป็นมิตรกับหมอเหรอครับถึงได้อยากให้มันไปช่วยบ่อยๆ""ครับ..เราตกลงเป็นเพื่อนกัน"สายน้ำพูดไปก็มีท่าทีเก้อเขินไปจนคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างคำอ้ายพอจะดูออกแล้วว่าทำไมสายน้ำถึงได้ขออนุญาตเขาพาลูกสาวไปข้างนอกบ่อยๆ"แค่เพื่อน?""คือ..จะพูดตรงๆก็อยากเป็นมากกว่านั้น"สายน้ำไม่คิดอ้อมค้อมเพราะจะจีบลูกสาวของคำอ้ายก็ต้องเข้าท
วันเวลาพ้นผ่านนานร่วมอาทิตย์หลังจากที่วันหนึ่งพูดจาตรงไปตรงมากับน่านน้ำและหลังจากวันนั้นน่านน้ำก็ยังคงดูแลวันหนึ่งได้ดีทุกกระเบียดนิ้วแต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่คุยกันค้างเอาไว้อีกซ่า...เช้าของวันนี้วันหนึ่งมานั่งเล่นที่ธารน้ำตกเธอดีขึ้นมากแผลที่เย็บหมอพร้อมก็มาตัดไหมให้แล้วแต่แผลของเธอก็ยังถูกน้ำไม่ได้อยู่ดีสาวเจ้าที่อยู่ใกล้ธารน้ำตกอันแสนสวยจึงมองสายน้ำเหล่านั้นด้วยสายตาละห้อยเพราะทำได้แค่นั่งบนโขดหินแกว่งขาเล่นน้ำเท่านั้น“มาอยู่นี่นี่เอง..ไปทานข้าวเช้ากันเถอะ”น่านน้ำคิดถูกที่เขาเดินมาหลังกระท่อมน้อยตรงมายังธารน้ำตกเพราะได้ยินว่าวันหนึ่งอยากเดินมาเที่ยวตรงนี้หลายวันแล้ว"พ่อเลี้ยง...วันนั้นโกรธหนึ่งหรือเปล่าคะ..เรื่องที่..หนึ่ง"ดวงตากลมโตเปรยมองคนตัวโตที่กำลังทิ้งตัวนั่งลงที่โขดหินข้างๆพร้อมแสยะยิ้มอ่อนให้เขาก่อนะจะเอ่ยถึงเรื่องที่อึดอัดในใจมาหลายวัน"อืมเรื่องวันนั้นผมไม่ได้โกรธหรอก..”น่านน้ำรู้ว่าวันหนึ่งจะพูดเรื่องอะไรเขาจึงโพร่งในขณะที่เธอยังพูดไม่จบเพราะเขาเองก็อยากพูดกับเธอถึงเรื่องนี้หลายวันแล้วเหมือนกันแต่เห็นว่าหญิงสาวยังไม่เกริ่นมาเขาก็ยังไม่กล้าสนทนาเรื่องวันน
"คุณมาเจ็บตัวอยู่ที่นี่ย่าคุณคงจะห่วงมากกลับไปผมต้องไปขอโทษย่าคุณด้วยตัวเอง""หนึ่งฝากพี่อุ่นบอกย่าแล้วค่ะว่าไม่ต้องห่วงหนึ่งมีพ่อเลี้ยงดูแลอย่างดีค่ะ""ยังไงผมก็ต้องไปขอโทษท่านอยู่ดี""ไปฝากตัวเป็นหลานเขยด้วยเลยสิคะ"ใบหน้าจิ้มลิ้มเอียงเงยหน้ามายิ้มทะเล้นหยอกเอิญเล่นกับคนตัวโต"คุณนี่ก็ทะเล้นไม่เลิกจริงๆ""ก็พูดจริงนี่คะ..หนึ่งอยากเก็บหิ่งห้อยพวกนี้ไปไว้ที่ไร่เราจังเลยค่ะ""ใครว่าที่ไร่เราไม่มีล่ะ"ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ยิ้มทะเล้นคราแรกเริ่มมีสีหน้าและแววตาแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นที่ไม่ยักรู้ว่าที่ไร่เพชรพนาจะมีหิ่งห้อยเพราะเธอออกมาดูดาวแทบทุกคืนไม่เคยจะเห็น"เหรอคะ..หนึ่งออกมาดูดาวออกจะบ่อยไม่เคยเห็น""ถ้าออกไปจากที่นี่ผมจะพาคุณไปที่บ้านเล็กท้ายไร่ที่นั่นติดกับแนวเขาธรรมชาติสมบูรณ์มากมีหิ่งห้อยให้เห็นตลอดเลย""สัญญาแล้วนะคะว่าจะพาหนึ่งไป""อืม..""เอ..เคยพาสาวๆคนไหนไปที่นั่นหรือเปล่าคะ""ไม่เคย..""ดีใจจังที่หนึ่งจะได้ไปที่นั่นคนแรก"ฟึ่บ .. สาวเจ้าว่าจบก็เลื่อนตัวลงนอนตักของน่านน้ำ"เมื่อยค่ะขอนอนหน่อยนะคะ"คนตัวโตเอาแต่นั่งยิ้มมองไปยังหิ่งห้อยหลายพันตัวที่ส่องแสงสว่างไปทั่วต้นไม้ใหญ่
วันหนึ่งมาถึงงานช่วงกลางคืนได้พักใหญ่ก็แยกตัวออกจากน่านน้ำออกมาเดินเล่นกับน้ำผึ้งเพราะรู้สึกตื่นเต้นอยากดูเก็บรายละเอียดพิธีกรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"นี่อะไรอะผึ้ง"วันหนึ่งจ้องมองไปยังแก้วไม้ไผ่เล็กๆที่วางบนถาดในมือของน้ำผึ้งอยากรู้นักว่าน้ำใสๆในแก้วที่น้ำผึ้งคอยเอาไปเสริฟเหล่าผู้ชายที่นั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่หลายครั้งแล้วคืออะไร"ลองชิมดูสิคะ""อืมม..อ่าาา..ขมจัง"วันหนึ่งรีบคว้าแก้วในถาดมากระดกอึกใหญ่พอหมดแก้วได้ก็มีสีหน้าเหยเกเพราะรู้สึกว่าไอ้น้ำใสๆที่ดื่มไปเมื่อครู่ทั้งขมทั้งบาดคอ"กลืนไปอึกใหญ่เลยเหรอคะเดี๋ยวก็เมาหรอกค่ะ..นั่นเหล้าต้มของพ่อผึ้งเองแรงมากเลยนะคะ"น้ำผึ้งรีบหยิบแก้วในมือของวันหนึ่งมาถือเอาไว้ทั้งยังมีสีหน้าตกใจที่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะยกไปกระดกหมดแก้วทีเดียวแบบนั้นทั้งที่ผู้ชายที่คุ้นเคยกับเหล้าต้มที่นี่นังค่อยๆจิบทีละนิด"อ้าว..ก็ไม่บอกพี่ว่ามันคือเหล้า"“ก็ไม่คิดว่าจะกระดกจนหมดแบบนั้นนี่คะ”น้ำผึ้งรู้ได้เลยว่าหลังจากนี้อีกไม่กี่นาทีวันหนึ่งได้เมาแอ๋แน่นอนและแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆหลังจากที่วันหนึ่งดื่มเหล้าต้มที่ได้ชื่อว่าแรงมากเธอก็หน้าแดงตาเยิ้มลอยเริ่มเดินสะเ