วันเวลาพ้นผ่านนานร่วมอาทิตย์หลังจากที่วันหนึ่งพูดจาตรงไปตรงมากับน่านน้ำและหลังจากวันนั้นน่านน้ำก็ยังคงดูแลวันหนึ่งได้ดีทุกกระเบียดนิ้วแต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่คุยกันค้างเอาไว้อีก
ซ่า...
เช้าของวันนี้วันหนึ่งมานั่งเล่นที่ธารน้ำตกเธอดีขึ้นมากแผลที่เย็บหมอพร้อมก็มาตัดไหมให้แล้วแต่แผลของเธอก็ยังถูกน้ำไม่ได้อยู่ดีสาวเจ้าที่อยู่ใกล้ธารน้ำตกอันแสนสวยจึงมองสายน้ำเหล่านั้นด้วยสายตาละห้อยเพราะทำได้แค่นั่งบนโขดหินแกว่งขาเล่นน้ำเท่านั้น
“มาอยู่นี่นี่เอง..ไปทานข้าวเช้ากันเถอะ”
น่านน้ำคิดถูกที่เขาเดินมาหลังกระท่อมน้อยตรงมายังธารน้ำตกเพราะได้ยินว่าวันหนึ่งอยากเดินมาเที่ยวตรงนี้หลายวันแล้ว
"พ่อเลี้ยง...วันนั้นโกรธหนึ่งหรือเปล่าคะ..เรื่องที่..หนึ่ง"
ดวงตากลมโตเปรยมองคนตัวโตที่กำลังทิ้งตัวนั่งลงที่โขดหินข้างๆพร้อมแสยะยิ้มอ่อนให้เขาก่อนะจะเอ่ยถึงเรื่องที่อึดอัดในใจมาหลายวัน
"อืมเรื่องวันนั้นผมไม่ได้โกรธหรอก..”
น่านน้ำรู้ว่าวันหนึ่งจะพูดเรื่องอะไรเขาจึงโพร่งในขณะที่เธอยังพูดไม่จบเพราะเขาเองก็อยากพูดกับเธอถึงเรื่องนี้หลายวันแล้วเหมือนกันแต่เห็นว่าหญิงสาวยังไม่เกริ่นมาเขาก็ยังไม่กล้าสนทนาเรื่องวันนั้นต่อ
“ผมแค่ไม่มั่นใจว่าคุณคิดแบบนั้นกับผมจริงๆเพราะเรายังรู้จักกันไม่นานคุณยังไม่ได้เห็นหลายๆมุมของผมเลย"
"แต่หนึ่งชอบพ่อเลี้ยงจริงๆนะคะถึงจะรู้จักในเวลาไม่นานก็เถอะ"
วันหนึ่งค่อนข้างมั่นใจในความคิดของตัวเองว่ารู้สึกดีกับน่านน้ำถึงแม้ว่าจะเข้ามาในชีวิตของเขาเพราะคำทำนายและรู้จักกันไม่นานก็เถอะ
"คุณยังต้องทำความเข้าใจมากกว่านี้อีกสามเดือนถ้าคุณยังรู้สึกแบบเดิมค่อยมาคุยกับผมอีกที"
"แล้วตอนนั้นพ่อเลี้ยงจะยอมเป็นแฟนหนึ่งหรือเปล่าคะ"
ดวงตากลมโตเริ่มมีประกายของความหวัง
"ก็ต้องดูก่อนว่าก่อนจะถึงเวลานั้นคุณทำให้ผมปวดหัวบ่อยๆหรือเปล่าแล้วถ้าทำผมจะหักคะแนนไปเรื่อยๆ"
"เย่..พ่อเลี้ยงของหนึ่งใจดีที่สุดในโลกเลยค่ะหนึ่งสัญญาว่าจะไม่หาเรื่องให้พ่อเลี้ยงปวดหัวแน่นอน" ฟอดดดด
"หนึ่ง.. "
น่านน้ำเบิกตาโพรงตะลึงงันไปไม่เป็นเมื่อคนตัวเล็กอยู่ดีๆก็ยื่นใบหน้ามากดหอมแก้มของเขาโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว แถมตอนนี้สิ่งที่วันหนึ่งทำเมื่อครู่ยังอยู่ในสายตาของไออุ่นเอื้องฟ้ารวมถึงคำอ้ายและคำปันด้วย
"อ.. เอ่อ.. พวกเราขอโทษค่ะ"
ไออุ่นเป็นคนเอ่ยขอโทษน้ำเสียงอึกอักก่อนจะรีบหันหลังพร้อมกันหมดทุกคนและเดินออกจากตรงนี้ไป
“อิๆ..”
วันหนึ่งไม่ได้คิดเขินอายที่มีคนเห็นกับสิ่งที่เธอกระทำดีอีกต่างหากพวกเขาจะได้คิดไปไกลเรื่องเธอกับพ่อเลี้ยงหนุ่ม
“ยังจะยิ้มหน้าระรื่นอีกผมไปหาพวกเค้าก่อน”
น่านน้ำส่ายหัวก่อนจะผุดลุกเดินตามคนที่พึ่งเดินกลับกันไป
“ไปด้วยค่ะ”
สาวเจ้ายังคงยิ้มอารมณ์ดีไม่หุบเนตามพ่อเลี้ยงหนุ่มต้อยๆจนมาถึงหน้ากระท่อมและแยกตัวออกไปคุยกับไออุ่นและเอื้องฟ้าที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากหน้ากระท่อมมากนักปล่อยให้เหล่าผู้ชายได้ปรึกษากันส่วนตัว
"ดีขึ้นหรือยังหนึ่ง"
"ดีขึ้นพอสมควรค่ะพี่อุ่น.. แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บแผลอยู่บ้างค่ะถ้าขยับเยอะๆ"
"ทานข้าวทานยาให้ตรงเวลารู้ไหมรีบหายไวๆย่าเราจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก"
"ค่ะพี่อุ่น...ฝากบอกย่าหนึ่งด้วยนะคะว่าหนึ่งสบายมากไม่ต้องห่วงอีกไม่นานก็หายดีร้อยเปอร์เซ็นแล้วอยู่ที่นี่ก็ไม่ลำบากอะไรเลยค่ะ"
"แน่ล่ะ...พ่อเลี้ยงน่าจะดูแลเธอดีมากเลยใช่ไหม"
เป็นเอื้องฟ้าที่เอ่ยขึ้นขณะที่ไออุ่นและวันหนึ่งกำลังสนทนา ทำเอาวันหนึ่งเริ่มมีสหีน้าตึงเครียดขึ้นเพราะรู้ว่าเอื้องฟ้าคงไม่วายกะแนะกะแหนเธอเรื่องที่ได้เห็นเมื่อครู่
"ก็.. ค่ะ.. อย่าหาเรื่องอะไรหนึ่งกับเรื่องที่เห็นเมื่อกี้เลยนะพี่เอื้องหนึ่งไม่มีอารมณ์มาเถียงกับพี่หรอก"
"ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอนี่.. ถ้าพ่อเลี้ยงเค้ามีความสุขกับเธอ..ก็..ดีใจด้วย"
คำพูดของเอื้องฟ้าทำวันหนึ่งและไออุ่นมองหน้ากันเพราะผิดความคาดหมายที่คิดว่าเอื้องฟ้าจะไม่พอใจกับเรื่องที่เห็นมากเสียอีกแต่กลับพูดจายินดีด้วยเสียอย่างนั้น
"ไม่หวงแล้วเหรอ"
วันหนึ่งหันไปขมวดคิ้วจ้องหน้าเอื้องฟ้าที่ยืนกอดอกเชิดหน้าอย่างไม่วางตา
"ฉันยอมในความใจกล้าของเธอเลยที่ปกป้องคนอื่นไม่นึกถึงชีวิตตัวเอง.. เป็นฉันยังไม่แน่ใจเลยว่าจะปกป้องพ่อเลี้ยงได้อย่างเธอหรือเปล่า"
เอื้องฟ้าไม่ได้รู้สึกหวงอะไรน่านน้ำเหมือนที่เคยเป็นก่อนหน้าแต่รู้สึกยินดีกับภาพที่เห็นเมื่อครู่เสียด้วยซ้ำที่คนดีๆทั้งสองจะได้ลงเอยกัน
"วันนี้หนึ่งรู้สึกมีความสุขบอกไม่ถูกยังไงก็ไม่รู้"
วันหนึ่งหันมายิ้มให้เอื้องฟ้าก่อนจะหันไปยิ้มกับไออุ่นและเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงของความสุขที่วันนี้ดูอะไรๆมันก็เข้าข้างเธอไปเสียทุกอย่าง
"ผู้กองฝากมาบอกว่าตอนนี้คุณเหนือรู้เรื่องแล้วนะครับ"
"อะไรนะครับ"
น่านน้ำตกใจจนหน้าเสียเพราะรู้ว่าหากณดลพี่ชายของเขารู้เรื่องนี้อาจจะทำตัวเป็นศาลเตี้ยจัดการคนชั่วก็เป็นได้และเขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้นจึงไม่บอกใครเรื่องคาใจสาเหตุการตายของปู่ตนตั้งแต่แรกเพราะไม่อยากให้มือคนในครอบครัวมาสกปรกเพราะคนสกปรกอีก
"ไม่ต้องตกใจไปครับคุณเหนือทำตามเจตนารมณ์ของพ่อเลี้ยงไม่ได้บอกใครทั้งนั้นแต่ช่วยตามหาสมานให้อีกแรงครับ"
"ผมกลัวว่าพี่ผมจะไม่ปล่อยลุงสมานไปถ้าเจอตัว"
"ผู้กองบอกว่าจะคอยจับตาดูให้ครับไม่ให้เกิดเรื่องไม่ดีแน่นอน"
น่านน้ำรู้เช่นนี้ก็พลอยสบายใจได้ไปเปราะหนึ่งแต่อย่างไรเขาก็เดาอารมณ์พี่ชายตนไม่ออกอยู่ดีภาวนาว่าถึงวันที่เจอตัวสมานอย่าให้พี่ของเขาใจร้อนขึ้นเลยเรื่องที่เขาต้องการให้เงียบที่สุดจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเสียได้
"ทำไมถึงได้มานั่งตากน้ำค้างตรงนี้"
น่านน้ำที่พึ่งอาบน้ำจากธารน้ำตกเสร็จก็กลับมาที่กระท่อมน้อยเมื่อเห็นวันหนึ่งออกมานั่งเกาะชานกระท่อมดูหมู่หิ่งห้อยที่บินส่องแสงสว่างทั่วต้นไม้ใหญ่เขาจึงเข้ามานั่งกับเธอด้วย
"หนึ่งว่าหนึ่งแข็งแรงแล้วค่ะตากน้ำค้างแค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกอีกอย่างพวกยาที่ยังเหลือไม่ต้องทานแล้วก็ได้"
"ไม่ได้..ต้องทานให้หมดตามที่หมอพร้อมสั่ง"
"หู่..วว."
ใบหน้าอารมณ์ดีเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งกะทันหันแอบคิดว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มจะยอมโอนอ่อนตามที่เธออยากให้เป็นเสียอีกเพราะเบื่อการทานยาเม็ดใหญ่จะแย่ด้วยติดคอเธอจนจะอ้วกอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังต้องทานอยู่ทุกวัน
"ไหนบอกจะเป็นเด็กดีไง"
น่านน้ำเริ่มเปรยถึงสิ่งที่หญิงสาวสัญญาเอาไว้
"ก็ได้ค่าา..หนึ่งจะไม่งอแงเรื่องทานยาก็ได้"
"ดีมาก"
"หนึ่งเมื่อยขอซบหน่อยนะคะ"
สาวเจ้าได้จับหวะก็เอียงหัวทุยซบบ่าของพ่อเลี้ยงหนุ่มโดยที่น่านน้ำก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรหากเขาทำให้เธอสบายขึ้นอีกอย่างเขาก็รู้สึกดีไม่น้อยที่ได้ใกล้ชิดยัยตัวแสบคนนี้
"คุณมาเจ็บตัวอยู่ที่นี่ย่าคุณคงจะห่วงมากกลับไปผมต้องไปขอโทษย่าคุณด้วยตัวเอง""หนึ่งฝากพี่อุ่นบอกย่าแล้วค่ะว่าไม่ต้องห่วงหนึ่งมีพ่อเลี้ยงดูแลอย่างดีค่ะ""ยังไงผมก็ต้องไปขอโทษท่านอยู่ดี""ไปฝากตัวเป็นหลานเขยด้วยเลยสิคะ"ใบหน้าจิ้มลิ้มเอียงเงยหน้ามายิ้มทะเล้นหยอกเอิญเล่นกับคนตัวโต"คุณนี่ก็ทะเล้นไม่เลิกจริงๆ""ก็พูดจริงนี่คะ..หนึ่งอยากเก็บหิ่งห้อยพวกนี้ไปไว้ที่ไร่เราจังเลยค่ะ""ใครว่าที่ไร่เราไม่มีล่ะ"ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ยิ้มทะเล้นคราแรกเริ่มมีสีหน้าและแววตาแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นที่ไม่ยักรู้ว่าที่ไร่เพชรพนาจะมีหิ่งห้อยเพราะเธอออกมาดูดาวแทบทุกคืนไม่เคยจะเห็น"เหรอคะ..หนึ่งออกมาดูดาวออกจะบ่อยไม่เคยเห็น""ถ้าออกไปจากที่นี่ผมจะพาคุณไปที่บ้านเล็กท้ายไร่ที่นั่นติดกับแนวเขาธรรมชาติสมบูรณ์มากมีหิ่งห้อยให้เห็นตลอดเลย""สัญญาแล้วนะคะว่าจะพาหนึ่งไป""อืม..""เอ..เคยพาสาวๆคนไหนไปที่นั่นหรือเปล่าคะ""ไม่เคย..""ดีใจจังที่หนึ่งจะได้ไปที่นั่นคนแรก"ฟึ่บ .. สาวเจ้าว่าจบก็เลื่อนตัวลงนอนตักของน่านน้ำ"เมื่อยค่ะขอนอนหน่อยนะคะ"คนตัวโตเอาแต่นั่งยิ้มมองไปยังหิ่งห้อยหลายพันตัวที่ส่องแสงสว่างไปทั่วต้นไม้ใหญ่
วันหนึ่งมาถึงงานช่วงกลางคืนได้พักใหญ่ก็แยกตัวออกจากน่านน้ำออกมาเดินเล่นกับน้ำผึ้งเพราะรู้สึกตื่นเต้นอยากดูเก็บรายละเอียดพิธีกรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"นี่อะไรอะผึ้ง"วันหนึ่งจ้องมองไปยังแก้วไม้ไผ่เล็กๆที่วางบนถาดในมือของน้ำผึ้งอยากรู้นักว่าน้ำใสๆในแก้วที่น้ำผึ้งคอยเอาไปเสริฟเหล่าผู้ชายที่นั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่หลายครั้งแล้วคืออะไร"ลองชิมดูสิคะ""อืมม..อ่าาา..ขมจัง"วันหนึ่งรีบคว้าแก้วในถาดมากระดกอึกใหญ่พอหมดแก้วได้ก็มีสีหน้าเหยเกเพราะรู้สึกว่าไอ้น้ำใสๆที่ดื่มไปเมื่อครู่ทั้งขมทั้งบาดคอ"กลืนไปอึกใหญ่เลยเหรอคะเดี๋ยวก็เมาหรอกค่ะ..นั่นเหล้าต้มของพ่อผึ้งเองแรงมากเลยนะคะ"น้ำผึ้งรีบหยิบแก้วในมือของวันหนึ่งมาถือเอาไว้ทั้งยังมีสีหน้าตกใจที่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะยกไปกระดกหมดแก้วทีเดียวแบบนั้นทั้งที่ผู้ชายที่คุ้นเคยกับเหล้าต้มที่นี่นังค่อยๆจิบทีละนิด"อ้าว..ก็ไม่บอกพี่ว่ามันคือเหล้า"“ก็ไม่คิดว่าจะกระดกจนหมดแบบนั้นนี่คะ”น้ำผึ้งรู้ได้เลยว่าหลังจากนี้อีกไม่กี่นาทีวันหนึ่งได้เมาแอ๋แน่นอนและแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆหลังจากที่วันหนึ่งดื่มเหล้าต้มที่ได้ชื่อว่าแรงมากเธอก็หน้าแดงตาเยิ้มลอยเริ่มเดินสะเ
"หา.."วันหนึ่งเริ่มหน้าเสียและขยิบตาเล็กน้อยเพื่อให้ย่าเธอได้รู้ว่าควรตามน้ำไปก่อน"อ..อ๋อ..ใช่..ค่ะฉันป่วย..โอ้ยฉันก็ขี้หลงขี้ลืมอย่างนี้นั่นแหละค่ะ""รักษาสุขภาพด้วยนะครับถ้าอยากให้ผมช่วยอะไรบอกได้เลยตอบแทนที่หนึ่งช่วยชีวิตผมเอาไว้""ขอบคุณนะคะพ่อเลี้ยงใจดีจริงๆ"แววตาของนฤดีมีแววชื่นชมว่าที่หลานเขยคนนี้พอสมควร"ผมขอตัวกลับไร่ก่อนนะครับ..""บ๊ายบายค่ะพ่อเลี้ยง"คนที่หันหลังกลับไปแล้วหยุดชะงักฝีเท้าและหันมายิ้มให้คนที่เอ่ยลาเสียงเจื้อยแจ้วก่อนจะรีบขับรถกลับไปที่ไร่เพราะมีหลายอย่างเกี่ยวกับคดีของปู่ที่เขาจะต้องไปพูดคุยกับตำรวจ"สายตาที่เค้ามองหลานย่าดูเยิ้มเป็นพิเศษนะ"หลังจากพ่อเลี้ยหงนุ่มให้หลังไปได้นฤดีก็เอ่ยหยอกลานสาวตนถึงเรื่องที่ดูสายตาของน่านน้ำออก"หนึ่งบอกชอบเค้าไปแล้วค่ะ""งั้นเหรอแล้วเค้าว่าไงลูก""เค้าน่าจะไม่เชื่อค่ะให้หนึ่งถามตัวเองให้แน่ใจก่อนเพราะยังไม่เห็นอีกหลายๆมุมของเค้าแล้วอีกสามเดือนค่อยมาพูดอีกทีว่าชอบเค้าจริงๆหรือเปล่า""ย่ามองออกว่าเค้าชอบหลานย่าแล้วแต่เราล่ะชอบเค้าจริงๆหรือพูดแบบนั้นไปเพราะคำทำนาย"ไม่ใช่น่านน้ำที่ยังไม่คิดว่าวันหนึ่งชอบตัวเองได้จริงๆนฤดีเอง
"พี่เอื้อง..หยุดฟังหนึ่งก่อน""ไม่ฟัง"เอื้องฟ้าสะบัดมือของวันหนึ่งทิ้ง"หนึ่งกับพี่สายเป็นลูกพี่ลูกน้องกันค่ะ"วันหนึ่งจึงต้องโพร่งประโยคสำคัญออกมาเพื่อรั้งให้เอื้องฟ้านั้นฟังเธอให้ได้และมันก็ได้ผลเอื้องฟ้าหันมาขมวดคิ้วมองหน้าวันหนึ่งด้วยท่าทีแปลกใจกับสิ่งที่เธอได้ยินเมื่อครู่"ว่าไงนะ"“เรื่องมันอาจจะยาวสักหน่อยแต่หนึ่งจะเล่าความจริงให้พี่เอื้องฟังค่ะ”วันหนึ่งใช้เวลาอธิบายตั้งแต่ว่าเธอเป็นใครและมาทำอะไรที่นี่รวมถึงภาพเมื่อครู่ที่เอื้องฟ้าเห็นเธอกับสายน้ำไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าพี่น้อง"เชื่อเรื่องดวงขนาดนี้เลยเหรอ"เอื้องฟ้าพอจะเข้าใจได้เรื่องที่วันหนึ่งกับสายน้ำเป็นอะไรกันแต่มาแปลกใจตรงที่หญิงสาวเชื่อเรื่องดวงมากจนทิ้งชีวิตคุณหนูมาเป็นแม่ครัวอยู่บ้านไร่เพียงเพราะคำทำนายของหมอดู"ค่ะ..คุณย่ากับหนึ่งเดินตามดวงกันมานานแล้วพวกเราเชื่อเรื่องนี้กันมากจริงๆ""ก็คงจะจริงไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ทิ้งชีวิตคุณหนูมาลำบากแบบนี้หรอก...แล้วหมอสายน้ำล่ะเดินตามดวงอะไรด้วยหรือเปล่า""ไม่เกี่ยวค่ะพี่สายน้ำแค่อยากหาที่สงบอยู่เท่านั้นหนึ่งก็พึ่งรู้ว่าพี่สายน้ำอยู่ที่นี่วันที่พี่สายน้ำพาหนึ่งไปฉีดวัคซีนวัว
"หนึ่งว่าบ้านพ่อเลี้ยงน่าอยู่มากๆแล้วที่นี่ดูน่าอยู่มากกว่าอีกนะคะบ้านหลังเล็กๆกับวิวที่สวยสุดยอดเลย"วันหนึ่งเดินดูรอบบ้านด้วยท่าทีตื่นเต้นบ้านหลังเล็กนี้เหมือนบ้านพักในฝันที่เคยเคยคิดอยากจะสร้างก็ว่าได้"ผมสร้างที่นี่เพื่อเอาไว้พักผ่อนเงียบๆ...แต่เป็นเพราะงานที่ยุ่งก็เลยไม่ได้มานานแล้ว""หนึ่งขอมาที่นี่บ่อยๆได้ไหมคะ""ได้อยู่แล้ว...ผมว่าจะให้คุณแบ่งเวลามาทำความสะอาดที่นี่บ้างแต่ไม่ได้ใช้ฟรีผมจะให้เงินพิเศษเพิ่ม""ว้า.. นึกว่าอยากพามาสวีทแต่อยากให้มาทำงานบ้านซะงั้น""เบื่อที่จะเป็นแม่ครัวแม่บ้านให้ผมแล้วหรือไง""เปล่าค่ะ...ได้อยู่ใกล้พ่อเลี้ยงหนึ่งเป็นอะไรก็ได้ค่ะ"พ่อเลี้ยงหนุ่มวาดมือหนายีหัวทุยเล่นด้วยท่าทีเอ็นดูคนตัวเล็กเป็นพิเศษที่ขยันหยอดคำหวานกับเขาได้ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน"ถ้าไม่เกิดเรื่องซะก่อนคุณคงได้ไปสมัครเรียนแล้ว""ไว้รอไปสมัครตอนเค้าเปิดรับอีกทีก็ได้ค่ะหนึ่งไม่รีบ...แต่ดูท่าเหมือนพ่อเลี้ยงจะรีบกว่าหนึ่งนะคะ""คุณอายุยังน้อยถ้าเรียนได้วุฒิสูงๆยังสร้างประโยชน์อะไรได้มากกว่ามาทำงานเป็นแม่บ้านดีไม่ดีคุณอาจจะกลายเป็นบัญชีฝีมือดีหรือไม่อาจจะบริหารองค์กรใหญ่ๆได้เลยก็ได้"น่านน
"หนึ่ง.. จะไปไหนแล้วร้องให้ทำไม"สายน้ำที่ขับรถATVคันเก่งจะไปดูแกะในฟาร์มช่วงสายขณะที่กำลังขับไปที่ฟาร์มเห็นว่าเป็นวันหนึ่งเดินอยู่จึงได้เข้าไปทักแต่เขาก็ต้องหน้าเสียเมื่อเห็นน้องสาวตนนั้นร้องให้จนหน้าตาแดงก่ำไปหมด"พี่สายพาหนึ่งออกไปจากไร่ได้ไหมคะ..ฮือๆๆ"มือเรียวยกปาดน้ำตาลวกๆก่อนจะกระโดดขึ้นหลังรถหมอหนุ่ม จนสายน้ำต้องละงานไปก่อนและพาวันหนึ่งมาสงบอารมณ์ที่คลินิกของเขา"เป็นอะไรบอกพี่ได้หรือเปล่า"สายน้ำเอ่ยถามคนตัวเล็กที่เอาแต่กอดหมอนร้องให้อยู่บนโซฟาโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะสงบลง"หนึ่ง..ฮึก..ฮือๆๆ..เสียใจขออยู่เงียบๆ..ฮือๆๆ""โอเคๆ..งั้นก็พักที่นี่ก่อนแล้วกันพี่จะไปตรวจเจ้าแกะที่ฟาร์มต่อ""ฮือๆ..อย่าบอกใครนะคะ..ฮือๆ..ๆ..ว่าหนึ่งอยู่ที่นี่""ได้พักให้สบายใจได้เลย"ถึงสายน้ำจะคาใจกับอาการเสียใจของวันหนึ่งพอสมควรแต่ก็ไม่เลือกที่จะเค้นถามอะไรในเมื่อคนอย่างวันหนึ่งถึงขั้นร้องให้ฟูมฟายขออยู่คนเดียวคงเป็นเรื่องปวดใจมากแน่คิดว่ารอให้น้องสาวของเขาอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยคุยจะดีกว่าน่านน้ำคุยกับกวินตราจนหญิงสาวสบายใจจนกลับไปได้ตอนนี้ก็เป็นฝ่ายน่านน้ำที่กังวลใจเพราะหาแม่ครัวตัวเล็กของตัวเองไม่เจอโท
นฤดีจำต้องทำตัวเป็นนางเล่าเรื่องให้ลูกชายและลูกสะใภ้ได้กระจ่างถึงความจริงว่าเธอและวันหนึ่งไม่ได้ไปบวชอย่างที่ว่าแต่พาหลานไปหาคู่ตามคำทำนาย วิริยาได้ฟังทั้งหมดก็แทบจะลมจับเธอว่าแล้วว่ามันมีอะไรแปลกๆตั้งแต่แรก"คุณแม่ไม่ได้ไปบวชแต่พาหลานไปหาคู่เหรอคะ!...คุณแม่จะพายัยหนึ่งงมงายเกินไปแล้วนะคะ""ผมว่าแล้วจะต้องมีเรื่องอะไรให้ปวดหัว"สิทธิเดชยิ้มอย่างไม่คิดอะไรเพราะเขาคิดเผื่อใจเอาไว้แต่แรกแล้วว่าแม่ตนต้องพาลูกสาวไปทำอะไรพิเลนๆอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ"เอาน่าจะว่าอะไรแม่ก็ช่างเถอะ...แต่ตอนนี้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องยัยหนึ่งก่อนว่าเป็นอะไรถึงได้หนีกลับมาดื้อๆแบบนี้""หนึ่งลูก..คุณย่ากลับมาแล้วนะลูกออกมาคุยกันหน่อยได้หรือเปล่า""หนึ่งอยากอยู่คนเดียวอย่าพึ่งมายุ่งกับหนึ่งได้ไหมคะ"เมื่อคุยกันจบทั้งวิริยาและนฤดีก็มาเคาะห้องของวันหนึ่งแต่ก็ต้องเดินกลับไปด้วยสีหน้าที่ผิดหวังกันทั้งคู่เพราะทำยังไงเจ้าของห้องก็ไม่ยอมออกมาคุยได้"คุณแม่แน่ใจนะคะว่ายัยหนึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครจริงๆ"วิริยาเชื่อว่าวันหนึ่งต้องมีปัญหาใหญ่ไม่อย่างนั้นไม่มีอาการเป็นแบบนี้แน่ถึงจะไม่ได้เลี้ยงลูกอยู่ตลอดเวลาเหมือนแม่สามี
วันต่อมา"ยัยหนึ่งไปอิตาลีค่ะคุณแม่"เช้านี้ทุกคนในบ้านต่างก็ต้องปวดหัวกันอีกรอบเมื่อวันหนึ่งเลือกที่จะหนีไปอิตาลีโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวคนในบ้านก่อนได้แต่เพียงเขียนจดหมายเอาไว้ให้เท่านั้น"หลานคนนี้นี่มีอะไรทำไมไม่พูดกันนะ"นฤดีบ่นอุกด้วยดูท่าหลานเธอจะทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองใหญ่แล้ว"ใครเลี้ยงก็เหมือนคนนั้นแหละครับ""อย่าพึ่งซ้ำเติมกันได้ไหมตาเดช"สิทธิเดชไม่วายหยอกคนเป็นแม่เล่นในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเพราะไม่ได้ห่วงอะไรลูกสาวมากนักด้วยไฟล์บินก็เช็กได้ว่าไปที่ไหนที่พักก็น่าจะหาไม่ยากเช่นกันนฤดีที่ทนกังวลใจต่อไปไม่ไหวเธอจึงเลือกที่จะติดต่อทอฝันเพื่อที่จะขอคุยกับเฟื่องฟ้าถึงสถาณการณ์ที่น่าอึดอัดในตอนนี้"ไม่ต้องห่วงหรอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วเค้าสองคนแต่งงานกันแล้วนี่"เฟื่องฟ้าเห็นหน้านฤดีได้ก็รีบเอ่ยให้เพื่อนเธอนั้นหายกังวลเพราะตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรน่าห่วงแล้ว"หา...แต่งตอนไหน"คำพูดของเฟื่องฟ้าทำนฤดีไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเพราะเรื่องแต่งงานหลานเธอไม่เห็นเคยพูดให้ฟังสักคำ"ค่อยไปถามหลานสาวตัวเองเองแล้วกัน""ฉันงงไปหมดแล้วตอนนี้""เอาเป็นว่าไม่นานเดี๋ยวสองคนนั้นก็ลงเอยกันด้วยดี"เฟื่องฟ้าบ