"ไปไหนกันมากลับซะค่ำเลย"
คำอ้ายยืนเท้าเอวมองหมอสายน้ำอย่างสงสัยที่พาลูกสาวของเขากลับมาส่งเสียมืดค่ำ
"ผมให้เอื้องฟ้าไปช่วยจับลูกหมาที่หลังโรงเรียนมาฉีดวัคซีนครับ"
"บอกฉันว่าจะพาไปขี่รถเล่นแต่กลับให้ไปจับลูกหมาให้ซะงั้น.. มอมแมมหมดฉันไปอาบน้ำก่อนนะพ่อ"
เอื้องฟ้าลงจากรถได้ก็เดินปรี่เข้าไปในบ้านเพราะอยากจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากเหนื่อยวิ่งไล่จับหมาตัวใหญ่ให้หมอหนุ่มได้ฉีดวัคซีน
"เออๆ.."
"วันหลังผมจะชวนเอื้องฟ้าไปด้วยบ่อยๆขออนุญาตลุงคำอ้ายด้วยนะครับ"
เอื้องฟ้าเดินหายไปในบ้านได้สายน้ำก็รีบขออนุญาตกับคำอ้ายถึงเรื่องที่วันข้างหน้าเขาคงได้เข้ามาเกาะแกะอยู่กับเอื้องฟ้าบ่อยๆ คำอ้ายได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วไม่คิดว่าจะมีใครอยากจะเข้าใกล้ลูกสาวของเขาที่มีสุนัขอยู่เต็มปากได้
"ลูกผมมันเป็นมิตรกับหมอเหรอครับถึงได้อยากให้มันไปช่วยบ่อยๆ"
"ครับ..เราตกลงเป็นเพื่อนกัน"
สายน้ำพูดไปก็มีท่าทีเก้อเขินไปจนคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างคำอ้ายพอจะดูออกแล้วว่าทำไมสายน้ำถึงได้ขออนุญาตเขาพาลูกสาวไปข้างนอกบ่อยๆ
"แค่เพื่อน?"
"คือ..จะพูดตรงๆก็อยากเป็นมากกว่านั้น"
สายน้ำไม่คิดอ้อมค้อมเพราะจะจีบลูกสาวของคำอ้ายก็ต้องเข้าทางพ่อนี่แหละ
"หา...พูดจริงเหรอหมอ"
คำพูดของสายน้ำไม่ได้ทำให้คำอ้ายโมโหหรือมีอาการหวงลูกสาวอะไรเพียงแค่แปลกใจที่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากหนุ่มๆคนไหนเท่านั้น
"ครับ..ผมไม่ใช่คนกะล่อนไปเรื่อยขอตัวกลับก่อนนะครับ"
สายน้ำพยักหน้าหงึกหงักมองคำอ้ายด้วยสายตาจริงใจก่อนจะขอตัวกลับ
"คิดอะไรอยู่"
คำอ้ายมองหลังไวๆของสายน้ำเขายกมือเกาหัวแกลกๆที่หมอหนุ่มช่างแปลกคนผู้หญิงดีๆตั้งมากมายไม่ชอบดันมาชอบผู้หญิงปากจัดเสียอย่างนั้นแต่ถึงอย่างไรก็ดีใจลึกๆที่ลูกตนได้มีคนดีๆมาชอบแต่อยู่ที่ว่าลูกเขาจะชอบหมอหนุ่มตอบหรือไม่เท่านั้นเอง
"พ่อเลี้ยงคะ.."
วันหนึ่งตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นก็เรียกหาน่านน้ำเสียงแหบพร่าเพราะต้องการจะลุกขึ้นนั่งแต่ก็ไม่มีแรงและค่อนข้างเจ็บที่แผลพอสมควร
"หนึ่ง"
น่านน้ำที่พึ่งจะไปเอาอาหารเย็นจากบ้านของคำปันเมื่อกลับมาถึงได้ยินเสียงวันหนึ่งเรียกพอดีจึงรีบสาวเท้าเข้าไปช่วยพยุงหญิงสาวที่พยายามจะลุกขึ้นนั่ง
"ตื่นนานหรือยัง..ได้เวลาข้าวเย็นพอดีหิวหรือเปล่า"
"พึ่งตื่นเมื่อกี้ค่ะ..หนึ่งยังไม่อยากทานอะไรรู้สึกเจ็บคอค่ะ"
สาวเจ้าพูดด้วยสีหน้าเหยเกเพราะรู้สึกว่าตอนนี้แสบคอเป็นพิเศษ
“ยังไงก็ต้องทานสักคำสองคำ..ป้าศรีอ่อนทำเป็นข้าวต้มมาให้น่าจะกลืนง่ายอยู่ทานซะหน่อยนะจะได้ทานยา”
น่านน้ำรีบเปิดปิ่นโตที่เอามาจากบ้านของศรีอ่อนในปิ่นโตมีข้าวต้มของวันหนึ่งและข้าวสวยสำหรับเขากับผัดผักและปลาปิ้งยังไงเขาก็ต้องบังคับให้วันหนึ่งทานข้าวได้สักคำสองคำจากนั้นจะได้ทานยา
“เดี๋ยวผมป้อน”
น่านน้ำตักข้าวต้มและวางชิ้นปลาเล็กๆที่แกะมาแล้วบนช้อนพอดีคำยื่นป้อนให้กับหญิงสาวเพราะรู้ว่าเธอน่าจะยังขยับแขนและตัวไม่ค่อยถนัดเพราะแผลยังคงน่าเป็นห่วงอยู่
"ทำไมทรมานแบบนี้นะ.."
สาวเจ้ายอมอ้าปากทานข้าวต้มเคี้ยวสองสามทีแล้วกลืนด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะดีนัก
"ทนอีกหน่อยทานข้าวทานยาให้ตรงเวลาเดี๋ยวก็ดีขึ้น"
“ค่ะ”
หลังจากน่านน้ำป้อนข้าววันหนึ่งเสร็จก็ทำแผลเช็ดเนื้อเช็ดตัวในส่วนภายนอกร่มผ้าให้วันหนึ่งที่เขาต้องทำก็เพราะวันนี้ศรีอ่อนไม่ว่างที่จะมาเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หญิงสาว
“ผมเช็ดตัวให้คุณได้เท่านี้พรุ่งนี้เช้าป้าศรีอ่อนจะมาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณ...อยู่ในชุดเดิมคืนนึงคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“ค่ะ..ขอบคุณนะคะที่ดูแลหนึ่งอย่างดี”
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอ่อนให้คนที่กำลังใช้ผ้าขนหนูเปียกน้ำหมาดเช็ดพวงแก้มของเธอ
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณที่เอาตัวเองมาเสี่ยงปกป้องผม ที่คุณช่วยเหลือคนอื่นไปทั่วโดยที่ไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเองผมถามจริงๆเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่ามันไม่คุ้มที่จะเสี่ยงกับชีวิตตัวเอง"
"หนึ่งเคยบอกแล้วไงคะเวลาเห็นใครถูกทำร้ายไม่คิดอะไรทั้งนั้นนอกจากจะเข้าไปช่วย...ถ้าเราช่วยคนอื่นเยอะๆเราก็จะมีแต่คนรักเยอะมีแต่ข้อดีไม่ใช่เหรอคะ"
"ช่วยคนมันก็เป็นข้อดีแต่ควรจะคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นหลัก...อีกอย่างที่คุณคิดว่าคนที่คุณช่วยจะเป็นมิตรหรือรักคุณทุกคนอาจจะไม่ใช่ก็ได้"
น่านน้ำคิดว่าสิ่งที่หญิงสาวพูดมันก็เป็นจริงส่วนหนึ่งแต่ในโลกความเป็นจริงทุกวันนี้มันไม่ใช่แบบนั้นทั้งหมด
"แล้วพ่อเลี้ยงล่ะคะถ้ามีคนช่วยเหลือบ่อยๆจะรักคนๆนั้นไหม...เพราะที่หนึ่งช่วยพ่อเลี้ยงส่วนหนึ่งก็เพราะสัญชาติญาณอีกอย่างก็อยากให้พ่อเลี้ยงรักด้วยเพราะหนึ่งรู้สึกดีกับพ่อเลี้ยงมากเลยค่ะ"
สาวเจ้าเอ่ยอย่างไม่เคอะเขินเพราะเธอเห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องบุกชายหนุ่มจริงจังแล้วมัวมานั่งรอให้เขารู้สึกดีก่อนคงไม่ได้ น่านน้ำไม่ได้ตกใจกับคำพูดวันหนึ่งกลับอมยิ้มอ่อนอย่างไม่ใส่ใจด้วยคิดว่าเธอคงชอบพูดเล่นหยอกเขาอีกตามเคย
"ขยันพูดเล่นจริงๆ"
ว่าจบก็ลุกเอาผ้าขนหนูที่เช็ดตัวหญิงสาวเสร็จแล้วหมายจะเดินไปตากข้างนอก
"หนึ่งพูดจริงๆค่ะ...หรือว่าแม่ครัวอย่างหนึ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของหัวใจพ่อเลี้ยงคะ"
น่านน้ำเริ่มชะงักฝีเท้าหันหลังกลับมาคุยกับคนตัวเล็กที่เอาแต่จ้องมองเขาด้วยแววตาที่จริงจัง
"ผมไม่เคยมองใครสูงหรือใครต่ำกว่าแต่สิ่งที่คุณพูดออกมาแน่ใจแล้วหรือไงว่ารู้สึกแบบนั้นจริงๆ"
"ค่ะ...พ่อเลี้ยงทั้งหล่อทั้งจิตใจดีเป็นใครก็รู้สึกดีตอนอยู่ใกล้ทั้งนั้นแหละค่ะ"
“เราค่อยคุยเรื่องนี้กันวันหลังแล้วกันคุณเจ็บคออยู่ไม่ใช่หรือไงอย่าพึ่งพูดอะไรเยอะเลย”
คนตัวโตรีบเดินหันหลังออกไปด้านนอกอย่างไม่คิดที่จะหันกลับมาสนทนาอะไรกับวันหนึ่งอีก
"เฮ้อ.."
วันหนึ่งถอนหายใจเฮือกใหญ่คิดในใจว่าไม่น่ารีบพูดแบบนั้นไปก่อนเลยเพราะหลังจากนี้อาจจะทำให้น่านน้ำทำตัวห่างกับเธอก็ได้
ที่น่านน้ำรีบเดินหันหลังออกมาเพราะเขากลัวว่าหญิงสาวจะเห็นว่าเขากำลังมีรอยยิ้มต่างหากคิดๆดูแล้วก็รับรู้ความรู้สึกของตัวเองได้ก็ตอนนี้ว่าเขาก็คงจะปลื้มยัยแม่ครัวตัวเล็กนี่อยู่เหมือนกันไม่อย่างนั้นคงไม่รู้สึกดีใจที่ได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของเธอ เขาโตพอที่จะรู้ว่าความรู้สึกของตัวเองเป็นเช่นไรแต่เขายังไม่ค่อยแน่ใจว่าวันหนึ่งจะคิดอย่างที่พูดเพราะพึ่งรู้จักเขาไม่นานนักเธอไม่ได้เห็นอีกหลายมุมของเขาที่พูดไปเช่นนั้นก็เพราะเธอเห็นแต่ในส่วนดีของเขาก็ได้
วันเวลาพ้นผ่านนานร่วมอาทิตย์หลังจากที่วันหนึ่งพูดจาตรงไปตรงมากับน่านน้ำและหลังจากวันนั้นน่านน้ำก็ยังคงดูแลวันหนึ่งได้ดีทุกกระเบียดนิ้วแต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่คุยกันค้างเอาไว้อีกซ่า...เช้าของวันนี้วันหนึ่งมานั่งเล่นที่ธารน้ำตกเธอดีขึ้นมากแผลที่เย็บหมอพร้อมก็มาตัดไหมให้แล้วแต่แผลของเธอก็ยังถูกน้ำไม่ได้อยู่ดีสาวเจ้าที่อยู่ใกล้ธารน้ำตกอันแสนสวยจึงมองสายน้ำเหล่านั้นด้วยสายตาละห้อยเพราะทำได้แค่นั่งบนโขดหินแกว่งขาเล่นน้ำเท่านั้น“มาอยู่นี่นี่เอง..ไปทานข้าวเช้ากันเถอะ”น่านน้ำคิดถูกที่เขาเดินมาหลังกระท่อมน้อยตรงมายังธารน้ำตกเพราะได้ยินว่าวันหนึ่งอยากเดินมาเที่ยวตรงนี้หลายวันแล้ว"พ่อเลี้ยง...วันนั้นโกรธหนึ่งหรือเปล่าคะ..เรื่องที่..หนึ่ง"ดวงตากลมโตเปรยมองคนตัวโตที่กำลังทิ้งตัวนั่งลงที่โขดหินข้างๆพร้อมแสยะยิ้มอ่อนให้เขาก่อนะจะเอ่ยถึงเรื่องที่อึดอัดในใจมาหลายวัน"อืมเรื่องวันนั้นผมไม่ได้โกรธหรอก..”น่านน้ำรู้ว่าวันหนึ่งจะพูดเรื่องอะไรเขาจึงโพร่งในขณะที่เธอยังพูดไม่จบเพราะเขาเองก็อยากพูดกับเธอถึงเรื่องนี้หลายวันแล้วเหมือนกันแต่เห็นว่าหญิงสาวยังไม่เกริ่นมาเขาก็ยังไม่กล้าสนทนาเรื่องวันน
"คุณมาเจ็บตัวอยู่ที่นี่ย่าคุณคงจะห่วงมากกลับไปผมต้องไปขอโทษย่าคุณด้วยตัวเอง""หนึ่งฝากพี่อุ่นบอกย่าแล้วค่ะว่าไม่ต้องห่วงหนึ่งมีพ่อเลี้ยงดูแลอย่างดีค่ะ""ยังไงผมก็ต้องไปขอโทษท่านอยู่ดี""ไปฝากตัวเป็นหลานเขยด้วยเลยสิคะ"ใบหน้าจิ้มลิ้มเอียงเงยหน้ามายิ้มทะเล้นหยอกเอิญเล่นกับคนตัวโต"คุณนี่ก็ทะเล้นไม่เลิกจริงๆ""ก็พูดจริงนี่คะ..หนึ่งอยากเก็บหิ่งห้อยพวกนี้ไปไว้ที่ไร่เราจังเลยค่ะ""ใครว่าที่ไร่เราไม่มีล่ะ"ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ยิ้มทะเล้นคราแรกเริ่มมีสีหน้าและแววตาแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นที่ไม่ยักรู้ว่าที่ไร่เพชรพนาจะมีหิ่งห้อยเพราะเธอออกมาดูดาวแทบทุกคืนไม่เคยจะเห็น"เหรอคะ..หนึ่งออกมาดูดาวออกจะบ่อยไม่เคยเห็น""ถ้าออกไปจากที่นี่ผมจะพาคุณไปที่บ้านเล็กท้ายไร่ที่นั่นติดกับแนวเขาธรรมชาติสมบูรณ์มากมีหิ่งห้อยให้เห็นตลอดเลย""สัญญาแล้วนะคะว่าจะพาหนึ่งไป""อืม..""เอ..เคยพาสาวๆคนไหนไปที่นั่นหรือเปล่าคะ""ไม่เคย..""ดีใจจังที่หนึ่งจะได้ไปที่นั่นคนแรก"ฟึ่บ .. สาวเจ้าว่าจบก็เลื่อนตัวลงนอนตักของน่านน้ำ"เมื่อยค่ะขอนอนหน่อยนะคะ"คนตัวโตเอาแต่นั่งยิ้มมองไปยังหิ่งห้อยหลายพันตัวที่ส่องแสงสว่างไปทั่วต้นไม้ใหญ่
วันหนึ่งมาถึงงานช่วงกลางคืนได้พักใหญ่ก็แยกตัวออกจากน่านน้ำออกมาเดินเล่นกับน้ำผึ้งเพราะรู้สึกตื่นเต้นอยากดูเก็บรายละเอียดพิธีกรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"นี่อะไรอะผึ้ง"วันหนึ่งจ้องมองไปยังแก้วไม้ไผ่เล็กๆที่วางบนถาดในมือของน้ำผึ้งอยากรู้นักว่าน้ำใสๆในแก้วที่น้ำผึ้งคอยเอาไปเสริฟเหล่าผู้ชายที่นั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่หลายครั้งแล้วคืออะไร"ลองชิมดูสิคะ""อืมม..อ่าาา..ขมจัง"วันหนึ่งรีบคว้าแก้วในถาดมากระดกอึกใหญ่พอหมดแก้วได้ก็มีสีหน้าเหยเกเพราะรู้สึกว่าไอ้น้ำใสๆที่ดื่มไปเมื่อครู่ทั้งขมทั้งบาดคอ"กลืนไปอึกใหญ่เลยเหรอคะเดี๋ยวก็เมาหรอกค่ะ..นั่นเหล้าต้มของพ่อผึ้งเองแรงมากเลยนะคะ"น้ำผึ้งรีบหยิบแก้วในมือของวันหนึ่งมาถือเอาไว้ทั้งยังมีสีหน้าตกใจที่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะยกไปกระดกหมดแก้วทีเดียวแบบนั้นทั้งที่ผู้ชายที่คุ้นเคยกับเหล้าต้มที่นี่นังค่อยๆจิบทีละนิด"อ้าว..ก็ไม่บอกพี่ว่ามันคือเหล้า"“ก็ไม่คิดว่าจะกระดกจนหมดแบบนั้นนี่คะ”น้ำผึ้งรู้ได้เลยว่าหลังจากนี้อีกไม่กี่นาทีวันหนึ่งได้เมาแอ๋แน่นอนและแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆหลังจากที่วันหนึ่งดื่มเหล้าต้มที่ได้ชื่อว่าแรงมากเธอก็หน้าแดงตาเยิ้มลอยเริ่มเดินสะเ
"หา.."วันหนึ่งเริ่มหน้าเสียและขยิบตาเล็กน้อยเพื่อให้ย่าเธอได้รู้ว่าควรตามน้ำไปก่อน"อ..อ๋อ..ใช่..ค่ะฉันป่วย..โอ้ยฉันก็ขี้หลงขี้ลืมอย่างนี้นั่นแหละค่ะ""รักษาสุขภาพด้วยนะครับถ้าอยากให้ผมช่วยอะไรบอกได้เลยตอบแทนที่หนึ่งช่วยชีวิตผมเอาไว้""ขอบคุณนะคะพ่อเลี้ยงใจดีจริงๆ"แววตาของนฤดีมีแววชื่นชมว่าที่หลานเขยคนนี้พอสมควร"ผมขอตัวกลับไร่ก่อนนะครับ..""บ๊ายบายค่ะพ่อเลี้ยง"คนที่หันหลังกลับไปแล้วหยุดชะงักฝีเท้าและหันมายิ้มให้คนที่เอ่ยลาเสียงเจื้อยแจ้วก่อนจะรีบขับรถกลับไปที่ไร่เพราะมีหลายอย่างเกี่ยวกับคดีของปู่ที่เขาจะต้องไปพูดคุยกับตำรวจ"สายตาที่เค้ามองหลานย่าดูเยิ้มเป็นพิเศษนะ"หลังจากพ่อเลี้ยหงนุ่มให้หลังไปได้นฤดีก็เอ่ยหยอกลานสาวตนถึงเรื่องที่ดูสายตาของน่านน้ำออก"หนึ่งบอกชอบเค้าไปแล้วค่ะ""งั้นเหรอแล้วเค้าว่าไงลูก""เค้าน่าจะไม่เชื่อค่ะให้หนึ่งถามตัวเองให้แน่ใจก่อนเพราะยังไม่เห็นอีกหลายๆมุมของเค้าแล้วอีกสามเดือนค่อยมาพูดอีกทีว่าชอบเค้าจริงๆหรือเปล่า""ย่ามองออกว่าเค้าชอบหลานย่าแล้วแต่เราล่ะชอบเค้าจริงๆหรือพูดแบบนั้นไปเพราะคำทำนาย"ไม่ใช่น่านน้ำที่ยังไม่คิดว่าวันหนึ่งชอบตัวเองได้จริงๆนฤดีเอง
"พี่เอื้อง..หยุดฟังหนึ่งก่อน""ไม่ฟัง"เอื้องฟ้าสะบัดมือของวันหนึ่งทิ้ง"หนึ่งกับพี่สายเป็นลูกพี่ลูกน้องกันค่ะ"วันหนึ่งจึงต้องโพร่งประโยคสำคัญออกมาเพื่อรั้งให้เอื้องฟ้านั้นฟังเธอให้ได้และมันก็ได้ผลเอื้องฟ้าหันมาขมวดคิ้วมองหน้าวันหนึ่งด้วยท่าทีแปลกใจกับสิ่งที่เธอได้ยินเมื่อครู่"ว่าไงนะ"“เรื่องมันอาจจะยาวสักหน่อยแต่หนึ่งจะเล่าความจริงให้พี่เอื้องฟังค่ะ”วันหนึ่งใช้เวลาอธิบายตั้งแต่ว่าเธอเป็นใครและมาทำอะไรที่นี่รวมถึงภาพเมื่อครู่ที่เอื้องฟ้าเห็นเธอกับสายน้ำไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าพี่น้อง"เชื่อเรื่องดวงขนาดนี้เลยเหรอ"เอื้องฟ้าพอจะเข้าใจได้เรื่องที่วันหนึ่งกับสายน้ำเป็นอะไรกันแต่มาแปลกใจตรงที่หญิงสาวเชื่อเรื่องดวงมากจนทิ้งชีวิตคุณหนูมาเป็นแม่ครัวอยู่บ้านไร่เพียงเพราะคำทำนายของหมอดู"ค่ะ..คุณย่ากับหนึ่งเดินตามดวงกันมานานแล้วพวกเราเชื่อเรื่องนี้กันมากจริงๆ""ก็คงจะจริงไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ทิ้งชีวิตคุณหนูมาลำบากแบบนี้หรอก...แล้วหมอสายน้ำล่ะเดินตามดวงอะไรด้วยหรือเปล่า""ไม่เกี่ยวค่ะพี่สายน้ำแค่อยากหาที่สงบอยู่เท่านั้นหนึ่งก็พึ่งรู้ว่าพี่สายน้ำอยู่ที่นี่วันที่พี่สายน้ำพาหนึ่งไปฉีดวัคซีนวัว
"หนึ่งว่าบ้านพ่อเลี้ยงน่าอยู่มากๆแล้วที่นี่ดูน่าอยู่มากกว่าอีกนะคะบ้านหลังเล็กๆกับวิวที่สวยสุดยอดเลย"วันหนึ่งเดินดูรอบบ้านด้วยท่าทีตื่นเต้นบ้านหลังเล็กนี้เหมือนบ้านพักในฝันที่เคยเคยคิดอยากจะสร้างก็ว่าได้"ผมสร้างที่นี่เพื่อเอาไว้พักผ่อนเงียบๆ...แต่เป็นเพราะงานที่ยุ่งก็เลยไม่ได้มานานแล้ว""หนึ่งขอมาที่นี่บ่อยๆได้ไหมคะ""ได้อยู่แล้ว...ผมว่าจะให้คุณแบ่งเวลามาทำความสะอาดที่นี่บ้างแต่ไม่ได้ใช้ฟรีผมจะให้เงินพิเศษเพิ่ม""ว้า.. นึกว่าอยากพามาสวีทแต่อยากให้มาทำงานบ้านซะงั้น""เบื่อที่จะเป็นแม่ครัวแม่บ้านให้ผมแล้วหรือไง""เปล่าค่ะ...ได้อยู่ใกล้พ่อเลี้ยงหนึ่งเป็นอะไรก็ได้ค่ะ"พ่อเลี้ยงหนุ่มวาดมือหนายีหัวทุยเล่นด้วยท่าทีเอ็นดูคนตัวเล็กเป็นพิเศษที่ขยันหยอดคำหวานกับเขาได้ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน"ถ้าไม่เกิดเรื่องซะก่อนคุณคงได้ไปสมัครเรียนแล้ว""ไว้รอไปสมัครตอนเค้าเปิดรับอีกทีก็ได้ค่ะหนึ่งไม่รีบ...แต่ดูท่าเหมือนพ่อเลี้ยงจะรีบกว่าหนึ่งนะคะ""คุณอายุยังน้อยถ้าเรียนได้วุฒิสูงๆยังสร้างประโยชน์อะไรได้มากกว่ามาทำงานเป็นแม่บ้านดีไม่ดีคุณอาจจะกลายเป็นบัญชีฝีมือดีหรือไม่อาจจะบริหารองค์กรใหญ่ๆได้เลยก็ได้"น่านน
"หนึ่ง.. จะไปไหนแล้วร้องให้ทำไม"สายน้ำที่ขับรถATVคันเก่งจะไปดูแกะในฟาร์มช่วงสายขณะที่กำลังขับไปที่ฟาร์มเห็นว่าเป็นวันหนึ่งเดินอยู่จึงได้เข้าไปทักแต่เขาก็ต้องหน้าเสียเมื่อเห็นน้องสาวตนนั้นร้องให้จนหน้าตาแดงก่ำไปหมด"พี่สายพาหนึ่งออกไปจากไร่ได้ไหมคะ..ฮือๆๆ"มือเรียวยกปาดน้ำตาลวกๆก่อนจะกระโดดขึ้นหลังรถหมอหนุ่ม จนสายน้ำต้องละงานไปก่อนและพาวันหนึ่งมาสงบอารมณ์ที่คลินิกของเขา"เป็นอะไรบอกพี่ได้หรือเปล่า"สายน้ำเอ่ยถามคนตัวเล็กที่เอาแต่กอดหมอนร้องให้อยู่บนโซฟาโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะสงบลง"หนึ่ง..ฮึก..ฮือๆๆ..เสียใจขออยู่เงียบๆ..ฮือๆๆ""โอเคๆ..งั้นก็พักที่นี่ก่อนแล้วกันพี่จะไปตรวจเจ้าแกะที่ฟาร์มต่อ""ฮือๆ..อย่าบอกใครนะคะ..ฮือๆ..ๆ..ว่าหนึ่งอยู่ที่นี่""ได้พักให้สบายใจได้เลย"ถึงสายน้ำจะคาใจกับอาการเสียใจของวันหนึ่งพอสมควรแต่ก็ไม่เลือกที่จะเค้นถามอะไรในเมื่อคนอย่างวันหนึ่งถึงขั้นร้องให้ฟูมฟายขออยู่คนเดียวคงเป็นเรื่องปวดใจมากแน่คิดว่ารอให้น้องสาวของเขาอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยคุยจะดีกว่าน่านน้ำคุยกับกวินตราจนหญิงสาวสบายใจจนกลับไปได้ตอนนี้ก็เป็นฝ่ายน่านน้ำที่กังวลใจเพราะหาแม่ครัวตัวเล็กของตัวเองไม่เจอโท
นฤดีจำต้องทำตัวเป็นนางเล่าเรื่องให้ลูกชายและลูกสะใภ้ได้กระจ่างถึงความจริงว่าเธอและวันหนึ่งไม่ได้ไปบวชอย่างที่ว่าแต่พาหลานไปหาคู่ตามคำทำนาย วิริยาได้ฟังทั้งหมดก็แทบจะลมจับเธอว่าแล้วว่ามันมีอะไรแปลกๆตั้งแต่แรก"คุณแม่ไม่ได้ไปบวชแต่พาหลานไปหาคู่เหรอคะ!...คุณแม่จะพายัยหนึ่งงมงายเกินไปแล้วนะคะ""ผมว่าแล้วจะต้องมีเรื่องอะไรให้ปวดหัว"สิทธิเดชยิ้มอย่างไม่คิดอะไรเพราะเขาคิดเผื่อใจเอาไว้แต่แรกแล้วว่าแม่ตนต้องพาลูกสาวไปทำอะไรพิเลนๆอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ"เอาน่าจะว่าอะไรแม่ก็ช่างเถอะ...แต่ตอนนี้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องยัยหนึ่งก่อนว่าเป็นอะไรถึงได้หนีกลับมาดื้อๆแบบนี้""หนึ่งลูก..คุณย่ากลับมาแล้วนะลูกออกมาคุยกันหน่อยได้หรือเปล่า""หนึ่งอยากอยู่คนเดียวอย่าพึ่งมายุ่งกับหนึ่งได้ไหมคะ"เมื่อคุยกันจบทั้งวิริยาและนฤดีก็มาเคาะห้องของวันหนึ่งแต่ก็ต้องเดินกลับไปด้วยสีหน้าที่ผิดหวังกันทั้งคู่เพราะทำยังไงเจ้าของห้องก็ไม่ยอมออกมาคุยได้"คุณแม่แน่ใจนะคะว่ายัยหนึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครจริงๆ"วิริยาเชื่อว่าวันหนึ่งต้องมีปัญหาใหญ่ไม่อย่างนั้นไม่มีอาการเป็นแบบนี้แน่ถึงจะไม่ได้เลี้ยงลูกอยู่ตลอดเวลาเหมือนแม่สามี