ปั้งๆ
"อ๊า..ยย.. "
วันหนึ่งที่วิ่งไปวิ่งมาก็เหมือนจะวนอยู่ที่เดิมแถมหมอกกับสิงห์ยังตามอยู่ไม่ห่างตอนนี้ความกลัวตายเคลือบคลานเข้ามาในหัวใจของหญิงสาวพอสมควรจากไม่ค่อยกลัวเสียงปืนเพราะเคยฝึกซ้อมยิงปืนมาบอยตอนนี้กลับตกใจส่งเสียงกรีดร้องจนต้องรีบใช้มือทั้งสองปิดปากตัวเองเอาไว้ขณะที่ขาทั้งสองก็สับเท้าวิ่งไปตามทางที่พอจะไปได้
"เสียงปืน.."
น่านน้ำเหยียบเบรกกะทันหันก่อนที่จถึงปากทางเข้าไร่ของทรงยศเขาพอจะฟังทิศทางออกว่ามันอยู่ทางด้านหลังจึงรีบหันหัวรถเลี้ยวกลับไปทันที
"หนึ่ง.."
แสงไฟของรถกระบะส่องไปเห็นหญิงสาวตัวเล็กที่เขาจำได้ดีว่าคือวันหนึ่งจึงรีบเหยียบคันเร่งเข้าไปประชิดตัวของเธอ
"พ่อเลี้ยง.."
สาวเจ้าแทบจะน้ำตาไหลรู้สึกโล่งใจเป็นปลิดทิ้งที่ได้เห็นหน้าของน่านน้ำเธอไม่รีรอที่จะเปิดประตูขึ้นรถหลังจากนั้นน่านน้ำก็รีบเหยียบคันเร่งหนีออกไปจากตรงนี้ทันทีโดยที่ยังคงมีกระสุนปืนยิงมาที่รถอยู่เรื่อยๆ
ปั้งๆ
"โถ่โว้ย..ไอ้สิงห์มึงรีบไปขับรถมามันไปได้ไม่ไกลหรอกโว้ย"
หมอกสบถอย่างหัวเสียเมื่อตามวันหนึ่งไม่ทันจนเธอนั้นหนีไปได้เขาจำได้ดีว่ารถกระบะคันโตเป็นของน่านน้ำและรู้ว่าเอื้องฟ้าคงหนีไปได้และคาบข่าวไปบอกน่านน้ำแน่นอนและคราวนี้เรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นคงถึงหูตำรวจแน่
"พี่เอื้องกลับไปได้แล้วใช่ไหมคะปลอดภัยดีใช่ไหม"
"อืม..เธอเจอหมอสายน้ำพอดีตอนนี้ให้ไปแจ้งความแล้วตอนนี้ห่วงตัวเองก่อนเถอะเป็นอะไรมากหรือเปล่า"
พ่อเลี้ยงหนุ่มมองแม่ครัวตัวเล็กที่มอมแมมผมเฝ้ายุ่งเหยิงด้วยสายตาเป็นห่วง
"ไม่ค่ะ"
เอี๊ยดด..
"ทำไมรถส่ายแบบนี้ล่ะคะ"
วันหนึ่งตกใจขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่ารถที่เธอนั่งมาได้ครู่หนึ่งก็เริ่มส่ายเป็นงูเลื้อย
"มันคงจะยิงถูกล้อรถเรา...ยังวิ่งไหวไหม"
น่านน้ำเริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดีเขารีบเบรกและจอดรถเอาไว้ข้างทางและรีบพาวันหนึ่งลจากรถทันทีวินาทีนี้เขาต้องใช้วิธีการวิ่งหนีเพราะรู้ว่าอย่างไรพวกของทรงพลก็ต้องตามมาติดๆแน่นอน
"แล้วจะพ้นพวกมันไหมคะ"
ความกลัวที่หายไปเมื่อครู่เริ่มคลืบคลานมาอีกรอบ
"พ้นสิ.. ผมไม่ปล่อยให้คุณเป็นอันตรายหรอก"
"พวกมึงเรียงหน้ากระดานล่ามันให้ได้"
หมอกเรียกคนมาเพิ่มสามสี่คนเมื่อเห็นรถของน่านน้ำจอดอยู่เขาก็ให้พวกของตนเรียบหน้ากระดานเข้าไปในป่าเพื่อล่าน่านน้ำและวันหนึ่งหลังจากได้รับคำสั่งจากทรงยศว่าต้องทำให้สองคนนั้นไม่มีชีวิตรอดให้ได้ให้
"พ่อเลี้ยงคะหนึ่งว่ามันจะต้องฆ่าเราแน่เลย"
คนที่ถูกน่านน้ำจูงมือให้วิ่งตามเข้าป่าไปติดๆจำเป็นต้องเกริ่นเรื่องนี้ให้เขาได้รับรู้เป็นเพราะเธอเองที่ปากพล่อยทำให้เรื่องที่ไม่น่าจะร้ายแรงกลับร้ายแรงขึ้น
"ทำไม.."
คนตัวโตชะงักฝีเท้าหยุดฟังในสิ่งที่วันหนึ่งจะพูด
"หนึ่งเคยแอบฟังพ่อเลี้ยงคุยโทรศัพท์เรื่องการตายของคุณปู่พอเลี้ยงแล้วพอเจอหน้าพวกของทรงพลหนึ่งก็เผลอหลุดไปด่าพวกมันว่าความชั่วของมันกำลังจะถูกเปิดเผยแล้วมันก็ดูตกใจมากพยายามเค้นให้หนึ่งพูดเรื่องที่หนึ่งรู้แต่หนึ่งก็ไม่ได้พูดอะไรต่อค่ะ..หนึ่งขอโทษนะคะพ่อเลี้ยง"
"ช่างมันก่อนยิ่งรู้แบบนี้เรายิ่งต้องรีบหนี"
"ค่ะ.."
น่านน้ำยิ่งรู้เช่นนี้เขาก็ต้องรีบเร่งฝีเท้าหนีเพราะยิ่งพวกคนชั่วเริ่มระแคะระคายในสิ่งที่เขารู้คงไม่ปล่อยเขาและหญิงสาวไปแน่
ปั้งๆๆ..
“อ๊าย.ยย..”
"รีบวิ่งเร็วมันเห็นเราแล้ว"
เมื่อได้ยินเสียงปืนดังกะทันหันสาวเจ้าก็เข้าไปกอดน่านน้ำเอาไว้แน่น พ่อเลี้ยงหนุ่มรีบรวบร่างบางให้ก้มตัวลงและวิ่งหนีให้เร็วที่สุด เป็นข้อดีที่คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงทำให้เขาเห็นทางหนีทีไล่ได้ดีและก็เป็นข้อเสียที่ความสว่างทำให้คนร้ายเห็นเขาได้ง่ายเช่นกัน
ซ่า...
"ไปต่อไม่ได้แล้วค่ะ"
น่านน้ำพาวันหนึ่งวิ่งมาจนถึงปากเหวน้ำตกสูง และตอนนี้เหล่าชายฉกรรจ์กับหมอกและสิงห์ก็ดาหน้าเข้ามาล้อมพวกเธอเอาไว้แล้วด้วยตอนนี้น่านน้ำดันตัวของวันหนึ่งให้อยู่ด้านหลังของเขาเพราะหากจะมีอันตรายอะไรเกิดขึ้นเขาจะไม่ยอมให้เกิดกับวันหนึ่งก่อนแน่
"พวกมึงเก็บมันทั้งคู่ยิงแม่งให้พรุนไปเลย"
"ไม่.." ปั้งๆๆ ตู้มมมมม..
สิ้นเสียงของหมอกคนตัวเล็กที่ใจไม่เล็กก็รีบเอาตัวเองมาบังกระสุนให้น่านน้ำและพากันตกลงในเหวน้ำตกไป
"จะตามมันไปไหมพี่"
เสียงของสิงห์เอ่ยถามหมอกอย่างไม่มั่นใจเพราะไม่คิดว่าคนที่ตกลงไปจะตายร้อยเปอร์เซ็น
"มึงจะกระโดดตามไปก็เรื่องของมึงแต่กูจะกลับ"
หมอกส่ายหัวเขาคิดว่าเมื่อครู่คงมีกระสุนปืนสักลูกโดนตัวสองคนนั้นบ้างและตกไปในเหวลึกขนาดนี้แถมกระแสน้ำยังไหลเชี่ยวไม่ตายก็ต้องเจ็บหนักและเขาก็คงไม่ระห่ำเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อดูให้แน่ใจว่าสองคนนั้นตายหรือไม่ตาย
พลั้กก.."มึงยังไม่เห็นว่ามันเป็นศพแต่ก็เสือกกลับมาเนี่ยนะ"
ทรงยศวาดฝ่ามือใส่แก้มสากของหมอกอย่างเต็มแรงที่กลับมาโดยที่ยังไม่แน่ใจว่างานที่เขาสั่งสำเร็จหรือไม่
"ผมรัวกระสุนดันไปขนาดนั้นมันก็ต้องถูกยิงบ้างครับเสี่ยแถมพวกมันยังกระโดดลงเหวน้ำตกไปอีกป่านนี้น่าจะกระแทกหินเป็นศพกันไปแล้วล่ะครับ"
"ให้มันจริงอย่างที่มึงพูดเถอะไอ้หมอก"
"พ่อ.. ตำรวจมาที่บ้าน"
"เบื่อโว้ย..วันๆมีแต่เรื่อง"
ยังไม่ทันที่จะหายโมโหเรื่องเมื่อครู่ทรงยศก็ต้องมาปวดหัวกับเรื่องที่ต้องมารับหน้าตำรวจอีก
"มีอะไรกันครับทำไมถึงมาที่นี่ดึกดื่น"
ทรงยศต้องปั้นหน้ายิ้มแย้มรับแขกที่เป็นเจ้าหน้าที่ทั้งที่ในใจตอนนี้ประทุไปด้วยความโมโหแทบจะอกแตก
"คุณเอื้องฟ้าไปแจ้งความว่าคุณทรงพลไปฉุดเธอแล้วตอนนี้ก็จับตัวของคุณวันหนึ่งเอาไว้"
สารวัตรหนุ่มแจ้งให้เจ้าของบ้านได้รับทราบว่าเขาได้รับแจ้งเหตุมาแบบไหน
"น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแล้วล่ะครับ...ผมแค่ชวนเอื้องฟ้ามาคุยด้วยธรรมดาเท่านั้นแต่เธอดันเข้าใจผิดหาว่าผมฉุดแล้ววันหนึ่งก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ไม่เชื่อก็ลองค้นดูทั้งในบ้านแล้วก็ในไร่ผมก็ได้"
ทรงพลยังคงแถข้างๆคูๆเพราะเขาเชื่อว่าเอื้องฟ้าไม่ได้มีหลักฐานอะไรได้แต่เพียงไปพูดปากเปล่าเท่านั้นอีกอย่างที่เขาไม่กังวลก็เพราะวันหนึ่งไม่ได้อยู่ในไร่แล้วจริงๆ
"อย่างนั้นผมคงต้องขออนุญาตตรวจค้น"
"เชิญตามสบายครับ"
ทรงยศไม่มีข้อขัดข้องหลังจากที่สารวัตรหนุ่มโชว์หมายค้นก่อนจะหันหลังกลับไปมองค้อนใส่ลูกชายตัวดีที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในคืนนี้
ไออุ่นที่ตามหาวันหนึ่งทั้งงานก็ไม่เจอซ้ำยังเห็นถุงอาหารที่หญิงสาวซื้อหล่นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากรถมอเตอร์ไซต์จึงรู้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีแล้วสิ่งที่เธอสังหรณ์ใจมันเป็นเช่นนั่นจริงๆเมื่อเอื้องฟ้าโทรบอกกับเธอว่าวันหนึ่งถูกจับตัวไป"หลานฉันจะเป็นยังไงบ้างนะ"นฤดีแทบลมจับเมื่อได้รับรู้ข่าวจากไออุ่น"ใจเย็นๆค่ะคุณท่านทั้งพ่อเลี้ยงทั้งตำรวจกำลังไปช่วยยังไงคุณหนูก็จะต้องปลอดภัยค่ะ"อุไรประคองหญิงชราเอาไว้ขณะที่ไออุ่นยังคงจ่อยาดมไม่ห่างจากจมูกของนฤดี อุไรเชื่อว่าย่างไรวันหนึ่งก็ต้องปลอดภัยเพราะน่านน้ำไม่ยอมปล่อยให้คนในปกครองของตัวเองเป็นอันตรายอะไรไปแน่"เป็นแบบนี้ได้ยังไงกันแล้วตำรวจก็เชื่อไอ้พวกตอแหลพวกนั้นน่ะเหรอ..พ่อเลี้ยงกับหนึ่งจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้"เอื้องฟ้าโมโหจนเสียงสั่นที่ทรงพลปฏิเสธข้อกล่าวหาไม่พอตำรวจยังไม่พบน่านน้ำและวันหนึ่งอีกกลับพบเพียงแค่รถของน่านน้ำที่มีแต่รอยลูกกระสุนปืนเท่านั้นแต่พวกของทรงยศก็ปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นอีก"ใจเย็นๆครับยังไงเราก็ไม่มีหลักฐานไปพูดปากเปล่าแบบนั้นตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี"“จริงอย่างที่หมอว่า”คำอ้ายเห็นด้วยกับสิ่งที่สายน้ำพูดเพราะตอนนี้เท่ากับทางเราไป
"ดูซิ..ตัวเท่าลูกหมาทำเก่งปกป้องคนโน้นปกป้องคนนี้จะตายอยู่แล้วเห็นไหมเนี่ย..อีพวกคนชั่วมันก็ชั่วได้ใจจริงๆพูดแล้วก็โมโห"เอื้องฟ้าพูดไปน้ำตาคลอไปยิ่งรู้ว่าวันหนึ่งปกป้องพ่อเลี้ยงจนตัวเองถูกยิงต้องผ่าตัดกันสดๆยิ่งสงสารจับหัวใจจากก่อนหน้าที่ไม่ค่อชอบหน้าหญิงสาวตอนนี้กลับนับถือน้ำใจที่วันหนึ่งนั้นชอบเอาตัวเองปกป้องคนอื่นก่อนเสมอไม่เว้นแม้แต่เธอที่กัดกันอยู่บ่อยครั้ง"อารมณ์เสียไปก็เท่านั้นแหละค่ะพี่เอื้องหลักฐานความผิดพวกทรงพลไม่แน่นหนาตำรวจก็เอาผิดพวกมันไม่ได้อยู่ดี"ไออุ่นยกมือแตะหัวไหล่ของเอื้องฟ้าที่โกรธจนตัวสั่นเทา เธอเองก็อยากให้คนชั่วได้รับโทษตามกฏหมายแต่จะทำอะไรได้ในเมื่อหลักฐานอะไรก็ไม่มีมัดตัวคนพวกนั้นสักอย่างเดียวหลักฐานพวกรอยกระสุนอะไรพวกนั้นที่มีอยู่น้อยนิดคนพวกนั้นก็แถกันไปได้อยู่ดีว่าไม่ได้เกี่ยวกับการที่วันหนึ่งและพ่อเลี้ยงหนุ่มหายไปไออุ่นกลับมาได้ก็ต้องรีบแจ้งข่าวที่ต้องเก็บเป็นความลับกับคนในบ้านทันที"ถึงต้องแกล้งตายกันเลยเหรอลูก"นฤดีที่ได้ฟังก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมหลานเธอและน่านน้ำต้องแกล้งตายในเมื่อสามารถกลับมาบอกตำรวจได้เลยว่าถูกพวกของทรงยศทำร้าย"เพื่อความปลอดภัยของ
วันนี้เป็นวันพิธีเผาศพของวันหนึ่งและน่านน้ำคนในไร่ต่างก็มีอาการโศกเศร้าเสียใจไปตามๆกันบางกลุ่มก็นั่งสงสัยในสาเหตุการตายของทั้งคู่ว่าทำไมถึงไปเสียชีวิตกันที่กลางป่าและมีอาการสงสารทั้งสองพอสมควร บางกลุ่มก็คิดไม่ดีว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มนั้นไปทำอะไรเชิงชู้สาวกับแม่ครัวของตัวเองเช่นกลุ่มที่เอื้องฟ้ากำลังยินอยู่ตอนนี้"ทำไมพ่อเลี้ยงไปตกน้ำในป่าลึกกับแม่ครัวได้ล่ะ..เข้าไปทำอะไรกันในป่าลึกแบบนั้น..คงไม่ใช่ไป..""นี่ป้า..คนตายไปแล้วยังจะหาเรื่องพูดให้เค้าดูไม่ดีอีกนะ"เอื้องฟ้าไม่ยอมปล่อยให้คำพูดไม่ดีของเหล่ามนุษย์ป้าที่คิดอกุศลออกมาจนจบเพราะเธอรู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไรเพียงแค่พูดออกมาไม่ได้เท่านั้น"พวกฉันก็แค่สงสัย...เออแล้วเรื่องที่แกถูกฉุดล่ะเอื้อง..ไม่ได้สึกเหรออะไรใช่ไหม"หญิงร่างท้วมตอกกลับเอื้องฟ้าน้ำเสียงฉะฉานเพราะพอจะรู้มาว่าคืนวันลอยกระทงเอื้องฟ้าไปแจ้วความกับตำรวจว่าเธอนั้นถูกทรงพลฉุด"ฉันไม่ได้เป็นอะไร"เป็นครั้งแรกที่เอื้องฟ้ารู้สึกหน้าชาเพราะเหล่าป้าๆที่นั่งยิ้มเยาะจ้องมายังเธอไม่วางตาเธอไม่คิดว่าคนที่ไร่จะคิดกับเธออย่างนี้"เชื่อได้เร้อะ"ไออุ่นที่กำลังเก็บโต๊ะเก้าอี้หลังจากงานจบเ
"ไปไหนกันมากลับซะค่ำเลย"คำอ้ายยืนเท้าเอวมองหมอสายน้ำอย่างสงสัยที่พาลูกสาวของเขากลับมาส่งเสียมืดค่ำ"ผมให้เอื้องฟ้าไปช่วยจับลูกหมาที่หลังโรงเรียนมาฉีดวัคซีนครับ""บอกฉันว่าจะพาไปขี่รถเล่นแต่กลับให้ไปจับลูกหมาให้ซะงั้น.. มอมแมมหมดฉันไปอาบน้ำก่อนนะพ่อ"เอื้องฟ้าลงจากรถได้ก็เดินปรี่เข้าไปในบ้านเพราะอยากจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากเหนื่อยวิ่งไล่จับหมาตัวใหญ่ให้หมอหนุ่มได้ฉีดวัคซีน"เออๆ..""วันหลังผมจะชวนเอื้องฟ้าไปด้วยบ่อยๆขออนุญาตลุงคำอ้ายด้วยนะครับ"เอื้องฟ้าเดินหายไปในบ้านได้สายน้ำก็รีบขออนุญาตกับคำอ้ายถึงเรื่องที่วันข้างหน้าเขาคงได้เข้ามาเกาะแกะอยู่กับเอื้องฟ้าบ่อยๆ คำอ้ายได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วไม่คิดว่าจะมีใครอยากจะเข้าใกล้ลูกสาวของเขาที่มีสุนัขอยู่เต็มปากได้"ลูกผมมันเป็นมิตรกับหมอเหรอครับถึงได้อยากให้มันไปช่วยบ่อยๆ""ครับ..เราตกลงเป็นเพื่อนกัน"สายน้ำพูดไปก็มีท่าทีเก้อเขินไปจนคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างคำอ้ายพอจะดูออกแล้วว่าทำไมสายน้ำถึงได้ขออนุญาตเขาพาลูกสาวไปข้างนอกบ่อยๆ"แค่เพื่อน?""คือ..จะพูดตรงๆก็อยากเป็นมากกว่านั้น"สายน้ำไม่คิดอ้อมค้อมเพราะจะจีบลูกสาวของคำอ้ายก็ต้องเข้าท
วันเวลาพ้นผ่านนานร่วมอาทิตย์หลังจากที่วันหนึ่งพูดจาตรงไปตรงมากับน่านน้ำและหลังจากวันนั้นน่านน้ำก็ยังคงดูแลวันหนึ่งได้ดีทุกกระเบียดนิ้วแต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่คุยกันค้างเอาไว้อีกซ่า...เช้าของวันนี้วันหนึ่งมานั่งเล่นที่ธารน้ำตกเธอดีขึ้นมากแผลที่เย็บหมอพร้อมก็มาตัดไหมให้แล้วแต่แผลของเธอก็ยังถูกน้ำไม่ได้อยู่ดีสาวเจ้าที่อยู่ใกล้ธารน้ำตกอันแสนสวยจึงมองสายน้ำเหล่านั้นด้วยสายตาละห้อยเพราะทำได้แค่นั่งบนโขดหินแกว่งขาเล่นน้ำเท่านั้น“มาอยู่นี่นี่เอง..ไปทานข้าวเช้ากันเถอะ”น่านน้ำคิดถูกที่เขาเดินมาหลังกระท่อมน้อยตรงมายังธารน้ำตกเพราะได้ยินว่าวันหนึ่งอยากเดินมาเที่ยวตรงนี้หลายวันแล้ว"พ่อเลี้ยง...วันนั้นโกรธหนึ่งหรือเปล่าคะ..เรื่องที่..หนึ่ง"ดวงตากลมโตเปรยมองคนตัวโตที่กำลังทิ้งตัวนั่งลงที่โขดหินข้างๆพร้อมแสยะยิ้มอ่อนให้เขาก่อนะจะเอ่ยถึงเรื่องที่อึดอัดในใจมาหลายวัน"อืมเรื่องวันนั้นผมไม่ได้โกรธหรอก..”น่านน้ำรู้ว่าวันหนึ่งจะพูดเรื่องอะไรเขาจึงโพร่งในขณะที่เธอยังพูดไม่จบเพราะเขาเองก็อยากพูดกับเธอถึงเรื่องนี้หลายวันแล้วเหมือนกันแต่เห็นว่าหญิงสาวยังไม่เกริ่นมาเขาก็ยังไม่กล้าสนทนาเรื่องวันน
"คุณมาเจ็บตัวอยู่ที่นี่ย่าคุณคงจะห่วงมากกลับไปผมต้องไปขอโทษย่าคุณด้วยตัวเอง""หนึ่งฝากพี่อุ่นบอกย่าแล้วค่ะว่าไม่ต้องห่วงหนึ่งมีพ่อเลี้ยงดูแลอย่างดีค่ะ""ยังไงผมก็ต้องไปขอโทษท่านอยู่ดี""ไปฝากตัวเป็นหลานเขยด้วยเลยสิคะ"ใบหน้าจิ้มลิ้มเอียงเงยหน้ามายิ้มทะเล้นหยอกเอิญเล่นกับคนตัวโต"คุณนี่ก็ทะเล้นไม่เลิกจริงๆ""ก็พูดจริงนี่คะ..หนึ่งอยากเก็บหิ่งห้อยพวกนี้ไปไว้ที่ไร่เราจังเลยค่ะ""ใครว่าที่ไร่เราไม่มีล่ะ"ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ยิ้มทะเล้นคราแรกเริ่มมีสีหน้าและแววตาแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นที่ไม่ยักรู้ว่าที่ไร่เพชรพนาจะมีหิ่งห้อยเพราะเธอออกมาดูดาวแทบทุกคืนไม่เคยจะเห็น"เหรอคะ..หนึ่งออกมาดูดาวออกจะบ่อยไม่เคยเห็น""ถ้าออกไปจากที่นี่ผมจะพาคุณไปที่บ้านเล็กท้ายไร่ที่นั่นติดกับแนวเขาธรรมชาติสมบูรณ์มากมีหิ่งห้อยให้เห็นตลอดเลย""สัญญาแล้วนะคะว่าจะพาหนึ่งไป""อืม..""เอ..เคยพาสาวๆคนไหนไปที่นั่นหรือเปล่าคะ""ไม่เคย..""ดีใจจังที่หนึ่งจะได้ไปที่นั่นคนแรก"ฟึ่บ .. สาวเจ้าว่าจบก็เลื่อนตัวลงนอนตักของน่านน้ำ"เมื่อยค่ะขอนอนหน่อยนะคะ"คนตัวโตเอาแต่นั่งยิ้มมองไปยังหิ่งห้อยหลายพันตัวที่ส่องแสงสว่างไปทั่วต้นไม้ใหญ่
วันหนึ่งมาถึงงานช่วงกลางคืนได้พักใหญ่ก็แยกตัวออกจากน่านน้ำออกมาเดินเล่นกับน้ำผึ้งเพราะรู้สึกตื่นเต้นอยากดูเก็บรายละเอียดพิธีกรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"นี่อะไรอะผึ้ง"วันหนึ่งจ้องมองไปยังแก้วไม้ไผ่เล็กๆที่วางบนถาดในมือของน้ำผึ้งอยากรู้นักว่าน้ำใสๆในแก้วที่น้ำผึ้งคอยเอาไปเสริฟเหล่าผู้ชายที่นั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่หลายครั้งแล้วคืออะไร"ลองชิมดูสิคะ""อืมม..อ่าาา..ขมจัง"วันหนึ่งรีบคว้าแก้วในถาดมากระดกอึกใหญ่พอหมดแก้วได้ก็มีสีหน้าเหยเกเพราะรู้สึกว่าไอ้น้ำใสๆที่ดื่มไปเมื่อครู่ทั้งขมทั้งบาดคอ"กลืนไปอึกใหญ่เลยเหรอคะเดี๋ยวก็เมาหรอกค่ะ..นั่นเหล้าต้มของพ่อผึ้งเองแรงมากเลยนะคะ"น้ำผึ้งรีบหยิบแก้วในมือของวันหนึ่งมาถือเอาไว้ทั้งยังมีสีหน้าตกใจที่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะยกไปกระดกหมดแก้วทีเดียวแบบนั้นทั้งที่ผู้ชายที่คุ้นเคยกับเหล้าต้มที่นี่นังค่อยๆจิบทีละนิด"อ้าว..ก็ไม่บอกพี่ว่ามันคือเหล้า"“ก็ไม่คิดว่าจะกระดกจนหมดแบบนั้นนี่คะ”น้ำผึ้งรู้ได้เลยว่าหลังจากนี้อีกไม่กี่นาทีวันหนึ่งได้เมาแอ๋แน่นอนและแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆหลังจากที่วันหนึ่งดื่มเหล้าต้มที่ได้ชื่อว่าแรงมากเธอก็หน้าแดงตาเยิ้มลอยเริ่มเดินสะเ
"หา.."วันหนึ่งเริ่มหน้าเสียและขยิบตาเล็กน้อยเพื่อให้ย่าเธอได้รู้ว่าควรตามน้ำไปก่อน"อ..อ๋อ..ใช่..ค่ะฉันป่วย..โอ้ยฉันก็ขี้หลงขี้ลืมอย่างนี้นั่นแหละค่ะ""รักษาสุขภาพด้วยนะครับถ้าอยากให้ผมช่วยอะไรบอกได้เลยตอบแทนที่หนึ่งช่วยชีวิตผมเอาไว้""ขอบคุณนะคะพ่อเลี้ยงใจดีจริงๆ"แววตาของนฤดีมีแววชื่นชมว่าที่หลานเขยคนนี้พอสมควร"ผมขอตัวกลับไร่ก่อนนะครับ..""บ๊ายบายค่ะพ่อเลี้ยง"คนที่หันหลังกลับไปแล้วหยุดชะงักฝีเท้าและหันมายิ้มให้คนที่เอ่ยลาเสียงเจื้อยแจ้วก่อนจะรีบขับรถกลับไปที่ไร่เพราะมีหลายอย่างเกี่ยวกับคดีของปู่ที่เขาจะต้องไปพูดคุยกับตำรวจ"สายตาที่เค้ามองหลานย่าดูเยิ้มเป็นพิเศษนะ"หลังจากพ่อเลี้ยหงนุ่มให้หลังไปได้นฤดีก็เอ่ยหยอกลานสาวตนถึงเรื่องที่ดูสายตาของน่านน้ำออก"หนึ่งบอกชอบเค้าไปแล้วค่ะ""งั้นเหรอแล้วเค้าว่าไงลูก""เค้าน่าจะไม่เชื่อค่ะให้หนึ่งถามตัวเองให้แน่ใจก่อนเพราะยังไม่เห็นอีกหลายๆมุมของเค้าแล้วอีกสามเดือนค่อยมาพูดอีกทีว่าชอบเค้าจริงๆหรือเปล่า""ย่ามองออกว่าเค้าชอบหลานย่าแล้วแต่เราล่ะชอบเค้าจริงๆหรือพูดแบบนั้นไปเพราะคำทำนาย"ไม่ใช่น่านน้ำที่ยังไม่คิดว่าวันหนึ่งชอบตัวเองได้จริงๆนฤดีเอง