"ในสังคมของเราหากยากเหมือนกันนะคนแบบนี้"
หมอหนุ่มยังคงพูดถึงเอื้องฟ้าโดยที่สีหน้ายังคงมีรอยยิ้มไม่หุบ
"ชื่นชมเหรอคะ.. เอ... หรือว่าพี่สายปลื้มพี่เอื้องฟ้า"
หญิงสาวเริ่มวาดแขนกอดอกเอียงหน้าเงยมองพี่ชายเธอด้วยสายตามีเลศนัยเพราะดูรอยยิ้มของพี่ชายและสายตาที่มองตามคนที่ปั่นจักรยานออกไปด้วยความหยาดเยิ้มมันดูแปลกๆ
"พี่ไม่เคยเจอคนตรงไปตรงมาแบบนี้มาก่อนเลยชอบก็พูดตรงๆไม่ชอบก็พูดตรงๆ.. คำบางคำอาจจะขัดหูคนอื่นไปบ้างแต่พี่ก็ชอบที่เธอตรงไปตรงมากับความคิดของตัวเอง... ไม่เหมือนพวกคนที่พี่เคยเจอเสแสร้งแกล้งปั้นคำกันทั้งนั้น"
คำถามของวันหนึ่งทำหมอหนุ่มหลบสายตาด้วยความเขินอายเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะพูดยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเขารู้สึกถูกชะตากับเอื้องฟ้าพอสมควรแม้นจะรู้มาว่าคนแทบทั้งไร่จะไม่ค่อยชอบนิสัยของเธอก็เถอะ และคำตอบของหมอหนุ่มก็ทำวันหนึ่งเริ่มคิดอะไรออกเธอไม่ต้องไปเสียเงินจ้างใครที่ไหนให้มาจีบเอื้องฟ้าแล้วเพราะมีพี่ชายเธอเป็นตัวช่วยอยู่ตรงนี้ทั้งคน
"ชอบก็จีบเลยสิคะ"
"แน่ะ...จะหาไม้กันหมาสินะ"
มือหนายกยีหัวทุยน้องสาวตัวเล็กเล่นเบาๆด้วยดูออกว่ายัยตัวแสบนั้นคิดอะไรอยู่
"พี่รู้ว่าเอื้องฟ้าชอบพ่อเลี้ยง..."
"ไม่ลองจะรู้เหรอค้า.."
"เรานี่นะ.. ไปกลับกันเถอะ"
สายน้ำส่ายหัวเขารู้ดีว่าคนอย่างเอื้องฟ้าเข้าไปจีบโต้งๆคงไม่สามารถพิชิตใจเธอได้แน่เพราะขนาดคนอย่างทรงพลที่มีทั้งเงินทองอิทธิพลที่ตามจีบหญิงสาวเอื้องฟ้ายังไม่สนใจเขาก็อยากจะรู้นักว่าพ่อเลี้ยงน่านน้ำมีดีอะไรที่ทำให้เอื้องฟ้าฝังใจนักหนา
หลายวันต่อมา
Rrrrr
หญิงสาวตัวเล็กที่กำลังนอนกอดเจ้าหมีเน่าห่มผ้านวมผืนหนาอุตุต้องตื่นมารับสายกลางดึกเมื่อเห็นว่าเป็นสายของพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ตาสว่างโล่ทันที
"ค่ะพ่อเลี้ยง.. ได้ค่ะเดี๋ยวหนึ่งจะออกไปเปิดประตูให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
สาวเจ้ารีบผุดลุกออกจากเตียงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่เดรสสายเดี่ยวซาตินสั้นเสมอหูสีเลือดนกแอบบ่นในใจที่เขานึกจะไปก็อึกอักมาบอกถึงเวลากลับก็เป็นเช่นเดียวกัน
"ต้อนรับกลับบ้านค่ะพ่อเลี้ยง"
คนตัวเล็กเปิดประตูได้ก็ส่งยิ้มร่าและเสียงเจื้อยแจ้วต้อนรับคนที่พึ่งมาถึงบ้านในตอนกลางดึก ชุดของแม่ครัวตัวเล็กทำน่านน้ำตาสว่างหลังจากขับรถกลับมาที่นี่ด้วยความเพลีย
"ผมรีบกลับมากะทันหัน..”
ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายเล็กน้อยไม่คิดว่าแม่ตัวจิ๋วเมื่ออยู่ในชุดแบบนี้จะดูเซ็กซี่จนทำให้เขาใจสั่นแต่ก็ยังพยายามเก็บอาการไม่ให้ตัวเองดูไม่ดีก่อนจะเอ่ยปากเตือนสาวเจ้าที่แต่งตัวไม่ดูอากาศของที่นี่เสียเลย
“แล้วทำไมใส่ชุดนี้ไม่หนาวหรือไง"
ที่น่านน้ำกลับมาก่อนกำหนดกะทันหันเพราะจู่ๆณดลพี่ชายของเขาก็กลับมาจากฮีนนีมูนโดยกะทันหันเช่นกันโดยที่เขาเองก็ไม่ทราบสาเหตุ
"อ๋อ.. ก็.. ชุดนอนหนึ่งเองค่ะสวยไหมคะ"
สาวเจ้าที่ยิ้มร่าคราแรกเริ่มหน้าเจื่อนเพราะไม่เห็นว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มจะเปรยสายตามามองเธอแม้แต่น้อยหนำซ้ำดูท่าจะไม่ชอบชุดของเธอเสียด้วยเห็นทีชุดที่ซื้อมาหลายตัวคงจะหมดประโยชน์แล้วรู้แบบนี้เธอซื้อมาทดลองงานแค่ตัวสองตัวจะดีกว่า
"แต่..ผมว่าคุณน่าจะหาชุดที่ให้ความอบอุ่นดีกว่านี้นะ"
"อ๋อ..ค่ะ..หนึ่งแค่เห็นว่ามันใส่สบายดีเท่านั้น”
ใบหน้าจิ้มลิ้มก้มลงเล็กน้อยเอ่ยเสียงอ่อนอย่างขาดความมั่นใจ
"นี่ของฝาก"
น่านน้ำยื่นถุงกระดาษใบใหญ่ให้กับวันหนึ่งเพราะเขาเห็นเธอไม่มีหมวกใช้เลยซื้อมาให้คราวหลังที่ออกไปตากแดดข้างนอกจะได้ไม่ต้องหยิบหมวกของปู่เขามาใช้อีก วันหนึ่งรับของมาเปิดดูได้ก็เริ่มมีรอยยิ้มอีกรอบแม้นเขาจะไม่ได้ชายตามองเธอที่ตั้งใจแต่งตัวมาเพื่อหว่านเสน่ห์ให้กับเขาแต่ตอนนี้ก็รู้ว่าเขายังมีแก่ใจนึกถึงเธอบ้างถึงได้ซื้อของมาฝากเช่นนี้
"ขอบคุณนะคะ"
คนตัวเล็กกระโจนตัวเข้ามากอดแขนพ่อเลี้ยงหนุ่มแน่นเงยหน้ายิ้มร่ามองใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาเป็นประกายทำคนที่ประหม่าตั้งแต่คราแรกและเก็บอาการเอาไว้เริ่มเก็บอาการไม่อยู่เพราะส่วนเว้าส่วนนูนของสาวเจ้ากำลังบดเบียดอยู่กัยแขนของเขาจนต้องรีบเสียมารยาทดึงแขนตัวเองออกและเดินดุ่มขึ้นไปชั้นบนทันที
"ผมขอตัวก่อน"
"ค่ะพ่อเลี้ยง"
วันหนึ่งบุ้ยปากตามหลังคนที่ถือเนื้อถือตัวเล็กน้อยแค่เธอเกาะแขนนิดหน่อยทำเป็นสะบัดออกแต่เธอก็ยังคงอารมณ์ดีพอสมควรเมื่อมองของฝากในมือก่อนจะรีบปิดประตูบ้านกลับไปนอนเอาแรงทันทีเพราะรู้ตัวว่าพรุ่งนี้จะตื่นสายเหมือนช่วงที่พ่อเลี้ยงหนุ่มไม่อยู่ไม่ได้แล้ว
"ไม่หวั่นไหวสักนิดเลยเหรอ"
คนตัวเล็กกลับมาถึงในห้องได้ก็รวบชุดเซ็กซี่วาบหวิวที่แขวนเอาไว้เข้ากล่องเก็บเพราะรู้ว่ามันคงช่วยเหลืออะไรเธอไม่ได้จริงๆ
"ไม่รู้หรือไงว่าอยู่บ้านสองต่อสองกับผู้ชายควรทำตัวยังไง"
น่านน้ำกลับเข้าห้องนอนตัวเองมาได้ก็ยืนเท้าเอวหลับตาส่ายหัวสลัดภาพความเซ็กซี่ของแม่ครัว ใบหน้าจิ้มลิ้มตัวเล็กผิวขาวอมชมพูของเธอบวกกับเดรสซาตินสีสวยสะดุดตาทำใจของเขายังสั่นไม่หาย เขารู้ว่าเธอหน้าตาน่ารักน่าชังตั้งแต่แรกเห็นแล้วแต่ไม่คิดว่าเธอจะทำให้เขาใจสั่นได้แบบนี้เมื่ออยู่ในชุดที่พึ่งเห็นเมื่อครู่ ไม่อยากจะคิดว่าเธอไปเป็นแม่ครัวให้คนอื่นแล้วแต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้พวกนี้จะมีคนข่มใจไม่ให้รุ่มร่ามกับเธอได้อย่างเขาหรือเปล่า
"นี่ถ้าคุณปั่นจักรยานเป็นคงดีผมจะได้ออกไปไร่โดยที่ไม่ต้องรอปิ่นโต"
น่านน้ำเอ่ยกับแม่ครัวตัวเล็กที่ยื่นปิ่นโตให้เขาในช่วงใกล้สายด้วยหากเขาไม่ต้องรออาหารเช้าที่เธอทำคงได้ออกไปดูไร่ตั้งแต่เช้ามืดแล้วเพราะรู้สึกห่วงความเรียบร้อยหลังจากที่ไม่ได้อยู่หลายวัน
"งั้นพ่อเลี้ยงก็สอนหนึ่งปั่นจักรยานสิคะไม่น่าจะยากอะไรเลย"
เหมือนคำพูดของพ่อเลี้ยงหนุ่มจะเข้าทางวันหนึ่งเพราะเธอคิดเอาไว้แล้วว่าจะหาทางใกล้ชิดกับเขาโดยใช้เรื่องที่จะให้เขาสอนปั่นจักรยานเป็นเรื่องแรก
"อืม.. ก็จริงช่วงบ่ายวันนี้เดี๋ยวผมกลับมาสอนก็แล้วกัน"
"ค่ะ.. หนึ่งจะรอนะคะพ่อเลี้ยง"
เมื่อคนตัวโตตกลงสาวเจ้าก็ยิ้มหวานส่งสายตาหยาดเยิ้มเป็นการขอบคุณ ทำคนที่ยังรู้สึกประหม่ากับเธอตั้งแต่เมื่อคืนอดยิ้มตามไม่ได้
"ยิ้มทำไมคะเขินหนึ่งเหรอ"
น่านน้ำข่มสีหน้าให้กลับมาเรียบเฉยเมื่อคนที่ยิ้มร่าเอ่ยถามหยอกเขาอย่างไม่มีทีท่าเอียงอาย
"ก่อนจะถามผมคุณนั่นแหละรู้จักเขินที่จะถามบ้างหรือเปล่า"
"ไม่เลยค่ะ"
ใบหน้าจิ้มลิ้มส่ายไปมาช้าๆ ทำพ่อเลี้ยงหนุ่มส่ายหัวและรีบเดินหนีออกจากบ้านไปก่อนที่อาการเขินของเขาจะแสดงออกมาให้หญิงสาวได้เห็น
"ตกลงหวั่นไหวกับเราบ้างหรือเปล่าเนี่ย"
คิ้วบางเริ่มขมวดมองตามแผ่นหลังกว้างบ่นอู้อี้กับตัวเองเมื่อไม่ได้เห็นว่าน่านน้ำนั้นจะหวั่นไหวกับพฤติกรรมที่เธอหว่านเสน่ห์บ้างเลย
หลังจากพ่อเลี้ยงหนุ่มออกจากบ้านไปได้วันหนึ่งก็รีบทำงานบ้านให้เสร็จก่อนจะมาหาวิธีเจ็บตัว ใช่วิธีเจ็บตัวเมื่อตอนฝึกปั่นจักรยานเพราะเธอต้องการให้น่านน้ำนั้นดูแลเธออย่างใกล้ชิด"...อืม..ลงท่าไหนถึงจะดูสวยนะ"ตั้งแต่เที่ยงจนจะเข้าบ่ายวันหนึ่งก็ยังคงจับจ้องเจ้าจักรยานแม่บ้านหัดขึ้นขี่และฝึกท่าล้มลงพื้นไม่ลดละเพราะต้องการหาวิธีล้มให้เธอดูดีที่สุดในสายตาของน่านน้ำ หลังจากล้มเธอก็จะแกล้งข้อเท้าเคล็ดเดินไม่ได้แล้วคนที่ถือเนื้อถือตัวอย่างพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ต้องอุ้มเธอจนได้เวลานั้นแหละเธอจะทำตัวใกล้ชิดเขามากที่สุดเท่าที่จะทำได้พอบ่ายคล้อยน่านน้ำก็กลับมาสอนวันหนึ่งปั่นจักรยานตามนัดเขาสอนหญิงสาวที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านอยู่พักใหญ่จนเธอนั้นเริ่มที่จะปั่นไปข้างหน้าเองได้แล้ว"เดี๋ยวหนึ่งลองปั่นไปตรงนั้นแล้ววนกลับมานะคะ"วันหนึ่งอยากจะลองปั่นเองโดยที่ไม่ต้องมีน่านน้ำคอยประคองเพราะเธอจะได้ล้มลงและแกล้งเจ็บตัวอย่างที่ชายหนุ่มไม่สงสัยอะไร"อืม.. ผมจะไม่เดินตามแล้ว..จะรออยู่ตรงนี้""ค่ะ"วันหนึ่งเริ่มปั่นทั้งที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่มั่นใจเท่าไรแต่เพราะอยากจะทำตามสิ่งที่คิดเอาไว้แล้วจึงขอน่านน้ำปั่นจักรยานแม่บ้า
"สายตาพ่อเลี้ยงมันฟ้องค่ะว่ากำลังมีเรื่องไม่สบายใจ"ดวงตากลมโตเริ่มจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อจนน่านน้ำต้องหลบสายตาก่อนจะใช้มือหนาปัดใบหน้าจิ้มลิ้มให้เลิกมองจ้องเขาอย่างเบามือ"ทำเป็นรู้ดี""ยิ้มเข้าไว้สิคะ..พ่อเลี้ยงของหนึ่งเก่งอยู่แล้ว"มือเรียวทั้งสองยกจับแก้มพ่อเลี้ยงหนุ่มเล่นเบาๆทั้งฉีกยิ้มกว้างหมายจะนำร่องให้เขานั้นยิ้มตาม พฤติกรรมเช่นนี้ไม่เคยมีใครเคยทำกับน่านน้ำแม้นจะเป็นกวินตราและไม่คิดว่าจะมีใครทำด้วยแต่ก็ทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มรู้สึกดีไม่น้อยจนยิ้มกว้างออกมาได้อย่างเช่นที่วันหนึ่งอยากให้เป็น"คุณนี่ก็เล่นเป็นเด็กไปได้""นั่นไงยิ้มหล่อแล้วหายเครียดแล้วใช่ไหมคะ"ริมฝีปากหนายิ้มกว้างได้วันหนึ่งก็ละมือจากพวงแก้มสากเปลี่ยนเป็นยืนเกาะแขนแกร่งของน่านน้ำแทน และครั้งนี้คนที่จะถือเนื้อถือตัวกลับไม่ปฏิเสธที่สาวเจ้าจะยืนเกาะแขนของเขาไว้เพราะรู้สึกดีกับทุกการกระทำของคนตัวเล็กไปหมดเสียทุกอย่าง อย่างที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้สึกรำคาญเธอแม้แต่น้อย"ขอบคุณนะ..อ่อ..เรื่องที่จะเรียนต่อคุณอยากจะเรียนเมื่อไรล่ะเห็นว่าอาทิตย์หน้าเค้าก็จะเปิดรับสมัครแล้ว""เดี๋ยวหนึ่งให้พี่อุ่นพาไปสมัครค่ะ"
"นี่..ถึงฉันจะไม่ชอบที่เธอตัวติดกับพ่อเลี้ยงแต่ฉันก็มีความคิดมากพอจะขอบคุณคนที่ช่วยเหลือฉัน..จะกินหรือเปล่าไม่กินก็ไม่ว่าจะได้เอากลับ"เอื้องฟ้าทำท่าจะคว้าแก้วที่ยื่นให้วันหนึ่งคืนแต่หญิงมีหรือคนที่ได้ของแล้วจะยอมคืนให้"ให้แล้วให้เลย...ทำเป็นน้อยใจไปได้""ก็ทำเป็นพูดจาหักหารน้ำใจกันเองนี่...อ่อนี่แกงเขียวหวานแม่ฉันเห็นเธอชอบเลยฝากมาให้"ว่าจบก็เลือนปิ่นโตที่ถือมาไว้ตรงหน้าของวันหนึ่ง"ฝากขอบคุณป้าสร้อยด้วยนะคะ""อืม..""แล้วพี่เอื้องล่ะไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมเมื่อวานกลับมาก็มืดค่ำไม่ได้ถามอะไรกันเลย"เมื่อวานเธอมัวตกใจและโมโหกับเรื่องที่มนัสทำและกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ดึกแล้วเลยไม่ได้มีเวลาคุยกับเอื้องฟ้ามากนัก"ไม่...เอ่อ..ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงช่วยฉัน""ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรหรอกแค่ไม่อยากเห็นใครถูกทำร้าย""ตัวเล็กเท่าลูกหมาทำเก่ง"วันหนึ่งอ้าปากค้างกับคำพูดของเอื้องฟ้าเธอเข้าใจว่าหญิงสาวคงจะห่วงเธอแต่ก็น่าจะใช้คำพูดให้มันดีกว่านี้จะได้ฟังอย่างรื่นหูหน่อย"อ้าว...ฉันช่วยพี่นะพูดให้ดีๆหน่อยไม่ได้หรือไง""ทีหลังก็หัดห่วงตัวเองก่อน""ได้ทีหลังหนึ่งจะมองดูพี่ถูกรุมกระทืบก่อน""ปากคอนะ""ฮ่าๆ
"ฉันว่าคนที่จะมาป่วนไร่ฉันคงไม่มีใครหรอกนอกจากทรงพล"เสียงของน่านน้ำที่ดังมาจากในห้องทำงานทำให้วันหนึ่งชะงักฝีเท้าที่จะเดินเอาของว่างไปให้เขาเพราะอยากรู้ว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มนั้นรู้อะไรมา"หลักฐานที่แกได้มาตอนนี้มันทำให้ฉันมั่นใจแล้วว่าเสี่ยทรงยศเป็นทำให้ปู่ฉันตาย..ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครจนกว่าจะมีหลักฐานมัดแน่น"น่านน้ำรู้สึกคับแค้นใจพอสมควรกับเรื่องที่พึ่งได้รับรู้จากเพื่อนของเขาที่เป็นตำรวจลับว่าหลักฐานทุกอย่างที่มีตอนนี้มีความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ว่าคนที่ทำให้ปู่ของเขาตายคือเสี่ยทรงยศ ไม่ว่าจะเป็นที่ดินที่ปู่ของเขาไปประสปอุบัติเหตุก็เป็นที่ดินของทรงยศที่ซื้อก่อนหน้าที่ปู่ของเขาจะเสียไปไม่เท่าไรหนำซ้ำยังใช้ชื่อคนอื่นเป็นเจ้าของเพื่อปกปิด และสมานคนสนิทของปู่เขาที่อ้างว่าป่วยจนต้องขอลาออกจากไร่ก็มีประวัติว่าเคยรับเงินของทรงยศแถมวันที่ปู่ของเขาต้องขับรถออกไปข้างนอกกลางดึกจนเกิดอุบัติเหตุก็เพราะสมานคนสนิทของปู่เขาโทรมาบอกว่าตัวเองไม่สบายไม่มีใครพาไปโรงพยาบาลอีก หากเพื่อนของเขาที่เป็นตำรวจลับตามตัวสมานได้ก็คงจะได้เค้นความจริงและถ้าความจริงคือทุกอย่างคือการจัดฉากที่มีทรงยศอยู่เบื้องหลังคร
รถตู้สีดำใช้เวลาไม่นานนักก็ขับมาถึงท้ายไร่ของเสี่ยทรงยศสองสาวถูกลากตัวเข้ามาในโรงเก็บฟางโรงใหญ่โดยมีหมอกและสิงห์คอยคุมตัวอยู่ไม่ห่าง"จับพวกฉันมาทำไมห้ะไอ้พวกอันธพาลฉันจำแกได้นะว่าเป็นใครฉันจะแจ้งตำรวจจับแก"วันหนึ่งเอ่ยเสียงแข็งอย่างไม่พอใจที่คนพวกนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษไม่พอยังจะคิดทำชั่วทำเลวโดยการฉุดผู้หญิงมาอีก"ปล่อยฉันไปนะถ้าเรื่องนี้ถึงหูพ่อเลี้ยงว่าพวกแกทำร้ายคนในไร่เค้าโดนดีแน่"เอื้องฟ้าตะคอกใส่หน้าหมอกกับสิงห์ยังไม่ทันขาดคำเธอกับวันหนึ่งก็ต้องถอยกรูเมื่อนักเลงทั้งสองจ่อปากกระบอกปืนมายังพวกเธอ“ถ้ายังไม่เงียบปากเจ็บตัวแน่”เป็นหมอกที่เอ่ยขู่สาวทั้งสองเสียงแข็งเพราะเขารำคาญเสียงพวกเธอโวยวายตั้งแต่ในรถไม่ยอมหยุดจนมาถึงที่นี่"พวกแกพาใครมาด้วยวะ"ทรงพลมองไปยังผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวที่ยืนอยู่ข้างตัวเอื้องฟ้าด้วยสายตาไม่พอใจเพราะเขาสั่งคนสนิททั้งสองให้พาตัวเอื้องฟ้ามาแค่คนเดียว"นังนี่เป็นคนของพ่อเลี้ยงน่านดันเข้ามายุ่งก็เลยรวบมาเลยครับนาย"สิงห์เอ่ยกับคนเป็นนายที่ต้องทำนอกเหนือคำสั่งก็เพราะกลัวว่าหาปล่อยคนที่เห็นเหตุการณ์ไปไม่วายเรื่องถึงหูตำรวจเร็วแน่"พวกแกจะเอายัยนี่ไปทำอะไรก็เชิ
ปั้งๆ"อ๊า..ยย.. "วันหนึ่งที่วิ่งไปวิ่งมาก็เหมือนจะวนอยู่ที่เดิมแถมหมอกกับสิงห์ยังตามอยู่ไม่ห่างตอนนี้ความกลัวตายเคลือบคลานเข้ามาในหัวใจของหญิงสาวพอสมควรจากไม่ค่อยกลัวเสียงปืนเพราะเคยฝึกซ้อมยิงปืนมาบอยตอนนี้กลับตกใจส่งเสียงกรีดร้องจนต้องรีบใช้มือทั้งสองปิดปากตัวเองเอาไว้ขณะที่ขาทั้งสองก็สับเท้าวิ่งไปตามทางที่พอจะไปได้"เสียงปืน.."น่านน้ำเหยียบเบรกกะทันหันก่อนที่จถึงปากทางเข้าไร่ของทรงยศเขาพอจะฟังทิศทางออกว่ามันอยู่ทางด้านหลังจึงรีบหันหัวรถเลี้ยวกลับไปทันที"หนึ่ง.."แสงไฟของรถกระบะส่องไปเห็นหญิงสาวตัวเล็กที่เขาจำได้ดีว่าคือวันหนึ่งจึงรีบเหยียบคันเร่งเข้าไปประชิดตัวของเธอ"พ่อเลี้ยง.."สาวเจ้าแทบจะน้ำตาไหลรู้สึกโล่งใจเป็นปลิดทิ้งที่ได้เห็นหน้าของน่านน้ำเธอไม่รีรอที่จะเปิดประตูขึ้นรถหลังจากนั้นน่านน้ำก็รีบเหยียบคันเร่งหนีออกไปจากตรงนี้ทันทีโดยที่ยังคงมีกระสุนปืนยิงมาที่รถอยู่เรื่อยๆปั้งๆ"โถ่โว้ย..ไอ้สิงห์มึงรีบไปขับรถมามันไปได้ไม่ไกลหรอกโว้ย"หมอกสบถอย่างหัวเสียเมื่อตามวันหนึ่งไม่ทันจนเธอนั้นหนีไปได้เขาจำได้ดีว่ารถกระบะคันโตเป็นของน่านน้ำและรู้ว่าเอื้องฟ้าคงหนีไปได้และคาบข่าวไปบอกน่
ไออุ่นที่ตามหาวันหนึ่งทั้งงานก็ไม่เจอซ้ำยังเห็นถุงอาหารที่หญิงสาวซื้อหล่นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากรถมอเตอร์ไซต์จึงรู้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีแล้วสิ่งที่เธอสังหรณ์ใจมันเป็นเช่นนั่นจริงๆเมื่อเอื้องฟ้าโทรบอกกับเธอว่าวันหนึ่งถูกจับตัวไป"หลานฉันจะเป็นยังไงบ้างนะ"นฤดีแทบลมจับเมื่อได้รับรู้ข่าวจากไออุ่น"ใจเย็นๆค่ะคุณท่านทั้งพ่อเลี้ยงทั้งตำรวจกำลังไปช่วยยังไงคุณหนูก็จะต้องปลอดภัยค่ะ"อุไรประคองหญิงชราเอาไว้ขณะที่ไออุ่นยังคงจ่อยาดมไม่ห่างจากจมูกของนฤดี อุไรเชื่อว่าย่างไรวันหนึ่งก็ต้องปลอดภัยเพราะน่านน้ำไม่ยอมปล่อยให้คนในปกครองของตัวเองเป็นอันตรายอะไรไปแน่"เป็นแบบนี้ได้ยังไงกันแล้วตำรวจก็เชื่อไอ้พวกตอแหลพวกนั้นน่ะเหรอ..พ่อเลี้ยงกับหนึ่งจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้"เอื้องฟ้าโมโหจนเสียงสั่นที่ทรงพลปฏิเสธข้อกล่าวหาไม่พอตำรวจยังไม่พบน่านน้ำและวันหนึ่งอีกกลับพบเพียงแค่รถของน่านน้ำที่มีแต่รอยลูกกระสุนปืนเท่านั้นแต่พวกของทรงยศก็ปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นอีก"ใจเย็นๆครับยังไงเราก็ไม่มีหลักฐานไปพูดปากเปล่าแบบนั้นตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี"“จริงอย่างที่หมอว่า”คำอ้ายเห็นด้วยกับสิ่งที่สายน้ำพูดเพราะตอนนี้เท่ากับทางเราไป
"ดูซิ..ตัวเท่าลูกหมาทำเก่งปกป้องคนโน้นปกป้องคนนี้จะตายอยู่แล้วเห็นไหมเนี่ย..อีพวกคนชั่วมันก็ชั่วได้ใจจริงๆพูดแล้วก็โมโห"เอื้องฟ้าพูดไปน้ำตาคลอไปยิ่งรู้ว่าวันหนึ่งปกป้องพ่อเลี้ยงจนตัวเองถูกยิงต้องผ่าตัดกันสดๆยิ่งสงสารจับหัวใจจากก่อนหน้าที่ไม่ค่อชอบหน้าหญิงสาวตอนนี้กลับนับถือน้ำใจที่วันหนึ่งนั้นชอบเอาตัวเองปกป้องคนอื่นก่อนเสมอไม่เว้นแม้แต่เธอที่กัดกันอยู่บ่อยครั้ง"อารมณ์เสียไปก็เท่านั้นแหละค่ะพี่เอื้องหลักฐานความผิดพวกทรงพลไม่แน่นหนาตำรวจก็เอาผิดพวกมันไม่ได้อยู่ดี"ไออุ่นยกมือแตะหัวไหล่ของเอื้องฟ้าที่โกรธจนตัวสั่นเทา เธอเองก็อยากให้คนชั่วได้รับโทษตามกฏหมายแต่จะทำอะไรได้ในเมื่อหลักฐานอะไรก็ไม่มีมัดตัวคนพวกนั้นสักอย่างเดียวหลักฐานพวกรอยกระสุนอะไรพวกนั้นที่มีอยู่น้อยนิดคนพวกนั้นก็แถกันไปได้อยู่ดีว่าไม่ได้เกี่ยวกับการที่วันหนึ่งและพ่อเลี้ยงหนุ่มหายไปไออุ่นกลับมาได้ก็ต้องรีบแจ้งข่าวที่ต้องเก็บเป็นความลับกับคนในบ้านทันที"ถึงต้องแกล้งตายกันเลยเหรอลูก"นฤดีที่ได้ฟังก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมหลานเธอและน่านน้ำต้องแกล้งตายในเมื่อสามารถกลับมาบอกตำรวจได้เลยว่าถูกพวกของทรงยศทำร้าย"เพื่อความปลอดภัยของ