น่านน้ำกลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์ของตนที่เคยอยู่ก็นึกถึงเรื่องราวเก่าๆทุกผืนที่ในเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้เคยมีกวินตราได้เคยอยู่เฟอร์นิเจอร์ทุกตัวหรือของตกแต่งก็เป็นสิ่งที่หญิงสาวเลือกทั้งหมด น่านน้ำทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาสีครีมตัวใหญ่ก่อนจะถอนหายใจอ่อนเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้รู้สึกสบายขึ้นก่อนจะลุกเก็บรูปคู่ของเขากับกวินตราที่ใส่กรอบวางเอาไว้ทั่งพื้นที่ลงกล่อง
“ผมจะพยายามลืมคุณให้ได้”
น่านน้ำพูดกับรูปภาพที่อยู่ในกล่องก่อนจะเก็บมันเอาไว้ที่ในตู้เก็บของ เขาคบกับกวินตราตั้งแต่ไปเรียนต่างประเทศพร้อมกันด้วยความที่พ่อแม่รู้จักกันและเรียนรุ่นเดียวกันเมื่อไปอยู่ต่างประเทศเขาและเธอห่างครอบครัวจึงทำให้ได้พูดคุยกันสนิทสนมกว่าอยู่ที่ไทยและตัดสินใจคบกัน ความรักของเขาและเธอมันดีมาโดยตลอดแต่มันมาสะดุดตรงที่เขาเลือกที่จะเข้ามาดูแลไร่ในช่วงที่เคยคุยไว้ว่าจะแต่งงาน
เขาแพลนการสร้างครอบครัวไว้ตั้งแต่แรกว่าจะบริหารงานแทนคนเป็นพ่อที่ต่างประเทศและให้พ่อกับแม่กลับไปอยู่ที่ไทยแต่เมื่อมีเรื่องปู่ของเขาเกิดขึ้นจึงทำให้แผนทั้งหมดที่วางเอาไว้ไม่เป็นเช่นที่คิด กวินตราจึงไม่พอใจมากและโกรธเคืองเขาที่สุดเพราะสัญญาไม่เป็นสัญญาอีกอย่างช่วงที่เขาระหองระแหงกับเธอหนุ่มไฮโซลูกนักการเมืองก็เข้ามาแทรกแซงในความสัมพันธ์จึงทำให้เขาและกวินตราต้องจบกันด้วยดี
“หึ่..” หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วน่านน้ำก็มานั่งทำแผลใบหน้าคมตอนนี้นั่งจ้องกระจกก่อนจะสบถขำออกมาเพราะจู่ๆก็นึกถึงแม่ครัวตัวเล็กที่เคยทำแผลให้ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องนึกถึงเมื่อไตร่ตรองดูเขาน่าจะนึกถึงเธอเพราะเสียงเจื้อยแจ้วที่คอยหาเรื่องพูดคุยด้วยมากกว่าคนอื่นๆ
Rrrrr
“ทำไมพึ่งโทรกลับมาล่ะฝันรู้ไหมวันนี้ฉันติดต่อเธอทั้งวันเลย”
วันหนึ่งกลับมานอนที่บ้านของพ่อเลี้ยงหนุ่มในช่วงหัวค่ำเธอก็รีบติดต่อหาทอฝันเมื่อปลายสายรับสายได้เธอก็รีบบ่นอุก
“ก็ย่าฉันไม่สบายน่ะสิตอนนี้ก็นอนอยู่ที่โรงพยาบาล”
“อ้าวแล้วคุณย่าเฟื่องเป็นอะไร”
คนที่บ่นเสียงชัดแจ๋วคราแรกเริ่มผ่อนคลายความแข็งของเสียงลงหลังจากได้รู้เหตุผลว่าทำไมทอฝันถึงติดต่อไม่ได้
“น่าจะใช้พลังจิตมากไปเลยทำให้ร่างกายอ่อนแอ..แล้วโทรหาฉันทั้งวันมีเรื่องอะไรเหรอ”
“ก็อยากจะถามเรื่องราวอุปสรรคน่ะสิว่าจะต้องทำยังไงต่อ..แต่คิดว่ารอให้ย่าเฟื่องหายดีก่อนดีกว่า”
“เห็นย่าเกริ่นเอาไว้ว่าให้เธอทำตามสัญชาติญาณตัวเองไม่ต้องฟังใครทั้งนั้นแล้วทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีแต่จะแอบมีอุปสรรคบ้างให้เธออดทนเข้าไว้ยังไงก็ห้ามถอดใจก่อนจะได้ใจของเป้าหมายเธอให้ได้”
“แสดงว่าย่าเฟื่องต้องรู้แน่เลยว่าฉันจะต้องถาม”
ทอฝันคิดเอาไว้แล้วว่าไม่มีเรื่องอะไรที่เฟื่องฟ้าย่าของทอฝันจะไม่รู้
“น่าจะเป็นอย่างนั้น”
“โอเคฉันไม่รบกวนแล้ว ฝากความห่วงใยให้ย่าเฟื่องด้วย”
“ขอบใจนะ”
เมื่อวางสายได้วันหนึ่งก็นั่งถอนหายใจอย่างโล่งอกที่อย่างน้อยตอนนี้ก็ได้คำแนะนำมา มือน้อยคว้าเจ้าหมีเน่าตัวโปรดมากอดเอาไว้และทิ้งตัวนอนลงเตียงเล็ก
“ทุกอย่างมันจะต้องสำเร็จเนอะพี่หมี”
สาวเจ้าพูดคุยกับเข้าหมีเน่าราวกับมันมีชีวิตเพราะเธอทำเช่นนี้ตั้งแต่เด็กยันโตแล้วด้วยเมื่อได้พูดคุยกับตุ๊กตาหมีเน่าทีไรทำให้เธอสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ในวันต่อมา ณ โรงแรมหรูใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ในชั้นบนสุดถูกจัดตกแต่งประดับไปด้วยดอกไม้ราคาแพงและฉากที่หรูหราอลังการสมเกียรติที่เป็นงานหมั้นของสาวสวยไฮโซอย่างกวินตรากับชรันหนุ่มหล่อมาดเท่ลูกนักการเมืองชื่อดัง แขกเหรื่อในงานวันนี้มีแต่เหล่าไฮโซและนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลมากมายมาร่วมงานเพราะพ่อของชรันเป็นที่นับหน้าถือตาและทางครอบครัวของกวินตราก็เป็นผู้บริหารธนาคารใหญ่
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะคุณยา"
อนงค์นาถปรี่เข้ามาหาวิริยาเมื่อเห็นคนคุ้นเคยเข้ามาในงานรู้อยู่แล้วว่าวิริยาต้องมาในงานนี้เพราะแม่ของกวินตราเป็นญาติห่างๆของวิริยา
"อ้าวคุณนาถนึกว่าอยู่ต่างประเทศเสียอีกกลับมาเมื่อไรคะ"
วิริยาไม่คิดว่าจะได้เจออนงค์นาถที่งานนี้เพราะรู้ดีว่าเธอและสามีไปบริหารงานที่ต่างประเทศได้พักใหญ่แล้วเมื่อได้เจอก็ยินดีมากพอสมควรเพราะเมื่อก่อนอนงค์นาถเป็นลูกค้าวีไอพีที่ร้านเพชรของเธอเป็นประจำแถมคุยกันถูกคอจนได้นัดเจอกันอยู่บ่อยๆอีกอย่างสามีของเธอและสามีของอนงค์นาถก็เป็นเพื่อนทางธุรกิจกันด้วยแต่เมื่อต่างคนต่างมีหน้าที่จนยุ่งมากขึ้นพักหลังก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไรนัก
"ไม่กี่วันนี้เองค่ะ..ได้ข่าวแว่วๆจากคุณพลมาว่าหนูหนึ่งเรียนจบแล้วกลับมาไทยหรือยังคะ"
"มาแล้วค่ะแต่ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกนะคะสองย่าหลานพากันไปบวชฉันก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไรเหมือนกัน"
"เหรอคะ...นึกว่าจะได้เจอหลานตอนเจอครั้งนั้นก็ยังเล็กๆอยู่เลยไม่รู้ว่าตอนนี้โตเป็นสาวขนาดไหนแล้ว"
อนงค์นาถอดที่จะเปรยถึงลูกสาวคนเดียวของวิริยาไม่ได้เพราะเธอชอบในความน่ารักของวันหนึ่งเหลือเกินใจอยากจะมีลูกสาวกับคนอื่นเค้าบ้างแต่ที่ได้มาก็มีแต่ผู้ชาย ใจอยากจะเห็นวันหนึ่งตอนโตแล้วบ้างเพราะจำได้ว่าเจอล่าสุดตั้งแต่วันหนึ่งเล็กๆพอได้วัยเข้าโรงเรียนก็ไปอยู่ต่างประเทศ
"อีกไม่นานคงได้เจอค่ะ..เราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่าค่ะ"
“ค่ะ”
ไม่ใช่อนงค์นาถคนเดียวที่อยากจะเจอวันหนึ่งแต่วิริยาที่เป็นแม่เองก็อยากจะเจอลูกเหมือนกันภาวนาให้แม่สามีของเธอพาลูกสาวเธอกลับบ้านอยู่ทุกวัน
"ขนาดเรายังหวั่นไหวกับตัวเองแบบนี้พ่อเลี้ยงจะไม่หวั่นไหวบ้างให้มันรู้ไป"
วันหนึ่งลองชุดเดรสวาบหวิวที่สองสามวันมานี้เธอสั่งของมาส่งที่บ้านไออุ่นและให้หญิงสาวนำมาให้เพื่อใช้เป็นชุดหว่านเสน่ห์กับพ่อเลี้ยงหนุ่มหลังจากที่เขากลับมา สาวเจ้าสวมชุดหันซ้ายหันขวาอยู่หน้ากระจกทั้งพูดกับเงาสะท้อนในกระจกอย่างมั่นใจว่าเมื่อเธอใส่ชุดนี้ให้น่านน้ำเห็นอย่างไรเขาก็ต้องหวั่นไหวกับเธอบ้างไม่มากก็น้อยเพราะตัวเธอเองยังรู้สึกว่าตัวเองเซ็กซี่เป็นพิเศษเลย
"ใคร.."
ช่วงสายของวันต่อมาวันหนึ่งที่กำลังเดินเล่นชมนกชมไม้อยู่หน้าบ้านก็เหลือบไปเห็นว่ากำลังมีคนขับรถATVสีเหลืองดำตรงเข้ามาที่นี่เมื่อคนที่ตรงเข้ามาจอรถได้เธอก็เริ่มยืนนิ่งอ้าปากค้างเพราะคนที่เห็นคือสายน้ำลูกชายของน้าเธอเอง
"พี่สายน้ำ"
"หนึ่ง.. มาทำอะไรที่นี่"
สายน้ำสัตวแพทย์หนุ่มรูปหล่อลงจากรถได้ก็ปรี่เข้ามาหาน้องสาวตัวเล็กด้วยสีหน้าแปลกใจว่าน้องสาวของเขามาทำอะไรที่นี่คราแรกคิดว่ายังไม่กลับจากต่างประเทศเสียอีก
"พี่สายน้ำนั่นแหละมาทำอะไรที่นี่คะ"
ตอนนี้ต่างคนก็ต่างแปลกใจที่จู่ๆก็มาเจอกันที่นี่โดยบังเอิญ และแล้วก็เป็นฝ่ายสายน้ำที่เอ่ยถามน้อวสาวตัวแสบจนได้ความว่าน้องตนเล่นพิเลนจากใช้ชีวิตเป็นคุณหนูกลับอยากจะมาเป็นแม่ครัวบ้านพ่อเลี้ยงน่านน้ำ
"มาเป็นแม่ครัวให้พ่อเลี้ยง"
"เรื่องมันยาวค่ะ.. แต่พี่สายล่ะคะมาที่นี่ได้ไงมาทำอะไรยังไม่บอกเลย...อ่อหนึ่งจำได้ว่าน้าวีบอกว่าพี่สายหายหัวไปนานแล้วไม่กลับบ้านกลับช่องไปช่วยงานบ้างแสดงว่าหนีหน้าแม่พี่สายมาใช่หรือเปล่าคะ"
วันหนึ่งจำได้ว่าวันที่เธอกลับมาถึงบ้านวันรวีน้าสาวของเธอก็มาบ่นให้ฟังอุกว่าลูกชายคนเดียวหายหัวไปติดต่อไม่ค่อยจะได้
"พี่มาที่นี่จะมาหาพ่อเลี้ยงจะหาผู้ช่วยไปฉีดวัคซีนให้วัวไม่รู้ว่าไม่อยู่..แล้วที่อยู่ที่นี่พี่แค่เบื่อชีวิตในเมืองเบื่อการปั้นหน้าออกงานสังคมเราก็พอจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าส่วนมากก็มีแต่ปลอมๆทั้งนั้น"สายน้ำสัตวแพทย์หนุ่มรูปหล่อปานนายแบบเขาแก่กว่าวันหนึ่งประมาณสี่ห้าปีเป็นลูกชายคนเดียวของพิศิษฐ์และวันรวีน้าสาวและน้าเขยของวันหนึ่งเจ้าของกิจการนำเข้าเครื่องมือแพทย์เจ้าใหญ่ ที่เขาเลือกมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อันที่จริงแล้วก็เพราะอกหักช้ำรักจากผู้หญิงไม่จริงใจมาหลายหนทุกคนเข้าหาเขาก็เพราะหน้าตาชาติตระกูลเท่านั้น อีกอย่างที่เลือกที่จะปักหลักอยู่แถวนี้เพราะรู้สึกถูกชะตากับใครบางคน"ก็จริง""แล้วมาเป็นแม่บ้านให้พ่อเลี้ยงแบบนี้เค้ารู้หรือเปล่าว่าเราเป็นลูกใคร"สายน้ำคิดว่าไม่ใช่เขาคนเดียวหรอกที่ใช้ชีวิตที่นี่อย่างที่ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริง"มีแค่คุณย่าของหนึ่งพี่อุ่นกับป้าไรที่รู้ค่ะแล้วพี่สายก็ห้ามบอกใครด้วยเรื่องนี้...แลกกับการที่หนึ่งจะไม่บอกกับน้าวีว่าพี่สายอยู่ที่นี่""ยัยตัวแสบ...”สายน้ำเปรยยิ้มแกมเอ็นดูยัยน้องสาวตัวแสบที่ชอบหาเรื่องเล่นซนไม่เลิก“โอเคพี่รับปากแต่พี่ขอคำอธิบายหน่อยเถอะว่าทำแบบ
"ในสังคมของเราหากยากเหมือนกันนะคนแบบนี้"หมอหนุ่มยังคงพูดถึงเอื้องฟ้าโดยที่สีหน้ายังคงมีรอยยิ้มไม่หุบ"ชื่นชมเหรอคะ.. เอ... หรือว่าพี่สายปลื้มพี่เอื้องฟ้า"หญิงสาวเริ่มวาดแขนกอดอกเอียงหน้าเงยมองพี่ชายเธอด้วยสายตามีเลศนัยเพราะดูรอยยิ้มของพี่ชายและสายตาที่มองตามคนที่ปั่นจักรยานออกไปด้วยความหยาดเยิ้มมันดูแปลกๆ"พี่ไม่เคยเจอคนตรงไปตรงมาแบบนี้มาก่อนเลยชอบก็พูดตรงๆไม่ชอบก็พูดตรงๆ.. คำบางคำอาจจะขัดหูคนอื่นไปบ้างแต่พี่ก็ชอบที่เธอตรงไปตรงมากับความคิดของตัวเอง... ไม่เหมือนพวกคนที่พี่เคยเจอเสแสร้งแกล้งปั้นคำกันทั้งนั้น"คำถามของวันหนึ่งทำหมอหนุ่มหลบสายตาด้วยความเขินอายเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะพูดยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเขารู้สึกถูกชะตากับเอื้องฟ้าพอสมควรแม้นจะรู้มาว่าคนแทบทั้งไร่จะไม่ค่อยชอบนิสัยของเธอก็เถอะ และคำตอบของหมอหนุ่มก็ทำวันหนึ่งเริ่มคิดอะไรออกเธอไม่ต้องไปเสียเงินจ้างใครที่ไหนให้มาจีบเอื้องฟ้าแล้วเพราะมีพี่ชายเธอเป็นตัวช่วยอยู่ตรงนี้ทั้งคน"ชอบก็จีบเลยสิคะ""แน่ะ...จะหาไม้กันหมาสินะ"มือหนายกยีหัวทุยน้องสาวตัวเล็กเล่นเบาๆด้วยดูออกว่ายัยตัวแสบนั้นคิดอะไรอยู่"พี่รู้ว่าเอื้องฟ้าช
หลังจากพ่อเลี้ยงหนุ่มออกจากบ้านไปได้วันหนึ่งก็รีบทำงานบ้านให้เสร็จก่อนจะมาหาวิธีเจ็บตัว ใช่วิธีเจ็บตัวเมื่อตอนฝึกปั่นจักรยานเพราะเธอต้องการให้น่านน้ำนั้นดูแลเธออย่างใกล้ชิด"...อืม..ลงท่าไหนถึงจะดูสวยนะ"ตั้งแต่เที่ยงจนจะเข้าบ่ายวันหนึ่งก็ยังคงจับจ้องเจ้าจักรยานแม่บ้านหัดขึ้นขี่และฝึกท่าล้มลงพื้นไม่ลดละเพราะต้องการหาวิธีล้มให้เธอดูดีที่สุดในสายตาของน่านน้ำ หลังจากล้มเธอก็จะแกล้งข้อเท้าเคล็ดเดินไม่ได้แล้วคนที่ถือเนื้อถือตัวอย่างพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ต้องอุ้มเธอจนได้เวลานั้นแหละเธอจะทำตัวใกล้ชิดเขามากที่สุดเท่าที่จะทำได้พอบ่ายคล้อยน่านน้ำก็กลับมาสอนวันหนึ่งปั่นจักรยานตามนัดเขาสอนหญิงสาวที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านอยู่พักใหญ่จนเธอนั้นเริ่มที่จะปั่นไปข้างหน้าเองได้แล้ว"เดี๋ยวหนึ่งลองปั่นไปตรงนั้นแล้ววนกลับมานะคะ"วันหนึ่งอยากจะลองปั่นเองโดยที่ไม่ต้องมีน่านน้ำคอยประคองเพราะเธอจะได้ล้มลงและแกล้งเจ็บตัวอย่างที่ชายหนุ่มไม่สงสัยอะไร"อืม.. ผมจะไม่เดินตามแล้ว..จะรออยู่ตรงนี้""ค่ะ"วันหนึ่งเริ่มปั่นทั้งที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่มั่นใจเท่าไรแต่เพราะอยากจะทำตามสิ่งที่คิดเอาไว้แล้วจึงขอน่านน้ำปั่นจักรยานแม่บ้า
"สายตาพ่อเลี้ยงมันฟ้องค่ะว่ากำลังมีเรื่องไม่สบายใจ"ดวงตากลมโตเริ่มจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อจนน่านน้ำต้องหลบสายตาก่อนจะใช้มือหนาปัดใบหน้าจิ้มลิ้มให้เลิกมองจ้องเขาอย่างเบามือ"ทำเป็นรู้ดี""ยิ้มเข้าไว้สิคะ..พ่อเลี้ยงของหนึ่งเก่งอยู่แล้ว"มือเรียวทั้งสองยกจับแก้มพ่อเลี้ยงหนุ่มเล่นเบาๆทั้งฉีกยิ้มกว้างหมายจะนำร่องให้เขานั้นยิ้มตาม พฤติกรรมเช่นนี้ไม่เคยมีใครเคยทำกับน่านน้ำแม้นจะเป็นกวินตราและไม่คิดว่าจะมีใครทำด้วยแต่ก็ทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มรู้สึกดีไม่น้อยจนยิ้มกว้างออกมาได้อย่างเช่นที่วันหนึ่งอยากให้เป็น"คุณนี่ก็เล่นเป็นเด็กไปได้""นั่นไงยิ้มหล่อแล้วหายเครียดแล้วใช่ไหมคะ"ริมฝีปากหนายิ้มกว้างได้วันหนึ่งก็ละมือจากพวงแก้มสากเปลี่ยนเป็นยืนเกาะแขนแกร่งของน่านน้ำแทน และครั้งนี้คนที่จะถือเนื้อถือตัวกลับไม่ปฏิเสธที่สาวเจ้าจะยืนเกาะแขนของเขาไว้เพราะรู้สึกดีกับทุกการกระทำของคนตัวเล็กไปหมดเสียทุกอย่าง อย่างที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้สึกรำคาญเธอแม้แต่น้อย"ขอบคุณนะ..อ่อ..เรื่องที่จะเรียนต่อคุณอยากจะเรียนเมื่อไรล่ะเห็นว่าอาทิตย์หน้าเค้าก็จะเปิดรับสมัครแล้ว""เดี๋ยวหนึ่งให้พี่อุ่นพาไปสมัครค่ะ"
"นี่..ถึงฉันจะไม่ชอบที่เธอตัวติดกับพ่อเลี้ยงแต่ฉันก็มีความคิดมากพอจะขอบคุณคนที่ช่วยเหลือฉัน..จะกินหรือเปล่าไม่กินก็ไม่ว่าจะได้เอากลับ"เอื้องฟ้าทำท่าจะคว้าแก้วที่ยื่นให้วันหนึ่งคืนแต่หญิงมีหรือคนที่ได้ของแล้วจะยอมคืนให้"ให้แล้วให้เลย...ทำเป็นน้อยใจไปได้""ก็ทำเป็นพูดจาหักหารน้ำใจกันเองนี่...อ่อนี่แกงเขียวหวานแม่ฉันเห็นเธอชอบเลยฝากมาให้"ว่าจบก็เลือนปิ่นโตที่ถือมาไว้ตรงหน้าของวันหนึ่ง"ฝากขอบคุณป้าสร้อยด้วยนะคะ""อืม..""แล้วพี่เอื้องล่ะไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมเมื่อวานกลับมาก็มืดค่ำไม่ได้ถามอะไรกันเลย"เมื่อวานเธอมัวตกใจและโมโหกับเรื่องที่มนัสทำและกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ดึกแล้วเลยไม่ได้มีเวลาคุยกับเอื้องฟ้ามากนัก"ไม่...เอ่อ..ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงช่วยฉัน""ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรหรอกแค่ไม่อยากเห็นใครถูกทำร้าย""ตัวเล็กเท่าลูกหมาทำเก่ง"วันหนึ่งอ้าปากค้างกับคำพูดของเอื้องฟ้าเธอเข้าใจว่าหญิงสาวคงจะห่วงเธอแต่ก็น่าจะใช้คำพูดให้มันดีกว่านี้จะได้ฟังอย่างรื่นหูหน่อย"อ้าว...ฉันช่วยพี่นะพูดให้ดีๆหน่อยไม่ได้หรือไง""ทีหลังก็หัดห่วงตัวเองก่อน""ได้ทีหลังหนึ่งจะมองดูพี่ถูกรุมกระทืบก่อน""ปากคอนะ""ฮ่าๆ
"ฉันว่าคนที่จะมาป่วนไร่ฉันคงไม่มีใครหรอกนอกจากทรงพล"เสียงของน่านน้ำที่ดังมาจากในห้องทำงานทำให้วันหนึ่งชะงักฝีเท้าที่จะเดินเอาของว่างไปให้เขาเพราะอยากรู้ว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มนั้นรู้อะไรมา"หลักฐานที่แกได้มาตอนนี้มันทำให้ฉันมั่นใจแล้วว่าเสี่ยทรงยศเป็นทำให้ปู่ฉันตาย..ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครจนกว่าจะมีหลักฐานมัดแน่น"น่านน้ำรู้สึกคับแค้นใจพอสมควรกับเรื่องที่พึ่งได้รับรู้จากเพื่อนของเขาที่เป็นตำรวจลับว่าหลักฐานทุกอย่างที่มีตอนนี้มีความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ว่าคนที่ทำให้ปู่ของเขาตายคือเสี่ยทรงยศ ไม่ว่าจะเป็นที่ดินที่ปู่ของเขาไปประสปอุบัติเหตุก็เป็นที่ดินของทรงยศที่ซื้อก่อนหน้าที่ปู่ของเขาจะเสียไปไม่เท่าไรหนำซ้ำยังใช้ชื่อคนอื่นเป็นเจ้าของเพื่อปกปิด และสมานคนสนิทของปู่เขาที่อ้างว่าป่วยจนต้องขอลาออกจากไร่ก็มีประวัติว่าเคยรับเงินของทรงยศแถมวันที่ปู่ของเขาต้องขับรถออกไปข้างนอกกลางดึกจนเกิดอุบัติเหตุก็เพราะสมานคนสนิทของปู่เขาโทรมาบอกว่าตัวเองไม่สบายไม่มีใครพาไปโรงพยาบาลอีก หากเพื่อนของเขาที่เป็นตำรวจลับตามตัวสมานได้ก็คงจะได้เค้นความจริงและถ้าความจริงคือทุกอย่างคือการจัดฉากที่มีทรงยศอยู่เบื้องหลังคร
รถตู้สีดำใช้เวลาไม่นานนักก็ขับมาถึงท้ายไร่ของเสี่ยทรงยศสองสาวถูกลากตัวเข้ามาในโรงเก็บฟางโรงใหญ่โดยมีหมอกและสิงห์คอยคุมตัวอยู่ไม่ห่าง"จับพวกฉันมาทำไมห้ะไอ้พวกอันธพาลฉันจำแกได้นะว่าเป็นใครฉันจะแจ้งตำรวจจับแก"วันหนึ่งเอ่ยเสียงแข็งอย่างไม่พอใจที่คนพวกนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษไม่พอยังจะคิดทำชั่วทำเลวโดยการฉุดผู้หญิงมาอีก"ปล่อยฉันไปนะถ้าเรื่องนี้ถึงหูพ่อเลี้ยงว่าพวกแกทำร้ายคนในไร่เค้าโดนดีแน่"เอื้องฟ้าตะคอกใส่หน้าหมอกกับสิงห์ยังไม่ทันขาดคำเธอกับวันหนึ่งก็ต้องถอยกรูเมื่อนักเลงทั้งสองจ่อปากกระบอกปืนมายังพวกเธอ“ถ้ายังไม่เงียบปากเจ็บตัวแน่”เป็นหมอกที่เอ่ยขู่สาวทั้งสองเสียงแข็งเพราะเขารำคาญเสียงพวกเธอโวยวายตั้งแต่ในรถไม่ยอมหยุดจนมาถึงที่นี่"พวกแกพาใครมาด้วยวะ"ทรงพลมองไปยังผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวที่ยืนอยู่ข้างตัวเอื้องฟ้าด้วยสายตาไม่พอใจเพราะเขาสั่งคนสนิททั้งสองให้พาตัวเอื้องฟ้ามาแค่คนเดียว"นังนี่เป็นคนของพ่อเลี้ยงน่านดันเข้ามายุ่งก็เลยรวบมาเลยครับนาย"สิงห์เอ่ยกับคนเป็นนายที่ต้องทำนอกเหนือคำสั่งก็เพราะกลัวว่าหาปล่อยคนที่เห็นเหตุการณ์ไปไม่วายเรื่องถึงหูตำรวจเร็วแน่"พวกแกจะเอายัยนี่ไปทำอะไรก็เชิ
ปั้งๆ"อ๊า..ยย.. "วันหนึ่งที่วิ่งไปวิ่งมาก็เหมือนจะวนอยู่ที่เดิมแถมหมอกกับสิงห์ยังตามอยู่ไม่ห่างตอนนี้ความกลัวตายเคลือบคลานเข้ามาในหัวใจของหญิงสาวพอสมควรจากไม่ค่อยกลัวเสียงปืนเพราะเคยฝึกซ้อมยิงปืนมาบอยตอนนี้กลับตกใจส่งเสียงกรีดร้องจนต้องรีบใช้มือทั้งสองปิดปากตัวเองเอาไว้ขณะที่ขาทั้งสองก็สับเท้าวิ่งไปตามทางที่พอจะไปได้"เสียงปืน.."น่านน้ำเหยียบเบรกกะทันหันก่อนที่จถึงปากทางเข้าไร่ของทรงยศเขาพอจะฟังทิศทางออกว่ามันอยู่ทางด้านหลังจึงรีบหันหัวรถเลี้ยวกลับไปทันที"หนึ่ง.."แสงไฟของรถกระบะส่องไปเห็นหญิงสาวตัวเล็กที่เขาจำได้ดีว่าคือวันหนึ่งจึงรีบเหยียบคันเร่งเข้าไปประชิดตัวของเธอ"พ่อเลี้ยง.."สาวเจ้าแทบจะน้ำตาไหลรู้สึกโล่งใจเป็นปลิดทิ้งที่ได้เห็นหน้าของน่านน้ำเธอไม่รีรอที่จะเปิดประตูขึ้นรถหลังจากนั้นน่านน้ำก็รีบเหยียบคันเร่งหนีออกไปจากตรงนี้ทันทีโดยที่ยังคงมีกระสุนปืนยิงมาที่รถอยู่เรื่อยๆปั้งๆ"โถ่โว้ย..ไอ้สิงห์มึงรีบไปขับรถมามันไปได้ไม่ไกลหรอกโว้ย"หมอกสบถอย่างหัวเสียเมื่อตามวันหนึ่งไม่ทันจนเธอนั้นหนีไปได้เขาจำได้ดีว่ารถกระบะคันโตเป็นของน่านน้ำและรู้ว่าเอื้องฟ้าคงหนีไปได้และคาบข่าวไปบอกน่