"เป็นยังไงบ้างคะคุณหนูงานบ้านงานครัวทำไหวหรือเปล่าคะ"
อุไรยกอาหารเย็นสำรับใหญ่มาวางกลางโต๊ะอาหารหลังจากที่ไออุ่นไปรับวันหนึ่งมาทานข้าวเย็นที่นี่เมื่อเห็นหน้าคุณหนูตัวเล็กได้ก็ไม่วายอยากจะรู้ว่าวันหนึ่งไหวกับงานบ้านงานครัวหรือเปล่า
"สบายมากค่ะป้าไรหนึ่งสนุกมากค่ะที่ได้ทำอาหาร"
"แน่ใจนะว่าไม่ได้ทำอะไรของเค้าเสียหาย"
นฤดีเอ่ยหยอกหลานสาวที่เอ่ยตอบอุไรยิ้มปากบานด้วยความมั่นใจเธอไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยอย่างที่หลานเธอว่าเพราะรู้ดีว่าวันหนึ่งไม่เคยได้ทำงานบ้านงานครัวเก่ง
"ไม่มี๊.. ไม่มีแม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ"
ใบหน้าจิ้มลิ้มส่ายหัวหงึกหงัก ไออุ่นมองมายังวันหนึ่งก็ยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะเปรยเอ่ยหยอกเรื่องที่รับรู้มากับวันหนึ่ง
"เอ.. พี่ได้ยินมาว่าพ่อเลี้ยงต้องไปหากับข้าวที่โรงครัวในไร่เพราะใครดันลืมปิดแก๊สกันน้า"
"นั่นไงย่าว่าแล้ว"
"ผิดพลาดนิดหน่อยเองค่ะ"
นฤดียิ้มร่าคิดเอาไว้ไม่มีผิดคนที่ไม่มีอะไรจะเถียงอย่างวันหนึ่งก็ได้แต่นั่งก้มหน้างุดทำท่าทีสนใจอาหารตรงหน้าแก้เขินทำเอาคนที่รายล้อมโต๊ะอาหารต่างก็อมยิ้มเอ็นดู
"คุณพ่อกับคุณแม่โทรตามเราบ้างหรือเปล่าคะคุณย่า"
หลังจากทานข้าวเย็นเรียบร้อยวันหนึ่งก็ไม่ลืมที่จะถามคนเป็นย่าถึงข่าวคราวของพ่อแม่เธอเพราะตั้งแต่เธอเข้าไปอยู่ที่บ้านของพ่อเลี้ยงหนุ่มเธอก็ขาดการติดต่อกับทางบ้านไปเลย
"จะเหลือเหรอ.. ย่าก็บอกไปว่าเรามาบวชสักพักอยู่ในที่ทุรกันดารติดต่อยากสักหน่อย"
นฤดีเอ่ยด้วยสีหน้าภูมิใจที่เธอสามารถจัดการปัญหาได้เป็นอย่างดี
"คุณย่าของหนึ่งนี่สุดยอดไปเลยค่า"
มือน้อยยกชูนิ้วโป้งทั้งสวมกอดคนเป็นย่าภูมิใจเหลือเกินที่ตนเองมีย่าคอยซัพพอร์ตให้ผ่านปัญหาไปได้ทุกเรื่องจริงๆตั้งแต่เล็กจนโตไม่ว่าเธอจะมีปัญหาอะไรย่าของเธอนี่แหละเอาอยู่ทุกเรื่อง
"เพื่อความสุขของหลานย่าทั้งนั้นเลยลูก.. อ่อ.. แล้วพ่อเลี้ยงน่านน้ำนี่เค้านิสัยดีหรือเปล่าล่ะลูก"
มือของหญิงชรายกลูบหัวทุยของหลานสาวหัวแก้วหัวแหวนเบาๆทังยังไม่ลืมที่จะถามถึงพ่อเลี้ยงหนุ่มว่าเขานั้นนิสัยใจคอเป็นอย่างไร
"ค่ะ..มีน้ำใจขี้สงสารแต่ติดตรงที่โลกส่วนตัวสูงไปหน่อย"
สาวเจ้าขมวดคิ้วพรางนึกถึงหน้าของพ่อเลี้ยหงนุ่มก่อนจะเอ่ยถึงเขาในความเห็นส่วนตัวของตัวเอง
"เค้าไม่ได้มายุ่มย่ามส่งสายตาเชิงชอบพอเราบ้างเลยเหรอ"
นฤดีถามอย่างอยากรู้เพราะหลานสาวของเธอทั้งสาวทั้งสวยขนาดนี้ชายหนุ่มคนไหนอยู่ใกล้เธอคิดว่าก็ต้องมีคิดอะไรกันบ้าง สิ้นคำถามของคนเป็นย่าวันหนึ่งก็ผละออกจากอ้อมกอดของย่าและส่ายหัวหงึกหงักเธอตอบได้อย่างมั่นใจว่าไม่เคยเห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มจะมีท่าทีสนใจเธอในเชิงชู้สาวแม้แต่น้อยส่วนมากคำที่เขาคุยด้วยน่าจะเป็นคำตำหนิหรือคำสอนมากกว่า
"ไม่มีนะคะคุณย่าแต่หนึ่งจะพยายามให้เค้าสนใจให้ได้"
นฤดีพยักหน้ารับคำตอบของหลานสาวทั้งอมยิ้มมุมปากเล็กน้อยเท่ากับว่าผู้ชายคนนี้ค่อนข้างเป็นสุภาพบุรุษพอสมควรแต่อีกใจก็แอบรู้สึกว่าแผนพิชิตใจคนในคำทำนายของหลานสาวเธอน่าจะยากขึ้นแต่คนที่คู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันเหมือนคำโบราณที่เธอเคยได้ยินมาตอนนี้ที่เธอทำได้ก็คงจะคอยดูชีวิตของหลานสาวต่อไปเท่านั้น
ณ โรงแรมหรูระดับห้าดาวที่กรุงเทพ น่านน้ำมาถึงที่นี่ได้ก็เข้ามานั่งเซ็นเอกสารทำหน้าที่แทนณดลพี่ชายคนโตที่พาภรรยาไปเที่ยวฮันนีมูนที่อิตาลี
"ที่ไร่งานยุ่งหรือเปล่าครับ"
นนทวัตรลูกคนสุดท้องของบ้านเข้ามาที่บริษัทเพื่อทักทายพี่ชายคนกลางหลังจากไม่ได้เจอกันนานเพราะน่านน้ำเลือกที่จะไปอยู่ต่างจังหวัดเพื่อบริหารไร่เพชรพนาและบริหารโรงแรมรีสอร์ททางเหนือ
"ก็.."
คนที่กำลังง่วนกับเอกสารเงยหน้ามาส่ายหัวให้น้องชายตนก่อนจะเปรยยิ้มอ่อนแต่ความส่ายหน้าเป็นคำตอบของน่านน้ำก็ไม่ได้ทำให้นนทวัตรเชื่อเลยสักนิดด้วยดูจากร่างกายที่ซูบลงกว่าเดิมแถมผิดวกายยังกระดำกระด่างและสีหน้ายังดูค่อนข้างอิดโรยแถมหางคิ้วที่โก่งเข้มยังมีผ้าแปะแผลปิดอยู่อีกต่างหาก
“แล้วหางคิ้วไปโดนอะไรมา”
“ไปช่วยเค้าซ่อมโรงเรียนเลยได้แผลนิดหน่อย”
"ผมไม่เข้าใจพี่น่านดูแลแค่รีสอร์ทต่างจังหวัดก็ยุ่งพอตัวอยู่แล้วทำไมอยากจะบริหารไร่คุณปู่ทั้งที่เราก็จ้างคนอื่นให้ดูแลก็ได้"
นนทวัตรนั่งกอดอกมองพี่ชายตนด้วยท่าทีเป็นห่วงไม่เข้าใจตั้งแต่แรกว่าทำไมพี่ชายตนถึงได้อยากจะเข้าไปดูแลไร่ด้วยตัวเองนักหนาทั้งที่งานในมือที่บริหารอยู่มันก็ไม่ใช่น้อยๆ
"พี่อยากดูแลด้วยตัวเองไปก่อน"
น่านน้ำยังบอกใครถึงเรื่องที่ต้องการจัดการไม่ได้เพราะไม่อยากให้ทุกคนมาเครียดกับสิ่งที่เขาคิดหากเรื่องคาใจในการตายของปู่ตนจบเขาก็ค่อยดูอีกทีว่าจะให้คนอื่นไปบริหารไร่แทนหรือเปล่า
"ถ้าพี่เหนือไม่พาภรรยาไปฮันนีมูนกะทันหันพี่น่านคงไม่มากรุงเทพง่ายๆใช่ไหมครับ"
"พูดเหมือนพี่ทิ้งครอบครัว"
"ก็จริงนี่ครับตั้งแต่พี่น่านเข้าบริหารไร่คุณปู่เราก็ไม่ได้เจอกันเลย"
นนทวัตรมีน้ำเสียงและสีหน้าค่อนข้างหดหู่เพราะตั้งแต่พ่อแม่ของเขาย้ายไปบริหารงานที่ต่างประเทศแทนคนเป็นตากับยายและพวกเขาก็ต้องบริหารงานกันที่ไทยน้อยครั้งนักที่สามพี่น้องหรือครอบครัวจะได้เจอหน้ากันอีกอย่างยิ่งตอนนี้น่านน้ำไปบริหารงานที่ไร่เพชรพนาเขาก็ยิ่งไม่ได้เจอพี่ชายคนกลางเวลามีปัญหาเรื่องงานจะได้พูดคุยปรึกษากันต่อหน้าก็ทำได้ยาก
"อยากเจอพี่ก็ไปที่ไร่ก็ได้นี่"
"ไม่ไปหรอกครับผมกลัวถูกจับขังในที่มืดอีก"
นนทวัตรส่ายหัวพัลวัลเขาไม่ค่อยอยากจะไปทีไร่นั้นเพราะมีความทรงจำที่ไม่ดีเท่าไรนักทุกวันนี้ที่ต้องนอนเปิดไฟกลัวความมืดก็เพราะเจอเหตุการณ์ไม่ดีที่นั่น
"เรานี่ก็จำไม่ลืมเลยนะ"
นนทวัตรสบถขำแกมรู้สึกผิดลึกๆที่เมื่อครั้งยังเด็กรวมหัวกับณดลแกล้งนนทวัตรจนได้เรื่องครั้งนั้นเขาก็ยังจำได้ว่าถูกตีจนเข็ดหลาบไม่กล้าเล่นอะไรแผลงๆอีก
"แน่นอนครับ.. อ่อ..พรุ่งนี้คุณแม่จะกลับมาถึงเราจะไปงานหมั้นพี่เกรซพี่น่านจะไปด้วยหรือเปล่า"
นนทวัตรถามหยั่งเชิงด้วยกลัวว่าถ้าไม่บอกก็กลัวพี่ตนจะว่าภายหลังแต่คำตอบในใจเอนเอียงไปแล้วว่าพี่ตนจะไม่ไปงานนี้เพราะเกรซ หรือกวินตราคือแฟนเก่าของพี่ชายเขาเองที่พึ่งเลิกกันช่วงที่พี่ของเขาเข้าบริหารงานไนไร่ แถมยังมาหมั้นกับไฮโซหนุ่มลูกนักการเมืองในเวลาอันรวดเร็วอีก ถึงรู้ว่าพี่ชายของเขาและกวินตราจบกันด้วยดีแต่ก็มองออกว่าพี่ตนยังเจ็บกับเรื่องความรักอยู่เหมือนกัน
"พี่คงไม่ไป.. ฝากแสดงความดีใจกับเธอด้วย"
"ครับ"
เมื่อได้ยินชื่อกวินตราน่านน้ำก็เริ่มมีสายตาไหววูบเขารู้ว่าเธอกำลังจะหมั้นกับคนรักใหม่มาสักพักแล้วและคิดว่าจะยินดีกับเธอจากใจจริงแต่เมื่อจะถึงเวลาเข้าจริงๆเขากลับรู้สึกหน่วงหัวใจยังไงบอกไม่ถูก
น่านน้ำกลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์ของตนที่เคยอยู่ก็นึกถึงเรื่องราวเก่าๆทุกผืนที่ในเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้เคยมีกวินตราได้เคยอยู่เฟอร์นิเจอร์ทุกตัวหรือของตกแต่งก็เป็นสิ่งที่หญิงสาวเลือกทั้งหมด น่านน้ำทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาสีครีมตัวใหญ่ก่อนจะถอนหายใจอ่อนเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้รู้สึกสบายขึ้นก่อนจะลุกเก็บรูปคู่ของเขากับกวินตราที่ใส่กรอบวางเอาไว้ทั่งพื้นที่ลงกล่อง“ผมจะพยายามลืมคุณให้ได้”น่านน้ำพูดกับรูปภาพที่อยู่ในกล่องก่อนจะเก็บมันเอาไว้ที่ในตู้เก็บของ เขาคบกับกวินตราตั้งแต่ไปเรียนต่างประเทศพร้อมกันด้วยความที่พ่อแม่รู้จักกันและเรียนรุ่นเดียวกันเมื่อไปอยู่ต่างประเทศเขาและเธอห่างครอบครัวจึงทำให้ได้พูดคุยกันสนิทสนมกว่าอยู่ที่ไทยและตัดสินใจคบกัน ความรักของเขาและเธอมันดีมาโดยตลอดแต่มันมาสะดุดตรงที่เขาเลือกที่จะเข้ามาดูแลไร่ในช่วงที่เคยคุยไว้ว่าจะแต่งงานเขาแพลนการสร้างครอบครัวไว้ตั้งแต่แรกว่าจะบริหารงานแทนคนเป็นพ่อที่ต่างประเทศและให้พ่อกับแม่กลับไปอยู่ที่ไทยแต่เมื่อมีเรื่องปู่ของเขาเกิดขึ้นจึงทำให้แผนทั้งหมดที่วางเอาไว้ไม่เป็นเช่นที่คิด กวินตราจึงไม่พอใจมากและโกรธเคืองเขาที่สุดเพราะสัญญาไม่เป็นสัญญาอีกอย
"พี่มาที่นี่จะมาหาพ่อเลี้ยงจะหาผู้ช่วยไปฉีดวัคซีนให้วัวไม่รู้ว่าไม่อยู่..แล้วที่อยู่ที่นี่พี่แค่เบื่อชีวิตในเมืองเบื่อการปั้นหน้าออกงานสังคมเราก็พอจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าส่วนมากก็มีแต่ปลอมๆทั้งนั้น"สายน้ำสัตวแพทย์หนุ่มรูปหล่อปานนายแบบเขาแก่กว่าวันหนึ่งประมาณสี่ห้าปีเป็นลูกชายคนเดียวของพิศิษฐ์และวันรวีน้าสาวและน้าเขยของวันหนึ่งเจ้าของกิจการนำเข้าเครื่องมือแพทย์เจ้าใหญ่ ที่เขาเลือกมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อันที่จริงแล้วก็เพราะอกหักช้ำรักจากผู้หญิงไม่จริงใจมาหลายหนทุกคนเข้าหาเขาก็เพราะหน้าตาชาติตระกูลเท่านั้น อีกอย่างที่เลือกที่จะปักหลักอยู่แถวนี้เพราะรู้สึกถูกชะตากับใครบางคน"ก็จริง""แล้วมาเป็นแม่บ้านให้พ่อเลี้ยงแบบนี้เค้ารู้หรือเปล่าว่าเราเป็นลูกใคร"สายน้ำคิดว่าไม่ใช่เขาคนเดียวหรอกที่ใช้ชีวิตที่นี่อย่างที่ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริง"มีแค่คุณย่าของหนึ่งพี่อุ่นกับป้าไรที่รู้ค่ะแล้วพี่สายก็ห้ามบอกใครด้วยเรื่องนี้...แลกกับการที่หนึ่งจะไม่บอกกับน้าวีว่าพี่สายอยู่ที่นี่""ยัยตัวแสบ...”สายน้ำเปรยยิ้มแกมเอ็นดูยัยน้องสาวตัวแสบที่ชอบหาเรื่องเล่นซนไม่เลิก“โอเคพี่รับปากแต่พี่ขอคำอธิบายหน่อยเถอะว่าทำแบบ
"ในสังคมของเราหากยากเหมือนกันนะคนแบบนี้"หมอหนุ่มยังคงพูดถึงเอื้องฟ้าโดยที่สีหน้ายังคงมีรอยยิ้มไม่หุบ"ชื่นชมเหรอคะ.. เอ... หรือว่าพี่สายปลื้มพี่เอื้องฟ้า"หญิงสาวเริ่มวาดแขนกอดอกเอียงหน้าเงยมองพี่ชายเธอด้วยสายตามีเลศนัยเพราะดูรอยยิ้มของพี่ชายและสายตาที่มองตามคนที่ปั่นจักรยานออกไปด้วยความหยาดเยิ้มมันดูแปลกๆ"พี่ไม่เคยเจอคนตรงไปตรงมาแบบนี้มาก่อนเลยชอบก็พูดตรงๆไม่ชอบก็พูดตรงๆ.. คำบางคำอาจจะขัดหูคนอื่นไปบ้างแต่พี่ก็ชอบที่เธอตรงไปตรงมากับความคิดของตัวเอง... ไม่เหมือนพวกคนที่พี่เคยเจอเสแสร้งแกล้งปั้นคำกันทั้งนั้น"คำถามของวันหนึ่งทำหมอหนุ่มหลบสายตาด้วยความเขินอายเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะพูดยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเขารู้สึกถูกชะตากับเอื้องฟ้าพอสมควรแม้นจะรู้มาว่าคนแทบทั้งไร่จะไม่ค่อยชอบนิสัยของเธอก็เถอะ และคำตอบของหมอหนุ่มก็ทำวันหนึ่งเริ่มคิดอะไรออกเธอไม่ต้องไปเสียเงินจ้างใครที่ไหนให้มาจีบเอื้องฟ้าแล้วเพราะมีพี่ชายเธอเป็นตัวช่วยอยู่ตรงนี้ทั้งคน"ชอบก็จีบเลยสิคะ""แน่ะ...จะหาไม้กันหมาสินะ"มือหนายกยีหัวทุยน้องสาวตัวเล็กเล่นเบาๆด้วยดูออกว่ายัยตัวแสบนั้นคิดอะไรอยู่"พี่รู้ว่าเอื้องฟ้าช
หลังจากพ่อเลี้ยงหนุ่มออกจากบ้านไปได้วันหนึ่งก็รีบทำงานบ้านให้เสร็จก่อนจะมาหาวิธีเจ็บตัว ใช่วิธีเจ็บตัวเมื่อตอนฝึกปั่นจักรยานเพราะเธอต้องการให้น่านน้ำนั้นดูแลเธออย่างใกล้ชิด"...อืม..ลงท่าไหนถึงจะดูสวยนะ"ตั้งแต่เที่ยงจนจะเข้าบ่ายวันหนึ่งก็ยังคงจับจ้องเจ้าจักรยานแม่บ้านหัดขึ้นขี่และฝึกท่าล้มลงพื้นไม่ลดละเพราะต้องการหาวิธีล้มให้เธอดูดีที่สุดในสายตาของน่านน้ำ หลังจากล้มเธอก็จะแกล้งข้อเท้าเคล็ดเดินไม่ได้แล้วคนที่ถือเนื้อถือตัวอย่างพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ต้องอุ้มเธอจนได้เวลานั้นแหละเธอจะทำตัวใกล้ชิดเขามากที่สุดเท่าที่จะทำได้พอบ่ายคล้อยน่านน้ำก็กลับมาสอนวันหนึ่งปั่นจักรยานตามนัดเขาสอนหญิงสาวที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านอยู่พักใหญ่จนเธอนั้นเริ่มที่จะปั่นไปข้างหน้าเองได้แล้ว"เดี๋ยวหนึ่งลองปั่นไปตรงนั้นแล้ววนกลับมานะคะ"วันหนึ่งอยากจะลองปั่นเองโดยที่ไม่ต้องมีน่านน้ำคอยประคองเพราะเธอจะได้ล้มลงและแกล้งเจ็บตัวอย่างที่ชายหนุ่มไม่สงสัยอะไร"อืม.. ผมจะไม่เดินตามแล้ว..จะรออยู่ตรงนี้""ค่ะ"วันหนึ่งเริ่มปั่นทั้งที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่มั่นใจเท่าไรแต่เพราะอยากจะทำตามสิ่งที่คิดเอาไว้แล้วจึงขอน่านน้ำปั่นจักรยานแม่บ้า
"สายตาพ่อเลี้ยงมันฟ้องค่ะว่ากำลังมีเรื่องไม่สบายใจ"ดวงตากลมโตเริ่มจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อจนน่านน้ำต้องหลบสายตาก่อนจะใช้มือหนาปัดใบหน้าจิ้มลิ้มให้เลิกมองจ้องเขาอย่างเบามือ"ทำเป็นรู้ดี""ยิ้มเข้าไว้สิคะ..พ่อเลี้ยงของหนึ่งเก่งอยู่แล้ว"มือเรียวทั้งสองยกจับแก้มพ่อเลี้ยงหนุ่มเล่นเบาๆทั้งฉีกยิ้มกว้างหมายจะนำร่องให้เขานั้นยิ้มตาม พฤติกรรมเช่นนี้ไม่เคยมีใครเคยทำกับน่านน้ำแม้นจะเป็นกวินตราและไม่คิดว่าจะมีใครทำด้วยแต่ก็ทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มรู้สึกดีไม่น้อยจนยิ้มกว้างออกมาได้อย่างเช่นที่วันหนึ่งอยากให้เป็น"คุณนี่ก็เล่นเป็นเด็กไปได้""นั่นไงยิ้มหล่อแล้วหายเครียดแล้วใช่ไหมคะ"ริมฝีปากหนายิ้มกว้างได้วันหนึ่งก็ละมือจากพวงแก้มสากเปลี่ยนเป็นยืนเกาะแขนแกร่งของน่านน้ำแทน และครั้งนี้คนที่จะถือเนื้อถือตัวกลับไม่ปฏิเสธที่สาวเจ้าจะยืนเกาะแขนของเขาไว้เพราะรู้สึกดีกับทุกการกระทำของคนตัวเล็กไปหมดเสียทุกอย่าง อย่างที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้สึกรำคาญเธอแม้แต่น้อย"ขอบคุณนะ..อ่อ..เรื่องที่จะเรียนต่อคุณอยากจะเรียนเมื่อไรล่ะเห็นว่าอาทิตย์หน้าเค้าก็จะเปิดรับสมัครแล้ว""เดี๋ยวหนึ่งให้พี่อุ่นพาไปสมัครค่ะ"
"นี่..ถึงฉันจะไม่ชอบที่เธอตัวติดกับพ่อเลี้ยงแต่ฉันก็มีความคิดมากพอจะขอบคุณคนที่ช่วยเหลือฉัน..จะกินหรือเปล่าไม่กินก็ไม่ว่าจะได้เอากลับ"เอื้องฟ้าทำท่าจะคว้าแก้วที่ยื่นให้วันหนึ่งคืนแต่หญิงมีหรือคนที่ได้ของแล้วจะยอมคืนให้"ให้แล้วให้เลย...ทำเป็นน้อยใจไปได้""ก็ทำเป็นพูดจาหักหารน้ำใจกันเองนี่...อ่อนี่แกงเขียวหวานแม่ฉันเห็นเธอชอบเลยฝากมาให้"ว่าจบก็เลือนปิ่นโตที่ถือมาไว้ตรงหน้าของวันหนึ่ง"ฝากขอบคุณป้าสร้อยด้วยนะคะ""อืม..""แล้วพี่เอื้องล่ะไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมเมื่อวานกลับมาก็มืดค่ำไม่ได้ถามอะไรกันเลย"เมื่อวานเธอมัวตกใจและโมโหกับเรื่องที่มนัสทำและกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ดึกแล้วเลยไม่ได้มีเวลาคุยกับเอื้องฟ้ามากนัก"ไม่...เอ่อ..ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงช่วยฉัน""ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรหรอกแค่ไม่อยากเห็นใครถูกทำร้าย""ตัวเล็กเท่าลูกหมาทำเก่ง"วันหนึ่งอ้าปากค้างกับคำพูดของเอื้องฟ้าเธอเข้าใจว่าหญิงสาวคงจะห่วงเธอแต่ก็น่าจะใช้คำพูดให้มันดีกว่านี้จะได้ฟังอย่างรื่นหูหน่อย"อ้าว...ฉันช่วยพี่นะพูดให้ดีๆหน่อยไม่ได้หรือไง""ทีหลังก็หัดห่วงตัวเองก่อน""ได้ทีหลังหนึ่งจะมองดูพี่ถูกรุมกระทืบก่อน""ปากคอนะ""ฮ่าๆ
"ฉันว่าคนที่จะมาป่วนไร่ฉันคงไม่มีใครหรอกนอกจากทรงพล"เสียงของน่านน้ำที่ดังมาจากในห้องทำงานทำให้วันหนึ่งชะงักฝีเท้าที่จะเดินเอาของว่างไปให้เขาเพราะอยากรู้ว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มนั้นรู้อะไรมา"หลักฐานที่แกได้มาตอนนี้มันทำให้ฉันมั่นใจแล้วว่าเสี่ยทรงยศเป็นทำให้ปู่ฉันตาย..ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครจนกว่าจะมีหลักฐานมัดแน่น"น่านน้ำรู้สึกคับแค้นใจพอสมควรกับเรื่องที่พึ่งได้รับรู้จากเพื่อนของเขาที่เป็นตำรวจลับว่าหลักฐานทุกอย่างที่มีตอนนี้มีความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ว่าคนที่ทำให้ปู่ของเขาตายคือเสี่ยทรงยศ ไม่ว่าจะเป็นที่ดินที่ปู่ของเขาไปประสปอุบัติเหตุก็เป็นที่ดินของทรงยศที่ซื้อก่อนหน้าที่ปู่ของเขาจะเสียไปไม่เท่าไรหนำซ้ำยังใช้ชื่อคนอื่นเป็นเจ้าของเพื่อปกปิด และสมานคนสนิทของปู่เขาที่อ้างว่าป่วยจนต้องขอลาออกจากไร่ก็มีประวัติว่าเคยรับเงินของทรงยศแถมวันที่ปู่ของเขาต้องขับรถออกไปข้างนอกกลางดึกจนเกิดอุบัติเหตุก็เพราะสมานคนสนิทของปู่เขาโทรมาบอกว่าตัวเองไม่สบายไม่มีใครพาไปโรงพยาบาลอีก หากเพื่อนของเขาที่เป็นตำรวจลับตามตัวสมานได้ก็คงจะได้เค้นความจริงและถ้าความจริงคือทุกอย่างคือการจัดฉากที่มีทรงยศอยู่เบื้องหลังคร
รถตู้สีดำใช้เวลาไม่นานนักก็ขับมาถึงท้ายไร่ของเสี่ยทรงยศสองสาวถูกลากตัวเข้ามาในโรงเก็บฟางโรงใหญ่โดยมีหมอกและสิงห์คอยคุมตัวอยู่ไม่ห่าง"จับพวกฉันมาทำไมห้ะไอ้พวกอันธพาลฉันจำแกได้นะว่าเป็นใครฉันจะแจ้งตำรวจจับแก"วันหนึ่งเอ่ยเสียงแข็งอย่างไม่พอใจที่คนพวกนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษไม่พอยังจะคิดทำชั่วทำเลวโดยการฉุดผู้หญิงมาอีก"ปล่อยฉันไปนะถ้าเรื่องนี้ถึงหูพ่อเลี้ยงว่าพวกแกทำร้ายคนในไร่เค้าโดนดีแน่"เอื้องฟ้าตะคอกใส่หน้าหมอกกับสิงห์ยังไม่ทันขาดคำเธอกับวันหนึ่งก็ต้องถอยกรูเมื่อนักเลงทั้งสองจ่อปากกระบอกปืนมายังพวกเธอ“ถ้ายังไม่เงียบปากเจ็บตัวแน่”เป็นหมอกที่เอ่ยขู่สาวทั้งสองเสียงแข็งเพราะเขารำคาญเสียงพวกเธอโวยวายตั้งแต่ในรถไม่ยอมหยุดจนมาถึงที่นี่"พวกแกพาใครมาด้วยวะ"ทรงพลมองไปยังผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวที่ยืนอยู่ข้างตัวเอื้องฟ้าด้วยสายตาไม่พอใจเพราะเขาสั่งคนสนิททั้งสองให้พาตัวเอื้องฟ้ามาแค่คนเดียว"นังนี่เป็นคนของพ่อเลี้ยงน่านดันเข้ามายุ่งก็เลยรวบมาเลยครับนาย"สิงห์เอ่ยกับคนเป็นนายที่ต้องทำนอกเหนือคำสั่งก็เพราะกลัวว่าหาปล่อยคนที่เห็นเหตุการณ์ไปไม่วายเรื่องถึงหูตำรวจเร็วแน่"พวกแกจะเอายัยนี่ไปทำอะไรก็เชิ