"คนพวกนั้นทำไมใจจืดใจดำแบบนี้นะ"
ขณะนั่งรถกลับสาวเจ้าก็บ่นอุกถึงเรื่องที่พึ่งเจอ
"คราวหลังอย่าหาเรื่องใส่ตัวคนพวกนั้นเป็นคนของเสี่ยทรงยศเจ้าของที่ตลาดขึ้นชื่อว่าเป็นอันธพาล"
"ถึงว่าล่ะ..แต่หนึ่งไม่กลัวหรอกค่ะ"
วันหนึ่งคิดเอาไว้แล้วว่าคนพวกนี้ไม่พ้นอันธพาลและมีอิทธิพลที่นี่ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าวางมาดกันขนาดนั้นหรอก
"หัดกลัวไว้บ้างก็เงินที่จ่ายไปถึงบ้านแล้วผมจะคืนให้"
"ไม่เอาค่ะหนึ่งไม่ได้เดือดร้อน"
คนที่กำลังอารมณ์เดิอดดาลส่ายหัวหงึกหงัก
"ไม่ได้เดือดร้อนอะไร..คุณยังต้องหาเงินอีกเยอะเพื่อรักษาย่าคุณไม่ใช่หรือไง"
"อ๋อค่ะ..เดือดร้อนขอบคุณนะคะ"
สาวเจ้าตำหนิตัวเองในใจที่จะเผลอหลุดตัวตนออกมาในขณะที่ไม่สติแล้ว
"คุณอยากเรียนต่อหรือเปล่า"
น่านน้ำว่าจะพูดเรื่องนี้กับวันหนึ่งมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแต่ก็ลืมเพราะเขาเห็นว่าเธออายุยังน้อยหากได้เรียนสูงๆคงมีโอกาสทำงานดีๆกว่าจะมาเป็นแม่บ้าน
"ทำไมเหรอคะ"
"ผมจะส่งคุณเรียนช่วงเสาร์อาทิตย์คุณโอเคไหมถ้าคุณมีความรู้เพิ่มอาจจะได้ทำงานที่ดีกว่าเป็นแม่บ้าน"
เรื่องสนับสนุนการศึกษาเขายินดีทำอยู่แล้วเพราะก่อนหน้าก็เห็นปู่ของเขาชอบให้ทุนการศึกษากับลูกคนงานในไร่หลายคนและเขาก็อยากจะสืบต่อเจตนารมณ์ของปู่เขาเช่นกัน
"ทำไมพ่อเลี้ยงเป็นคนดีแบบนี้คะ...ใครได้เป็นแฟนโคตรโชคดีเลย"
วันหนึ่งยิ้มร่าเรื่องที่หมองใจเมื่อครู่แทบหายไปปลิดทิ้งเมื่อว่าที่พ่อของลูกช่างจิตใจดีมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเหลือเกิน
"นอกเรื่องอีกแล้ว..ตกลงจะตอบผมได้หรือยังว่าอยากเรียนต่อหรือเปล่า"
น่านน้ำส่ายหัวมุมปากหยักมีรอยยิ้มอ่อนกับพฤติกรรมของหญิงสาวที่เปลี่ยนโหมดอารมณ์ได้เร็วเสียเหลือเกิน
"ค่ะ..แล้วเสาร์อาทิตย์หนึ่งไปเรียนใครจะดูแลบ้านดูแลเรื่องอาหารล่ะคะ"
"ถ้าคุณอยากเรียนจริงๆแค่เสาร์อาทิตย์งานบ้านก็เอาไว้ทำวันจันทร์ทีเดียวก็ได้ส่วนเรื่องอาหารการกินแค่2วันผมดูแลตัวเองได้"
"ค่ะหนึ่งอยากเรียนค่ะขอบคุณมากๆเลยนะคะที่ให้โอกาสคนหนึ่งคน..แล้วถ้าหนึ่งเรียนไม่เข้าใจตรงไหนพ่อเลี้ยงช่วยสอนหนึ่งด้วยนะคะ"
"ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว"
เมื่อน่านน้ำรับปากได้สาวเจ้าก็ยิ้มกรุ่มกริ่มแล้วเธอก็จะใช้เรื่องการเรียนนี่แหละเป็นข้ออ้างที่เข้าใกล้กับพ่อเลี้ยงหนุ่มมากขึ้น
พลั้กก ..
มนัสล้มคว่ำไปกับพื้นเมื่อถูกหมัดของทรงพลสาวเข้าแก้มซ้ายไปเต็มๆที่เขานั้นทำงานพลาด
"กูต้องการให้มันเจ็บจนนอนเป็นผักอยู่ที่โรงพยาบาลแค่นี้มึงก็ทำพลาด"
ใช่..เหตุการณ์ที่ค้อนจะหล่นโดนหัวของน่านน้ำไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นทรงพลสั่งให้มนัสทำให้น่านน้ำเจ็บหนักแลกกับยกหนี้ให้
"ขอโทษครับผมไม่คิดว่าจะมีคนมาช่วยมันทันนี่ครับ"
มนัสที่เลือดกลบปากรีบยกมือไหว้ทรงพลประหงกๆ
“หนี้ก้อนนี้กูยังไม่ยกให้มึงงานหน้ากูจะให้มึงทำอีก รอกูสั่งก็แล้วกันถ้าพลาดอีกกูเอามึงตายแน่”
ทรงพลกัดฟันกรอดเท้าเอวพ่นลมหายใจถี่ด้วยท่าทีโมโหเขาอยากเห็นน่านน้ำนอนเป็นผักใจจะขาดเพราะหมั่นไส้พ่อเลี้ยงหนุ่มตั้งแต่กล้าไปบุกบ้านของเขาคนเดียวจนพ่อเขาจับได้และตำหนิเรื่องที่เขาไปเผาสวนป่าของไร่เพชรพนาหากไม่เห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มเจ็บปางตายหรือเดือดร้อนอะไรสักอย่างเขาไม่ก็ยังไม่รามือจากน่านน้ำแน่
กรุงเทพมหานคร
ณ คฤหาสน์หลังโตติดริมแม่น้ำของตระกูลพิวัฒน์วรวงค์ วิริยาหญิงไฮโซเจ้าของร้านเพชรวัยกลางคนเดินจ้ำอ้าวต้อนรับสามีที่พึ่งกลับมาจากการทำงานในช่วงเย็น
"คุณแม่ได้บอกหรือเปล่าคะว่าจะพายัยหนึ่งไปบวชกี่วัน"
เมื่อคนเป็นสามีอย่างสิทธิเดชเจ้าของอสังหายักษ์ใหญ่เข้าบ้านมาได้วิริยาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเลือกที่จะคุยเรื่องที่แม่สามีและลูกสาวไปบวชกันอย่างไม่บอกไม่กล่าวทันทีทั้งที่คราแรกบอกแค่ขอไปเที่ยวพักผ่อน
"เปล่า.. บอกแค่ว่าอยากบวชพักใหญ่ๆแล้วก็อาจจะติดต่อยากเพราะอยู่ในที่ที่ทุรกันดาร"
สิทธิเดชเอ่ยกับคนเป็นภรรยาเสียงเรียบขณะที่ทิ้งตัวนั่งพักที่โซฟาตัวหรูที่ห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์เขาชินแล้วที่แม่ของตัวเองชอบพาลูกสาวคนเดียวของบ้านไปไหนมาไหนอย่าที่ไม่ค่อยจะบอกกล่าว
"แน่ใจใช่หรือเปล่าคะว่าคุณแม่จะไม่พาลูกเราไปทำอะไรแผลงๆ"
วิริยาเอ่ยอย่างกังวลใจเพราะหลายครั้งเหลือเกินที่แม่สามีชอบพาลูกสาวเธอไปทำเรื่องทำราวอยู่บ่อยๆตามที่หมอดูดูดวงให้ วิริยาเห็นลูกเรียนจบก็คิดว่าจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวเสียทีแต่หลังจากที่นฤดีแม่สามีของเธอและวันหนึ่งลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนกลับมาไทยได้ก็ขึ้นเหนือกันเลยทันทีแถมตอนนี้ยังติดต่อยากเธอจึงค่อนข้างกังวลใจพอสมควร
"ผมก็ยังไม่มั่นใจถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเดี๋ยวเราก็รู้เอง"
สิทธิเดชยกยิ้มมุมปากและเอ่ยอย่างคนปลงค่อนข้างชินแล้วที่ลูกสาวกับแม่ตัวเองชอบสร้างเรื่องแล้วตัวเองมารู้ทีหลังคิดว่าภรรยาของเขาชินแล้วเสียอีก
"พ่อเลี้ยงจะไปไหนคะ"
เป็นอีกวันที่วันหนึ่งตื่นมาแล้วเห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มแต่งตัวเต็มยศแต่วันนี้ไม่ใช่ชุดเข้าไร่เป็นเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์สีดำพร้อมเสื้อฮู้ดสีดำคลุมซึ่งดูดีไปอีกแบบที่สาวเจ้าต้องถามด้วยสีหน้าแปลกใจกว่าทุกวันก็เพราะเห็นว่าเขาหิ้วกระเป๋าใบใหญ่พร้อมกระเป๋าโน๊ตบุ๊คลงมาด้วย
"อ่อผมลืมบอกคุณ...ผมต้องไปธุระประมาณสองอาทิตย์ดูแลบ้านดีๆด้วยล่ะ"
ชายหนุ่มร่างสูงตอบพร้อมเดินผ่านคนตัวเล็กไปอย่างเร่งรีบ วันหนึ่งจึงรีบถามคนที่กำลังจะเดินพ้นประตูหน้าบ้านด้วยความอยากรู้
"ค่ะ...แล้วไปทำอะไรคะไปที่จังหวัดไหนเหรอคะ"
"ผมบอกว่าผมไปธุระคุณก็น่าจะเข้าใจนะ"
คนตัวโตหันกลับหลังมาส่งสายตาตำหนิที่สาวเจ้าถามจุกจิกอย่างที่ไม่ควรถามหากเขาพูดว่าธุระน่าจะพอเป็นคำตอบแล้วว่าเขาไม่ได้อยากลงรายละเอียด
"หนึ่งขอโทษค่ะหนึ่งแค่เป็นห่วง.. ยังไงทำแผลทานยาให้ตรงเวลาด้วยนะคะพ่อเลี้ยง"
คนถูกตำหนิเริ่มหน้าจ๋อยเธอไม่ได้ตั้งใจเสียมารยาทแค่เป็นห่วงพ่อเลี้ยงหนุ่มเท่านั้น
"ขอบคุณ.. อ่อ.. ถ้าคุณจะไปที่บ้านป้าอุไรบ้างผมก็ไม่ว่าแค่ดูบ้านให้เรียบร้อยก็พอ"
น่านน้ำรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ตีเจตนาหญิงสาวผิดไปก่อนจะขอบคุณเธอพร้อมเปรยยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะหันหลังรีบจ้ำอ้าวออกจากบ้านไป
"ค่ะพ่อเลี้ยงเดินทางดีๆนะคะ"
คนตัวเล็กพอจะยิ้มได้เมื่อเห็นรอยยิ้มของพ่อเลี้ยงหนุ่มสาวเจ้าโบกไม้โบกมือตามแผ่นหลังกว้างแม้นอีกฝ่ายจะไม่เห็นเธอก็พอใจที่จะทำ คิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกันที่น่านน้ำไม่อยู่ที่นี่บ้างเธอจะได้มีเวลาศึกษากลยุทธ์วิธีการทำอาหารและวิธีหว่านเสน่ห์ชายหนุ่มหลังจากเขากลับมาคราวนี้เธอจะเดินหน้าทำภารกิจเต็มที่
"เป็นยังไงบ้างคะคุณหนูงานบ้านงานครัวทำไหวหรือเปล่าคะ"อุไรยกอาหารเย็นสำรับใหญ่มาวางกลางโต๊ะอาหารหลังจากที่ไออุ่นไปรับวันหนึ่งมาทานข้าวเย็นที่นี่เมื่อเห็นหน้าคุณหนูตัวเล็กได้ก็ไม่วายอยากจะรู้ว่าวันหนึ่งไหวกับงานบ้านงานครัวหรือเปล่า"สบายมากค่ะป้าไรหนึ่งสนุกมากค่ะที่ได้ทำอาหาร""แน่ใจนะว่าไม่ได้ทำอะไรของเค้าเสียหาย"นฤดีเอ่ยหยอกหลานสาวที่เอ่ยตอบอุไรยิ้มปากบานด้วยความมั่นใจเธอไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยอย่างที่หลานเธอว่าเพราะรู้ดีว่าวันหนึ่งไม่เคยได้ทำงานบ้านงานครัวเก่ง"ไม่มี๊.. ไม่มีแม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ"ใบหน้าจิ้มลิ้มส่ายหัวหงึกหงัก ไออุ่นมองมายังวันหนึ่งก็ยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะเปรยเอ่ยหยอกเรื่องที่รับรู้มากับวันหนึ่ง"เอ.. พี่ได้ยินมาว่าพ่อเลี้ยงต้องไปหากับข้าวที่โรงครัวในไร่เพราะใครดันลืมปิดแก๊สกันน้า""นั่นไงย่าว่าแล้ว""ผิดพลาดนิดหน่อยเองค่ะ"นฤดียิ้มร่าคิดเอาไว้ไม่มีผิดคนที่ไม่มีอะไรจะเถียงอย่างวันหนึ่งก็ได้แต่นั่งก้มหน้างุดทำท่าทีสนใจอาหารตรงหน้าแก้เขินทำเอาคนที่รายล้อมโต๊ะอาหารต่างก็อมยิ้มเอ็นดู"คุณพ่อกับคุณแม่โทรตามเราบ้างหรือเปล่าคะคุณย่า"หลังจากทานข้าวเย็นเรียบร้อยว
น่านน้ำกลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์ของตนที่เคยอยู่ก็นึกถึงเรื่องราวเก่าๆทุกผืนที่ในเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้เคยมีกวินตราได้เคยอยู่เฟอร์นิเจอร์ทุกตัวหรือของตกแต่งก็เป็นสิ่งที่หญิงสาวเลือกทั้งหมด น่านน้ำทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาสีครีมตัวใหญ่ก่อนจะถอนหายใจอ่อนเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้รู้สึกสบายขึ้นก่อนจะลุกเก็บรูปคู่ของเขากับกวินตราที่ใส่กรอบวางเอาไว้ทั่งพื้นที่ลงกล่อง“ผมจะพยายามลืมคุณให้ได้”น่านน้ำพูดกับรูปภาพที่อยู่ในกล่องก่อนจะเก็บมันเอาไว้ที่ในตู้เก็บของ เขาคบกับกวินตราตั้งแต่ไปเรียนต่างประเทศพร้อมกันด้วยความที่พ่อแม่รู้จักกันและเรียนรุ่นเดียวกันเมื่อไปอยู่ต่างประเทศเขาและเธอห่างครอบครัวจึงทำให้ได้พูดคุยกันสนิทสนมกว่าอยู่ที่ไทยและตัดสินใจคบกัน ความรักของเขาและเธอมันดีมาโดยตลอดแต่มันมาสะดุดตรงที่เขาเลือกที่จะเข้ามาดูแลไร่ในช่วงที่เคยคุยไว้ว่าจะแต่งงานเขาแพลนการสร้างครอบครัวไว้ตั้งแต่แรกว่าจะบริหารงานแทนคนเป็นพ่อที่ต่างประเทศและให้พ่อกับแม่กลับไปอยู่ที่ไทยแต่เมื่อมีเรื่องปู่ของเขาเกิดขึ้นจึงทำให้แผนทั้งหมดที่วางเอาไว้ไม่เป็นเช่นที่คิด กวินตราจึงไม่พอใจมากและโกรธเคืองเขาที่สุดเพราะสัญญาไม่เป็นสัญญาอีกอย
"พี่มาที่นี่จะมาหาพ่อเลี้ยงจะหาผู้ช่วยไปฉีดวัคซีนให้วัวไม่รู้ว่าไม่อยู่..แล้วที่อยู่ที่นี่พี่แค่เบื่อชีวิตในเมืองเบื่อการปั้นหน้าออกงานสังคมเราก็พอจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าส่วนมากก็มีแต่ปลอมๆทั้งนั้น"สายน้ำสัตวแพทย์หนุ่มรูปหล่อปานนายแบบเขาแก่กว่าวันหนึ่งประมาณสี่ห้าปีเป็นลูกชายคนเดียวของพิศิษฐ์และวันรวีน้าสาวและน้าเขยของวันหนึ่งเจ้าของกิจการนำเข้าเครื่องมือแพทย์เจ้าใหญ่ ที่เขาเลือกมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อันที่จริงแล้วก็เพราะอกหักช้ำรักจากผู้หญิงไม่จริงใจมาหลายหนทุกคนเข้าหาเขาก็เพราะหน้าตาชาติตระกูลเท่านั้น อีกอย่างที่เลือกที่จะปักหลักอยู่แถวนี้เพราะรู้สึกถูกชะตากับใครบางคน"ก็จริง""แล้วมาเป็นแม่บ้านให้พ่อเลี้ยงแบบนี้เค้ารู้หรือเปล่าว่าเราเป็นลูกใคร"สายน้ำคิดว่าไม่ใช่เขาคนเดียวหรอกที่ใช้ชีวิตที่นี่อย่างที่ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริง"มีแค่คุณย่าของหนึ่งพี่อุ่นกับป้าไรที่รู้ค่ะแล้วพี่สายก็ห้ามบอกใครด้วยเรื่องนี้...แลกกับการที่หนึ่งจะไม่บอกกับน้าวีว่าพี่สายอยู่ที่นี่""ยัยตัวแสบ...”สายน้ำเปรยยิ้มแกมเอ็นดูยัยน้องสาวตัวแสบที่ชอบหาเรื่องเล่นซนไม่เลิก“โอเคพี่รับปากแต่พี่ขอคำอธิบายหน่อยเถอะว่าทำแบบ
"ในสังคมของเราหากยากเหมือนกันนะคนแบบนี้"หมอหนุ่มยังคงพูดถึงเอื้องฟ้าโดยที่สีหน้ายังคงมีรอยยิ้มไม่หุบ"ชื่นชมเหรอคะ.. เอ... หรือว่าพี่สายปลื้มพี่เอื้องฟ้า"หญิงสาวเริ่มวาดแขนกอดอกเอียงหน้าเงยมองพี่ชายเธอด้วยสายตามีเลศนัยเพราะดูรอยยิ้มของพี่ชายและสายตาที่มองตามคนที่ปั่นจักรยานออกไปด้วยความหยาดเยิ้มมันดูแปลกๆ"พี่ไม่เคยเจอคนตรงไปตรงมาแบบนี้มาก่อนเลยชอบก็พูดตรงๆไม่ชอบก็พูดตรงๆ.. คำบางคำอาจจะขัดหูคนอื่นไปบ้างแต่พี่ก็ชอบที่เธอตรงไปตรงมากับความคิดของตัวเอง... ไม่เหมือนพวกคนที่พี่เคยเจอเสแสร้งแกล้งปั้นคำกันทั้งนั้น"คำถามของวันหนึ่งทำหมอหนุ่มหลบสายตาด้วยความเขินอายเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะพูดยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเขารู้สึกถูกชะตากับเอื้องฟ้าพอสมควรแม้นจะรู้มาว่าคนแทบทั้งไร่จะไม่ค่อยชอบนิสัยของเธอก็เถอะ และคำตอบของหมอหนุ่มก็ทำวันหนึ่งเริ่มคิดอะไรออกเธอไม่ต้องไปเสียเงินจ้างใครที่ไหนให้มาจีบเอื้องฟ้าแล้วเพราะมีพี่ชายเธอเป็นตัวช่วยอยู่ตรงนี้ทั้งคน"ชอบก็จีบเลยสิคะ""แน่ะ...จะหาไม้กันหมาสินะ"มือหนายกยีหัวทุยน้องสาวตัวเล็กเล่นเบาๆด้วยดูออกว่ายัยตัวแสบนั้นคิดอะไรอยู่"พี่รู้ว่าเอื้องฟ้าช
หลังจากพ่อเลี้ยงหนุ่มออกจากบ้านไปได้วันหนึ่งก็รีบทำงานบ้านให้เสร็จก่อนจะมาหาวิธีเจ็บตัว ใช่วิธีเจ็บตัวเมื่อตอนฝึกปั่นจักรยานเพราะเธอต้องการให้น่านน้ำนั้นดูแลเธออย่างใกล้ชิด"...อืม..ลงท่าไหนถึงจะดูสวยนะ"ตั้งแต่เที่ยงจนจะเข้าบ่ายวันหนึ่งก็ยังคงจับจ้องเจ้าจักรยานแม่บ้านหัดขึ้นขี่และฝึกท่าล้มลงพื้นไม่ลดละเพราะต้องการหาวิธีล้มให้เธอดูดีที่สุดในสายตาของน่านน้ำ หลังจากล้มเธอก็จะแกล้งข้อเท้าเคล็ดเดินไม่ได้แล้วคนที่ถือเนื้อถือตัวอย่างพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ต้องอุ้มเธอจนได้เวลานั้นแหละเธอจะทำตัวใกล้ชิดเขามากที่สุดเท่าที่จะทำได้พอบ่ายคล้อยน่านน้ำก็กลับมาสอนวันหนึ่งปั่นจักรยานตามนัดเขาสอนหญิงสาวที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านอยู่พักใหญ่จนเธอนั้นเริ่มที่จะปั่นไปข้างหน้าเองได้แล้ว"เดี๋ยวหนึ่งลองปั่นไปตรงนั้นแล้ววนกลับมานะคะ"วันหนึ่งอยากจะลองปั่นเองโดยที่ไม่ต้องมีน่านน้ำคอยประคองเพราะเธอจะได้ล้มลงและแกล้งเจ็บตัวอย่างที่ชายหนุ่มไม่สงสัยอะไร"อืม.. ผมจะไม่เดินตามแล้ว..จะรออยู่ตรงนี้""ค่ะ"วันหนึ่งเริ่มปั่นทั้งที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่มั่นใจเท่าไรแต่เพราะอยากจะทำตามสิ่งที่คิดเอาไว้แล้วจึงขอน่านน้ำปั่นจักรยานแม่บ้า
"สายตาพ่อเลี้ยงมันฟ้องค่ะว่ากำลังมีเรื่องไม่สบายใจ"ดวงตากลมโตเริ่มจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อจนน่านน้ำต้องหลบสายตาก่อนจะใช้มือหนาปัดใบหน้าจิ้มลิ้มให้เลิกมองจ้องเขาอย่างเบามือ"ทำเป็นรู้ดี""ยิ้มเข้าไว้สิคะ..พ่อเลี้ยงของหนึ่งเก่งอยู่แล้ว"มือเรียวทั้งสองยกจับแก้มพ่อเลี้ยงหนุ่มเล่นเบาๆทั้งฉีกยิ้มกว้างหมายจะนำร่องให้เขานั้นยิ้มตาม พฤติกรรมเช่นนี้ไม่เคยมีใครเคยทำกับน่านน้ำแม้นจะเป็นกวินตราและไม่คิดว่าจะมีใครทำด้วยแต่ก็ทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มรู้สึกดีไม่น้อยจนยิ้มกว้างออกมาได้อย่างเช่นที่วันหนึ่งอยากให้เป็น"คุณนี่ก็เล่นเป็นเด็กไปได้""นั่นไงยิ้มหล่อแล้วหายเครียดแล้วใช่ไหมคะ"ริมฝีปากหนายิ้มกว้างได้วันหนึ่งก็ละมือจากพวงแก้มสากเปลี่ยนเป็นยืนเกาะแขนแกร่งของน่านน้ำแทน และครั้งนี้คนที่จะถือเนื้อถือตัวกลับไม่ปฏิเสธที่สาวเจ้าจะยืนเกาะแขนของเขาไว้เพราะรู้สึกดีกับทุกการกระทำของคนตัวเล็กไปหมดเสียทุกอย่าง อย่างที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้สึกรำคาญเธอแม้แต่น้อย"ขอบคุณนะ..อ่อ..เรื่องที่จะเรียนต่อคุณอยากจะเรียนเมื่อไรล่ะเห็นว่าอาทิตย์หน้าเค้าก็จะเปิดรับสมัครแล้ว""เดี๋ยวหนึ่งให้พี่อุ่นพาไปสมัครค่ะ"
"นี่..ถึงฉันจะไม่ชอบที่เธอตัวติดกับพ่อเลี้ยงแต่ฉันก็มีความคิดมากพอจะขอบคุณคนที่ช่วยเหลือฉัน..จะกินหรือเปล่าไม่กินก็ไม่ว่าจะได้เอากลับ"เอื้องฟ้าทำท่าจะคว้าแก้วที่ยื่นให้วันหนึ่งคืนแต่หญิงมีหรือคนที่ได้ของแล้วจะยอมคืนให้"ให้แล้วให้เลย...ทำเป็นน้อยใจไปได้""ก็ทำเป็นพูดจาหักหารน้ำใจกันเองนี่...อ่อนี่แกงเขียวหวานแม่ฉันเห็นเธอชอบเลยฝากมาให้"ว่าจบก็เลือนปิ่นโตที่ถือมาไว้ตรงหน้าของวันหนึ่ง"ฝากขอบคุณป้าสร้อยด้วยนะคะ""อืม..""แล้วพี่เอื้องล่ะไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมเมื่อวานกลับมาก็มืดค่ำไม่ได้ถามอะไรกันเลย"เมื่อวานเธอมัวตกใจและโมโหกับเรื่องที่มนัสทำและกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ดึกแล้วเลยไม่ได้มีเวลาคุยกับเอื้องฟ้ามากนัก"ไม่...เอ่อ..ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงช่วยฉัน""ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรหรอกแค่ไม่อยากเห็นใครถูกทำร้าย""ตัวเล็กเท่าลูกหมาทำเก่ง"วันหนึ่งอ้าปากค้างกับคำพูดของเอื้องฟ้าเธอเข้าใจว่าหญิงสาวคงจะห่วงเธอแต่ก็น่าจะใช้คำพูดให้มันดีกว่านี้จะได้ฟังอย่างรื่นหูหน่อย"อ้าว...ฉันช่วยพี่นะพูดให้ดีๆหน่อยไม่ได้หรือไง""ทีหลังก็หัดห่วงตัวเองก่อน""ได้ทีหลังหนึ่งจะมองดูพี่ถูกรุมกระทืบก่อน""ปากคอนะ""ฮ่าๆ
"ฉันว่าคนที่จะมาป่วนไร่ฉันคงไม่มีใครหรอกนอกจากทรงพล"เสียงของน่านน้ำที่ดังมาจากในห้องทำงานทำให้วันหนึ่งชะงักฝีเท้าที่จะเดินเอาของว่างไปให้เขาเพราะอยากรู้ว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มนั้นรู้อะไรมา"หลักฐานที่แกได้มาตอนนี้มันทำให้ฉันมั่นใจแล้วว่าเสี่ยทรงยศเป็นทำให้ปู่ฉันตาย..ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครจนกว่าจะมีหลักฐานมัดแน่น"น่านน้ำรู้สึกคับแค้นใจพอสมควรกับเรื่องที่พึ่งได้รับรู้จากเพื่อนของเขาที่เป็นตำรวจลับว่าหลักฐานทุกอย่างที่มีตอนนี้มีความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ว่าคนที่ทำให้ปู่ของเขาตายคือเสี่ยทรงยศ ไม่ว่าจะเป็นที่ดินที่ปู่ของเขาไปประสปอุบัติเหตุก็เป็นที่ดินของทรงยศที่ซื้อก่อนหน้าที่ปู่ของเขาจะเสียไปไม่เท่าไรหนำซ้ำยังใช้ชื่อคนอื่นเป็นเจ้าของเพื่อปกปิด และสมานคนสนิทของปู่เขาที่อ้างว่าป่วยจนต้องขอลาออกจากไร่ก็มีประวัติว่าเคยรับเงินของทรงยศแถมวันที่ปู่ของเขาต้องขับรถออกไปข้างนอกกลางดึกจนเกิดอุบัติเหตุก็เพราะสมานคนสนิทของปู่เขาโทรมาบอกว่าตัวเองไม่สบายไม่มีใครพาไปโรงพยาบาลอีก หากเพื่อนของเขาที่เป็นตำรวจลับตามตัวสมานได้ก็คงจะได้เค้นความจริงและถ้าความจริงคือทุกอย่างคือการจัดฉากที่มีทรงยศอยู่เบื้องหลังคร