"ก็..จบแค่ม.ปลายค่ะเคยเป็นแม่บ้านมาก่อนนี่แหละค่ะ"
"ทำไมอ่านภาษาอังกฤษได้คล่อง"
ดวงตาคมเริ่มจ้องแม่ครัวคนใหม่เขม็งเพราะความสงสัยในตัวของเธอเริ่มทวีคูณมากขึ้น
"ก็..ขยันอ่านหนังสือสิคะสมัยนี้สื่อการเรียนการสอนเข้าถึงง่ายมากเลยนะคะพ่อเลี้ยง"
วันหนึ่งยังคงหาทางหนีทีไล่คนที่ถามได้ตลอดแอบภูมิใจกับตัวเองในใจที่ตนนั้นหัวไวอยู่เหมือนกันและเชื่อว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มคงจะไม่กังขาในความรู้ของเธอด้วยสมัยนี้สื่อการเรียนการสอนมีได้ทุกที่อยู่ที่ใครอยากจะหาความรู้เพิ่มเติมหรือไม่เท่านั้น
"อืม..”
น่านน้ำนิ่งไปครู่หนึ่งทำเอาวันหนึ่งเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าจะเชื่อสิ่งที่เธอพูดหรือไม่
“ผมชื่นชมนะคนเราถึงจะไม่ได้ร่ำเรียนมาสูงแต่รู้จักขวนขวายอันนี้ถือเป็นข้อดี"
"ขอบคุณที่ชมหนึ่งนะคะ..เดี๋ยวหนึ่งขอตัวไปทำความสะอาดส่วนอื่นก่อนนะคะ"
"อืม"
วันหนึ่งยิ้มร่าอย่างโล่งอกและรีบเดินปรี่ออกไปจากห้องทำงานของน่านน้ำทันทีก่อนจะมีคำถามอะไรมาเพิ่ม ยังไม่ทันที่สาวเจ้าจะได้เดินผ่านห้องทำงานของน่านน้ำไปไกลเมื่อเห็นว่าประตูห้องนอนของพ่อเลี้ยงหนุ่มเปิดอยู่เธอก็รีบแทรกตัวเข้าไปในนั้นทันทีเพราะเมื่อตอนที่ไออุ่นพาดูห้องที่ต้องทำความสะอาดเธอยังไม่ได้เข้ามาในห้องนอนของเขาและเชื่อว่าห้องนอนของชายหนุ่มนี่แหละที่จะทำให้เธอได้รู้ตัวตนของเขามากขึ้น
สาวเจ้าเริ่มจากการวางไม่กวาดกับที่ตักขยะที่หน้าประตูห้องและเริ่มกวาดสายตามองไปยังเฟอร์นิเจอร์และของประดับตกแต่งห้องนอนพบว่ามันไม่ได้มีอะไรหวือหวาเตียงนอนก็เป็นเพียงเตียงไม้ขนาดหกฟุตที่เธอดูออกว่าราคาไม่แพงมากนักแต่ดูแข็งแรงผ้าปูชุดเครื่องนอนก็เป็นโทนสีขาวสีเทาของตกแต่งในห้องไม่มีมีเพียงแค่ชั้นวางหนังสือมุมห้องเล็กๆเท่านั้นและหนังสือที่เขาอ่านก็จะเป็นเรื่องการบริหารธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทสาวเจ้าแอบแปลกใจพอสมควรว่าคนที่ทำงานอยู่กับไร่กับสวนสนใจเรื่องธุรกิจพวกนี้ด้วย
หลังจากสำรวจห้องที่ไม่มีอะไรของพ่อเลี้ยงหนุ่มเรียบร้อยคนตัวเล็กก็เริ่มเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อดูว่าน่านน้ำนั้นมีเสื้อผ้าอะไรบ้าง
"มีแต่สีพื้นๆงั้นเหรอ...น่าจะเป็นคนไม่ค่อยหวือหวาสมถะพอสมควร"
ในตู้เสื้อผ้าของน่านน้ำก็มีเพียงเสื้อผ้าที่เขาใส่ทำงานและชุดสูทสองสามชุดไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะเอาไว้ใส่ตอนไหนแต่เท่าที่ดูเสื้อผ้าในตู้ชายหนุ่มจะเป็นโทนขาวดำเทาเท่านั้นไม่ได้แตกต่างอะไรจากห้องนอนและเสื้อผ้าก็มีแบรนด์บ้างแต่ไม่ใช่แฟชั่นเธอพอจะคิดได้แล้วว่าชายหนุ่มน่าจะเป็นคนไม่ค่อยชอบอะไรหวือหวาและรักความสงบจริงๆ
"ชั้นในล่ะ"
เมื่อกวาดดูเสื้อผ้าของพ่อเลี้ยงหนุ่มเรียบร้อยวันหนึ่งก็ยังอยากจะดูให้แน่ใจว่าชายหนุ่มจะชอบเพียงสีโทนเดียวกันไปเสียหมดหรือเปล่าเธอจึงเลือกที่จะเปิดตู้ลิ้นชักเล็กเพื่อดูว่าเขานั้นใส่ชั้นในที่มีสีสันแปลกไปกว่าพวกเสื้อผ้าหรือเปล่า
"มีแต่สีขาวกับดำงั้นเหรอ.. เคยใส่ซ้ำกันบ้างป่ะเนี่ย"
สาวเจ้าหยิบชั้นในสองสีของชายหนุ่มขึ้นมามองขมวดคิ้วที่แม้แต่ชั้นในของน่านน้ำก็ยังคงคุมโทน
"ทำอะไรหนึ่ง"
ยังไม่ทันที่วันหนึ่งจะคิดวิเคราะห์ในนิสัยของน่านน้ำจากสีของเสื้อผ้าได้ละเอียดตอนนี้เจ้าของห้องก็ยืนขมวดคิ้วมองคนที่หยิบกางเกงในของเขาขึ้นมาพิจารณาคนที่ถูกจับได้ว่ามายุ่มย่ามที่นี่รีบเก็บชั้นในของพ่อเลี้ยงหนุ่มลงลิ้นชักเช่นเดิมทันที
"เอ่อ.. คือพ่อเลี้ยงอย่าเข้าใจผิดนะคะหนึ่งแค่.. แค่เห็นแมลงสาบมันเข้ามาแล้วมันก็วิ่งหนีมาในนี้หนึ่งเลยต้องรื้อเสื้อผ้าดูค่ะ"
"เดี๋ยวผมดูเองคุณไปทำอย่างอื่นเถอะ"
"ค่ะ"
คนตัวเล็กผุดลุกหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ตัวเองถือมาพิงไว้ข้างประตูและรีบวิ่งหนีน่านน้ำที่ยืนทำหน้ายักษ์ใส่เธอทันทีภาวนาในใจว่าอย่าให้พ่อเลี้ยงหนุ่มมองเธอเป็นโรคจิตเลยเธอมาดูของใช้ของเขาเพื่ออยากที่จะรู้นิสัยของชายหนุ่มเพิ่มเติมเท่านั้น
น่านน้ำมองตามหลังคนที่ลุกลี้ลุกลนวิ่งออกไปจากห้องด้วยสายตาฉงนเขามองออกว่าเมื่อครู่หญิงสาวหยิบชั้นในของเขามามองอย่างไม่มีความเคอะเขินเลยแม้แต่น้อยทั้งที่ยังสาวยังแส้แม่ครัวคนใหม่ของเขามีอะไรให้ทึ่งอยู่เสมอจริงๆ
"เฮ้อ.. ทำงานบ้านแค่นี้ก็ได้เหงื่อเยอะเหมือนกันแฮะ"
หลังทำงานบ้านได้พักใหญ่คนตัวเล็กก็มายืนปาดเหงื่อหน้าเครื่องซักผ้าที่หยุดทำงานไปแล้วเธอเปิดฝาถังได้ก็รีบควานหยิบเสื้อผ้าที่ถูกปั่นแห้งเรียบร้อยลงตระกร้าแต่ก็ต้องมาสะดุดกับเสื้อกล้ามสีขาวสองตัวสุดท้ายที่ตอนนี้มันทีทั้งคราบเหลืองคราบหมองคล้ำจนดูไม่เป็นสีขาวดั่งเดิม
"หืม.. ทำไมเป็นสีนี้ล่ะ"
วันหนึ่งสีหน้าไม่สู้ดีเพราะรู้ได้เลยว่าต้องถูกน่านน้ำดุแน่นอนคิดได้ดังนั้นจึงรีบม้วนเสื้อทั้งสองให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้และวิ่งเข้าไปในบ้านหมายจะเอาไปก็บในห้องและวานให้ไออุ่นไปซื้อเสื้อใหม่มาให้แต่นังไม่ทันจะวิ่งได้ถึงไหนน่านน้ำก็โผล่หน้ามาหาเธอเสียก่อน
"เสื้อผม"
น่านน้ำรีบแกะผ้าจากมือของวันหนึ่งทั้งมองสาวเจ้าด้วยสายตาคาดโทษหญิงสาวทำงานที่นี่ไม่ถึงวันก็สร้างเรื่องหลายเรื่องเหลือเกินคนที่ทำผิดรีบก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาคนตัวโตแม้แต่นิดเดียว
"คุณทำงานบ้านงานครัวเป็นจริงๆหรือเปล่าหนึ่ง.. ไม่รู้หรือไงว่าผ้าขาวต้องแยกซัก"
"ขอโทษค่า..ตอนเอาใส่เครื่องซักผ้าหนึ่งไม่เห็นว่ามีเสื้อขาวอยู่ด้วยค่ะขอโทษจริงๆ"
วันหนึ่งยกมือไหว้พ่อเลี้ยงหนุ่มประหงกๆ
"พ่อเลี้ยงครับ.. พ่อเลี้ยง"
สายตาของสองหนุ่มสาวกวาดมองไปทางหน้าบ้านที่มีเสียงคนเรียกพร้อมกันน่านน้ำจำได้ดีว่าเป็นเสียงครูใหญ่ที่โรงเรียนในหมู่บ้านจึงยื่นเสื้อในมือของเขาให้วันหนึ่งก่อนจะเดินออกไปรับหน้าคนที่มาหา
"เห่อะ..โล่งอก"
วันหนึ่งขอบคุณใครบางคนที่มาในตอนนี้ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดของเธอเมื่อครู่ชะงักลงได้
"มาหาผมถึงบ้านมีธุระอะไรเหรอครับครูใหญ่"
น่านน้ำทักทายครู่ใหญ่สำเริงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเพราะเขารู้จักครูใหญ่ตั้งแต่ยังเด็กๆด้วยคนเป็นปู่ชอบพาไปที่โรงเรียนในหมู่บ้านเพื่อบริจาคของให้โรงเรียนอยู่บ่อยๆ
"หลังคาห้องสมุดที่โรงเรียนมันผุจนถล่มลงมาครับผมเลยอยากขอแรงคนในไร่ไปช่วยกันซ่อมหลังคาหน่อยเงินงบประมาณที่ทางโรงเรียนมีได้แค่ซื้ออุปกรณ์เท่านั้นครับแต่ไม่มีพอจ่ายค่าแรงคน"
"อ๋อ.. ได้สิครับไปซ่อมได้วันไหนล่ะครับเดี๋ยวผมให้ลุงคำอ้ายหาอาสาสมัครให้"
"เสาร์นี้ครับ"
"ได้ครับ"
วันหนึ่งชะเง้อมองอยู่ตลอดว่าน่านน้ำจะเดินกลับมาหาเธอเมื่อไรเมื่อเห็นเขาดิ่งเข้ามาหลังบ้านได้เธอก็รีบวิ่งไปประจำที่หน้าเครื่องซักผ้าและทำทีเป็นคุยโทรศัพท์
"จ่ะย่า...ย่าอย่าลืมทานยาให้ตรงเวลาด้วยรู้ไหม..เดี๋ยวสิ้นเดือนนี้เงินเดือนหนึ่งน่าจะออกหนึ่งจะพาย่าไปหาหมอดีๆนะดูแลสุขภาพด้วยนะย่า"
หลังจากพูดทุกอย่างที่อยากจะพูดจบสาวเจ้าก็หันกลับมายิ้มแหยให้พ่อเลี้ยงหนุ่มที่ยืนกอดอกมองเธอด้วยสายตาเรียบเฉยที่เธอเองก็เดาอารมณ์ไม่ออกเช่นกันหวังว่าที่แสร้งคุยโทรศัพท์กับย่าเธอเมื่อครู่จะทำให้น่านน้ำไม่ดุเธอเรื่องเสื้อสีตกแล้ว
"พ่อเลี้ยง.. คือเรื่องเสื้อพ่อเลี้ยงเดี๋ยวหนึ่ง.. ซ"
"ช่างมันเถอะทีหลังก็อย่าลืมแยกซักผ้าขาวละกัน"
"ค่ะ"
สาวเจ้าอมยิ้มแก้มปริมองตามหลังคนตัวโตที่พึ่งจะเดินจากเธอไปด้วยความปลื้มใจตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าจุดอ่อนของพ่อเลี้ยงน่านน้ำคนนี้คือความขี้สงสาร
“ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง”เกือบเที่ยงคืนแล้วแต่น่านน้ำยังคงตาสว่างเมื่อเพื่อนที่เป็นนักสืบได้โทรมาคุยเรื่องความคืบหน้าในการสืบเรื่องอุบัติเหตุของปู่“ได้ฉันจะอ่านในเมล..ขอบคุณมาก”เมื่อปลายสายบอกว่าได้ส่งข้อมูลทั้งหมดให้ในอีเมลคนตัวโตในชุดนอนก็ผุดลุกเปิดโน๊ตบุ๊คที่วางอยู่ที่โต๊ะข้างหัวเตียงทันที“คิดอะไรเอาไว้ไม่ผิด”พักใหญ่ที่น่านน้ำนั่งอ่านข้อมูลในอีเมลเขากำมือแน่นกัดฟันกรอดพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้กระโตกกระตากอะไรไปก่อน หลังจากที่ได้รู้ว่าพื้นที่ที่ปู่ของเขาไปประสบอุบัติเหตุคือพื้นที่ของเสี่ยทรงยศที่ได้ทำการซื้อก่อนหน้าที่ปู่ของเขาจะเสียได้ไม่กี่เดือนและยังใช้ชื่อคนอื่นเป็นเจ้าของเท่ากับว่าที่เขาสงสัยเรื่องสาเหตุการตายของปู่ว่าไม่ปกติเขาน่าจะสันนิษฐานถูกทางด้านวันหนึ่งในเวลานี้เธอก็ยังคงนอนกลิ้งนอนเกลือกอยู่บนเตียงเล็กดวงตากลมโตยังคงไม่มีอาการหนังตาหย่อนแม้แต่น้อยเพราะยังคงสนุกกับการเรียนรู้วิธีกรทำอาหารในอินเตอร์เน็ต“มันไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของคนอย่างเราหรอก..ตาพ่อเลี้ยงหน้าหล่อต้องหลงในฝีมือการทำอาหารของเราแน่”สาวเจ้าแววตาหยาดเยิ้มฉีกริมฝีปากบางยิ้มร่าอย่างเพ้อฝันถึงวันข้
“พ่อเลี้ยงคะน้ำค่ะ”วันหนึ่งเดินตรงมายังพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังยืนส่งกระเบื้องให้กับคนบนหลังคาก่อนจะรีบยื่นน้ำให้กับเขา“ขอบคุณ”แกร๊ก.. กึก“ระวังค่ะ” วันหนึ่งมองไปยังต้นเสียงด้านบนที่รู้สึกว่ามันผิดปกติและก็เห็นว่ามีค้อนกำลังหล่นลงมาจะถึงหัวของพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังดื่มน้ำเธอจึงรีบกระโจนผลักชายหนุ่มจนล้มลงไปกองกับพื้นกันทั้งคู่ฟึ่บ.. “โอ้ย..” น่านน้ำหัวโขกกับกองไม้จนหางคิ้วแตก"ผมขอโทษครับไม่เห็นจริงๆ"มนัสชายหนุ่มชาวบ้านวัยกลางคนรีบกระโดดลงมาขอโทษพ่อเลี้ยงหนุ่มทันทีรวมถึงคนที่อยู่ระแวกนั้นก็เข้ามาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย“พ่อเลี้ยง..ดีนะคะที่หลบทัน..แต่..เลือด”วันหนึ่งค่อยๆลุกพร้อมกันกับน่านน้ำเมื่อเห็นว่าเขามีเลือดออกที่หางคิ้วก็รีบควักผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็กให้เขาได้กดแผลเอาไว้ น่านน้ำเห็นค้อนปอนที่หล่นมากองกับพื้นก็นึกหวาดเสียวพอสมควรไม่อยากจะคิดว่าถ้าหากมันหล่นใส่หัวของเขาสภาพตัวเองตอนนี้จะเป็นเช่นไรคิดได้เช่นนั้นก็หันไปขอบคุณแม่ครัวตัวเล็กทันที“ขอบคุณนะหนึ่ง”"ไม่เป็นไรค่ะ..พ่อเลี้ยงไปหาหมอก่อนเถอะค่ะ""นั่นสิครับ"คำอ้ายที่ยืนมองพ่อเลี้ยงหนุ่มด้วยความเ
"คนพวกนั้นทำไมใจจืดใจดำแบบนี้นะ"ขณะนั่งรถกลับสาวเจ้าก็บ่นอุกถึงเรื่องที่พึ่งเจอ"คราวหลังอย่าหาเรื่องใส่ตัวคนพวกนั้นเป็นคนของเสี่ยทรงยศเจ้าของที่ตลาดขึ้นชื่อว่าเป็นอันธพาล""ถึงว่าล่ะ..แต่หนึ่งไม่กลัวหรอกค่ะ"วันหนึ่งคิดเอาไว้แล้วว่าคนพวกนี้ไม่พ้นอันธพาลและมีอิทธิพลที่นี่ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าวางมาดกันขนาดนั้นหรอก"หัดกลัวไว้บ้างก็เงินที่จ่ายไปถึงบ้านแล้วผมจะคืนให้""ไม่เอาค่ะหนึ่งไม่ได้เดือดร้อน"คนที่กำลังอารมณ์เดิอดดาลส่ายหัวหงึกหงัก"ไม่ได้เดือดร้อนอะไร..คุณยังต้องหาเงินอีกเยอะเพื่อรักษาย่าคุณไม่ใช่หรือไง""อ๋อค่ะ..เดือดร้อนขอบคุณนะคะ"สาวเจ้าตำหนิตัวเองในใจที่จะเผลอหลุดตัวตนออกมาในขณะที่ไม่สติแล้ว"คุณอยากเรียนต่อหรือเปล่า"น่านน้ำว่าจะพูดเรื่องนี้กับวันหนึ่งมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแต่ก็ลืมเพราะเขาเห็นว่าเธออายุยังน้อยหากได้เรียนสูงๆคงมีโอกาสทำงานดีๆกว่าจะมาเป็นแม่บ้าน"ทำไมเหรอคะ""ผมจะส่งคุณเรียนช่วงเสาร์อาทิตย์คุณโอเคไหมถ้าคุณมีความรู้เพิ่มอาจจะได้ทำงานที่ดีกว่าเป็นแม่บ้าน"เรื่องสนับสนุนการศึกษาเขายินดีทำอยู่แล้วเพราะก่อนหน้าก็เห็นปู่ของเขาชอบให้ทุนการศึกษากับลูกคนงานในไร่หลายคน
"เป็นยังไงบ้างคะคุณหนูงานบ้านงานครัวทำไหวหรือเปล่าคะ"อุไรยกอาหารเย็นสำรับใหญ่มาวางกลางโต๊ะอาหารหลังจากที่ไออุ่นไปรับวันหนึ่งมาทานข้าวเย็นที่นี่เมื่อเห็นหน้าคุณหนูตัวเล็กได้ก็ไม่วายอยากจะรู้ว่าวันหนึ่งไหวกับงานบ้านงานครัวหรือเปล่า"สบายมากค่ะป้าไรหนึ่งสนุกมากค่ะที่ได้ทำอาหาร""แน่ใจนะว่าไม่ได้ทำอะไรของเค้าเสียหาย"นฤดีเอ่ยหยอกหลานสาวที่เอ่ยตอบอุไรยิ้มปากบานด้วยความมั่นใจเธอไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยอย่างที่หลานเธอว่าเพราะรู้ดีว่าวันหนึ่งไม่เคยได้ทำงานบ้านงานครัวเก่ง"ไม่มี๊.. ไม่มีแม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ"ใบหน้าจิ้มลิ้มส่ายหัวหงึกหงัก ไออุ่นมองมายังวันหนึ่งก็ยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะเปรยเอ่ยหยอกเรื่องที่รับรู้มากับวันหนึ่ง"เอ.. พี่ได้ยินมาว่าพ่อเลี้ยงต้องไปหากับข้าวที่โรงครัวในไร่เพราะใครดันลืมปิดแก๊สกันน้า""นั่นไงย่าว่าแล้ว""ผิดพลาดนิดหน่อยเองค่ะ"นฤดียิ้มร่าคิดเอาไว้ไม่มีผิดคนที่ไม่มีอะไรจะเถียงอย่างวันหนึ่งก็ได้แต่นั่งก้มหน้างุดทำท่าทีสนใจอาหารตรงหน้าแก้เขินทำเอาคนที่รายล้อมโต๊ะอาหารต่างก็อมยิ้มเอ็นดู"คุณพ่อกับคุณแม่โทรตามเราบ้างหรือเปล่าคะคุณย่า"หลังจากทานข้าวเย็นเรียบร้อยว
น่านน้ำกลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์ของตนที่เคยอยู่ก็นึกถึงเรื่องราวเก่าๆทุกผืนที่ในเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้เคยมีกวินตราได้เคยอยู่เฟอร์นิเจอร์ทุกตัวหรือของตกแต่งก็เป็นสิ่งที่หญิงสาวเลือกทั้งหมด น่านน้ำทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาสีครีมตัวใหญ่ก่อนจะถอนหายใจอ่อนเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้รู้สึกสบายขึ้นก่อนจะลุกเก็บรูปคู่ของเขากับกวินตราที่ใส่กรอบวางเอาไว้ทั่งพื้นที่ลงกล่อง“ผมจะพยายามลืมคุณให้ได้”น่านน้ำพูดกับรูปภาพที่อยู่ในกล่องก่อนจะเก็บมันเอาไว้ที่ในตู้เก็บของ เขาคบกับกวินตราตั้งแต่ไปเรียนต่างประเทศพร้อมกันด้วยความที่พ่อแม่รู้จักกันและเรียนรุ่นเดียวกันเมื่อไปอยู่ต่างประเทศเขาและเธอห่างครอบครัวจึงทำให้ได้พูดคุยกันสนิทสนมกว่าอยู่ที่ไทยและตัดสินใจคบกัน ความรักของเขาและเธอมันดีมาโดยตลอดแต่มันมาสะดุดตรงที่เขาเลือกที่จะเข้ามาดูแลไร่ในช่วงที่เคยคุยไว้ว่าจะแต่งงานเขาแพลนการสร้างครอบครัวไว้ตั้งแต่แรกว่าจะบริหารงานแทนคนเป็นพ่อที่ต่างประเทศและให้พ่อกับแม่กลับไปอยู่ที่ไทยแต่เมื่อมีเรื่องปู่ของเขาเกิดขึ้นจึงทำให้แผนทั้งหมดที่วางเอาไว้ไม่เป็นเช่นที่คิด กวินตราจึงไม่พอใจมากและโกรธเคืองเขาที่สุดเพราะสัญญาไม่เป็นสัญญาอีกอย
"พี่มาที่นี่จะมาหาพ่อเลี้ยงจะหาผู้ช่วยไปฉีดวัคซีนให้วัวไม่รู้ว่าไม่อยู่..แล้วที่อยู่ที่นี่พี่แค่เบื่อชีวิตในเมืองเบื่อการปั้นหน้าออกงานสังคมเราก็พอจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าส่วนมากก็มีแต่ปลอมๆทั้งนั้น"สายน้ำสัตวแพทย์หนุ่มรูปหล่อปานนายแบบเขาแก่กว่าวันหนึ่งประมาณสี่ห้าปีเป็นลูกชายคนเดียวของพิศิษฐ์และวันรวีน้าสาวและน้าเขยของวันหนึ่งเจ้าของกิจการนำเข้าเครื่องมือแพทย์เจ้าใหญ่ ที่เขาเลือกมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อันที่จริงแล้วก็เพราะอกหักช้ำรักจากผู้หญิงไม่จริงใจมาหลายหนทุกคนเข้าหาเขาก็เพราะหน้าตาชาติตระกูลเท่านั้น อีกอย่างที่เลือกที่จะปักหลักอยู่แถวนี้เพราะรู้สึกถูกชะตากับใครบางคน"ก็จริง""แล้วมาเป็นแม่บ้านให้พ่อเลี้ยงแบบนี้เค้ารู้หรือเปล่าว่าเราเป็นลูกใคร"สายน้ำคิดว่าไม่ใช่เขาคนเดียวหรอกที่ใช้ชีวิตที่นี่อย่างที่ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริง"มีแค่คุณย่าของหนึ่งพี่อุ่นกับป้าไรที่รู้ค่ะแล้วพี่สายก็ห้ามบอกใครด้วยเรื่องนี้...แลกกับการที่หนึ่งจะไม่บอกกับน้าวีว่าพี่สายอยู่ที่นี่""ยัยตัวแสบ...”สายน้ำเปรยยิ้มแกมเอ็นดูยัยน้องสาวตัวแสบที่ชอบหาเรื่องเล่นซนไม่เลิก“โอเคพี่รับปากแต่พี่ขอคำอธิบายหน่อยเถอะว่าทำแบบ
"ในสังคมของเราหากยากเหมือนกันนะคนแบบนี้"หมอหนุ่มยังคงพูดถึงเอื้องฟ้าโดยที่สีหน้ายังคงมีรอยยิ้มไม่หุบ"ชื่นชมเหรอคะ.. เอ... หรือว่าพี่สายปลื้มพี่เอื้องฟ้า"หญิงสาวเริ่มวาดแขนกอดอกเอียงหน้าเงยมองพี่ชายเธอด้วยสายตามีเลศนัยเพราะดูรอยยิ้มของพี่ชายและสายตาที่มองตามคนที่ปั่นจักรยานออกไปด้วยความหยาดเยิ้มมันดูแปลกๆ"พี่ไม่เคยเจอคนตรงไปตรงมาแบบนี้มาก่อนเลยชอบก็พูดตรงๆไม่ชอบก็พูดตรงๆ.. คำบางคำอาจจะขัดหูคนอื่นไปบ้างแต่พี่ก็ชอบที่เธอตรงไปตรงมากับความคิดของตัวเอง... ไม่เหมือนพวกคนที่พี่เคยเจอเสแสร้งแกล้งปั้นคำกันทั้งนั้น"คำถามของวันหนึ่งทำหมอหนุ่มหลบสายตาด้วยความเขินอายเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะพูดยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเขารู้สึกถูกชะตากับเอื้องฟ้าพอสมควรแม้นจะรู้มาว่าคนแทบทั้งไร่จะไม่ค่อยชอบนิสัยของเธอก็เถอะ และคำตอบของหมอหนุ่มก็ทำวันหนึ่งเริ่มคิดอะไรออกเธอไม่ต้องไปเสียเงินจ้างใครที่ไหนให้มาจีบเอื้องฟ้าแล้วเพราะมีพี่ชายเธอเป็นตัวช่วยอยู่ตรงนี้ทั้งคน"ชอบก็จีบเลยสิคะ""แน่ะ...จะหาไม้กันหมาสินะ"มือหนายกยีหัวทุยน้องสาวตัวเล็กเล่นเบาๆด้วยดูออกว่ายัยตัวแสบนั้นคิดอะไรอยู่"พี่รู้ว่าเอื้องฟ้าช
หลังจากพ่อเลี้ยงหนุ่มออกจากบ้านไปได้วันหนึ่งก็รีบทำงานบ้านให้เสร็จก่อนจะมาหาวิธีเจ็บตัว ใช่วิธีเจ็บตัวเมื่อตอนฝึกปั่นจักรยานเพราะเธอต้องการให้น่านน้ำนั้นดูแลเธออย่างใกล้ชิด"...อืม..ลงท่าไหนถึงจะดูสวยนะ"ตั้งแต่เที่ยงจนจะเข้าบ่ายวันหนึ่งก็ยังคงจับจ้องเจ้าจักรยานแม่บ้านหัดขึ้นขี่และฝึกท่าล้มลงพื้นไม่ลดละเพราะต้องการหาวิธีล้มให้เธอดูดีที่สุดในสายตาของน่านน้ำ หลังจากล้มเธอก็จะแกล้งข้อเท้าเคล็ดเดินไม่ได้แล้วคนที่ถือเนื้อถือตัวอย่างพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ต้องอุ้มเธอจนได้เวลานั้นแหละเธอจะทำตัวใกล้ชิดเขามากที่สุดเท่าที่จะทำได้พอบ่ายคล้อยน่านน้ำก็กลับมาสอนวันหนึ่งปั่นจักรยานตามนัดเขาสอนหญิงสาวที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านอยู่พักใหญ่จนเธอนั้นเริ่มที่จะปั่นไปข้างหน้าเองได้แล้ว"เดี๋ยวหนึ่งลองปั่นไปตรงนั้นแล้ววนกลับมานะคะ"วันหนึ่งอยากจะลองปั่นเองโดยที่ไม่ต้องมีน่านน้ำคอยประคองเพราะเธอจะได้ล้มลงและแกล้งเจ็บตัวอย่างที่ชายหนุ่มไม่สงสัยอะไร"อืม.. ผมจะไม่เดินตามแล้ว..จะรออยู่ตรงนี้""ค่ะ"วันหนึ่งเริ่มปั่นทั้งที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่มั่นใจเท่าไรแต่เพราะอยากจะทำตามสิ่งที่คิดเอาไว้แล้วจึงขอน่านน้ำปั่นจักรยานแม่บ้า