“หนึ่งอยากทำงานที่นี่จริงๆตอนนี้หนึ่งไม่มีที่ไปหนึ่งพาย่ามาขออาศัยบ้านป้าอุไรแถมย่าหนึ่งก็ป่วยหลงๆลืมๆทานอะไรก็ไม่ค่อยจะได้หนึ่งต้องทำงานเก็บเงินเอาไว้รักษาย่าค่ะแล้วอีกอย่างนึงหนึ่งก็อยากมีอาชีพเผื่อวันหน้าจะได้มีบ้านอยู่ของตัวเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งญาติพี่น้อง”
วันหนึ่งใช้ลูกอ้อนอย่างเต็มที่ดวงตากลมโตจ้องพ่อเลี้ยงหนุ่มเรียกร้องความสงสารไม่ขาดระยะจนน่านน้ำต้องหลบสายตาของเธออยู่หลายจังหวะด้วยรู้กำลังรู้สึกใจอ่อนไปกับคำพูดที่เรียกร้องความสงสาร
“เฮ้อ..!”
เป็นอีกครั้งที่น่านน้ำต้องถอนหายใจให้กับแม่ครัวที่ชื่อวันหนึ่งคนนี้
“สงสารหนึ่งเถอะนะคะ..หนึ่งจะไม่ให้มันเกิดความผิดพลาดอะไรอีก..นะคะพ่อเลี้ยง..นะค้า..”
มือน้อยเกาะเขย่าขาคนที่เอาแต่หันหน้าหนีเธอพยายามออดอ้อนเช่นดั่งที่เคยออดอ้อนคนในครอบครัววิธีนี้เธอใช้ได้ผลทุกครั้งและภาวนาว่าจะใช้ได้ผลกับพ่อเลี้ยงหนุ่มด้วย
“อืม”
เสียงตอบกลับสั้นๆห้วนๆของน่านน้ำทำวันหนึ่งหายความกังวลใจไปปลิดทิ้งใช่แล้ววิธีการขอความเห็นใจเช่นนี้เธอใช้มันได้ผล
“แต่..ห้ามพลาดอะไรอีกเข้าใจหรือเปล่าทำอะไรต้องมีสติรอบคอบใส่ใจกับสิ่งที่ทำเสมอ”
“หนึ่งจะจำไว้ค่ะพ่อเลี้ยง..พ่อเลี้ยงนี่ทั้งหล่อทั้งใจดี๊ใจดีนะคะ”
น่านน้ำส่ายหัวมองคนที่พึ่งยอมลุกขึ้นยืนยิ้มร่าพฤติกรรมของเธอเมื่อครู่กับตอนนี้ช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงที่เขายอมให้เธอทำงานต่อไม่ใช่เพราะหลงในการออดอ้อนแต่เห็นใจกับความขัดสนในครอบครัวของเธอมากกว่า
“ฮัดชิ่ว..ฮัดชิ่ว”
นฤดีนั่งทานผลไม้อยู่หน้าบ้านกับอุไรเธอก็เกิดจามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอุไรที่เห็นเช่นนั้นก็รีบดึงทิชชู่ส่งให้หญิงชรา
“ทิชชู่ค่ะคุณท่าน”
“ขอบใจนะแม่อุไร..ไม่รู้ใครมานินทาคนแก่ตอนนี้นะ..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า”
นฤดีเปรยพร้อมเสียงหัวเราะร้อยวันพันปีเธอจะจามสักครั้งแล้วก็อดคิดถึงความเชื่อในคนรุ่นราวอย่างเธอไม่ได้ที่จามแล้วต้องมีคนนินทาเพราะคนแข็งแรงอย่างเธอคงไม่ได้จามเพราะจะป่วยแน่นอน
“นั่นพ่อเลี้ยงพาใครมาด้วยวะน่ะ”
คนงานหนุ่มๆในไร่ที่พึ่งเข้ามาในโรงครัวในเวลาใกล้เที่ยงต่างก็มองกันเป็นตาเดียวไปที่ผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวอมชมพูที่ยืนอยู่ข้างพ่อเลี้ยงหนุ่ม
“โห..ขาวนึกว่าหยวกกล้วย”
“หรือพ่อเลี้ยงเราจะมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้ววะ”
เสียงสนทนาของเหล่าหนุ่มๆทำเอื้องฟ้าที่กำลังจัดขนมจีนใส่จานให้คนงานก็เกิดอาการไม่พอใจขึ้น
“ใช่ที่ไหน..นังนั่นชื่อหนึ่งเป็นแม่ครัวคนใหม่พ่อเลี้ยงหลานป้าอุไร”
“ป้าอุไรแกมีลูกสาวสวยแล้วยังมีหลานน่ารักอีกโชคดีจริงๆ”
เอื้องฟ้าไม่พอใจตั้งแต่เห็นวันหนึ่งตัวติดกับพ่อเลี้ยงมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อครู่แล้วเพียงเธอยังต้องมีหน้าที่ดูแลคนงานอยู่ที่หน้าโรงครัวไม่อย่างนั้นคงได้กะแนะกะแหนวันหนึ่งไปบ้างแล้ว
“น่ารักตรงไหนตัวซีดอย่างกับศพ”
เหล่าหนุ่มๆต่างมองเอื้องฟ้าด้วยสายตาเอือมระอาด้วยรู้ว่านิสัยของหญิงสาวหน้าสวยคนนี้ไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับใครสักเท่าไรแต่ก็ไม่ได้จะถือสาหรือสาวความตีฝีปากกันต่อเพราะเห็นแก่ดอกสร้อยและคำอ้ายและถึงต่อปากต่อคำด้วยก็ไม่ชนะผู้หญิงคนนี้อยู่ดี
“กับข้าวป้าเตรียมใส่ปิ่นโตแล้วนะคะพ่อเลี้ยงเอาไปเผื่อมื้อเย็นด้วยเลยค่ะ”
ดอกสร้อยที่รู้ว่าบ้านของพ่อเลี้ยงหนุ่มยังทำอาหารไม่ได้เพราะแม่ครัวคนใหม่ดันเปิดแก๊สทิ้งไว้นานสองนานเธอจึงเตรียมกับข้าวและข้าวสวยใส่ปิ่นโตให้กับพ่อเลี้ยงเผื่อถึงเย็นนี้ก่อนจะมองไปยังสาวน้อยที่นั่งทานขนมจีนแกงเขียวหวานตุ้ยๆอยู่ข้างๆอย่างเอ็นดู
“ป้าสร้อยขา..หนึ่งขอแกงเขียวหวานเพิ่มอีกถุงได้ไหมคะแกงเขียวหวานนี่อร๊อยอร่อยจนทานไม่รู้จักอิ่มเลยค่ะ”
วันหนึ่งรีบเคี้ยวชิ้นไก่คำโตลงคอก่อนจะหันมาบอกดอกสร้อยว่าให้ตักแกงเขียวหวานให้เธอเพิ่มเพราะอาหารอร่อยขนาดนี้เพียงแค่ถุงเดียวที่ผูกติดกับปิ่นโตไม่พอเธอทานแน่ด้วยไหนจะต้องแบ่งกับพ่อเลี้ยงหนุ่มอีก
“ปากหวานจริงๆแม่คุณเดี๋ยวป้าตักให้เพิ่มนะลูก”
“ค้า..”
น่านน้ำอมยิ้มอ่อนกับท่าทางนอบน้อมออดอ้อนผู้ใหญ่ของวันหนึ่งคิดว่าที่เธออ้อนเขาก่อนจะมาว่าเยอะแล้วแต่ไม่คิดว่าเธอจะปากหวานปะเหลาะผู้ใหญ่ได้เก่งเช่นนี้
หลังจากกลับมาบ้านกันได้ในช่วงบ่ายน่านน้ำก็ขึ้นไปขลุกอยู่ในห้องทำงานเพราะเขามีงานหลายอย่างที่จะต้องเร่งดูพวกเอกสารด้วยไม่ใช่งานไนไร่อย่างเดียวที่เขาต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ ส่วนวันหนึ่งก็ง่วนอยู่กับการอ่านแชทของไออุ่นที่กำลังพิมสอนวิธีใช้เรื่องซักผ้าของบ้านพ่อเลี้ยงหนุ่มส่งมาให้
"แค่ซักผ้าแค่นี้ง่ายจะตาย"
หลังจากรู้วิธีใช้งานเครื่องซักผ้าถังเดี่ยวสีขาวสาวเจ้ายัดผ้าทั้งตระกร้าเข้าไปในถังปั่นและเดินหน้าระรื่นไปหยิบไม้กวาดและที่ตักขยะขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปทำความสะอาดพื้นบ้านต่อ
"วันนี้ผมจะนั่งทำงานที่นี่พรุ่งนี้คุณค่อยเข้ามาทำความสะอาดก็ได้"
น่านน้ำที่กำลังง่วนอยู่กับการหาเอกสารที่พึ่งปริ้นออกมาเมื่อวันก่อนเมื่อเห็นวันหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมไม้กวาดและที่ตักขยะจึงเอ่ยให้เธอออกไปทำงานที่อื่นก่อนเพราะจะให้เธอมายุ่มย่ามอยู่ในสายตาตอนนี้เขาน่าจะไม่มีสมาธิทำงาน
"ค่ะ..พ่อเลี้ยงกำลังหาอะไรอยู่เหรอคะ"
"ใบสั่งซื้อจากต่างประเทศคุณได้เข้ามาในนี้บ้างหรือเปล่าพอจะเห็นเอกสารที่เป็นภาษาอังกฤษล้วนบ้างไหม"
"อืม..”
วันหนึ่งยืนเกาหัวแกรๆคิดอยู่ครู่หนึ่งและพอจะนึกออกว่าของที่พ่อเลี้ยงหนุ่มหาอยู่ที่ไหน
“เมื่อวานเหมือนจะเห็นอยู่นะคะ..ใช่ใบสั่งซื้อลิ้นจี่3ตันจากบริษัทxxxหรือเปล่าคะ"
"ใช่"
"อยู่นี่ค่ะ..เมื่อวานหนึ่งหยิบมาอ่านตอนพี่อุ่นพาเดินดูห้องที่ต้องทำความสะอาดค่ะ"
ว่าแล้วก็เดินไปหยิบแฟ้มเอกสารบนตู้ใหญ่หลังโต๊ะทำงานของน่านน้ำและดึงเอกสารยื่นให้พ่อเลี้ยงหนุ่ม
"ทีหลังก็อย่าซนของที่ผมวางไว้ตรงไหนให้อยู่ตรงนั้นเข้าใจหรือเปล่า"
"ค่ะ..เดี๋ยวหนึ่งขอตัวก่อนนะคะ"
คนถูกดุบุ้ยปากเล็กน้อย
"เดี๋ยว"
พ่อเลี้ยงหนุ่มได้เห็นเอกสารก็รีบเรียกคนที่กำลังจะเดินหันหลังออกไปเพราะแปลกใจว่าวันหนึ่งเข้าใจได้อย่างไรว่านี่คือสิ่งที่เขาต้องการเพราะข้อความทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ
"คะ?"
"คุณอ่านได้หมดเลยเหรอ"
"ค่ะ..ก็ไม่ได้ยากอะไรนี่คะ"
สาวเจ้าส่ายหัวหงึกหงักมองจ้องพ่อเลี้ยงหนุ่มพร้อมขมวดคิ้วเธอจะอ่านไม่ออกได้อย่างไรในเมื่อภาษาในการใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้น
"กลับมานั่งตรงนี้.."
น่านน้ำเปรยสายตาให้หญิงสาวมานั่งตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา
"ผมลืมถามว่าคุณจบอะไรมา..แล้ว..เคยทำอะไรมาก่อน"
สาวเจ้านั่งลงได้น่านน้ำก็เกริ่นถามถึงประวัติของวันหนึ่งจนตัวเธอรู้ตัวเองว่าเมื่อครู่ได้ทำอะไรพลาดอย่างลืมตัวไปแล้ว
"ก็..จบแค่ม.ปลายค่ะเคยเป็นแม่บ้านมาก่อนนี่แหละค่ะ""ทำไมอ่านภาษาอังกฤษได้คล่อง"ดวงตาคมเริ่มจ้องแม่ครัวคนใหม่เขม็งเพราะความสงสัยในตัวของเธอเริ่มทวีคูณมากขึ้น"ก็..ขยันอ่านหนังสือสิคะสมัยนี้สื่อการเรียนการสอนเข้าถึงง่ายมากเลยนะคะพ่อเลี้ยง"วันหนึ่งยังคงหาทางหนีทีไล่คนที่ถามได้ตลอดแอบภูมิใจกับตัวเองในใจที่ตนนั้นหัวไวอยู่เหมือนกันและเชื่อว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มคงจะไม่กังขาในความรู้ของเธอด้วยสมัยนี้สื่อการเรียนการสอนมีได้ทุกที่อยู่ที่ใครอยากจะหาความรู้เพิ่มเติมหรือไม่เท่านั้น"อืม..”น่านน้ำนิ่งไปครู่หนึ่งทำเอาวันหนึ่งเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าจะเชื่อสิ่งที่เธอพูดหรือไม่“ผมชื่นชมนะคนเราถึงจะไม่ได้ร่ำเรียนมาสูงแต่รู้จักขวนขวายอันนี้ถือเป็นข้อดี""ขอบคุณที่ชมหนึ่งนะคะ..เดี๋ยวหนึ่งขอตัวไปทำความสะอาดส่วนอื่นก่อนนะคะ""อืม"วันหนึ่งยิ้มร่าอย่างโล่งอกและรีบเดินปรี่ออกไปจากห้องทำงานของน่านน้ำทันทีก่อนจะมีคำถามอะไรมาเพิ่ม ยังไม่ทันที่สาวเจ้าจะได้เดินผ่านห้องทำงานของน่านน้ำไปไกลเมื่อเห็นว่าประตูห้องนอนของพ่อเลี้ยงหนุ่มเปิดอยู่เธอก็รีบแทรกตัวเข้าไปในนั้นทันทีเพราะเมื่อตอนที่ไออุ่นพาดูห้องที่ต้องทำควา
“ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง”เกือบเที่ยงคืนแล้วแต่น่านน้ำยังคงตาสว่างเมื่อเพื่อนที่เป็นนักสืบได้โทรมาคุยเรื่องความคืบหน้าในการสืบเรื่องอุบัติเหตุของปู่“ได้ฉันจะอ่านในเมล..ขอบคุณมาก”เมื่อปลายสายบอกว่าได้ส่งข้อมูลทั้งหมดให้ในอีเมลคนตัวโตในชุดนอนก็ผุดลุกเปิดโน๊ตบุ๊คที่วางอยู่ที่โต๊ะข้างหัวเตียงทันที“คิดอะไรเอาไว้ไม่ผิด”พักใหญ่ที่น่านน้ำนั่งอ่านข้อมูลในอีเมลเขากำมือแน่นกัดฟันกรอดพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้กระโตกกระตากอะไรไปก่อน หลังจากที่ได้รู้ว่าพื้นที่ที่ปู่ของเขาไปประสบอุบัติเหตุคือพื้นที่ของเสี่ยทรงยศที่ได้ทำการซื้อก่อนหน้าที่ปู่ของเขาจะเสียได้ไม่กี่เดือนและยังใช้ชื่อคนอื่นเป็นเจ้าของเท่ากับว่าที่เขาสงสัยเรื่องสาเหตุการตายของปู่ว่าไม่ปกติเขาน่าจะสันนิษฐานถูกทางด้านวันหนึ่งในเวลานี้เธอก็ยังคงนอนกลิ้งนอนเกลือกอยู่บนเตียงเล็กดวงตากลมโตยังคงไม่มีอาการหนังตาหย่อนแม้แต่น้อยเพราะยังคงสนุกกับการเรียนรู้วิธีกรทำอาหารในอินเตอร์เน็ต“มันไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของคนอย่างเราหรอก..ตาพ่อเลี้ยงหน้าหล่อต้องหลงในฝีมือการทำอาหารของเราแน่”สาวเจ้าแววตาหยาดเยิ้มฉีกริมฝีปากบางยิ้มร่าอย่างเพ้อฝันถึงวันข้
“พ่อเลี้ยงคะน้ำค่ะ”วันหนึ่งเดินตรงมายังพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังยืนส่งกระเบื้องให้กับคนบนหลังคาก่อนจะรีบยื่นน้ำให้กับเขา“ขอบคุณ”แกร๊ก.. กึก“ระวังค่ะ” วันหนึ่งมองไปยังต้นเสียงด้านบนที่รู้สึกว่ามันผิดปกติและก็เห็นว่ามีค้อนกำลังหล่นลงมาจะถึงหัวของพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังดื่มน้ำเธอจึงรีบกระโจนผลักชายหนุ่มจนล้มลงไปกองกับพื้นกันทั้งคู่ฟึ่บ.. “โอ้ย..” น่านน้ำหัวโขกกับกองไม้จนหางคิ้วแตก"ผมขอโทษครับไม่เห็นจริงๆ"มนัสชายหนุ่มชาวบ้านวัยกลางคนรีบกระโดดลงมาขอโทษพ่อเลี้ยงหนุ่มทันทีรวมถึงคนที่อยู่ระแวกนั้นก็เข้ามาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย“พ่อเลี้ยง..ดีนะคะที่หลบทัน..แต่..เลือด”วันหนึ่งค่อยๆลุกพร้อมกันกับน่านน้ำเมื่อเห็นว่าเขามีเลือดออกที่หางคิ้วก็รีบควักผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็กให้เขาได้กดแผลเอาไว้ น่านน้ำเห็นค้อนปอนที่หล่นมากองกับพื้นก็นึกหวาดเสียวพอสมควรไม่อยากจะคิดว่าถ้าหากมันหล่นใส่หัวของเขาสภาพตัวเองตอนนี้จะเป็นเช่นไรคิดได้เช่นนั้นก็หันไปขอบคุณแม่ครัวตัวเล็กทันที“ขอบคุณนะหนึ่ง”"ไม่เป็นไรค่ะ..พ่อเลี้ยงไปหาหมอก่อนเถอะค่ะ""นั่นสิครับ"คำอ้ายที่ยืนมองพ่อเลี้ยงหนุ่มด้วยความเ
"คนพวกนั้นทำไมใจจืดใจดำแบบนี้นะ"ขณะนั่งรถกลับสาวเจ้าก็บ่นอุกถึงเรื่องที่พึ่งเจอ"คราวหลังอย่าหาเรื่องใส่ตัวคนพวกนั้นเป็นคนของเสี่ยทรงยศเจ้าของที่ตลาดขึ้นชื่อว่าเป็นอันธพาล""ถึงว่าล่ะ..แต่หนึ่งไม่กลัวหรอกค่ะ"วันหนึ่งคิดเอาไว้แล้วว่าคนพวกนี้ไม่พ้นอันธพาลและมีอิทธิพลที่นี่ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าวางมาดกันขนาดนั้นหรอก"หัดกลัวไว้บ้างก็เงินที่จ่ายไปถึงบ้านแล้วผมจะคืนให้""ไม่เอาค่ะหนึ่งไม่ได้เดือดร้อน"คนที่กำลังอารมณ์เดิอดดาลส่ายหัวหงึกหงัก"ไม่ได้เดือดร้อนอะไร..คุณยังต้องหาเงินอีกเยอะเพื่อรักษาย่าคุณไม่ใช่หรือไง""อ๋อค่ะ..เดือดร้อนขอบคุณนะคะ"สาวเจ้าตำหนิตัวเองในใจที่จะเผลอหลุดตัวตนออกมาในขณะที่ไม่สติแล้ว"คุณอยากเรียนต่อหรือเปล่า"น่านน้ำว่าจะพูดเรื่องนี้กับวันหนึ่งมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแต่ก็ลืมเพราะเขาเห็นว่าเธออายุยังน้อยหากได้เรียนสูงๆคงมีโอกาสทำงานดีๆกว่าจะมาเป็นแม่บ้าน"ทำไมเหรอคะ""ผมจะส่งคุณเรียนช่วงเสาร์อาทิตย์คุณโอเคไหมถ้าคุณมีความรู้เพิ่มอาจจะได้ทำงานที่ดีกว่าเป็นแม่บ้าน"เรื่องสนับสนุนการศึกษาเขายินดีทำอยู่แล้วเพราะก่อนหน้าก็เห็นปู่ของเขาชอบให้ทุนการศึกษากับลูกคนงานในไร่หลายคน
"เป็นยังไงบ้างคะคุณหนูงานบ้านงานครัวทำไหวหรือเปล่าคะ"อุไรยกอาหารเย็นสำรับใหญ่มาวางกลางโต๊ะอาหารหลังจากที่ไออุ่นไปรับวันหนึ่งมาทานข้าวเย็นที่นี่เมื่อเห็นหน้าคุณหนูตัวเล็กได้ก็ไม่วายอยากจะรู้ว่าวันหนึ่งไหวกับงานบ้านงานครัวหรือเปล่า"สบายมากค่ะป้าไรหนึ่งสนุกมากค่ะที่ได้ทำอาหาร""แน่ใจนะว่าไม่ได้ทำอะไรของเค้าเสียหาย"นฤดีเอ่ยหยอกหลานสาวที่เอ่ยตอบอุไรยิ้มปากบานด้วยความมั่นใจเธอไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยอย่างที่หลานเธอว่าเพราะรู้ดีว่าวันหนึ่งไม่เคยได้ทำงานบ้านงานครัวเก่ง"ไม่มี๊.. ไม่มีแม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ"ใบหน้าจิ้มลิ้มส่ายหัวหงึกหงัก ไออุ่นมองมายังวันหนึ่งก็ยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะเปรยเอ่ยหยอกเรื่องที่รับรู้มากับวันหนึ่ง"เอ.. พี่ได้ยินมาว่าพ่อเลี้ยงต้องไปหากับข้าวที่โรงครัวในไร่เพราะใครดันลืมปิดแก๊สกันน้า""นั่นไงย่าว่าแล้ว""ผิดพลาดนิดหน่อยเองค่ะ"นฤดียิ้มร่าคิดเอาไว้ไม่มีผิดคนที่ไม่มีอะไรจะเถียงอย่างวันหนึ่งก็ได้แต่นั่งก้มหน้างุดทำท่าทีสนใจอาหารตรงหน้าแก้เขินทำเอาคนที่รายล้อมโต๊ะอาหารต่างก็อมยิ้มเอ็นดู"คุณพ่อกับคุณแม่โทรตามเราบ้างหรือเปล่าคะคุณย่า"หลังจากทานข้าวเย็นเรียบร้อยว
น่านน้ำกลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์ของตนที่เคยอยู่ก็นึกถึงเรื่องราวเก่าๆทุกผืนที่ในเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้เคยมีกวินตราได้เคยอยู่เฟอร์นิเจอร์ทุกตัวหรือของตกแต่งก็เป็นสิ่งที่หญิงสาวเลือกทั้งหมด น่านน้ำทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาสีครีมตัวใหญ่ก่อนจะถอนหายใจอ่อนเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้รู้สึกสบายขึ้นก่อนจะลุกเก็บรูปคู่ของเขากับกวินตราที่ใส่กรอบวางเอาไว้ทั่งพื้นที่ลงกล่อง“ผมจะพยายามลืมคุณให้ได้”น่านน้ำพูดกับรูปภาพที่อยู่ในกล่องก่อนจะเก็บมันเอาไว้ที่ในตู้เก็บของ เขาคบกับกวินตราตั้งแต่ไปเรียนต่างประเทศพร้อมกันด้วยความที่พ่อแม่รู้จักกันและเรียนรุ่นเดียวกันเมื่อไปอยู่ต่างประเทศเขาและเธอห่างครอบครัวจึงทำให้ได้พูดคุยกันสนิทสนมกว่าอยู่ที่ไทยและตัดสินใจคบกัน ความรักของเขาและเธอมันดีมาโดยตลอดแต่มันมาสะดุดตรงที่เขาเลือกที่จะเข้ามาดูแลไร่ในช่วงที่เคยคุยไว้ว่าจะแต่งงานเขาแพลนการสร้างครอบครัวไว้ตั้งแต่แรกว่าจะบริหารงานแทนคนเป็นพ่อที่ต่างประเทศและให้พ่อกับแม่กลับไปอยู่ที่ไทยแต่เมื่อมีเรื่องปู่ของเขาเกิดขึ้นจึงทำให้แผนทั้งหมดที่วางเอาไว้ไม่เป็นเช่นที่คิด กวินตราจึงไม่พอใจมากและโกรธเคืองเขาที่สุดเพราะสัญญาไม่เป็นสัญญาอีกอย
"พี่มาที่นี่จะมาหาพ่อเลี้ยงจะหาผู้ช่วยไปฉีดวัคซีนให้วัวไม่รู้ว่าไม่อยู่..แล้วที่อยู่ที่นี่พี่แค่เบื่อชีวิตในเมืองเบื่อการปั้นหน้าออกงานสังคมเราก็พอจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าส่วนมากก็มีแต่ปลอมๆทั้งนั้น"สายน้ำสัตวแพทย์หนุ่มรูปหล่อปานนายแบบเขาแก่กว่าวันหนึ่งประมาณสี่ห้าปีเป็นลูกชายคนเดียวของพิศิษฐ์และวันรวีน้าสาวและน้าเขยของวันหนึ่งเจ้าของกิจการนำเข้าเครื่องมือแพทย์เจ้าใหญ่ ที่เขาเลือกมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อันที่จริงแล้วก็เพราะอกหักช้ำรักจากผู้หญิงไม่จริงใจมาหลายหนทุกคนเข้าหาเขาก็เพราะหน้าตาชาติตระกูลเท่านั้น อีกอย่างที่เลือกที่จะปักหลักอยู่แถวนี้เพราะรู้สึกถูกชะตากับใครบางคน"ก็จริง""แล้วมาเป็นแม่บ้านให้พ่อเลี้ยงแบบนี้เค้ารู้หรือเปล่าว่าเราเป็นลูกใคร"สายน้ำคิดว่าไม่ใช่เขาคนเดียวหรอกที่ใช้ชีวิตที่นี่อย่างที่ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริง"มีแค่คุณย่าของหนึ่งพี่อุ่นกับป้าไรที่รู้ค่ะแล้วพี่สายก็ห้ามบอกใครด้วยเรื่องนี้...แลกกับการที่หนึ่งจะไม่บอกกับน้าวีว่าพี่สายอยู่ที่นี่""ยัยตัวแสบ...”สายน้ำเปรยยิ้มแกมเอ็นดูยัยน้องสาวตัวแสบที่ชอบหาเรื่องเล่นซนไม่เลิก“โอเคพี่รับปากแต่พี่ขอคำอธิบายหน่อยเถอะว่าทำแบบ
"ในสังคมของเราหากยากเหมือนกันนะคนแบบนี้"หมอหนุ่มยังคงพูดถึงเอื้องฟ้าโดยที่สีหน้ายังคงมีรอยยิ้มไม่หุบ"ชื่นชมเหรอคะ.. เอ... หรือว่าพี่สายปลื้มพี่เอื้องฟ้า"หญิงสาวเริ่มวาดแขนกอดอกเอียงหน้าเงยมองพี่ชายเธอด้วยสายตามีเลศนัยเพราะดูรอยยิ้มของพี่ชายและสายตาที่มองตามคนที่ปั่นจักรยานออกไปด้วยความหยาดเยิ้มมันดูแปลกๆ"พี่ไม่เคยเจอคนตรงไปตรงมาแบบนี้มาก่อนเลยชอบก็พูดตรงๆไม่ชอบก็พูดตรงๆ.. คำบางคำอาจจะขัดหูคนอื่นไปบ้างแต่พี่ก็ชอบที่เธอตรงไปตรงมากับความคิดของตัวเอง... ไม่เหมือนพวกคนที่พี่เคยเจอเสแสร้งแกล้งปั้นคำกันทั้งนั้น"คำถามของวันหนึ่งทำหมอหนุ่มหลบสายตาด้วยความเขินอายเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะพูดยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเขารู้สึกถูกชะตากับเอื้องฟ้าพอสมควรแม้นจะรู้มาว่าคนแทบทั้งไร่จะไม่ค่อยชอบนิสัยของเธอก็เถอะ และคำตอบของหมอหนุ่มก็ทำวันหนึ่งเริ่มคิดอะไรออกเธอไม่ต้องไปเสียเงินจ้างใครที่ไหนให้มาจีบเอื้องฟ้าแล้วเพราะมีพี่ชายเธอเป็นตัวช่วยอยู่ตรงนี้ทั้งคน"ชอบก็จีบเลยสิคะ""แน่ะ...จะหาไม้กันหมาสินะ"มือหนายกยีหัวทุยน้องสาวตัวเล็กเล่นเบาๆด้วยดูออกว่ายัยตัวแสบนั้นคิดอะไรอยู่"พี่รู้ว่าเอื้องฟ้าช