"ฮือๆๆ. ย่าค้าบบ.. ฮือๆๆ.. "
"เจ้าหนู.. อืม.. ออกมากับพี่นะไปหาคุณย่าเรากัน"
ปึก "โอ้ยย.." มนัญชนกตามเสียงร้องของเด็กชายไปจนเจอและรีบเอาเสื้อที่เธอชุบน้ำคลุมร่างเด็กชายตัวอ้วนกลมก่อนจะวิ่งฝ่ากองเพลิงออกมาอย่างไม่คิดชีวิตจนขาของเธอถูกอะไรบางอย่างหล่นมากระแทกจนเลือดออกแต่นั่นก็ไม่ทำให้เธอหยุดได้
"เห็นผู้หญิงที่ลงมากับผมหรือเปล่า" ทางด้านคามินเมื่อจัดการพื้นที่ให้รถดับเพลิงเสร็จเขาก็เดินออกมาถามหามนัญชนกกับพวกพนักงานเพราะไม่เห็นเธอยืนอยู่ตั้งแต่กลับมาแล้ว
"ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ใส่ชุดเดรสสีขาวหรือเปล่าครับ"
"ใช่..."
"เธอฝ่ากองไฟเข้าไปช่วยเด็กข้างในครับ" พนัดงานหนุ่มชี้มือเข้าไปในกองเพลิงที่กำลังโหม
"แล้วให้เธอเข้าไปได้ยังไง" คามินตัวชาวาบหากหญิงสาวเป็นอะไรไปเขาคงไม่มีหน้าไปสู้กับพงษ์พัฒน์ที่ฝากผฝังเธอให้มาเรียนรู้การทำอาหารจากโรงแรมของเขาแน่
"เธอวิ่งเข้าไปเองครับพวกผมห้ามเอาไว้ไม่ทัน.. นั่นไงออกมาแล้ว" พนักงานหนุ่มโล่งอกเมื่อเห็นหญิงสาววิ่งออกมาพร้อมเด็กชายในอ้อมอก
"น้องไพร์มหลานย่า.." หญิงชราที่นั่งร้องให้ฟูมหายเมื่อเห็นหญิงสาวอุ้มหลานเธอออกมาได้ก็รีบไปรับอย่างรวดเร็ว
"ย่าค้าบบ.." เด็กชายเห็นคนเป็นย่าก็โผเข้ากอดเลยทันที
"ปลอดภัยแล้วนะครับ" มนัญชนกดีใจจนลืมเจ็บเธอค่อยๆยื่นมือแตะหัวเด็กชายด้วยความเอ็นดูเธอยิ้มภูมิใจจนลืมเจ็บที่ได้ช่วยชีวิตคนเอาไว้ได้
"ขอบคุณหนูมากเลยนะ" หญิงชราขอบคุณหญิงสาวยกใหญ่ก่อนจะอุ้มหลานชายเดินกลับไป
"คุณหม่อน.." คามินเห็นว่ามนัญชนกมีเลือดออกที่ขาซ้ายจึงรีบเข้ามาประคองเธออย่างรวดเร็ว
"เด็กปลอดภัยอล้วนะคะ" มนัญชนกเงยหน้ามองคามินด้วยรอยยิ้มอ่อนก่อนที่สติของเธอจะดับวูบไป
"คุณหม่อน...คุณหม่อน"
โรงพยาบาล
ตอนนี้มนัญชนกอยู่ในโรงพยาบาลเธอสลบเพราะสูดควันเข้าไปมากเกินไปหมอจึงให้เธอนอนพักที่โรงพยาบาลคืนนึงเพื่อดูว่าจะไม่มีอาการแทรกซ้อนแน่ๆพรุ่งนี้ถึงจะให้กลับบ้านส่วนคามินก็ดูแลหญิงสาวอยู่ไม่ห่างเพราะเธอต้องเกือบตายเพราะอุบัติเหตุที่เกิดจากโรงแรมของเขา
"ผมขอโทษนะครับที่ปล่อยให้คุณไปเจอเหตุการณ์แบบนั้น" สีหน้าของคามินตอนนี้ไม่สู้ดีเลยสักนิดทั้งห่วงหญิงสาวทั้งยังกังวลถึงความเสียหายที่โรงแรม
"ฉันเลือกที่จะทำมันเองนะคะคุณไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ...แล้วเรื่องนี้ฉันขอให้คุณเก็บเป็นความลับนะคะ" มนัญชนกหลุบสายตาต่ำลงเล็กน้อย
"ทำไมเหรอครับ" คามินไม่เข้าใจว่าหญิงสาวทำไมต้องให้เขาทำแบบนั้นด้วย
"ฉันไม่อยากให้ใครต้องมาเป็นห่วงน่ะค่ะ" มนัญชนกรู้ดีว่าหากเรื่องรู้ถึงพี่ชายและพ่อเธอคงไม่วายโดนดุอีกแน่นอนที่ทำอะไรไม่ค่อยจะคิดถึงตัวเอง
"ก็ได้ครับ..งั้นเดี๋ยวคืนนี้ผมจะนอนเฝ้าคุณเอง"
"ไม่ต้องหรอกค่ะคุณคงมีเรื่องต้องจัดการอีกเยอะ" ใบหน้าหวานส่ายหงึกหงักเธอไม่อยากให้เขามาลำบากเพราะเธออีกไหนที่โรงแรมของเขาก็ยุ่งพอแล้ว
"ผมให้คนของผมจัดการแล้วล่ะครับอีกอย่างขาคุณก็เจ็บอยู่ให้ผมดูแลคุณดีกว่านะครับ" และแล้วมนัญชนกก็ต้องยอมให้คามินอยู่เฝ้าเพราะเธอไล่เท่าไรเขาก้ไม่ยอมกลับ
ตกดึกมนัญชนกอยากจะเข้าห้องน้ำเธอเห็นว่าคามินหลับอยู่เลยไม่อยากจะปลุกจึงค่อยๆเดินกะเผลกเกาะผนังเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำ
"จะไปห้องน้ำเหรอครับ" คามินรู้สึกตัวเมือ่ได้ยินเสียงเตียงของหญิงสาว
"ค่ะ " มนัญชนกหน้าเจื่อนที่เธอเป็นสาเหตุทำให้ชายหนุ่มตื่น
"เดี๋ยวผมพาไป...แบบนี้ไวกว่าเยอะเลย" ชายหนุ่มอุ้มร่างบางด้วยท่าเจ้าสาวโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวไปส่งในห้องน้ำ
"ขอบคุณนะคะ" หญิงสาวตัวเกร็งเล็กน้อยเพราะไม่เคยที่จะถึงเนื้อถึงตัวกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่พี่ชายหรือพ่อตัวเองแบบนี้
ญี่ปุ่น
"จะให้ทำยังไงคุณถึงจะเลิกยุ่งกับฉัน" ทางด้านแพงขวัญและแพทริคไม่มีทีท่าว่าจะคุยกันดีเลยสักครั้งตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาสามสี่วันแล้ว
"ไม่ขอบอกตอนนี้...แต่บอกไว้เลยว่าตอนนี้ชีวิตคุณเป็นของผมหากจะขัดขืนอะไรก็ขอให้รู้ไว้ว่าผมสามารถทำให้บริษัทพ่อคุณล้มละลายได้ทุกเมื่อ" แพทริคคนั่งไขว่ห้างกอดอกมองหญิงสาวที่ใส่ชุดเดรสแขนตุ๊กตากระโปรงยาวสีขาวตรงหน้าด้วยสีหน้าที่ยียวนกวนอารมณ์หญิงสาวเล็กน้อย
"ขู่ได้ขู่ดี..ได้.." ดวงตากลมโตตวัดหางตาใส่แพทริคด้วยความไม่พอใจก่อนจะเดินหนีเขาไปเดินเล่นที่หน้าบ้านเพราะเธอคงไปไหนไม่ได้ไกลหากคนอาแต่ใจไม่อนุญาตครั้นจะแหกกฎที่เขาตั้งเพื่อควบคุมเธอก็เบื่อที่จะฟังคำขู่
เย็นของวัน
"จะพาฉันไปไหน" ร่างบางต้องลุกขึ้นพรวดเมื่อจู่ๆชายหนุ่มก็ดึงแขนเธอในขณะที่นั่งเล่นมือถืออยู่ให้เดินตามเขาออกจากบ้านพักไปก่อนจะยัดเธอเข้ามาในรถหรูที่ไม่รู้ว่าเขาไปเช่าหรือไปเอาของใครมาตอนไหน
"หาซื้อของมาทำอะไรทานไง...อยากอดตายเหรอ" แพทริคยัดหญิงสาวใส่รถได้เขาก็เดินอ้อมมาอีกฝั่งเมื่อเข้ามานั่งได้ก็เอื้อมมือไปดึงเบลมาคาดให้หญิงสาวเพราะดูเธอช่างไม่รู้หน้าที่ตัวเองเลยว่าขึ้นรถแล้วต้องทำอะไรก่อนจะเอ่ยแกล้งประชดหญิงสาว
"เลิกพูดยียวนฉันทีได้ไหม" แพงขวัญรีบหันหน้าหนีคนที่ยื่นหน้ามาใกล้พวงแก้มของเธอทั้งต่อว่าเขาไปหนึ่งทีก่อนที่เขาจะผละออกจากตัวเธอไป
ทั้งสองออกจากบ้านพักมาได้ครู่ใหญ่แพทริคก็ต้องชะลอรถก่อนจะจอดข้างถนนเมื่อเห็นว่าตอนนี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นตรงหน้าและเขาก็เห็นผู้หญิงนอนเจ็บอยู่กลางถนนด้วย
"นั่นอะไร" ว่าจบชายหนุ่มก็ปลดเบลและรีบออกจากตัวรถไปทันที
"อุบัติเหตุหรือเปล่า..คุณ..จะไปไหน" แพงขวัญนั่งมองคนที่พึ่งวิ่งิกไปจากรถก่อนจะส่ายหัวเบาๆไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเป็นคนอยากรู้อยากเห็นมากขนาดนี้
"เรียกรถพยาบาลหรือยังครับ" แพทริครีบเดินเข้ามาดูคนเจ็บและถามคนที่กำลังมุงดูเป็นภาษาญี่ปุ่นน้ำเสียงสั่นเพราะเหตุการณ์นี้ช่างคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เป็นบาดแผลในใจของเขามาก
"กำลังติดต่ออยู่ครับ...นั่น.." ชายหนุ่มญี่ปุ่นที่กำลังติดต่อกับเจ้าหน้าที่อยู่นั้นเขาก็ต้องตกใจเพราะจู่ๆหญิงวัยกลางคนที่นอนเจ็บอยู่ก็เกิดกระอักเลือดชักตาค้างแล้วนิ่งไป
"ฟื้นขึ้นมานะครับ...อย่าตายต่อหน้าผม" แพทริคเห็นท่าไม่ดีจึงรีบจับชีพจรของคนเจ็บเมื่อเห็นว่าไม่มีชีพจรจึงรีบปั๊มหัวใจ...ทั้งเอ่ยเสียงสั่นภาวนาให้คนที่เขากำลังช่วยชีวิตฟื้นขึ้นมา
"คุณแพท" แพงขวัญพี่งตามแพทริคลงมาเธอเห็นเขาช่วยคนเจ็บเธอก็รู้สึกผิดเล็กน้อยที่คิดว่าเขาจะเข้ามาเพราะอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น
"รถพยาบาลมาแล้วครับ" ไม่นานนักรถพยาบาลก็มาถึงทุกคนจึงแหวกถอยหนีให้เจ้าหน้าที่ได้ทำหน้าที่...ทุกคนต่างรออย่างใจจดใจจ่อให้หญิงคนเจ็บฟื้นขึ้นมาแต่ก็ไม่เป็นผล
"เคสนี้น่าจะไม่ทัน"
“คุณแพท” สิ้นเสียงพยาบาลและหมอที่ดูอาการคนเจ็บแพทริคก็เข่าทรุดลงทันทีจนแพงขวัญต้องรีบคว้าตัวชายหนุ่มเอาไว้ให้นั่งพิงกับตัวของเธอ
“.....” แพทริคแทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอความเจ็บในอดีตมันถูกรื้อให้เห็นภาพชัดอีกครั้งชายหนุ่มเอาแต่นั่งเงียบพักใหญ่ก่อนที่แพงขวัญเห็นว่าเขาท่าจะไม่ดีจึงพาเขากลับบ้านพักโดยที่เธอเป็นคนขับรถพาเขากลับมาเอง
เมื่อกลับมาถึงบ้านได้แพทริคก็นั่งกำมือแน่นเงียบๆจนแพงขวัญที่ไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนก็เริ่มใจไม่ดีไม่รู้ว่าเขาช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากแค่ไหนตอนนี้เธอเห็นตัวของเขามีรอยเปื้อนเลือดอยู่เล็กน้อยจึงค่อยๆบอกให้เขาไปล้างเนื้อล้างตัว
"ฉันว่าคุณกลับไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวซะหน่อยก็ดีนะคะ"
"อืม.." ร่างสูงลุกขึ้นเดินเข้าห้องด้วยท่าทีที่เหม่อลอย
“นี่อารมณ์คุณอ่อนไหวง่ายขนาดนี้เชียวเหรอ” แพงขวัญบ่นอู้อี้หลังจากที่ชายหนุ่มเข้าห้องไปเธอเองก็ตกใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้าไม่แพ้กันแต่ก็ยังไม่มีอาการจิตตกเท่าแพทริค
หลายชั่วโมงต่อมา
"คุณเป็นอะไรทำไมดูเงียบไป" แพงขวัญเห็นแพทริคนั่งเหม่อในห้องนานหลายชั่วโมงจนเริ่มดึกเขาก็ไม่ยักจะหายเหม่อเธอจึงต้องเอ่ยถามเพราะไม่ชินที่เขาเป็นแบบนี้เท่าไรค่อนข้างชินกับคนปากสุนัขมากกว่า
"ผม.. ขออยู่คนเดียว" เสียงทุ้มเอ่ยอย่างสั่นเครือ
"คุณร้องให้..." นับว่าเป็นภาพที่แพงขวัญไม่เคยคิดเคยฝันจริงๆที่จะได้เห็นน้ำตาของแพทริค
"ผมขออยู่คนเดียว"
"ก็ได้.." แพทริคหันหน้าหนีแพงขวัญอาการโศกเศร้าของเขาทำให้เธอต้องยอมออกไปและปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวตามคำขอเพราะเธอก็ไม่ได้อยากหดหู่ใจเพราะเห็นอาการของชายหนุ่มเช่นกัน
“จะเศร้าอีกนานไหมเนี่ย...โอ้ยยัยแพงแกจะใส่ใจนายนั่นทำไมควรจะดีใจถึงจะถูก” หญิงสาวออกมานั่งที่ห้องนั่งเล่นได้ก็เอาแต่นึกถึงน้ำตาของแพทริคก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมาว่าเธอนั้นควรจะดีใจที่เห็นเขาเศร้าแต่ก็ทำได้แค่พูดเพราะในใจแอบสงสารเขาไปแล้ว
"โถ่โว้ยยยย..."ปึกๆๆแพงขวัญได้ยินเสียงแพทริคโวยวายอยู่ด้านในจึงรีบวิ่งเข้ามาดูเมื่อเห็นว่าเขากำลังสาวหมัดไปที่ผนังจนเลือดออกเธอจึงรีบรั้งตัวเขาเอาไว้ไม่ให้ทำร้ายตัวเองอีก"คุณแพทหยุด..คุณเป็นบ้าอะไรของคุณเนี่ย""ฮึก..ฮือๆๆ..ผมช่วยเค้าไม่ได้..ผมช่วยเค้าไม่ได้.." แพทริคตัวสั่นเทาฟุบกอดเข่าสะอื้นให้ด้วยความปวดใจที่เขาเห็นคนขาดใจตายต่อหน้า"ใจเย็นๆ...คุณทำดีที่สุดแล้ว" แพงขวัญดูท่าชายหนุ่มจะเป็นเอาหนักเธอจึงค่อยๆนั่งลงข้างๆเขาและกอดคนตัวโตที่ตัวสั่นเทาเอาไว้ก่อนจะเอ่ยปลอบเขาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก ครู่ต่อมา"ฉันสั่งอาหารมาแล้วพรุ่งนี้เราค่อยออกข้างนอก.. นี่ของคุณฉันสั่งแซลมอนเกรดพรีเมี่ยมย่างซีอิ๊วมาให้คุณเลยนะทานสิ"หลังจากที่ชายหนุ่มสงบอารมณ์ได้แพงขวัญจึงพาเขาออกมานั่งข้างนอกเพราะเธอสั่งอาหารเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่กลับมาถึงแล้ว"คุณทานไปเถอะผมไม่หิว...ถ้าคุณกลัวเหงาผมก็จะนั่งเป็นเพื่อน""อืมก็ได้...โห..ซูชิอร่อยจังเลย...ซุปสาหร่ายนี่ก็รสชาติกลมกล่อมหอมมากด้วยคุณดมดูสิ" สาวเจ้าที่อยากจะให้คนที่นั่งหน้าเศร้าทานอาหารพร้อมกับเธอเพราะเขาไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้วเพราะ
“ตอนแรกแม่ก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหาแต่ตอนนี้เจ้าของเดิมเค้าเสียแล้วลูกหลานเค้าก็เลยอยากจะขอที่คืน” ศรีจันทร์เองก็ไม่คิดว่ามันจะมีปัญหาอะไรจึงไม่ได้กังวลเรื่องที่ทางเท่าไรนักแต่เมื่อเจ้าของที่เดิมเสียเธอก็ไม่คิดว่าลูกๆหลานๆของเจ้าของที่จะมาขอที่คืนกะทันหัน“เดี๋ยวผมจะจัดการเจรจาซื้อที่ที่นี่ให้นะครับแม่ศรีไม่ต้องกังวังวลยังไงเด็กๆก็จะมีที่อยู่แน่นอนครับ” แพทริครับปากศรีจันทร์ด้วยแววตาที่มั่นใจเพราะเขาจะไม่ยอมให้เด็กๆไม่มีที่อยู่เด็ดขาดเจ้าของใหม่อยากจะขายที่นี่แพงเท่าไรเขาก็จะควักเงินจ่ายหากไม่ยอมเขาก็จะซื้อที่ที่อื่นให้เด็กๆอยู่ให้มันรู้แล้วรู้รอดเพราะเขาทนเห็นเด็กเหล่านี้ไม่มีที่อยู่ไม่ได้ครู่ต่อมา“เค้ามาที่นี่บ่อยเหรอคะแม่ศรี” แพงขวัญนั่งคุยกันสองคนกับศรีจันทร์ขณะที่แพทริคกำลังสอนเด็กๆเรื่องโปรแกรมในคอมพิวเตอร์“ไม่หรอกจ่ะ..ส่วนมากแพทริคจะส่งเงินมาเท่านั้นเพราะงานเค้าค่อนข้างยุ่ง” ศรีจันทร์ส่ายหัวก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนตั้งแต่ที่แพทริคไปอยู่อังกฤษเขาก็ไม่ค่อยได้มาที่นี่เท่าไร“แม่ศรีดูแลเด็กตั้งเยอะเลยไม่เหนื่อยบ้างเหรอคะ” แพงขวัญเห็นเด็กๆที่นี่ค่อนข้างเยอะแถมยังมีทุกวัยเธอเห็นแล้ว
เช้าวันต่อมา“เมื่อคืนคุณน่ารักมากเลย” ชายหนุ่มพรมจูบไหล่มนของหญิงสาวที่เปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาอยู่กับเขา“เมื่อไรคุณจะพาฉันกลับบ้าน” แพงขวัญหน้าแดงเล็กน้อยที่เมื่อคืนเธอเผลอตัวเผลอใจไปกับรสรักของเขาก่อนจะเอ่ยถามว่าเมื่อไรเขาจะปล่อยเธอไป“ผมอยากให้คุณอยู่กับผมก่อนนี่” “คุณให้คำตอบฉันเถอะนะคะว่าจะบังคับฉันแบบนี้ไปเพื่ออะไร” แพงขวัญตั้งคำถามชายหนุ่มรอบที่เกือยร้อยได้ว่าเขาทำแบบนี้กับเธอไปเพื่ออะไรกันแน่“ผมอยากให้คุณเป็นผู้หญิงของผม” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมพลิกร่างบางให้มามองหน้าของเขา“คุณรู้สึกยังไงกับฉันกันแน่” แพงขวัญขมวดคิ้วเล็กน้อยคำพูดของเขาทำเอาใจของเธอสั่นระรัวเพราะเธอเองก็เริ่มมีใจให้กับคนที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายคนนี้ไปเสียแล้ว“คำพูดที่ผมพูดคุณก็น่าจะเดาออกนะ...แล้วคุณล่ะตอนนี้รู้สึกยังไงกับผมพอจะมองผมดีขึ้นจากแต่ก่อนหรือเปล่า” แพทริครู้อยู่แก่ใจแล้วว่าหญิงสาวคิดกับเขาอย่างไรไม่อย่างนั้นตื่นมาคงพยศเขาไปแล้วไม่อ่อนลงแบบนี้แต่ก็อยากจะฟังคำตอบจากปากของเธอ“....” สาวเจ้าหลบสายตาก้มหน้างุดซุกลงกับอกแกร่งคิดว่ากิริยาของเธอก็พอจะทำให้เขาเข้าใจได้“..ผมดูจากความน่ารักของคุณเมื่
ห้างสรรพสินค้า"จะซื้อเสื้อผ้าเหรอคะ" แพงขวัญเดินเข้ามาในร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังพร้อมแพทริคที่กำลังเดินจูงมือเธออยู่"ครับ...คุณว่าแบบไหนเหมาะกับผม" แพทริคชี้ไปที่เสื้อเชิ้ตหลากสีสันที่อยู่ในราว"อืม...ก็แบบนี้สิ..รุ่นนี้ใหม่ล่าสุดของแบรนด์นี้เลยนะ" แม้นว่าโซนนี้จะเป็นของผู้ชายแต่คนที่ชอบแฟชั่นอย่างแพงขวัญก็รู้ว่าเสื้อผ้าเหล่านี้เป็นแบบใหม่หรือแบบเก่า"นับว่าผมพาคนช่วยเลือกมาถูกคน...งั้นคุณเลือกให้ผมสักสองสามชุดนะครับเดี๋ยวผมมา" "คุณจะไปไหนคะ""ทำธุระนิดหน่อยครับ""โอเคค่ะ" สาวเจ้ามองตามหลังคนที่พึ่งเดินออกไปแต่ก็ไม่ได้สนใจมากนักว่าเขาจะไปไหนเพราะมีความสุขกับการเลือกเสื้อผ้ามากกว่าครู่ต่อมาร้านอาหารหังจากที่แพงขวัญเลือกเสื้อผ้าให้ชายหนุ่มเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ก็มานั่งทานอาหารในร้านอาหารสุดหรูของห้างที่นี่"นี่ที่หายไปมาจองที่นี่เหรอคะ" แพงขวัญนั่งลงที่โต๊ะอาหารในโซนไพรเวทและเป็นมุมที่สวยที่สุดในร้านตอนนี้ที่นี่มีเพียงแค่เธอกับแพทริคแค่สองคนกับอาหารที่เต็มโต๊ะเธอจึงคิดว่าเมื่อครู่ที่แพทริคหายไปคงเป็นเพราะมาจัดการเรื่องที่ร้านเป็นแน่"เปล่าครับที่นี่ผมจองไว้สองวันแล้ว...ที่หายไปเพราะ
"......" คามินแทบยืนไม่อยู่เนื้อตัวชาวาบไปหมดเมื่อจู่ๆคนที่เขาคิดจะสร้างครอบครัวด้วยกลับเลือกคนที่มาทีหลังได้ไม่นานตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงติดต่อเธอลำบากยากเย็นเหลือเกิน"แพงขอโทษนะคะที่แพงเป็นคนรักที่ไม่ได้เรื่อง" แพงขวัญสะอึกสะอื้นเธอยอมรับผิดทุกอย่างเพราะเธอเผลอให้ใจกับแพทริคไปอย่างง่ายดาย"พี่เข้าใจแล้ว.." คามินเอ่ยเสียงสั่นก่อนจะกดวางสายของแพงขวัญตอนนี้ความรู้สึกมันเจ็บจุกอยู่ในอกเหมือนอยากจะร้องให้แต่มันก็ร้องไม่ออก"แพงขอโทษค่ะพี่มิน..ฮือๆๆ..." หลังจากวางสายได้แพงขวัญก็สะอึกสะอื้นเพราะความรู้สึกผิด"......" แพทริคยืนมองหญิงสาวอยู่ห่างๆด้วยสายตาที่คาดเดาอารมณ์ไม่ถูกในใจลึกๆไม่ชอบที่จะเห็นหญิงสาวร้องให้แต่อีกใจก็ดีใจที่แผนการดำเนินไปได้ด้วยดีหลังจากนี้คนที่น้ำตาตกจะไม่ใช่แค่แพงขวัญเพียงคนเดียวจะเป็นพงษ์พัฒน์ที่ต้อเจ็บกว่าแพงขวัญหลายเท่าเมื่อเห็นแพงขวัญตกอยู่ในความทุกข์เย็นของวัน มนัญชนกเตรียมตัวรอคามินตั้งแต่ห้าโมงเย็นแต่นี่ก็หกโมงกว่าจนเกือบจะมืดแล้วแต่เขาก็ไม่ยักจะมาเสียทีทั้งโทรหาเท่าไรเขาก็ไม่ยอมรับ"วันนี้ไม่มาสอนหม่อนเหรอคะคุณมิน" หญิงสาวตัดสินใจส่งข้อคว
"อืม..." คามินงัวเงียตื่นขึ้นมาในช่วงสายเขาพยุงร่างเปลือยเปล่าลุกนั่งก่อนจะกุมขมับเพราะรู้สึกปวดหัวหนักพอสมควรสายตาของเขาเพ่งมองรอบๆห้องที่เละเทะทั้งฟูกนอนก็ยังมีรอยหยดเลือดภาพตรงหน้าเหล่านี้ทำให้เขาพยายามนึกถึงเรื่องเมื่อวานและไม่นานนักเขาก็จำทุกอย่างได้“คุณหม่อน...” เมื่อภาพความจำเมื่อวานกลับมาได้เขาก็รีบหยิบผ้าขนหนูพันท่อนล่างก่อนจะเข้าไปหาหญิงสาวในห้องทันที(หวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกนะคะ) “โถ่เอ้ย...ทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย” คามินหยิบจดหมายของใบหม่อนขึ้นมาอ่านจบก็นั่งฟุบลงกับพื้นกุมขมับโมโหที่ตัวเองเผลอทำร้ายหญิงสาวลงกับมือสามวันต่อมา"เป็นอะไรครับนอนซมทั้งวันเลย” แพทริคเข้ามาซุกผ้าห่มนอนบนเตียงนุ่มกับหญิงสาวหลังเห็นเธอนอนซมมาตั้งแต่หลังทานอาหารเช้าแล้ว“เพลียๆค่ะ..” “ผมทำให้หายเพลียเอาไหม” ชายหนุ่มพรมจูบแก้มนวลของหญิงสาวเพราะตอนนี้อะไรๆของเขามันตื่นขึ้นแล้วเพียงแค่สัมผัสเนื้อตัวของเธอได้ไม่นานไม่รู้ว่าทำไมเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ทุกครั้งเมื่อต้องใกล้ชิดสาวเจ้าบนเตียงสองต่อสองแบบนี้“ทำยังไงคะ” ดวงตาปรือมองคนที่กำลังพรมจูบด้วยความสงสัย“..ฉันจะเพลียกว่าเดิมมากกว่ามั้งคะ...อื
วันต่อมา ตั้งแต่โทมัสรู้เรื่องของแพทริคจากมนัญชนกตั้งแต่เมื่อวานเขาก็เคลียทุกอย่างแล้วรีบบินมาที่เมืองไทยเพื่อมาคุยกับแพทริคทันที"เราต้องการทำอะไรกันแน่แพทริค" โทมัสโทรนัดแพทริคให้มาคุยที่โรงแรมที่เขาพักหลังจากที่ลงเครื่องเรียบร้อยแล้วเขารู้ดีว่าพงษ์พัฒน์เป็นคนที่ขับรถชนภรรยาของเขาเสียชีวิตและเขาก็รู้ว่าที่แพทริคเลือกที่จะยุ่งกับลูกสาวของพงษ์พัฒน์เพราะอะไร"เปล่านี่ครับพ่อผมก็แค่จะแต่งงาน" แพทริคยังคงปากแข็งไม่ยอมรับความจริงกับคนเป็นพ่อ"พ่อรู้แต่เมียเราเป็นลูกของคนที่ขับรถชนแม่เรา...ไม่ได้คิดจะใช้เธอเป็นเหยื่อใช่ไหม" โทมัสรู้ดีว่าแพทริคเกลียดพงษ์พัฒน์มากแค่ไหนและตอนนี้แพงขวัญก็เกิดตั้งท้องขึ้นมาแล้วหากลูกชายของเขาจะให้เธอเป็นเหยื่อเพื่อแก้แค้นคงไม่ดีแน่"ผมทำอะไรผมรู้ดีครับพ่อ" ว่าจบแพทริคก็เดินหนีคนเป็นพ่อไปคนอย่างเขาคิดอะไรแล้วต้องทำให้ได้เพราะชีวิตของแม่เขาคนผิดต้องเป็นคนชดใช้ความผิดให้สาสม“เฮ้อ...” โทมัสรู้ว่าลูกชายของเขาเป็นคนหัวแข็งและหากจะห้ามไม่ให้แพทริคยุ่งกับแพงขวัญคงไม่ได้เพราะตอนนี้หลานของเขากำลังจะเกิดมาแล้วยิ่งคิดเขาก็ยิ่งปวดหัวอาทิตย์ต่อมา วันนี้เป็นวันแต่
หลายวันต่อมา ตอนนี้แพทริคและแพงขวัญกลับมาอยู่ที่เรือนหอของพวกเขาแล้วบ้านที่แพทริคซื้อเอาไว้หลังไม่ใหญ่มากนักแต่ก็ร่มรื่นน่าอยู่ซึ่งแพงขวัญก็ไม่ได้ติดอะไรเพราะที่นี่ก็อยู่ใกล้กับบ้านของพ่อเธอพอสมควรขับรถไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงกันแล้ว"คุณจะไปไหนเหรอคะ" แพงขวัญที่รอทานข้าวเย็นพร้อมกับแพทริคเมื่อเห็นว่าเขาแต่งตัวกำลังจะออกไปข้างนอกก็ต้องรีบลุกมาถามเพราะเขาไม่ได้บอกเธอก่อนหน้าว่าจะไปไหน"คุยงานนิดหน่อยคืนนี้คุณไม่ต้องรอผมนะนอนก่อนได้เลย" "ค่ะ" แพงขวัญมองตามหลังคนเป็นสามีที่ไม่รู้ว่าเขาจะมีการคุยงานวันนี้ทั้งที่ก่อนหน้าเขาเป็นคนบอกเธอเองว่าจะละเรื่องงานมาดูแลเธอก่อนแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะคิดมากเพราะคิดว่าเขาอาจจะมีงานด่วนที่จะต้องคุยจริงๆก็ได้โดยไม่ตะหงิดใจอะไรมากนักเพราะไว้เนื้อเชื่อใจไปเต็มร้อยแล้วทางด้านมนัญชนก หลังจากที่มนัญชนกขนของกลับจากหัวหินได้เธอก็มาเช่าบ้านหลังเดิมที่เคยเช่าอยู่ไม่มากนักเพราะเธอค่อนข้างชอบที่นี่ไม่ไกลเมืองมากนักและก็ดูเงียบสงบร่มรื่นตอนนี้เธอคิดว่าคามินน่าจะไม่มาหาเธอที่นี่แล้วเพราะเธอก็ขาดการติดต่อกับเขาไปนานแล้วเหมือนกัน“เฮ้อ..เมื่อยจังเลย” มนัญชนกเดิน