“พ่อของลูก เขารักลูกมากนะ อย่าทำให้พ่อเขาผิดหวัง”
การหย่าร้างทำให้สถานะความเป็นสามีภรรยาขาดลง แต่ความเป็นพ่อและแม่จะคงอยู่ตลอดไป เพราะฟ้ารุ่งรู้ว่าอิมรานรักมินรญามากแค่ไหน เธอถึงได้ยอมตัดสินใจส่งลูกสาวคนเดียวที่เธอทั้งรักทั้งห่วง ให้ไปอยู่ไกลถึงอังกฤษ ไม่มีทางที่คนเป็นพ่ออย่างอิมรานจะยอมให้ลูกของเขาต้องลำบาก
“มิ้นก็รักพ่อกับแม่มากค่ะ” มินรญาเอนตัวลงนอนหนุนตักมารดา ก่อนหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
“คุณคะ ขอฉันเข้าไปคุยอะไรด้วยหน่อย” ฟ้ารุ่งเดินขึ้นมาหากฤษฎาที่ห้องนอน
“ผมคิดว่าคุณจะไม่มาหาผมเสียแล้ว” ประตูถูกเปิดคนข้างในเอื้อมมือมาดึงมือหญิงวัยใกล้เคียงกับเขา ให้เข้าไปข้างใน
ห้องนอนของพราวพลอยอยู่ไม่ไกลจากห้องของบิดา มีแค่เพียงห้องทำงานและห้องน้ำคั่นไว้ เสียงเคาะประตูของฟ้ารุ่ง ทำให้เธอลุกขึ้นมาดู จนเห็นภาพที่ฟ้ารุ่งเดินเข้าห้องบิดาของเธอไป พราวพลอยตัดสินใจที่จะแอบฟังคนทั้งคู่คุยกัน เพราะเธอเองก็ยังไม่ไว้ใจในตัวของแม่เลี้ยงคนใหม่นี้สักเท่าไหร่
“คิดถึงผมเหรอ” สองมือลูบหน้าลูบผมด้วยความคิดถึงแบบชายวันดึก
“ไม่ใช่หรอกค่ะ วันนี้ฉันอยากมาคุยกับคุณเรื่องความสัมพันธ์ของคุณกับฉันและความรู้สึกของลูกๆของเรา”
น้ำเสียงจริงจัง สีหน้าเอาจริง ของคนพูด ทำเอากฤษฎาต้องยอมปล่อยมือที่ลูบไล้ไปทั่วตัวของฟ้ารุ่ง และมานั่งโซฟาฟังคู่สนทนาอย่างตั้งใจ
“คุณอย่าไปสนใจการกระทำของเจ้าภูเลย อีกไม่นานไอ้ลูกชายผมก็คงเข้าใจ”
“เวลาอาจช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นแต่มันก็ต้องเกิดจากความเข้าใจด้วยนะคะ ฉันเข้าใจว่าลูกคุณเพิ่งจากผ่านการสูญเสียมาติดๆกัน เขาคงกำลังรู้สึกว่าจะเสียคุณไปอีกคน”
“แล้วคุณจะให้ผมทำอย่างไร เจ้าภูมันถึงจะเข้าใจว่าผมยังไรซะก็เป็นพ่อ และก็รักมันที่สุด” กฤษฎายืดตัวตรง หลังไม่ติดโซฟา เพราะจริงจังกับคำถามของตัวเอง
“คุณต้องแสดงให้คุณภูรู้ว่าคุณรักเขามากแค่ไหน โดยเฉพาะเวลาที่ฉันอยู่ตรงนั้นด้วย” ฟ้ารุ้งเอื้อมือมาจับชายสูงวัยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“อย่าให้ให้ความสำคัญกับฉัน เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง คุณไม่ต้องห่วง ฉันรู้ว่าฉันควรยืนจุดไหน เราอายุขนาดนี้แล้ว อยู่เป็นเพื่อนดูแลกันไปนะ”
“เป็นเพื่อนแล้ว...” กฤษฎาอยากรู้ว่าความสัมพันธ์บางอย่างต้องยุติไหม
“แหม...เราต่างก็ไม่มีใคร เพื่อนใจดูแลได้หลายๆอย่างค่ะ คุณคะ คุณอย่าลืมคิดถึงความรู้สึกของคุณพราว ถึงเธอจะดูเข้าใจ แต่คุณก็อย่าลืมห่วงความรู้สึกของเธอนะคะ”
“สมกับเป็นแม่คนจริงๆ คุณห่วงความรู้สึกของทุกคน แต่อย่าลืมความรู้สึกของตัวเองนะ” มือใหญ่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาบีบมือฟ้ารุ่งอย่างห่วงใย
“ขอบคุณนะคะที่ห่วงฉัน ดึกแล้ว ป่านนี้ยายมิ้นคงรอที่จะเข้านอนพร้อมฉันแล้ว คุณก็นอนได้แล้วค่ะ”
ประตูห้องนอนถูกปิดลง กฤษฎาเปลี่ยนสีหน้า จากตอนแรกที่ดูสดใสไม่เป็นกังวลอะไร แต่ความจริงแล้วภายในหัวใจของเขาแสนจะสับสน ห่วงความรู้สึกของทั้งลูกสาวและลูกชาย แต่ก็ไม่อาจหักห้ามหัวใจที่เหงาอ้างว้างของตัวเองได้
“อภิรดี คุณบอกผมที ผมควรทำอย่างไร”
เขาพึมพำกับตัวเอง ไม่มีสักครั้งตั้งแต่อภิรดีเสียไป ไม่มีวันไหนที่เขาจะไม่คิดถึงภรรยาที่ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมา เขาไม่เคยคิดจะเอาผู้หญิงคนอื่น มาแทนที่แม่ของลูกๆเขา เพียงแต่วันหนึ่งลูกๆทั้งสองคน ต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปมีครอบครัว และตัวเขาเองก็ต้องการเพื่อนชีวิตสักคน ที่จะคอยดูแลซึ่งกันและกันตอนที่แก่ลงไปทุกๆวัน
“ยังไม่นอนอีก รอแม่เหรอ” ฟ้ารุ่งถามบุตรสาวที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนที่นอน
“ค่ะแม่ มิ้นสะดุ้งตื่นมองไม่เห็นแม่ เลยนอนไม่หลับค่ะ”
“ แม่ไปดูความเรียบร้อยในบ้านมา เป็นไงบ้าง ไม่ได้กลับมาเมืองไทยเสียหลายปี ดีนะยังพูดไทยชัด” สองแม่ลูกนั่งหัวชนกันบนที่นอนราคาไม่กี่พันบาท ตามสภาพของการเป็นผู้อาศัย
“อากาศร้อนค่ะ แต่ไม่เป็นไรนะคะ มิ้นทนได้”
ห้องนอนที่สองแม่ลูกนอนอยู่ในเวลานี้ ไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศ ความจริงแล้วกฤษฎาตั้งใจจะติดให้ แต่ฟ้ารุ่งไม่ต้องการให้คนอื่นคิดว่าเธอได้สิทธิเหนือแม่บ้านคนอื่นๆ
“เดี๋ยวแม่จะลองคุยกับคุณกฤษฎาอีกสักรอบเรื่องที่เราจะออกไปอยู่ที่อื่น ตอนนี้เขาเพิ่งสูญเสียภรรยาไป เลยคงไม่อยากให้บ้านเงียบ อยากให้มีคนอยู่กันมาก ๆ”
“แล้วแต่แม่นะคะ แต่แม่อยู่ที่ไหนมิ้นก็จะอยู่ด้วย มิ้นอยู่ได้จริงๆ มิ้นจะทำงานเก็บเงินสักก้อน ซื้อบ้านหลังเล็กๆ อยู่ด้วยกันสองคนนะแม่” มินรญาเอนศรีษะลงบนไหล่ของมารดาอย่างมีความสุข
“เออ...แม่ มิ้นเกือบลืมเลย พ่อโทมาบอกว่าทางบริษัทตกลงที่จะให้มิ้นเปิดสาขาที่ไทย และให้มิ้นบริหารทางนี้เต็มตัว” หญิงสาวเล่าด้วยเสียงที่แสดงความดีใจ
“ก็ดีเลย พ่อของลูก เขารักลูกมากจริงๆ” ฟ้ารุ่งดีใจกับลูกสาว
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป มิ้นต้องออกไปหาทำเล ที่จะเปิดสาขา คงไปดูๆสักรอบสองรอบ ลองเลือกไว้สักสองสามที่ แล้วค่อยดูแบบละเอียดว่าจะเอาที่ไหน เพราะมิ้นว่า ทำเลมีความสำคัญมากเหมือนกันนะคะ ต้องดูให้ดีๆเลย”
“ดีแล้วจ้า อย่าทำให้พ่อเขาผิดหวัง หนูคือหัวใจของพ่อเขาเลยนะ แม่เองคงทำได้แค่ให้กำลังใจลูกอยู่ข้างหลัง” ความเศร้าแสดงออกผ่านทางดวงตาทั้งสองข้าง ของผู้หญิงที่น้อยใจตัวเองที่เป็นที่พึ่งให้ลูกไม่ได้
“ไม่มีสิ่งใดที่จะสวยงามแค่เพียงด้านเดียวหรอกค่ะ มันต้องสวยทั้งด้านหน้าและด้านหลัง กำลังใจจากแม่ มีค่าที่สุด มากกว่าทรัพย์สินเงินทอง แม่ให้ชีวิตให้ลมหายใจลูกคนนี้ แค่นี้มิ้นก็ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรแล้วค่ะ”
มินรญาเก็บกักน้ำตาไว้ภายใตดวงตากลมโตไม่อยู่ มันหยดลงอาบแก้มชมพู จนอาบเต็มแก้มทั้งสองข้าง สาวน้อยซบหน้าลงกับอกมารดา นานแล้วที่เธอไม่ได้สัมผัสความอบอุ่นแบบนี้
“ร้องไห้เป็นเด็กๆไปได้ อีกหน่อยมีแฟน จะไปร้องไห้แบบนี้ให้เขาหัวเราะเอาไหมนี่” ฟ้ารุ่งลูบหัวลูกสาวอย่างเอ็นดู ก่อนแอบเช็ดน้ำตาตัวเองด้วยมืออีกข้างหนึ่ง
คืนนี้เป็นคืนที่อบอุ่นที่สุดของสองคนแม่ลูก ที่ไม่ได้เจอกันนานแสนนาน อ้อมกอดของผู้เป็นแม่ โอบกอดหัวใจของเธอไว้ตลอดทั้งคืน เหมือนกลัวว่า ระหว่างที่หลับ จะมีใครมาพรากลูกสาวสุดที่รักของเธอไป
ภาพวันเก่าๆ เมื่อครั้งมินรญายังเป็นเด็ก กลับเข้ามาโลดแล่นอยู่ในความคิดของผู้เป็นแม่ ครอบครัวของเธอมีความสุข มีแต่รอยยิ้ม จนวันที่อิมรานตัดสินใจจะไปเปิดบริษัทที่ต่างประเทศ เธอไม่เห็นด้วย เพราะเธอต้องการใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย จากเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว บานปลายเป็นเรื่องต่างๆตามมาอีกมากมาย ทั้งคู่จึงตัดสินใจแยกทางกัน
มินรญาถูกส่งตัวไปอยู่โรงเรียนประจำ เพราะฟ้ารุ่งรู้ตัวดี ว่าเธอไม่สามารถเลี้ยงดู อบรม ลูกสาวได้ในเวลานี้ เพราะตั้งแต่อิมรานเดินทางออกจากเมืองไทย เธอก็เอาแต่ดื่มและก็ดื่ม ในทุกๆวัน ชีวิตของคนทั้งสามต่างไปคนละทิศละทาง ฟ้ารุ่งโทษในการตัดสินใจของเธอคนเดียว ถึงทำให้ครอบครัวของเธอต้องมาพังแบบนี้
“แม่ขอโทษนะลูก”
เสียงกระซิบที่แสนเศร้า แต่คนที่นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่น หลับสนิทจนไม่ได้ยินเสียงนั้น เสียงของหัวใจของหญิงสูงวัย กำลังร้องไห้อยู่ข้างใน ผู้หญิงที่เอาแต่เมา เอาแต่เล่นการพนัน ไม่สนใจที่จะดูแลลูกสาวที่แสนจะน่ารัก แต่วันนี้เมื่อเด็กน้อยคนนั้นโตขึ้น เธอกลับไม่เคยโกรธแม่ของเธอเลย มีแต่ความรัก ความห่วงใย ส่งมาถึงแม่คนนี้ตลอด ยิ่งคิด ฟ้ารุ่งก็รู้สึกว่าตัวเองสกปรกเกินไปที่จะเป็นแม่ของมินรญา
“นับแต่นี้ไป แม่จะเป็นคนใหม่ จะดูแลหนูให้ดีที่สุด เชื่อแม่นะ”
ปากหยักได้รูปหอมฟอดใหญ่ไปที่หน้าผาก ของหญิงสาวในอ้อมกอด อดีตเธอไม่อาจกลับไปแก้ไขอะไรได้ ฟ้ารุ่งขอเริ่มต้นปัจจุบันให้ดีที่สุด เพื่อลูกสาวที่เธอรักมากกว่าทุกสิ่ง สองแม่ลูกหลับอยู่ในอ้อมกอดซึ่งกันและกัน ในราตรีที่ดวงดาวสวยกว่าทุกคืน
.บทที่8ขิงก็รา...ข่าก็แรง“เช้านี้อากาศสดใสดีไหม” ฟ้ารุ่งทักทายลูกสาวที่ยืนสูดอากาศอยู่ด้านนอกของห้องครัว“อากาศดีค่ะแม่ วันนี้เราต้องกินข้าวร่วมกับคนบ้านใหญ่ไหมคะ” มินรญาไม่อยากเจอหน้าลูกชายเจ้าของบ้าน เพราะกลัวจะเก็บกดอารมณ์โมโหของตัวเองไว้ไม่ไหว“ไม่ต้องหรอก แม่ทำกับข้าวไว้ให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว เราก็กินของเราที่ครัวนี่แหละ” ฟ้ารุ่งตั้งใจไว้แล้วที่จะไม่ให้คนทั้งคู่ได้ปะทะกัน“ดีจังค่ะ วันนี้มิ้นจะได้กินข้าวอย่างมีความสุข ฝีมือแม่ครัวคนเก่งคนนี้ไม่เคยตก จะกินให้เรียบเลยค่ะ” หญิงสาวโอบเอว หอมแก้มมารดาอย่างเอาใจ“ปากหวานจริง ๆ ลูกสาวคนสวยของแม่” มือเรียวที่เริ่มเหี่ยวย่นตามกาลเวลา จับหัวลูกสาวอย่างเอ็นดู“แม่คะ วันนี้มิ้นจะออกไปสำรวจดูว่ามีแถวไหนบ้างที่เหมาะกับการเปิดสาขาใหม่ ไม่ได้อยู่เมืองไทยเสียนาน อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปหมด ต้องออกไปใช้ชีวิตข้างนอกให้คุ้นเคยกับเมืองไทยให้มากกว่านี้ แม่ไม่ต้องห่วงมิ้นนะคะ ”“ ให้แม่ไปด้วยไหม” ผู้เป็นแม่ห่วงกลัวมินรญาจะหลงหรือเกิดอันตราย“ไม่ต้องหรอกค่ะ มิ้นกลัวแม่จะเหนื่อยและเป็นลมไปก่อนมิ้นจะได้ทำเลดี ๆค่ะ”มินรญาเธอกะว่าวันนี้เธอจะขึ้นรถเมล์บ้าง แท็ก
“ฉันไม่ได้อยู่กรุงเทพมาหลายปี ก็เลยอยากทำความรู้จักว่าเดี๋ยวนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง จอดข้างหน้าเลยค่ะ ฉันจะลงตรงนี้” สิ้นเสียงคนพูดภูวนนท์กลับเลี้ยวขึ้นถนนใหญ่ แทนที่จะจอดหน้าปากซอย ตามคำบอกของมินรญา เขาทำเหมือนไม่ได้ยินที่เธอพูดเลย “คุณไม่ได้ยินที่ฉันบอกเหรอ ฉันบอกให้จอด จอด!! จอดเดี๋ยวนี้” ปากก็พูดมือก็หันไปจับแขนคนขับเขย่าด้วยความโมโห “คุณจะโวยวายอะไรนักหนา และมาจับแขนผมแบบนี้ เดี๋ยวก็รถชนตายกันพอดี ผมไม่พาคุณไปทำอะไรหรอก ผมไม่ได้พิศวาสอะไรคุณนักหนา” “แล้วคุณทำไมไม่จอด คุณต้องการอะไร” มินรญาถลึงตากลมโตเหมือนแขกใส่คู่สนทนาอย่างไม่เกรงกลัว “คุณไม่ได้อยู่เมืองไทยมานาน ผมก็กลัวคุณจะไปทำเซ่อ ๆ ซ่า สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น แล้วพาลทำให้คุณพ่อของผมอายไปด้วย คุณจะไปไหน เดี๋ยวผมพาไป นั่งเงียบ ๆ ก็พอ” “ไม่รู้” ตอบเพียงสั้นๆ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหนและก็แสนจะหงุดหงิดกับคำพูดของคนนั่งข้างๆ ที่ประชดประชัน เหน็บแนม อยู่ตลอดเวลา “ผมจะยอมสงบศึกกับคุณชั่วคราว เอาดี ๆ คุณอยากไปที่ไหน ผมว่าง เบื่อๆ ไม่มีอะไ
“ลงรถไปก็รอผมด้วยนะ ไม่ใช่รีบเดินไปไหน เดี๋ยวจะหลงจนหาทางกลับบ้านไม่ถูกซะ” ชายหนุ่มพุดไปหัวเราะไป เมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนของมินรญาที่เปิดประตูรถทันที่ที่รถจอดสนิท “คนไม่เยอะเท่าไหร่นะคะ ถ้าเทียบกับด้านหน้าของที่นี่” มินรญารู้สึกว่าบรรยากาศต่างจากที่เธอคิดไว้ เมื่อบันไดเลื่อนพาเธอขึ้นมาชั้นหนึ่งของห้าง “ถึงที่นี่จะดูคึกคักน้อยกว่าด้าน แต่เงินสะพัดกว่าแน่นอน สินค้าที่นี่ราคาค่อนข้างสูง ผู้คนที่มาเดินซื้อสินค้าในนี้ ส่วนใหญ่ก็มีกำลังทรัพย์มาก ” คนที่เดินสวนไปสวนมา คงไม่คิดว่าหนุ่มสาวคู่นี้ จะเป็นคนที่ไม่ชอบขี้หน้ากันมาก่อน เพราะท่าทีที่พูดคุยดุสนิทสนมถูกคอกัน ของคนทั้งคู่ ดูเหมือนเป็นคู่รัก เป็นเพื่อนหรือเป็นพี่น้องกันเสียมากกว่า “ไม่เจอกันนานเลยนะ ภูวนนท์” เสียงไพเราะแต่เหยือกเย็นที่แสนจะคุ้นหูภูวนนท์ยิ่งนัก ไม่ใช่เสียงใครที่ไหน แต่คือเสียงของแม่อดีตคนรักของเขานั่นเอง “สวัสดีครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้อย่างเสียไม่ได้เพราะอย่างไร โฉมเฉลาก็เป็นผู้ใหญ่กว่า “สบายดีครับ” ภูวนนท์ตอบตามมารยาท “จะไม่แนะนำ
บทที่9นักแสดง “พี่ภูคะ ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย”พราวพลอยถามพี่ชายด้วยความสงสัย ที่ถือถุงกับข้าวมาทั้งสองมือ “อาหารร้านนี้อร่อย พี่ซื้อมาฝาก” ภูวนนท์คิดคำโกหกอย่างไม่ทันตั้งตัว “พราวนึกว่าพี่ภูจะซื้อมาเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้านนะคะนี่ จะกินกันหมดไหม สงสัยต้องอร่อยมากๆแน่เลย เดี๋ยวพราวเอาไปจัดการในครัวก่อนนะคะ” มินรญาเดินยิ้มเยาะตามพราวพลอยเข้าไปในครัว ทิ้งให้คนเสียหน้ายืนกำมือแน่นอยุ่คนเดียว “ไปไหนกันมาคะ” คนถามแอบเห็นมินรญาเดินลงจากรถของพี่ชาย “ไปไหนคะ เอ่อ...เราไม่ได้ไปด้วยกันค่ะ” เมื่อถูกถามอย่างไม่ทันตั้งตัว เสียงตอบก็ฟังตะกุกตะกัน เหมือนพูดอยู่ในคอ “แต่พราวเห็นคุณมิ้นกลับมากับพี่ภูนะคะ คุณคงไม่เห็นพราว เพราะพราวมองมาจากหน้าต่างด้านบนค่ะ” “คุณภูเจอฉันกำลังเดินมาจาหน้าปากซอยเลยจอดรถแวะรับ เราไม่ได้ไปด้วยกันจริง ๆ ค่ะ” ถึงแม้จะรู้ว่ากำลังโดนไล่ต้อนให้พูดความจริง แต่เธอก็เลือกที่จะโกหกต่อดีกว่า เพราะไม่อยากให้ใครคิดว่าเธอกับภูวนนท์ไปไหนมาไหนด้วยกัน มินรญาไม่อยากมีความเกี่ยวข้องกับผู้ชายปากร้ายแบบนี้
“คุณภูวนนท์คุณไม่ต้องไปหรอกค่ะ ฉันกับแม่จะกินข้าวกันในครัว คุณสบายใจได้ กินข้าวให้อร่อยนะคะ” มินรญามองหน้าลูกชายของเจ้าของบ้านด้วยสายตาที่สุดจะทนกับการแสดงท่าทางรังเกลียดเธอและแม่อย่างออกนอกหน้า“มิ้นขอตัวนะคะ คุณลุง คุณพราว” พูดจบหญิงสาวก็สะบัดหน้าเดินเข้าไปในครัวเช้าวันนี้กฤษฎาไปทำงานที่บริษัทพร้อมกับลูกชาย เพราะเขานัดมินตรานางเอกชื่อดังที่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของโครงการหมู่บ้านจัดสรรโครงการใหม่ให้ นอกจากอยากจะให้ภูวนนท์ได้รู้จักในฐานะที่ต้องทำงานร่วมกัน เขายังหวังว่ามินตราจะทำให้ภูวนนท์หายเสียใจจากเรื่องของชิดจันทร์ เพราะนางเอกคนนนี้ มีความสวยและเสน่ห์ที่ชวนน่าหลงใหล ผู้ชายคนไหนเห็นก็คงต้องหลงรักแน่นอน“สวัสดีค่ะคุณกฤษฎา สวัสดีค่ะคุณภูวนนท์” เสียงนุ่มหวานของมินตราทำเอาภูวนนท์ต้องเงยหน้าจากการตั้งหน้าตั้งตาเซ็นเอกสาร จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่สนใจพรีเซ็นเตอร์คนที่พอหามา แต่ความสวยของเธอทำเอาเขาถึงกับมองเธอไม่กระพริบตา“สวัสดีครับคุณมินตรา” กฤษฎากล่าวทักทายและเชิญนางเอกสาวให้นั่งลงโซฟาใกล้ๆกับภูวนนท์“ผิงขออนุญาตเรียกว่าคุณอานะคะ คุณอาก็เรียกผิงเฉยๆ ก็ได้ค่ะ เรียกชื่อจริง ผิงว่ามันให้ความ
บทที่10ชุดซีทรูกับหนุ่มขี้เมา“เหมเดี๋ยวนี้ไม่มาดื่มที่บ้านเป็นเพื่อนกันเลยนะ” ภูวนนท์ส่งเสียงตามสายไปถึงเพื่อนสนิท ที่อยู่ดี ๆ ก็หายตัวเงียบไปตั้งแต่เสร็จงานศพของอภิรดี เหมราชก็แวะเวียนมาหาภูวนนท์ ที่บ้านเพียงไม่กี่ครั้ง ซึ่งปกติแล้ว เขาไม่เคยหายหน้าไปเกินสัปดาห์“ไม่ว่างเลยช่วงนี้ งานยุ่งว่ะ ไว้ว่างๆ เดี๋ยวแวะเข้าไปหา แค่นี้ก่อนนะ” เหมราชทำเสียงเหมือนคนกำลังยุ่งอยู่ และรีบตัดสายไป“อ้าว..ตาภู มายืนอะไรตรงนี้ ทำไมไม่เข้าไปในบ้าน” กฤษฎาแปลกใจที่เห็นลูกชายมานั่งเล่นที่สวนหน้าบ้าน ทั้งที่แดดกำลังส่องลงมาตรงที่ภูวนนท์นั่งพอดี“ผมไม่อยากเข้าไปในบ้าน เข้าไปที่ไรนึกถึงคุณแม่ทุกที แต่อีกหน่อยผมก็คงจะคิดถึงน้อยลง เพราะข้าวของคุณแม่ คุณพ่อก็เก็บไปหมดแล้ว ยังดีที่ยังเหลือรูปแต่งงาน ไว้เตือนใจ ว่าคุณแม่รักทุกคนและทุกคนก็รักท่าน”คำพูดของลูกชายอันเป็นสุดที่รักของกฤษฎา เหมือนมีดกรีดลงมาในหัวใจของเขา ถึงจะเจ็บปวดเพียงใด ก็ได้แต่เก็บมันไว้ให้ลึกที่สุด ได้แต่หวังว่าสักวันลูกชายจะเข้าใจหัวใจของพ่อแก่ๆ คนนี้“ถึงไม่มีข้าวของเครื่องใช้ของแม่ แต่ความรักของแม่ยังอยู่ในหัวใจพ่อเสมอ ถ้าการที่พ่อนำของของแม
“เดี๋ยวน้องก็คงกลับ ไปกินข้าวก่อนเถอะ ไว้วันไหนลูกว่าง ค่อยลองคุยกับน้องดู”บนโต๊ะอาหารมีแค่เพียงพ่อกับลูกที่นั่งกินข้าวด้วยกัน ฟ้ารุ่งเองก็ให้เหตุผลว่า ยังไม่หิวจะรอกินพร้อมกับมินรญา เพราะตอนนี้ทั้งมินรญาและพราวพลอยยังไม่มีใครกลับบ้านเลย แต่แตกต่างตรงที่มินรญาโทรบอกมารดาของเธอแล้ว ว่าวันนี้จะกลับดึกหน่อย เพราะได้ทำเลที่คิดว่าชอบแล้ว อยากนั่งดูบรรยากาศทั้งวันว่าเป็นอย่างไร จะแน่ใจว่าจะตกลงเอาดีไหม เพราะค่าเช่าก็ราคาสูงพอตัว“ผมขอตัวก่อนนะครับพ่อ ถ้าน้องกลับมาให้โทรกลับหาผมด่วน”ความจริงแล้วภูวนนท์อยากนั่งรอพราวพลอยจนกว่าจะกลับมา แต่เขาไม่อยากเห็นหน้าฟ้ารุ่ง โดยเฉพาะตอนที่พ่อกับเธอมองตากัน มันทำให้ภาพของแม่สมัยที่ยังไม่ป่วยกำลังกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันลอยมา จึงเลือกที่กลับไปรอที่บ้านของตัวเองดีกว่า“ทำไมคุณภูรีบกลับเสียล่ะคะ” ฟ้ารุ่งสงสัยเพราะเห็นกฤษฎาเดินมาหาตนที่ในครัวหลังบ้าน“ช่วงนี้อารมณ์ตาภูดูฉุนเฉียว คำพุดคำจา อารมณ์ เหมือนไฟที่กำลังพร้อมจะลุกตลอดเวลา แต่ไฟนั้นมันไม่ได้เผาใคร มันเผาตัวเขาเอง ผมเป็นห่วงลูก แต่ไม่รู้จะเตือนเขายังไง” กฤษฎาถอนหายใจอย่างกังวล“แต่ก่อนคุณภูไม่เป็นแบ
บทที่11เสียตัว “คุณรู้ไหมวันนี้ฉันเจอใครเมื่อช่วงหัวค่ำ” มินรญาเริ่มเรื่อง “ผมจะไปรู้ได้อย่างไร ว่าวันๆ คุณไปเจอใครมาบ้าง จะพูดอะไรก็ไม่พูดตรงๆ อ้อมค้อมอยู่ได้ อยากอยู่กับผมนานๆ เหรอครับคุณน้องสาวคนใหม่” เหล้าไม่รู้กี่แก้วที่ภูวนนท์ดื่มเข้าไป มันยิ่งทำให้สีหน้า ท่าทางของเขายียวนกวนอารมณ์มากไปกว่าเดิม ที่ก็กวนใช่เล่นอยู่แล้ว “เฮ้อ...” หญิงสาวรวบรวมความอดทน ที่จะพูดต่อไป “วันนี้ฉันเจอน้องสาวคุณกับคุณเหมราช เขาสองคนมาเดินเที่ยวด้วยกัน” “แล้วไง..” ถึงแม้จะรู้สึกแปลกใจ แต่ภูวนนท์ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร “เขาเดินโอบเอว ใกล้ชิด ดูสนิทสนมมากกว่าคนรู้จัก ฉันก็บอกคุณไม่ถูก แต่ฉันเห็นแล้วก็ไม่สบายใจ และคิดว่าคุณคงไม่รู้ว่าคุณพราวพลอยกบเพื่อนคุณสนิทสนมกันขนาดนี้” “เธอคิดว่าสองคนนั้น มีอะไรลึกซึ้งกันใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดฮึมฮำในลำคอ ก่อนจะยกแก้วเหล้าเพรียวๆ ขึ้นกินแก้วแล้วแก้วเล่า ทำเอาคู่สนทนาตกใจกลัวเขาจะเมามากกว่านี้ “ฉันไม่รู้ แต่คุณพอได้แล้ว จะดื่มอะไรขนาดนี้ เดี๋ยวก็เมาเละเทะกันพอดี” “เม