บทที่9
นักแสดง
“พี่ภูคะ ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย”พราวพลอยถามพี่ชายด้วยความสงสัย ที่ถือถุงกับข้าวมาทั้งสองมือ
“อาหารร้านนี้อร่อย พี่ซื้อมาฝาก” ภูวนนท์คิดคำโกหกอย่างไม่ทันตั้งตัว
“พราวนึกว่าพี่ภูจะซื้อมาเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้านนะคะนี่ จะกินกันหมดไหม สงสัยต้องอร่อยมากๆแน่เลย เดี๋ยวพราวเอาไปจัดการในครัวก่อนนะคะ”
มินรญาเดินยิ้มเยาะตามพราวพลอยเข้าไปในครัว ทิ้งให้คนเสียหน้ายืนกำมือแน่นอยุ่คนเดียว
“ไปไหนกันมาคะ” คนถามแอบเห็นมินรญาเดินลงจากรถของพี่ชาย
“ไปไหนคะ เอ่อ...เราไม่ได้ไปด้วยกันค่ะ” เมื่อถูกถามอย่างไม่ทันตั้งตัว เสียงตอบก็ฟังตะกุกตะกัน เหมือนพูดอยู่ในคอ
“แต่พราวเห็นคุณมิ้นกลับมากับพี่ภูนะคะ คุณคงไม่เห็นพราว เพราะพราวมองมาจากหน้าต่างด้านบนค่ะ”
“คุณภูเจอฉันกำลังเดินมาจาหน้าปากซอยเลยจอดรถแวะรับ เราไม่ได้ไปด้วยกันจริง ๆ ค่ะ” ถึงแม้จะรู้ว่ากำลังโดนไล่ต้อนให้พูดความจริง แต่เธอก็เลือกที่จะโกหกต่อดีกว่า เพราะไม่อยากให้ใครคิดว่าเธอกับภูวนนท์ไปไหนมาไหนด้วยกัน มินรญาไม่อยากมีความเกี่ยวข้องกับผู้ชายปากร้ายแบบนี้
“ไม่ได้ไปก็ไม่ได้ไปค่ะ พี่ภูนี่ก็แปลกซื้ออะไรมามากมาย ดูปลาราดพริกสิคะ ซื้อมาทำไมตั้งสามตัว สงสัยจะอร่อยมาก ” เป็นใครก็คงแปลกใจ เพราะภูวนนท์ไม่เคยซื้อกับข้าวกับบ้านเลยสักครั้ง และครั้งนี้เขาก็ซื้อเยอะแยะมากมาย
“คุณน้าคะ เย็นนี้ไม่ต้องทำอาหารนะคะ พี่ภูเขานึกอะไรไหมรู้ ซื้อมาเต็มไปหมด” พราวพลอยหันไปบอกฟ้ารุ่งเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาในครัว
“เดี๋ยวน้าอุ่นให้นะคะ จะได้กินร้อนๆ” ฟ้ารุ่งเอื้อมือไปหยิบถุงอาหารมาเตรียมแกะเพื่ออุ่น
“ไม่ต้องหรอกคะ คุณน้าไปพักผ่อนเถอะทำงานบ้านทั้งวันเลย ยิ้มคงสลบไปแล้วแน่ๆ ช่วยกันเก็บห้องคุณแม่ทั้งวันไม่ได้พักกันเลย” พราวพลอยเธอเป็นเจ้านายที่น่ารัก มีน้ำใจให้กับทุกคนเสมอ
“แม่ไปพักเถอะ เดี๋ยวมิ้นอยู่ทางนี้ช่วยคุณพราวจัดกับข้าวเองค่ะ แม่ไปอาบน้ำอาบท่าดีกว่า เหงื่อ
เต็มตัวเลย
มินรญารู้สึกถูกชะตากับพราวพลอย อาจเป็นเพราะทั้งคู่อายุห่างกันไม่มาก และพราวพลอยเองก็เป็นเด็กสาวที่หน้าตาน่ารัก อุปนิสัยร่าเริงแจ่มใส มีรอยยิ้มให้กับทุกคน ต่างกับพี่ชาย ที่เจอมินรญาแต่ละที ก็พูดจาจิกกัดตลอดไม่เคยแสดงความเป็นมิตรสักครั้ง
“พี่มิ้นจะมาอยู่เมืองไทยตลอดเลยไหมคะ หรือว่ากลับมาเที่ยวหาคุณน้าเฉยๆ” พราวพลอยชวนคุยขณะช่วยกันกับมิรญาจัดกับข้าว
“อยู่เลยค่ะ คงไม่กลับไปอยู่ที่นั่นแล้ว เป็นห่วงแม่ ว่าจะหางานทำเร็วๆนี้ค่ะ” หญิงสาวกลัวพราวพลอยจะกังวลว่าเธอจะมาเกาะครอบครัวของเอ
“พี่มิ้นจบออกแบบเสื้อผ้ามาใช่ไหมคะ เห็นคุณพ่อเล่าให้ฟัง ดีกรีนักเรียนนอกแบบนี้ หางานได้ง่ายๆแน่นอนค่ะ ห้องเสื้อคงแย่งตัวกันเลย”
“ใช่ค่ะ ฉันจบออกแบบเสื้อผ้า แต่เดี๋ยวนี้คนที่จบจากเมืองไทยก็ฝีมือดีๆ เยอะ อาจจะต้องใช้เวลาหางานสักพักค่ะ”
อาหารถูกสองสาวจัดใส่จานเรียบร้อย มินรญากับพราวพลอยช่วยกันยกมาจัดเรียงบนโต๊ะอาหาร ซึ่งกฤษฎานั่งรออยู่ที่โต๊ะอยู่แล้ว
“ภู โครงการใหม่พ่อติดต่อพรีเซ็นเตอร์ไว้แล้วนะ เธอชื่อมินตรา เป็นนางเอกเบอร์หนึ่งเลยตอนนี้ รับรองว่าดึงความสนใจของลูกค้าให้หันมาสนใจโครงการของเราได้แน่นอน” กฤษฎากลับเข้ามาบริหารงานอีกครั้ง หลังจาหยุดพักเพื่อไปดูแลภรรยาของเขา
“แล้วแต่คุณพ่อเลยครับ” ภูวนนท์ตอบเพียงสั้นๆและไม่ยอมสบตาบิดา เพราะทุกครั้งที่เขาเห็นหน้าพ่อที่ไร เขาจะคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างบิดากับฟ้ารุ่งทุกครั้ง
“พ่อคงไม่เข้าไปบริหารงานเต็มตัว แต่ก็จะคอยช่วยลูกอยู่ห่าง ๆ เรื่องไหนที่พ่อพอช่วยได้ ก็จะช่วยแบ่งเบา หน้าที่บริหารหลัก ลูกก็ทำต่อไปเหมือนปกติ”
กฤษฎาพยายามทำทุกอย่างให้ปกติ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่า ลูกชายคนเดียวของเขารู้สึกผิดหวังในตัวพ่อคนนี้ก็ตาม เขาได้แต่หวังว่าสักวัน เวลาคงช่วยให้ลูกเข้าใจทุกอย่างมากขึ้น
“ครับ”ภูวนนท์ยังไม่พร้อมที่จะพูดอะไรมากกว่านี้ เลยเลือกที่จะตอบให้สั้นที่สุด
“เอ้าหนูมิ้น ไม่กินข้าวด้วยกันก่อนเหรอ ไปตามแม่ของหนูมาด้วย”
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ”ภูวนนท์พุดแทรกขึ้นมา โดยที่มินรญายังไม่ทันได้ตอบ
“คุณภูวนนท์คุณไม่ต้องไปหรอกค่ะ ฉันกับแม่จะกินข้าวกันในครัว คุณสบายใจได้ กินข้าวให้อร่อยนะคะ” มินรญามองหน้าลูกชายของเจ้าของบ้านด้วยสายตาที่สุดจะทนกับการแสดงท่าทางรังเกลียดเธอและแม่อย่างออกนอกหน้า“มิ้นขอตัวนะคะ คุณลุง คุณพราว” พูดจบหญิงสาวก็สะบัดหน้าเดินเข้าไปในครัวเช้าวันนี้กฤษฎาไปทำงานที่บริษัทพร้อมกับลูกชาย เพราะเขานัดมินตรานางเอกชื่อดังที่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของโครงการหมู่บ้านจัดสรรโครงการใหม่ให้ นอกจากอยากจะให้ภูวนนท์ได้รู้จักในฐานะที่ต้องทำงานร่วมกัน เขายังหวังว่ามินตราจะทำให้ภูวนนท์หายเสียใจจากเรื่องของชิดจันทร์ เพราะนางเอกคนนนี้ มีความสวยและเสน่ห์ที่ชวนน่าหลงใหล ผู้ชายคนไหนเห็นก็คงต้องหลงรักแน่นอน“สวัสดีค่ะคุณกฤษฎา สวัสดีค่ะคุณภูวนนท์” เสียงนุ่มหวานของมินตราทำเอาภูวนนท์ต้องเงยหน้าจากการตั้งหน้าตั้งตาเซ็นเอกสาร จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่สนใจพรีเซ็นเตอร์คนที่พอหามา แต่ความสวยของเธอทำเอาเขาถึงกับมองเธอไม่กระพริบตา“สวัสดีครับคุณมินตรา” กฤษฎากล่าวทักทายและเชิญนางเอกสาวให้นั่งลงโซฟาใกล้ๆกับภูวนนท์“ผิงขออนุญาตเรียกว่าคุณอานะคะ คุณอาก็เรียกผิงเฉยๆ ก็ได้ค่ะ เรียกชื่อจริง ผิงว่ามันให้ความ
บทที่10ชุดซีทรูกับหนุ่มขี้เมา“เหมเดี๋ยวนี้ไม่มาดื่มที่บ้านเป็นเพื่อนกันเลยนะ” ภูวนนท์ส่งเสียงตามสายไปถึงเพื่อนสนิท ที่อยู่ดี ๆ ก็หายตัวเงียบไปตั้งแต่เสร็จงานศพของอภิรดี เหมราชก็แวะเวียนมาหาภูวนนท์ ที่บ้านเพียงไม่กี่ครั้ง ซึ่งปกติแล้ว เขาไม่เคยหายหน้าไปเกินสัปดาห์“ไม่ว่างเลยช่วงนี้ งานยุ่งว่ะ ไว้ว่างๆ เดี๋ยวแวะเข้าไปหา แค่นี้ก่อนนะ” เหมราชทำเสียงเหมือนคนกำลังยุ่งอยู่ และรีบตัดสายไป“อ้าว..ตาภู มายืนอะไรตรงนี้ ทำไมไม่เข้าไปในบ้าน” กฤษฎาแปลกใจที่เห็นลูกชายมานั่งเล่นที่สวนหน้าบ้าน ทั้งที่แดดกำลังส่องลงมาตรงที่ภูวนนท์นั่งพอดี“ผมไม่อยากเข้าไปในบ้าน เข้าไปที่ไรนึกถึงคุณแม่ทุกที แต่อีกหน่อยผมก็คงจะคิดถึงน้อยลง เพราะข้าวของคุณแม่ คุณพ่อก็เก็บไปหมดแล้ว ยังดีที่ยังเหลือรูปแต่งงาน ไว้เตือนใจ ว่าคุณแม่รักทุกคนและทุกคนก็รักท่าน”คำพูดของลูกชายอันเป็นสุดที่รักของกฤษฎา เหมือนมีดกรีดลงมาในหัวใจของเขา ถึงจะเจ็บปวดเพียงใด ก็ได้แต่เก็บมันไว้ให้ลึกที่สุด ได้แต่หวังว่าสักวันลูกชายจะเข้าใจหัวใจของพ่อแก่ๆ คนนี้“ถึงไม่มีข้าวของเครื่องใช้ของแม่ แต่ความรักของแม่ยังอยู่ในหัวใจพ่อเสมอ ถ้าการที่พ่อนำของของแม
“เดี๋ยวน้องก็คงกลับ ไปกินข้าวก่อนเถอะ ไว้วันไหนลูกว่าง ค่อยลองคุยกับน้องดู”บนโต๊ะอาหารมีแค่เพียงพ่อกับลูกที่นั่งกินข้าวด้วยกัน ฟ้ารุ่งเองก็ให้เหตุผลว่า ยังไม่หิวจะรอกินพร้อมกับมินรญา เพราะตอนนี้ทั้งมินรญาและพราวพลอยยังไม่มีใครกลับบ้านเลย แต่แตกต่างตรงที่มินรญาโทรบอกมารดาของเธอแล้ว ว่าวันนี้จะกลับดึกหน่อย เพราะได้ทำเลที่คิดว่าชอบแล้ว อยากนั่งดูบรรยากาศทั้งวันว่าเป็นอย่างไร จะแน่ใจว่าจะตกลงเอาดีไหม เพราะค่าเช่าก็ราคาสูงพอตัว“ผมขอตัวก่อนนะครับพ่อ ถ้าน้องกลับมาให้โทรกลับหาผมด่วน”ความจริงแล้วภูวนนท์อยากนั่งรอพราวพลอยจนกว่าจะกลับมา แต่เขาไม่อยากเห็นหน้าฟ้ารุ่ง โดยเฉพาะตอนที่พ่อกับเธอมองตากัน มันทำให้ภาพของแม่สมัยที่ยังไม่ป่วยกำลังกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันลอยมา จึงเลือกที่กลับไปรอที่บ้านของตัวเองดีกว่า“ทำไมคุณภูรีบกลับเสียล่ะคะ” ฟ้ารุ่งสงสัยเพราะเห็นกฤษฎาเดินมาหาตนที่ในครัวหลังบ้าน“ช่วงนี้อารมณ์ตาภูดูฉุนเฉียว คำพุดคำจา อารมณ์ เหมือนไฟที่กำลังพร้อมจะลุกตลอดเวลา แต่ไฟนั้นมันไม่ได้เผาใคร มันเผาตัวเขาเอง ผมเป็นห่วงลูก แต่ไม่รู้จะเตือนเขายังไง” กฤษฎาถอนหายใจอย่างกังวล“แต่ก่อนคุณภูไม่เป็นแบ
บทที่11เสียตัว “คุณรู้ไหมวันนี้ฉันเจอใครเมื่อช่วงหัวค่ำ” มินรญาเริ่มเรื่อง “ผมจะไปรู้ได้อย่างไร ว่าวันๆ คุณไปเจอใครมาบ้าง จะพูดอะไรก็ไม่พูดตรงๆ อ้อมค้อมอยู่ได้ อยากอยู่กับผมนานๆ เหรอครับคุณน้องสาวคนใหม่” เหล้าไม่รู้กี่แก้วที่ภูวนนท์ดื่มเข้าไป มันยิ่งทำให้สีหน้า ท่าทางของเขายียวนกวนอารมณ์มากไปกว่าเดิม ที่ก็กวนใช่เล่นอยู่แล้ว “เฮ้อ...” หญิงสาวรวบรวมความอดทน ที่จะพูดต่อไป “วันนี้ฉันเจอน้องสาวคุณกับคุณเหมราช เขาสองคนมาเดินเที่ยวด้วยกัน” “แล้วไง..” ถึงแม้จะรู้สึกแปลกใจ แต่ภูวนนท์ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร “เขาเดินโอบเอว ใกล้ชิด ดูสนิทสนมมากกว่าคนรู้จัก ฉันก็บอกคุณไม่ถูก แต่ฉันเห็นแล้วก็ไม่สบายใจ และคิดว่าคุณคงไม่รู้ว่าคุณพราวพลอยกบเพื่อนคุณสนิทสนมกันขนาดนี้” “เธอคิดว่าสองคนนั้น มีอะไรลึกซึ้งกันใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดฮึมฮำในลำคอ ก่อนจะยกแก้วเหล้าเพรียวๆ ขึ้นกินแก้วแล้วแก้วเล่า ทำเอาคู่สนทนาตกใจกลัวเขาจะเมามากกว่านี้ “ฉันไม่รู้ แต่คุณพอได้แล้ว จะดื่มอะไรขนาดนี้ เดี๋ยวก็เมาเละเทะกันพอดี” “เม
“อย่า...อย่าทำฉันเลย” เสียงที่เคยตะโกนกึ่งตะคอก เปลี่ยนเสียงฮึมฮำ สั่นระรัว เมื่อถูกลิ้นของชายหนุ่มคลคงวนรอบยอดอกที่อิ่มจนเต็มปาก “อื่มมม..หื่อ” ไม่มีคำมีแต่เสียงคลางในลำคอจากผู้รุกราน ที่ครางอย่างมีความสุขอยู่ข้างหูของหญิงสาวที่เนื้อตัวอ่อนระทวยไปหมด “อุ๊ย!” มินรญาสะดุ้งเมื่อมือหนาจับมือของเธอ ให้ไปสัมผัสกับท่อนความเป็นชายของเขา มินรญาหลับตาทันที เพราะไม่กล้ามองกลัวจะเห็นสิ่งที่ตัวเองกำลังสัมผัสอยู่ “จับ ผมบอกให้คุณจับ คุณจะทำอะไรกับมันก็ได้” เสี่ยงสั่นฮึมฮำอยู่ข้างหูหยิงสาว ในขณะที่มือก็ไล่ต่ำลงมาถึงจุดที่แสนจะเบาะบางสำหรับหญิงสาว มินรญาหนีบขาทั้งสองข้างเขาหากัน เพื่อปกป้อง แต่มันก้ต้านทานแรงของชายหนุ่มที่กำลังเดือดพล่านด้วยความร้อนในกายที่พุ่งสู่ขึ้นทุกขณะ จมูกโด่งปัดป้าย พร้อมงับขย้ำยอดอกสีระเรื่อ จนผู้เป็นเจ้าของสะท้านตามแรงดึงดูดกลืนที่ฟัดนัวเนียอย่างมันเขี้ยว ร่างบางบิดเราทรมาน เมื่อเขาทำราวกับจะกลืนกินวิญญาณของเธอไปเสียด้วยกัน นาที่นี้มินรญาทำอะไรไม่ถูก เธอหูอื้อตาลาย ไร้แรงดึงดันต่อต้าน ระทดระทวยปล่อยให้ช
แผลเป็นที่ใจหรือแค่เพียงฝัน “ไปไหนมาลูก แม่โทรหาหนูก็ไม่รับสาย ทำไมไม่โทรมาบอกแม่ว่าจะกลับดึก” ฟ้ารุ่งนั่งรอลูกสาวด้วยความเป็นห่วง “มิ้นขอโทษค่ะแม่ พอดีมิ้นไปดูหนังมา ไม่ได้เปิดเสียง เลยไม่รู้ว่าแม่โทรมา” เสียงตอบราบเรียบจนคนฟังสัมผัสได้ถึงความไม่ปกติ “เป็นอะไรหรือเปล่าลูก หน้าตาทำไมแดงเหมือนคนร้องไห้มา มีอะไรบอกแม่นะ ” คนเป็นแม่มองใบหน้าลูกสาวด้วยความสงสัย “ไม่มีค่ะแม่ มิ้นดูหนังมันเศร้า เลยร้องไห้แทบทั้งเรื่อง มิ้นขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ฟ้ารุ่งไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ลูกสาวบอกจะเป็นความจริงหรือโกหด แต่เขาเชื่อว่ามินรญาคงไม่ทำอะไรที่ผิดหรือไม่ควร หากลูกมีปัญหาจริงๆ คงยังไม่พร้อมที่จะเล่าให้เธอฟัง เมื่อถึงเวลาลูกคงเล่าให้เธอฟังเอง “แต่งตัวเสร็จแล้ว ออกไปกินข้าวนะ แม่จัดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว” “แม่ล่ะคะ กินข้าวหรือยัง” “แม่กินเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกตั้งใจจะรอกินพร้อมลูกแต่เห็นมืดแล้วแม่เลยกินก่อน แม่ไปอาบน้ำก่อนนะ อย่าลืมออกไปกินล่ะ” ข้าวแต่ละคำถูกตักเข้าปากอย่างช้าๆ น้ำใสจากดวงตาคู่สวย ไหลลง
ผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ สงสัย อยู่ดีๆ วันนี้ชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งหน้าขรึม ไม่พูดไม่จาในวงข้าว กลับมาถามหาหญิงสาวที่เขาไม่เคยจะสนใจแถมไม่ค่อยชอบด้วยซ้ำ“มิ้นเขาจะเปิดห้องเสื้อ เมื่อวานเขาไปดูทำเลมาแล้ว วันนี้เลยตั้งใจจะไปติดต่อทำสัญญา” ฟ้ารุ่งตอบตามที่มินรญาบอกเธอไว้ก่อนออกจากบ้าน“ถามถึงหนูมิ้นทำไมล่ะ ปกติหน้ายังไม่เห็นอยากจะมอง” กฤษฎาพูดแซวลูกชาย“ผมก็ถามในฐานะเจ้าของบ้าน มาอาศัยบ้านคนอื่นอยู่ กลับก็ค่ำมืด เช้าก็รีบออกไป และน้องล่ะครับพ่อ ผมไม่เห็นลงมากินข้าวเลย” คิดถึงเรื่องเมื่อคืน ทำให้ชายหนุ่มนึกถึงสิ่งที่มินรญาบอกกับเขาเมื่อคืน“นั่นก็อีกคนที่กลับดึก ป่านนี้ยังไม่ตื่นเลย เดี๋ยวสายๆก็คงออกไปไหนอีก” ผู้เป้นพ่อส่ายหัวให้กับลูกสาวที่กำลังเริ่มเป็นวันรุ่นเต็มตัว“น้องบอกคุณพ่อไหม ว่าที่ออกๆไปทุกวัน ไปไหน ไปกับใคร”“พ่อเคยถาม ก็บอกไปดูหนัง ไปบ้านเพื่อน ไปเดินเล่นซื้อของ บอกเบื่ออยู่บ้าน นั่น...ลงมาแล้วถามกันเอาเองเลย” พราวพลอยเดินลงมาจากห้องนอนชั้นสองทั้งชุดนอนเพราะยังไม่ได้อาบน้ำ“นินทาอะไรพราวอยู่คะ” พราวพลอยลากเก้าอี้มานั่งข้างบิดากอดแขนอย่างออดอ้อนฟ้ารุ่งค่อยๆลุกออกจ
บทที่13รักหรือของเล่น “คงไม่อร่อยเท่าฝีมือแม่คุณนะ แต่รับรองว่ากินได้แน่นอน” มินรญาเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน กลิ่นบะหมี่ลอยคลุ้งหอมจนเธอเริ่มหิว ชุดนอนที่เธอใส่อยู่ถูกผูกเอวไว้ข้างๆ เพื่อกันไม่ให้มันหลุดลงไปกองกับพื้น เจ้าของชุดยืนมองอย่างขำๆ ที่หญิงสาวแต่งตัวแบบนี้ “แต่งตัวแบบนี้ก็น่ารักดีนะ ผมเห็นแต่คุณแต่งชุดอะไรก็ไม่รู้ รู้แล้วว่าหุ่นดี ไม่ต้องโชว์มากก็ได้ มันดูไม่มีราคา” ภูวนนท์ไม่ชอบชุดที่มินรญาใส่ในแต่ละวัน เพราะมันจะดูโชว์รูปร่างและผิวขาวเปล่งประกายของหญิงสาว “ถ้าฉันแต่งตัวเรียบร้อย ฉันมีราคาใช่ไหม เพราะตอนนี้ฉันเหมือนของฟรี....” คำถามที่แทงใจคนฟัง ทำเอาภูวนนท์ไม่กล้าเงยหน้าจากชาวบะหมี่ เพราะไม่อยากสบตาคนถาม เขารู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำกับเธอมันผิด แต่ไม่รู้ทำไม เขาหยุดมันไม่ได้ รู้แต่ว่าร่างกายมันต้องการเธอ ส่วนหัวใจของเขาคงมีแต่ชิดจันทร์ยังไม่เปลี่ยนแปลง “พูดอะไรจัง มากิน เดี๋ยวหายร้อนก็ไม่อร่อย” เจ้าของบ้านเปลี่ยนเรื่องพูด ด้วยความหิวมินรญากินบะหมี่จนหมดถ้วย แต่หัวใจของเธอไม่อิ่มเลย เขาทำให้เธอ