“ท้อง” อยู่ดีๆคำว่าท้องก็ผลุดขึ้นในหัวของมินรญา เธอมีอะไรกับเขาถึงสองครั้งโดยไม่ได้ป้องกัน และนี่ก็เกินกำหนดที่ประจำเดือนเธอจะต้องมา
“คุณคืนนี้คุณจะไหม...” หญิงสาวกระซิบถามคนข้างๆแบบไม่กล้าพูดตรงๆ
“อะไร คุณพูดอะไรมินรญา ผมฟังไม่รู้เรื่อง” เสียงคนถามที่เบาโดนเสียงพ่อค้าแม่ค้าในตลาดกลบเสียงหมด
“คืนนี้คุณจะนอนกับฉันไหมคะ”
“นอนสิ ก็เราตกลงกันแล้ว หรือคุณจะไล่ให้ผมไปนอนที่อื่น” ภูวนนท์ทำท่าสงสัย
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้หมายความถึงนอนแบบนั้น” หญิงสาวเริ่มหน้าแดง
“อ๋อ..คุณถามทำไม หรือคุณมีอะไรจะทำให้ผมแปลกใจ” ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาใกล้ๆคนตัวเล็กกว่าเพื่อหยอกเธอที่กำลังหน้าแดงเพราะเขินอาย
“ฉันกลัวท้อง ประจำเดือน็ยังไม่มา ครั้งนี้เราก็ควรจะป้องกัน” หญิงสาวรวบรวมความกล้า เพราะเธอคงไม่กล้าไปซื้อถุงยางอนามัยเองแน่ๆ
“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจัดการเอง” ภูวนนท์เอื้อมือมาโอบเอวหญิงสาวเข้ามาเดินใกล้ๆกับเขา
ร้านขายยาตั้งอยู่อีกฝั่งของถนน มินรญาเลยขอรออยู่ฝั่งนี้เพราะไม่อยากข้ามไปซื้อกับเขา เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับคนขาย รู้สึกอายแบบบอกไม่ถูก
ภูวนนท์วิ่งกลับมาพร้อมถุงยาที่ปิดมิดชิด มินรญาสังเกตว่าในถุงมีอย่างอื่นอีกนอกจากสิ่งที่เธอต้องการให้เขาไปซื้อ ไว้ขึ้นไปบนห้องเธอค่อยเปิดถุงดู
“พรุ่งนี้ตรวจเสียนะ จะได้รู้ไปเลย” ชายหนุ่มยื่นกล่องสีเหลี่ยมในมือเขาให้เธอ
“ที่ตรวจการตั้งครรภ์ คุณให้ฉันตรวจทำไมคะ” มินรญาสงสัย
“ก็เธอบอกว่าประจำเดือนยังไม่มา ผมก็ซื้อที่ตรวจมา คุณจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวล อ่านวิธีข้างกล่องเอานะ ผมก็ไม่เคยตรวจซะด้วย” เมื่อเธอรับกล่องในมือเขา ชายหนุ่มก็หันหลังเตรียมตัวไปอาบน้ำ
“แล้วถ้าฉันท้องล่ะ”
คำถามที่หลุดออกจากปากอย่างไม่ทันได้คิด ทำเอาคนถูกถามยืนนิ่ง ก่อนจะหันมามองหน้าคนถามแสยะยิ้มมุมปากไม่ตอบอะไร แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่สนใจคนรอคำตอบ
หัวใจของมินรญาพอเดาคำตอบได้ เขาคงจะบอกให้เธอไปเอาเด็กออก เด็กที่ไม่ได้เกิดจากความรักของเขา แต่เกิดจากอารมณ์เพียงชั่ววูบ น้ำใสๆเริ่มไหลคลอตาเธอก่อนที่มันจะหยดลงมาเหมือนสายฝน มือบางปาดน้ำตาก่อนที่เจ้าของเสียงอาบน้ำจะออกมาเห็น
โคมไฟบนหัวเตียงถูกปิดลง หญิงสาวนอนตัวเกร็งเพราะรู้ว่าคืนนี้ต้องเกิดอะไรขึ้นบ้างกับเธอ ถึงมันจะไม่ใช่ครั้งแรก แต่มันจะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเขาและเธอ
มือหนาคล่อยคืบคลานถอดกระดุมเสื้อของมินรญาทีละเม็ด หญิงสาวไม่ขัดขืนอย่างทุกครั้ง เธอค่อยๆคลายจากอาการเกร็ง เพราะถ้ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างเธอกับเขา เธอก็อยากจะให้มันมีแต่ความสุขและความสวยงาม
“ไม่ถอดให้ผมบ้างเหรอ มินรญา...” เสียงเขาเรียกชื่อเธอฟังดูแหบแห้ง แต่มันกระตุ้นอารมณ์คนฟังอย่างบอกไม่ถูก มือบางเล็กค่อยๆบรรจงปลดกระดุมเสื้อชุดนอนของเขาอย่างช้าๆ ปล่อยทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการ
ร่างหนาลุกขึ้นคร่อมร่างเล็กอรชร ปากหยักหนาได้รูปบรรจงจูบพรหมบนหน้าอกเปลือยเปล่าที่กำลังชูชันตอบรับสัมผัสสยิวซ่าน ความเสียวความสุขครั้งนี้มินรญาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับทุกสัมผัสที่เขารุกเร้าเธอ
เมื่ออารมณ์ถูกปล่อยไปตามอิสระ หญิงสาวเปลี่ยนตัวเองมาเป็นฝ่ายรุกบ้าง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ประสีประสาในเรื่องนี้ แต่คนที่ถูกรุกเร้าอยู่ด้านล่างตัวเธอ ก็ค่อยๆสอนบทเรียนเธอที่ละบท จนในที่สุดเธอก็สามารถจัดการทุกอย่างด้วยตัวเธอเอง
“คุณมีความสุขไหมเวลาที่...”นิ้วเรียวยกขึ้นมาปิดปากเขา ก่อนจะตามด้วยปากบางสีชมพู ทำเอาชายหนุ่มต้องกลืนคำถามลงคอและเปลี่ยนเป็นเสียงครางกระเส่าชิดใบหูของหญิงสาว
พายุลูกลูกสุดท้ายโหมกระหน่ำอีกครั้ง มินรญาบิดตัวด้วยความเสียวซ่าน เสียงครางหลุดออกมาจากปากเรียวงาม ที่พยายามกัดปากสกัดกลั้นมันไว้ สร้างความพึงพอใจให้กับชายหนุ่มที่กำลังสอดใส่ความเป็นชายของเขาเข้าสู่ส่วนที่บอบบางที่สุดของเธอ
“คุณภู ฉันจะไม่ไหวแล้ว”นิ้วเรียวจิกลงตรงกลางหลังอย่างเสียวไปหมดทั้งร่างกาย เสียงครางของทั้งคู่ค่อยๆผ่อนลง เมื่อพายุพัดไปถึงฝั่งฝันพร้อมๆกัน
ร่างหนาที่หมดแรงปล่อยตัวนอนทับทาบลงบนร่างบางอย่างสบายตัว น้องชายของเขาสัมผัสลงบนขาอ่อนของคนที่นอนใต้ตัวเขา
“นี่คุณไม่ได้ใส่...” มินรญาเข้าใจว่าเขาจะป้องกัน
“มีอะไรกับเมียตัวเอง ไม่รู้จะใส่ทำไม” เขาตอบเธอเพียงเท่านี้ ก่อนจะทิ้งตัวนอนหลับไป
คืนนี้เป็นคืนที่ผ่านไปอย่างทรมานที่สุด สำหรับหญิงสาวที่กำลังจะตัดสินใจ ยอมออกมาจากชีวิตของคนที่เธอรัก ถึงแม้เธอจะรักภูวนนท์มากเท่าไหร่ แต่เธอก็รักศักดิ์ศรีความเป็นคนของเธอ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากอารมณ์เพียงชั่ววูบ มันนำพาความสุขมาให้เธอไม่ได้ตลอดทั้งชีวิต เธอจึงขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ เสียใจตอนนี้สักวันมันก็หาย ดีกว่าต้องเสียใจตลอดทั้งชีวิต ที่ต้องกลายเป็นเมียเก็บของเขา
เช้าแล้วมินรญานอนไม่หลับทั้งคืน มาเผลอหลับอีกทีช่วงเช้ามืด หญิงสาวมองหาคนที่นอนข้างๆ ที่นอนว่างเปล่า มินรญารู้สึกใจหายเขาไปไม่ลาเธอสักคำ สองมือทาบหน้าร้องไห้อย่างสุดเสียง ต่อแต่นี้เธอจะไม่มีเขาแล้วจริงๆ
กริ๊ง กริ๊ง
เสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่บนโต๊ะกินข้าวกลางห้อง ช่วยดึงสติหญิงสาวให้กลับมา เธอพาร่างเปลือยเปล่าเดินไปที่ต้นเสียงนั้น ใต้โทรศัพท์มีกระดาษแผ่นเล็กถูกทับไว้ หญิงสาวไม่สนใจปลายสายที่โทรมา แต่เธอกลับหยิบกระดาษแผ่นน้อยขึ้นมาอ่านแทน
‘แต่งงานกับผมนะ ภรรยาที่รักของผม บ่ายนี้ผมจะพาคุณไปจดทะเบียนที่เขต แต่งตัวสวยๆรอสามีคนนี้ไปรับนะครับ ขอโทษที่ออกมาโดยไม่ได้ปลุก แล้วเจอกันครับ’
มินรญาอ่านวนไปวนมาหลายรอบ เธอไม่อยากจะเชื่อข้อความที่เธออ่าน ว่ามันคือเรื่องจริง หญิงสาวหยิกตัวเองอย่างแรงเพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้ฝันไป
ก่อนอาบน้ำแต่งตัว หญิงสาวตัดสินใจหยิบที่ตรวจที่เขาซื้อมาให้เธอเมื่อคืน ก่อนจะเอาเข้าไปตรวจในห้องน้ำ ผลเป็นอย่างไร เธอก็พร้อมที่จะยอมรับมัน
เมื่อถึงเวลา ภูวนนท์มารับหญิงสาวตามที่นัดไว้ ระหว่างทางไปเขต มินรญาไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถ้อยคำใด เพราะกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมันจะเป็นแค่แผนหลอกลวงของภูวนนท์
เมื่อถึงที่เขต เขาจับมือพาเธอเดินไปข้างใน ในส่วนของงานจดทะเบียนสมรส มินรญาจะไม่เชื่อว่าทุกอย่างเป็นความจริง จนกว่าเขากับเธอจะได้ลงชื่อต่อหน้าเจ้าหน้าที่ เพียงไม่กี่นาทีทะเบียนสมรสก็ถูกยื่นให้คนทั้งสอง มินรญามองสบตาชายหนุ่มที่ยืนข้าง ก่อนจะปล่อยโฮออกมาเหมือนเด็กน้อยขี้แย
“ร้องไห้ทำไม คุณไม่ดีใจเหรอ ผมรักคุณนะมินรญา” มือหนาโอบเอวภรรยาหมาดของเขาเข้ามาซบลงบนอกกว้างอย่างอบอุ่น
“ฉันก็รักคุณค่ะ” หญิงสาวคล้องมือกอดเอวผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ
“ต่อไปนี้เราสองคนจะรักและดูแลกันให้ดีที่สุด คุณอย่าหนีผมไปไหนอีกนะ”
“ไม่ใช่สองคนค่ะ” หญิงสาวผลักตัวเองออกจากอ้อมกอดเขา มองหน้าเขา พร้อมส่งรอยยิ้มอย่างมีความสุข
“คุณหมายความว่าอะไร” ภูวนนท์ตกใจกับสิ่งที่ภรรยาพูด
“ยังมีอีกชีวิตที่อยู่ในท้องของฉัน ที่คุณต้องดูแล” มินรญาจับมือสามีมาวางบนท้องที่แบนราบอย่างทะนุถนอม
“ฉันท้องค่ะ”
ไม่มีคำตอบใดจากปากสามี เขาดึงเธอเข้าไปกอดจุมพิตอันแสนอบอุ่นลงบนหน้าผากเธอ คำว่าความสุขมันเป็นแบบนี้มินรญารับรู้มันผ่านทุกการกระทำของเขา
เธอเติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่แยกทางกัน ตอนนี้เธอมีครอบครัวเป็นของตัวเองเธอจะดูแลและรักษามันไว้เท่าชีวิตของเธอ
งานแต่งงานของทั้งคู่ถูกจัดขึ้นหลังจากการจดทะเบียนเพียงไม่กี่วัน เป็นการแต่งงานที่สร้างความสุขให้กับทั้งฟ้ารุ่งและกฤษฎา เพราะทั้งคู่มั่นใจในตัวของลูกๆ ว่าจะสามารถสร้างชีวิตครอบครัวที่มีความสุขได้
หลังจากงานแต่งเสร็จสิ้นลง พราวพลอยยอมเล่าความเป็นจริงทั้งหมดเรื่องเธอกับเหมราชให้กฤษฎาและพี่ชายฟัง เธอกับเหมคบกันได้สักพักและตัดสินใจจะร่วมกันสร้างฐานะให้เหมราชเท่าเทียมกับเธอ เธอยอมใช้เงินเก็บที่มี ลงทุนสร้างหอพักให้เหมราช พราวพลอยรู้ว่าสิ่งที่เธอตัดสินใจทำ มันจะสร้างความไม่สบายใจให้กับพ่อและพี่ชาย จึงรอวันที่คนรักของเธอ นำเงินทั้งหมดมาคืนให้เธอ เพราะหญิงสาวไม่อยากให้เหมราชได้ชื่อว่ามาเกาะหรือเอาเปรียบเธอ
วันนี้เงินทั้งหมดถูกโอนเข้าบัญชีเธอครบทุกบาท และเหมราชเองก็ทำธุรกิจไปได้สวย พราวพลอยจึงตัดสินใจ ที่จะเปิดตัวเหมราชในฐานะแฟน และสัญญาว่าจะไม่เกินเลยหรือทำตัวให้พ่อกับพี่ชายของเธอเสื่อมเสีย จนกว่าเธอจะเรียนจบ และได้แต่งงานอย่างถูกต้อง
ถึงแม้ภูวนนท์จะไม่พอใจเพื่อนอยู่บ้าง แต่ความรักที่มันเกิดขึ้นกับเขากับมินรญา ทำให้เขาเข้าใจ ว่าความรักมันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือเหตุผล และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว มันก็ไม่มีใครสามารถทัดทานได้ ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ ชายหนุ่มยินดีกับความรักที่เพิ่งเริ่มต้นของน้องสาวด้วยใจจริง
เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วมินรญาคลอดลูกแฝดออกมาเป็นพยานรักให้กับเขากับภูวนนท์ พราวพลอยขอเป็นคนตั้งชื่อหลานชายทั้งสองคนว่า อัคคีกับธารา
จบบริบูรณ์
ตอนที่1บ่อน... “กลับดึกทุกวันเลย ไปไหนมาครับพ่อ” ภูวนนท์ลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวเจ้าของธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ถามบิดาด้วยน้ำเสียงแกมต่อว่า “พ่อไปหาเพื่อนมา” กฤษฎาก้มหน้าก้มตาตอบคำถาม เพราะไม่กล้าสบตาลูกชาย ที่นั่งมือกุมกันมองมาที่เขาอย่างคาดคั้นหาคำตอบ คงไม่มีใครกล้าที่จะตอบความจริงที่ว่าเขาไปบ่อนมา ตั้งแต่อภิรดีแม่ของภูวนนท์ล้มป่วยจนถึงขั้นนอนติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ กฤษฎาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะป้อนข้าว เช็ดตัว คอยพลิกตัวทุกครึ่งชั่วโมง จนเขาเริ่มเข้าสู่สภาวะโรคซึมเศร้า แพทย์แนะนำให้เขาหากิจกรรมทำบ้างเพื่อผ่อนคลาย เพื่อนเลยชวนเขาเข้าบ่อน และมันก็ช่วยเขาได้จริงๆ แต่กฤษฎามีสติรู้ตัวเสมอว่ากำลังทำอะไร เขาไม่ปล่อยตัวเองให้ติดการพนัน และเวลาที่เขาไปบ่อนคือเวลาที่ภรรยาของเขาจะหลับเพราะฤทธิ์ของยา มีพยาบาลคอยช่วยดูแลช่วงนั้น ส่วนช่วงเวลาที่เหลือเขาดูแลภรรยาด้วยตัวเอง “คุณพ่อครับ ถึงแม้วาเราจะจ้างพยาบาลมาดูแลคุณแม่ แต่กำลังใจที่สำคัญมาจากคนที่คุณแม่รักนะครับ” ภูพูดความรู้สึกที่เก็บกักไว้ในใจ ตั้งแต่วันที่พ่อจ้างพยาบาลมาดูแลแม่ เขาเ
“สองล้านครับเจ้าสัว”ผู้จัดการตอบแบบเยาะเย้ย ใคร...จะกล้ามาใช้หนี้ให้ผู้หญิงที่แก่ไม่มีความเต่งตึงสักส่วน และจำนวนเงินก็ไม่ใช่น้อยๆ “พรุ่งนี้ ผมจะเอาเงินมาชดใช้ให้ ปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปซะ หวังว่าคงเชื่อถือในคำพูดของเจ้าสัวคนนี้นะ” สองมือล้วงกระเป๋า อกที่ยืดตรงบ่งบอกให้รู้ว่าเงินจำนวนเท่านี้ ขนหน้าแข้งของเขาไม่ล่วงหรอก “ขอบคุณมากๆ เลยนะคะคุณ...” “ผม...กฤษฎา” เขาส่งมือให้ผู้หญิงที่โดนทำร้ายจนแทบไม่มีแรงพาตัวเองให้ลุกขึ้นได้ สายตาที่ขอบคุณของคนที่อยู่ตรงหน้า สร้างความสุขให้กับคนป่วยโรคซึมเศร้าได้จริงๆ “เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่าค่ะ ฉัน...ฟ้ารุ่ง ขอบคุณจากใจอีกครั้ง” หล่อนอยากรู้จักคนที่เอื้อมือ และยอมเสียเงินสองล้านเพื่อช่วยชีวิตหล่อนให้มากกว่านี้ แต่สถานที่แบบนี้คงไม่เหมาะที่จะมานั่งคุยกัน “ดิฉันชื่อ ฟ้ารุ่ง คำอินทร์ งานการก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว เป็นนายหน้าขายที่ดินบ้างบางครั้งที่มีคนมาให้ช่วย ลูกสาวคอยส่งเงินให้ใช้บ้าง เลยเอาเวลาว่างมาเล่นไพ่ที่บ่อน ตอนแรกก็กะจะสนุกๆ คลายเครียด พอนานไปถึงได้รู้ตัวว่าติดการพนันเข้าไปเ
สัปดาห์ละครั้งแพทย์จะมาพาอภิรดีไปนั่งเล่นในสวนโดยใช้เตียงที่เธอนอนเข็นเคลื่อนที่ออกไป จำเป็นต้องใช้คนที่มีความรู้ทางการแพทย์มาดูแลในขณะเคลื่อนย้าย ทุกครั้งที่ได้สูดอากาศภายนอกหล่อนจะยิ้มอย่างมีความสุขและดูร่าเริง จนคนที่อยู่รอบข้างสัมผัสได้“หนุ่มสาวคู่นี้จีบอะไรกันอยู่ครับ” วันนี้ภูวนนท์ลูกชายคนเดียวของบ้านกลับบ้านไวกว่าปกติ จากบทสนทนาที่เขาได้คุยกับบิดา ทำให้ภูวนนท์ตั้งใจที่จะให้เวลากับครอบครัวมากกว่านี้ เขาสะสางงานทุกอย่างให้เสร็จ เพื่อพรุ่งนี้เขาจะใช้เวลาทั้งวันเพื่อดูแลมารดา เพื่อให้พ่อของเขาได้พักผ่อนและแม่ก็จะไม่รู้สึกเดียวดายที่พ่อไม่อยู่“คุณพ่อครับ พรุ่งนี้หลังเสร็จจากที่เราพาคุณแม่ไปนั่งเล่นหน้าบ้าน คุณพ่อแวะไปที่บริษัทหน่อยนะครับ หลายๆคนถามหา ผมอยากให้เลขาพาคุณพ่อไปดูโครงการใหม่และเก็บภาพมาฝากคุณแม่ด้วยนะครับ”กฤษฎาเข้าใจในสิ่งที่ลูกชายกำลังทำ เขาต้องการให้ผู้เป็นพ่อได้พักผ่อนโดยการกลับไปเยี่ยมลูกน้อง ไปพูดคุยกับคนเก่าแก่ของบริษัท ได้ช่วยไปตรวจดูความเรียบร้อยในโครงการใหม่ จะได้ใช้ความคิดในเรื่องของการก่อสร้างก่อนที่โรคความจำเสื่อจะมาถามหา“แม่ครับ พรุ่งนี้ชิดจันทร์จะมาเยี
“อภิรดีเป็นอย่างไรบ้าง ฉันจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนนะ”คุณแม่ของภูวนนท์เป็นที่รักใคร่ของทุกคน ความจริงใจ รอยยิ้มที่ออกมาจากความบริสุทธิ์ ที่ทำให้ทุกคนมีความสุขเวลาได้อยู่ใกล้หล่อน“อาการทรงตัวอยู่ครับเหนื่อยง่าย แต่ยังพอสู้ไหวครับ” ชายหนุ่มตอบคำถามแบบสำรวมกริยา เพราะเขาระมัดระวังตัวและคำพูดทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าแม่ของชิดจันทร์ภูวนนท์ขอตัวกลับก่อน เพราะเขาคงไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่นานๆ อาจเผลอไปทำอะไรให้คุณหญิงโฉมเฉลาไม่พอใจได้ ชิดจันทร์ขออนุญาตเดินมาส่งแฟนหนุ่มที่รถ เพราะคิดว่ามันเป็นมารยาทคงไม่น่าเกลียดอะไร และเธอก็อยากคุยอะไรกับภูวนนท์ในเรื่องที่เขาขอเธอแต่งงาน“พี่ภูคะ เรื่องแต่งานของเรา เอยขอเวลาที่จะพูดคุยกับคุณแม่ก่อนนะคะ หากพี่พูดกับท่านโดยตรง เอยเกรงว่า ท่านจะโมโหก่อนที่พี่จะพูดจบ” หญิงสาวส่งสายตาให้กำลังใจพี่ภูของเธอ ความรักมันไม่ใช่เรื่องของคนสองคน ในความคิดของชิดจันทร์ ความรักของเธอมันจะสมหวังหรือผิดหวังขึ้นอยู่กับมารดาเท่านั้นภูวนนท์ขับรถกลับบ้านอย่างใจเย็นเพราะเขาคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ว่าความรักของเขาจะสมหวังหรือผิดหวัง อย่างน้อยวันนี้เขาได้ขอเธอแต่งง
ตอนที่2ตอบแทน เรื่องราวความรักของเธอจะเป็นอย่างไรต่อไป ชิดจันทร์ยังหาคำตอบไม่ได้ แต่เธอคิดว่าอีกไม่นาน ชะตาลิขิตจะพาเธอไปหาคำตอบ ที่มันควรจะเป็น“คุณแม่ครับตื่นนานหรือยัง” ภูวนนท์รีบมาหามารดาก่อนทำสิ่งอื่นใดเมื่อเขากลับถึงบ้าน เพราะทั้งเขาและมารดาต่างก็รู้ว่าเวลาสำหรับสี่คนพ่อแม่ลูกยังมีพราวพลอยน้องเล็กของบ้านที่ถูกส่งให้ไปเรียนโรงเรียนประจำจะได้อยู่พร้อมหน้ากัน มันใกล้หมดลงแล้วอภิรดีใช้รอยยิ้มแทนคำตอบ เพราะวันนี้หล่อนเหนื่อยกับการถูกเคลื่อนย้ายไปที่สวนหน้าบ้าน จึงหลับนานกว่าทุกวัน สีหน้าที่สดชื่นขึ้นของอภิรดีเป็นของขวัญชิ้นพิเศษให้กับทุกคนในครอบครัว“ภู... เป็นอย่างไรบ้างลูก ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับหนูชิดจันทร์ คบกันก็หลายปีแล้ว เมื่อไหร่จะแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว ผู้หญิงเขาจะรอเราไหมตาภู”กฤษฎาถามลูกชาย เพราะเข้าใจว่าที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังพัฒนาไปไม่ถึงขั้นแต่งงาน เป็นเพราะภูวนนท์ยังไม่คิดเรื่องนี้“วันนี้ผมขอเอยแต่งงาน แต่เธอไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้ ต้องแล้วแต่คุณแม่ของเธอครับ” ภูวนนท์ตอบคำถามของผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักกฤษฎารับรู้มาตลอดเรื่องที่คุณนา
ระหว่างทางกลับบ้าน กฤษฎารู้สึกจิตใจเขาไม่ปกติสุขเลย หรือเขาจะหลงเสน่ห์ของฟ้ารุ่งเข้าให้แล้ว อีกทั้งตัวเขาเองก็ห่างหายจากการใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากับอภิรดีมาเกือบสองปีแล้วตั้งแต่รู้ว่าเธอเริ่มป่วย แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะนอกใจภรรยา แต่ครั้งนี้ทำไมหัวใจเขามันเต้นผิดจังหวะเขาได้แต่บอกกับตัวเองว่าเดี๋ยวเขากลับถึงบ้านก็คงหาย“เอ้า! พี่ขอโทษไม่ได้ยินเสียงคุณกดกริ่งเรียก” กฤษฎานั่งเหม่อใจลอย จนไม่ได้ยินอภิรดีเรียกเพราะอยากพลิกตัว เริ่มเมื่อยกับการนอนท่าเดิม“คุณผู้ชายหนูเดินทางแล้วนะคะ” สาวใช้มาลาเพื่อเดินทางกลับบ้านตามที่ได้บอกตั้งแต่ช่วงเช้า เพราะแม่ล้มป่วยกะทันหัน เขาจึงให้เงินพิเศษไปไว้เพื่อรักษาแม่ และเขาคิดออกแล้วว่าจะหางานให้ฟ้ารุ่งได้ที่ไหน“สวัสดีครับ ผมหางานให้คุณทำได้แล้วนะ” กฤษฎาโทรศัพท์หาฟ้ารุ่งทันที เขาบอกเล่าเรื่องราวต่างเกี่ยวกับงานที่เขาต้องการให้เธอมาทำ เงินเดือนที่ให้เป็นค่าตอบแทน ฟ้ารุ่งคงหาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว“ขอบคุณมากสำหรับงานใหม่และเงินเดือนที่สูงมาก เริ่มงานเมื่อไหร่ดีคะ”การเป็นหนี้ไม่ทำให้ชีวิตของฟ้ารุ่งมีความสุข โดยเฉพาะเจ้าหนี้ที่ใจดีมีน้ำใจแบบผู้ชายคนนี้ เธอจึงอยากหาเง
ฟ้ารุ่งรู้สึกตัวเองมีค่าตัวที่สูงมากหลังจากได้รับรู้หน้าที่ และนำมาเทียบกับค่าตอบแทนที่เธอได้ หน้าที่ทำกับข้าวเป็นงานที่เธอถนัดมาก แต่ระยะหลังเธอก็ไม่ได้เข้าครัวนานแล้วเพราะใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง จึงเลือกที่จะกินอยู่อย่างง่ายๆเอาพยาบาลเรียกตัวเธอไปสอนวิธีการดูแลคนป่วย ฟ้ารุ่งเธอมีมารดาเป็นพยาบาลจึงไม่ยากที่เรียนรู้ และเธอก็ยินดีที่จะได้ดูแลภรรยาของคนที่มีพระคุณกับเธอเมนูอาหารมื้อแรกที่แม่ครัวคนใหม่เลือกที่จะทำ ก็เกิดจากการสอบถามจากยิ้มสาวใช้ของบ้านถึงเมนูโปรดของคนในบ้าน“หนูทำกับข้าวไม่ได้เรื่องเลย โดนคุณภูบ่นประจำ ฝากน้าด้วยนะคะ” ยังโชคดีอยู่บ้างที่เธอถูกเรียกว่าน้านึกว่าจะกลายเป็นป้าซะแล้วฟ้ารุ่งยิ้มในใจ“แม่ครัวคนใหม่ของคุณพ่อฝีมือใช้ได้เลยนะครับ” ภูวนนท์กินอาหารจนเกลี้ยงจานเพราะถูกปากกับรสมือของแม่ครัวคนใหม่“เมื่อเย็นแม่ของลูกกินข้าวต้มได้เกือบหมดถ้วยเลย” ปกติอภิรดีจะกินข้าวเย็นเพียงไม่กี่คำ เพราะหล่อนไม่ชอบกินข้าวต้ม แต่ด้วยรสชาติที่ถูกใจวันนี้เลยกินได้มากคืนแรกในบ้านหลังใหญ่ที่มีสมาชิกหลายคนอาศัยอยู่ ฟ้ารุ่งคุยเรื่องราวต่างๆให้ลูกสาวได้รับรู้ผ่านทางเฟสบุ๊ค นานแล้วที่เธอใช้ชีวิ
บทที่3 ดูแล “พรุ่งนี้น้องจะปิดเทอมแล้วนะ” กฤษฎาบอกลูกชายที่กำลังนอนเล่นบนโซฟาข้างๆมารดา “ไม่ต้องกลับไปเรียนแล้วใช่ไหมครับ” พราวพลอยเธอถูกส่งให้ไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติตั้งแต่เด็กๆ เพราะช่วงนั้นกฤษฎาโหมทำงานหนัก อภิรดีก็ต้องคอยตามไปช่วยตลอด ทั้งคู่ไม่มีเวลาดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ภูวนนท์เป็นเด็กผู้ชายยังไม่ค่อยเป็นห่วง พราวพลอยเลยถูกส่งไปเรียนโรงเรียนประจำเพียงคนเดียว “ไม่ต้อง เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว กลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาดีกว่า” เป็นคำตอบที่คนถามได้ยินแล้วก็สุขใจ ถึงแม้พราวพลอยและภูวนนท์จะมีเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่มากนัก แต่สำหรับพี่ชายคนนี้เธอคือแก้วตาดวงใจของเขาเลย เพราะพราวพลอยเป็นเด็กสาวที่สดใส น่ารัก และมีน้ำใจกับทุกๆคน “เรามีงานเลี้ยงต้อนรับยายพลอยกันดีไหมครับพ่อ” ตั้งแต่มารดาของเขาป่วยหนัก ภูวนนท์ก็ไม่เคยเห็นบ้านหลังนี้มีงานเลี้ยงรื่นเริงเลยสักครั้ง คราวนี้คงเป็นโอกาสที่ดี มารดาของเขาเองก็คงอยากให้บ้านหลังนี้ได้มีความรื่นเริงบ้าง เพราะก่อนที่แม่ของเขาจะล้มป่วย อภิรดีชอ