Share

บ่อน...(2)

“สองล้านครับเจ้าสัว”

ผู้จัดการตอบแบบเยาะเย้ย ใคร...จะกล้ามาใช้หนี้ให้ผู้หญิงที่แก่ไม่มีความเต่งตึงสักส่วน และจำนวนเงินก็ไม่ใช่น้อยๆ   

            “พรุ่งนี้ ผมจะเอาเงินมาชดใช้ให้ ปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปซะ หวังว่าคงเชื่อถือในคำพูดของเจ้าสัวคนนี้นะ” สองมือล้วงกระเป๋า อกที่ยืดตรงบ่งบอกให้รู้ว่าเงินจำนวนเท่านี้ ขนหน้าแข้งของเขาไม่ล่วงหรอก

            “ขอบคุณมากๆ เลยนะคะคุณ...”

            “ผม...กฤษฎา”

 เขาส่งมือให้ผู้หญิงที่โดนทำร้ายจนแทบไม่มีแรงพาตัวเองให้ลุกขึ้นได้ สายตาที่ขอบคุณของคนที่อยู่ตรงหน้า สร้างความสุขให้กับคนป่วยโรคซึมเศร้าได้จริงๆ

            “เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่าค่ะ ฉัน...ฟ้ารุ่ง ขอบคุณจากใจอีกครั้ง” หล่อนอยากรู้จักคนที่เอื้อมือ และยอมเสียเงินสองล้านเพื่อช่วยชีวิตหล่อนให้มากกว่านี้ แต่สถานที่แบบนี้คงไม่เหมาะที่จะมานั่งคุยกัน

            “ดิฉันชื่อ ฟ้ารุ่ง คำอินทร์  งานการก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว เป็นนายหน้าขายที่ดินบ้างบางครั้งที่มีคนมาให้ช่วย ลูกสาวคอยส่งเงินให้ใช้บ้าง เลยเอาเวลาว่างมาเล่นไพ่ที่บ่อน ตอนแรกก็กะจะสนุกๆ คลายเครียด พอนานไปถึงได้รู้ตัวว่าติดการพนันเข้าไปเต็มๆ” 

คำแนะนำตัวของฟ้ารุ่งทำให้เขาย้อนมองตัวเอง ที่เขาเอาตัวเองมาอยู่ที่บ่อนแบบนี้ ก็เพราะเขาก็คิดแบบเดียวกับฟ้ารุ่ง เขาคิดผิดไปใช่ไหม เขาคงต้องถอนตัวก่อนที่จะเสียผู้เสียคนเพราะการพนัน

            “ผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ กฤษฎา วชิรชโลธร” รอยยิ้มที่สดใสกลับมาอีกครั้งบนใบหน้าของชายวัยกลางคน

            “ ขอบคุณนะคะ คุณกฤษฎา ฉันจะค่อยๆ หาเงินมาใช้คุณนะ แต่...คงจะนานหน่อย เพราะยังคิดไม่ออกเลยว่าจะหาจากที่ไหน” ถึงแม้ว่าหล่อนจะอายุขึ้นด้วยเลขสี่ แต่ใบหน้าได้รูป ผิวพรรณที่ดูเปล่งปลั่ง ทำให้หน้าตาของหล่อนดูอ่อนกว่าอายุอยู่มาก

            “ยังไม่ต้องรีบ ค่อยๆคิด มีเมื่อไหร่ค่อยเอามาใช้ แต่...สิ่งที่ผมจะขอคุณ อย่ากลับไปเล่นการพนันอีกผมก็จะไม่กลับไปเช่นกัน เรามาเป็นกำลังใจให้กันนะครับ เราต้องทำได้”

 สองประโยคสุดท้าย ทำหัวใจของฟ้ารุ่งพองโต นานกี่ปีแล้วที่เธอไม่เคยได้ยินประโยคซึ้งๆแบบนี้ ตั้งแต่สามีของเธอเลิกราไป ก็มีแต่ผู้ชายที่เข้ามาพูดจาเจ้าชู้ใส่ หวังได้ก็แต่เพียงร่างกายของเธอ หลายครั้งที่เงินทำให้เธอต้องขายศักดิ์ศรี เหยียบย่ำความเป็นคนของตัวเอง เพราะหนี้สินที่เกิดจากการพนัน

            การสนทนาต้องรีบยุติลงเพราะได้เวลาที่กฤษฎาต้องกลับไปหาคนที่เขารักที่สุด วันนี้เขาตั้งใจจะกลับไปเล่าความจริงให้ภรรยาฟัง และจะบอกเรื่องราวที่เขาได้ช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้น เขาเชื่อว่าอภิรดีจะต้องรู้สึกดีเหมือนเขาที่ได้ช่วยเหลือคน ก่อนที่ภรรยาของเขาจะล้มป่วยหนักแบบนี้ หล่อนจะพาเขาและครอบครัวไปทำบุญอยู่บ่อยๆ จนถึงวันที่ไม่สามารถไปได้ด้วยตนเอง หล่อนก็จะฝากเจ้าลูกชายไปให้ทุนการศึกษาเด็กๆที่ยากจนอยู่เสมอ

            “นอนนานจังวันนี้ ผมเกือบแอบหลับรอคุณตื่นแล้ว”

 รอยยิ้มบนใบหน้าของสามี ที่มีความอิ่มเอมใจ เป็นที่สะดุดตาของภรรยาที่นอนป่วยอยู่ ทั้งคู่แต่งงานกันมาเกือบสามสิบปี ทั้งร่วมทุกข์และร่วมสุขกันมามากมาย บางสิ่งบางอย่างไม่ต้องพูดไม่ต้องถาม แค่มองตาก็เข้าใจแล้ว วันนี้ก็เช่นกัน อภิรดีสัมผัสได้ว่าสามีของเธอมีเรื่องที่แสนจะมีความสุข รอที่จะเล่าให้เธอฟังเมื่อเธอตื่น  

            “คุณ...ก่อนอื่นผมต้องขอโทษคุณ เรื่องที่ผมโกหกคุณมาตลอด ที่ผมหายไปบ่อยๆตอนคุณหลับ ผมแอบไปบ่อน เพื่อจะไปพักผ่อน แต่...ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปผมจะไม่ไปเหยียบที่นั่นอีกแล้ว”

กฤษฎาจับมือภรรยาแทนคำสัญญาและความรู้สึกผิดของเขา อภิรดีพยักหน้าแทนการตอบรับและเชื่อในสิ่งที่สามีพูด

            “คุณรู้ไหม เพราะอะไรผมถึงจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับการพนัน” ใบหน้าซีดเซียว ของคนป่วยแสดงความรู้สึกผ่านสีหน้าให้สามีรู้ว่าหล่อนกำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่เขากำลังจะพูดต่อไป

            “วันนี้ผมไปที่บ่อน ยังไม่ทันได้เล่น ก็ได้เจอกับเหตุการณ์ที่แย่มากๆ พวกนักเลงคุมบ่อนกำลังรุมทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่ง อายุน่าจะใกล้ๆกับคุณ ทั้งตบทั้งเตะ ผมเลยเข้าไปห้าม”

กฤษฎายิ้มภูมิใจ เมื่อภรรยาของเขายกนิ้วโป่งให้ถึงแม้มันจะยกสูงจากที่นอนไม่ถึงคืบ แต่นั้นคือการแสดงออกว่าภรรยากำลังชื่นชมการตัดสินใจของเขา

            “ผู้หญิงคนนั้นติดหนี้เขาสองแสน”

คนเล่าหลบตานิดๆ เพราะกลัวถูกภรรยาของเขาจับได้ กฤษฎาแอบลดมูลค่าหนี้ของฟ้ารุ่ง เพราะรู้สึกว่ามันมากเกินไปหากบอกความจริงทั้งหมดอภิรดีอาจไม่สบายใจ

            “ผมรับใช้หนี้แทน ให้ผ่อนใช้ผมอีกที และห้ามกลับไปเล่นการพนันอีก เธอชื่อฟ้ารุ่ง สิ่งที่เธอพูดกับผม ทำให้ผมตัดสินใจที่จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับการพนันอีก เพราะในตอนแรกฟ้ารุ่งก็คิดแค่หาอะไรสนุกๆ ทำ แต่สุดท้ายก็ติดมันจนได้ ผมไม่อยากไปอยู่ตรงจุดที่ฟ้ารุ่งอยู่ จึงเลือกที่จะเลิกตั้งแต่วันนี้ เป็นกำลังใจให้ผมนะที่รัก”

หน้าผากของคนป่วยถูกจูบด้วยความรักและห่วงใยอย่างเป็นที่สุด ตั้งแต่วันแรกที่เขาและเธอได้เจอกันจนถึงวันนี้เกือบสามสิบปี ไม่มีวันไหนที่ความรักจะลดน้อยลง มีแต่ความผูกพันที่มากขึ้น กฤษฎาไม่อยากคิดถึงวันนั้นเลย วันที่ผู้หญิงตรงหน้าต้องจากเขาไปแบบไม่มีวันกลับ เขาจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไปอย่างไร

หลังจากที่พบว่ามะเร็งที่ปอดของภรรยาลุกลามจนเข้าระยะสุดท้าย แพทย์แจ้งว่าหล่อนอยู่ได้ไม่น่าจะเกินหกเดือนจากวันนั้นมาถึงวันนี้ก็เกือบปีแล้ว อภิรดีพูดเสมอว่า ต่อจากนี้การมีชีวิตอยู่ของเธอคือกำไร

“พรุ่งนี้เช้าเราจะไปนั่งเล่นในสวนกันนะ”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status