บทที่3
ดูแล
“พรุ่งนี้น้องจะปิดเทอมแล้วนะ” กฤษฎาบอกลูกชายที่กำลังนอนเล่นบนโซฟาข้างๆมารดา
“ไม่ต้องกลับไปเรียนแล้วใช่ไหมครับ”
พราวพลอยเธอถูกส่งให้ไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติตั้งแต่เด็กๆ เพราะช่วงนั้นกฤษฎาโหมทำงานหนัก อภิรดีก็ต้องคอยตามไปช่วยตลอด ทั้งคู่ไม่มีเวลาดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ภูวนนท์เป็นเด็กผู้ชายยังไม่ค่อยเป็นห่วง พราวพลอยเลยถูกส่งไปเรียนโรงเรียนประจำเพียงคนเดียว
“ไม่ต้อง เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว กลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาดีกว่า”
เป็นคำตอบที่คนถามได้ยินแล้วก็สุขใจ ถึงแม้พราวพลอยและภูวนนท์จะมีเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่มากนัก แต่สำหรับพี่ชายคนนี้เธอคือแก้วตาดวงใจของเขาเลย เพราะพราวพลอยเป็นเด็กสาวที่สดใส น่ารัก และมีน้ำใจกับทุกๆคน
“เรามีงานเลี้ยงต้อนรับยายพลอยกันดีไหมครับพ่อ”
ตั้งแต่มารดาของเขาป่วยหนัก ภูวนนท์ก็ไม่เคยเห็นบ้านหลังนี้มีงานเลี้ยงรื่นเริงเลยสักครั้ง คราวนี้คงเป็นโอกาสที่ดี มารดาของเขาเองก็คงอยากให้บ้านหลังนี้ได้มีความรื่นเริงบ้าง เพราะก่อนที่แม่ของเขาจะล้มป่วย อภิรดีชอบให้บ้านมีงานเลี้ยงเล็กๆในครอบครัว แต่พอเธอล้มป่วยกฤษฎาก็ซึมเศร้าไปและไม่ยอมใครให้จัดงานเลี้ยงอีกเลย
“ก็ดีเหมือนกัน แม่เขาจะได้เห็นความสุขของลูกๆ จะได้มีกำลังใจต่อสู้เพื่ออยู่กับพวกเรานานๆ”
“พรุ่งนี้พ่อไปรับน้องหรือจะให้ผมไปรับเองครับ” ภูวนนท์ทำหน้าที่รับส่งน้องเกือบทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาลองถามบิดาดู เผื่อเขาอาจอยากไปรับด้วยตัวเอง
“ลูกไปรับน้องเถอะ พ่อจะอยู่ทางนี้คอยดูแลเรื่องงานเลี้ยงเอง”
วันสุดท้ายของการเรียนออกแบบเสื้อผ้าที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้แล้ว แต่มินรญายังไม่รู้เลยว่าชีวิตของเธอหลังจากนี้ จะไปทางไหนดี ใจหนึ่งก็มีความสุขดี ที่ได้อยู่ในความดูแลของพ่อและแคโรลีนภรรยาใหม่ชาวอังกฤษของอิมราน
“นาธาน...นายจะกลับไปอยู่ไทยไหม”
นาธานเพื่อนสนิทที่สุดของมินรญาเขาเป็นลูกครึ่งจีนบังกลาเทศ แต่เขาเกิดและเติบโตที่ประเทศไทย ทั้งคู่มารู้จักกันที่ฝรั่งเศส จนถึงวันนี้ก็เกือบห้าปีแล้ว ด้วยความที่มาจากประเทศไทยเหมือนกัน พูดภาษาเดียวกัน ทั้งคู่จึงสนิทกันอยู่สองคน
“ว่าจะกลับ ลองไปดูลู่ทางอยากเปิดกิจการนำเข้าผ้า แต่ก็ยังไม่ได้คุยกับแม่เลย”
“เรากลับดีไหม” มินรญาตัดสินใจไม่ได้จริงๆ
“เพราะอะไรล่ะมิ้น เธอถึงตัดสินใจไม่ได้ แม่คงคิดถึงเธอมากนะ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เธอยังไม่เคยกลับไปเลยสักครั้ง”
ตั้งแต่มินรญาถูกส่งมาอยู่กับพ่อที่ฝรั่งเศส เธอก็ไม่เคยกลับเมืองไทยอีกเลย หลายคนคิดว่าเป็นเพราะอิมรานคงสั่งห้ามลูกสาวไว้ แต่ความจริงแล้วมิรญาเองที่ไม่อยากกลับไป เพราะกลัวเมื่อเธอได้เห็นหน้าของมารดาแล้วจะไม่ยอมกลับมาเรียนที่ฝรั่งเศสอีกเลย
“เราก็คิดถึงแม่มาก แต่ถ้าเรากลับไปอยู่เมืองไทย พ่อกับแคโรลีนล่ะ จะอยู่กับใครกัน เราอดเป็นห่วงไม่ได้”
ถึงแม้ว่าอิมรานจะแต่งงานใหม่ แต่ทั้งตัวเขาเองและภรรยาใหม่ของเขา ต่างก็รักและดูแลมินรญาอย่างดีที่สุด ถ้าหากเธอตัดสินใจกลับไปอยู่เมืองไทย ทางนี้ก็คงคิดถึงเธอมาก เพราะทั้งคู่ไม่ได้มีลูกใหม่ด้วยกัน มีเธอเท่านั้นที่เป็นสีสันของครอบครัวนี้
“แม่ของมิ้นไม่มีใครเลยนะ แต่พ่อของเธอยังมีแคโรลีน ไม่นานพวกเขาก็จะหายคิดถึงเธอ กลับเมืองไทยเถอะ”
นาธานคิดแบบที่เขาพูดจริงๆ เขาเคยคิดจะพูดเรื่องนี้กับเพื่อนสาวคนสนิทหลายครั้ง แต่ก็กลัวว่าถ้าพูดไปแล้วมินรญาเกิดคิดถึงมารดาจนทนไม่ไหว หนีกลับเมืองไทยแล้วไม่ยอมกลับมาเรียนจะแย่เอา
“ถ้ากลับไปแล้ว ไม่มีความสุข หรือเป็นห่วงคนที่นี่ เธอก็ค่อยบินกลับมาฝรั่งเศส เงินเก็บก็มีตั้งเยอะ ค่าเครื่องบินไม่เท่าไหร่เลย ถ้าเทียบกับเงินในบัญชีของลูกสาวนักธุรกิจนำเข้าเสื้อผ้าอย่างอิมรา”
“เงินเก็บเราแทบไม่เหลือแล้ว เรา....” มินรญาไม่แน่ใจว่าจะบอกนาธานดีไหม
“เอ้า! เกิดอะไรขึ้น เงินตั้งมากมายขนาดนั้น เธอเอาไปทำอะไรหมด”
นาธานสนิทกับมินรญาจนถึงขั้นรู้จำนวนเงินในบัญชี แต่เขายังไม่รู้เรื่องที่มินรญาเพิ่งโอนเงินหนึ่งล้านบาทไปให้มารดาของเธอใช้หนี้ที่เกิดจากการพนัน
“แม่ของเราติดหนี้ เราเลยโอนเงินทั้งหมดไปให้แม่ เราสงสารแม่” มินรญากลัวเพื่อนจะว่าในสิ่งที่เธอตัดสินใจทำ
“การพนันใช่ไหม” นาธานพอรู้มาบ้างว่าฟ้ารุ่งติดการพนัน “ใช่...แต่แม่บอกว่าจะเลิก ไม่กลับไปยุ่งกับมันอีก” “อีกแล้ว เลิกอีกแล้ว” นาธานทำเสียงให้เพื่อนสาวของเขารู้ว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่มารดาของเธอบอก “แต่เธอทำถูกแล้ว อย่างไรเขาก็แม่ เงินเราก็เหมือนเงินแม่ พระคุณที่ทำให้เราเกิดมายิ่งใหญ่จนคิดเป็นมูลค่าไม่ได้หรอก” มินรญาโผเข้ากอดเพื่อนชาย ใบหน้าขาวคมซบลงกับอกกว้าง เขาเป็นมากกว่าเพื่อนๆจริงๆ ทุกๆครั้งที่เธอมีทุกข์ใดๆก็ตาม ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะเป็นที่พักพิงให้เธอไม่ได้ “ขอบคุณนะที่อยู่ข้างๆกัน และเข้าใจเรามาตลอด ขอบคุณจริงๆ” น้ำใสๆไหลออกจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยที่กำลังสับสนกับความคิดกับตัวเอง มินรญาตัดสินใจกับเส้นทางชีวิตของตัวเองได้แล้ว เธอคงต้องหาโอกาสเหมาะๆ บอกให้พ่อของเธอรู้ และหวังว่าเขาคงเข้าใจและไม่คัดค้านเธอ เพราะถ้ามีการคัดค้านมินรญาเองก็ไม่เชื่อใจตัวเองเหมือนกัน ว่าตัวเธอเองจะไม่เปลี่ยนแปลงความคิด เพราะในหัวใจส่วนลึก เธอก็รักอิมรานและแคโรลีนมากเหมือนกัน “งานอะไรคะนี่” พราวพ
“ดีจ๊ะ เห็นทุกคนมีความสุข น้าก็พลอยสุขไปด้วย” คนป่วยตอบช้าๆอย่างเหนื่อยๆด้วยรอยยิ้ม ภูวนนท์พาชิดจันทร์เดินมานั่งที่โต๊ะอาหารกลางสนามหญ้า อาหารมากมายถูกจัดวางอย่างสวยงาม พราวพลอยเลือกเปิดเพลงที่ดูรื่นเริงมีความสุข สมกับบรรยากาศที่มีแต่รอยยิ้ม อาหารมากมายยังวางเรียงอยู่เหมือนเดิม เพราะพราวพลอยตักอาหารไปนั่งกินกับแม่และพ่อของเธอที่ชานบ้าน ส่วนชิดจันทร์และภูวนนท์นั่งคุยกันเพียงลำพังอยู่ที่โต๊ะกลางสนาม เสียงโทรศัพท์ทำให้ชิดจันทร์ต้องขอตัวเดินห่างออกไปจากแฟนหนุ่ม ภูวนนท์รู้สึกแปลกใจ ทำไมชิดจันทร์ต้องเดินออกไปคุยโทรศัพท์ไกลจากเขา ตั้งแต่คบกันมาเขากับชิดจันทร์ไม่เคยมีความลับต่อกัน รวมทั้งเรื่องที่แม่ของเธอไม่ชอบเขา ภูวนนท์คิดไม่ออกถึงเหตุผลที่แฟนสาวลุกเดินไกลออกไปหลังจากมีโทรศัพท์เข้ามา แต่ด้วยมารยาทก็คงทำได้แค่เพียงนั่งรออยู่ที่เดิม “ภูคะ ดึกแล้วเอยขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ” ยังไม่ทันที่ภูวนนท์จะเอ่ยถามอะไร ชิดจันทร์ก็เป็นคนพูดก่อนเมื่อเดินถึงโต๊ะอาหาร เธอมาถึงที่นี่ยังไม่ถึงชั่วโมง อาหารที่จัดวางไว้เธอก็ยังไม่ได้กินสักอย่าง ท่าทางเร่งร
“เหม...ดื่มเหล้ากัน” เหมราชเพื่อนสนิทคนเดียวของภูวนนท์ เขาเป็นชายโสดที่พร้อมจะว่างเสมอ ถ้าภูวนนท์โทรชวนมากินเหล้า “เครียดอะไรอีกล่ะไอ้ภู” ปลายสายรู้ใจคนโทรมา “สมกับเป็นเพื่อนรัก เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ฉันไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนว่ะ” ภูวนนท์ไม่ได้พักอยู่บ้านหลังเดียวกับกฤษฎาและอภิรดี แต่อยู่ในรั้วเดียวกัน การชวนเพื่อนมานั่งดื่มที่บ้าน จึงเป็นเรื่องที่เขาไม่ต้องขออนุญาตใครก่อน และเขาก็มักจะชวนเหมราชอยู่บ่อยๆ เพียงไม่กี่นาที เหมราชก็พาตัวเองมาถึงบ้านของเกลอคนสนิท เพราะเวลานี้เริ่มดึกแล้ว รถไม่ติด เขาเตรียมเสื้อผ้ามานอนที่นี่ด้วยเลย เพราะทำเช่นนี้เป็นประจำ “ไหนเล่าให้ฟังสิ คนอย่างคุณภูมีเรื่องอะไรทุกข์ใจ” เหมราชไม่รอคนนั่งรอเล่า เขาขอจู่โจมถามก่อนเลยด้วยความอยากรู้ ภูวนนท์บอกเล่าเรื่องราวของความสงสัยที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ จนต้องโทรตามเพื่อนคนสนิทมาดื่มเพื่อขอคำปรึกษา แค่ได้ยินว่าเป็นเรื่องของชิดจันทร์ก็ทำเอาเหมราชให้ความสนใจอย่างเห็นได้ชัด “นี่นายกำลังคิดว่า เอยมีคนอื่นเหรอ บ้า! ไปแล้ว” เหมราชตะคอกใส่หน้าภูวนนท์
บทที่4สูญเสีย “หากมันคือความต้องการของลูก พ่อก็ไม่ห้าม” มินรญาตัดสินใจ คุยถึงอนาคตที่เธอคิดไว้ แล้วทุกอย่างก็เป็นเหมือนที่เธอคาดการณ์ พ่อและแม่เลี้ยงของเธอ เข้าใจและเห็นด้วยกับการที่เธอตัดสินใจจะกลับไปดูแม่ ที่อยู่ที่เมืองไทยเพียงคนเดียว “ลูกตั้งใจว่าจะไปสมัครงานตามร้านเสื้อผ้า เขาคงอยากรับลูกอยู่ เพราะดีกรีความเป็นนักเรียนนอก ลูกจะขอเงินเดือนไม่มากนัก ขอให้มีงานทำก็พอ” มินรญาตั้งใจแบบที่พูด เพราะเธอไม่อยากรบกวนเงินของบิดาอีกแล้ว “โอ้! ไม่ๆ ถ้าจะไปเมืองไทยแล้วต้องไปเป็นลูกจ้างเขาแบบนั้นแม่ไม่ยอม” แคโรลีนเธอเป็นแค่แม่เลี้ยงของมินรญาก็จริง แต่เธอรักและห่วงลูกเลี้ยงคนนี้เหมือนลูกแท้ๆ เพราะเธอและอิมรานไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้ และหญิงสาวก็ทำให้เธอตกหลุมรักอย่างสุดหัวใจ เธอจึงแทนตัวเองว่าแม่ทุกคำ “ทำไมล่ะคะ ทำไมมิ้นจะไปเป็นลูกจ้างใครไม่ได้ มิ้นไม่ได้มีเงินมีทองมากมาย” “แต่! พ่อมี และทุกอย่างของพ่อก็คือของลูก” อิมรานยืนพูดอย่างเอาจริง “ร้านเสื้อผ้าของเรายังไม่มีสาขาที่เมืองไทย เคยมีอยู่แค่สาขาเดียว แต่ก็ปิดตัวลง
“มาหาข้าวกิน...ฟังดูแล้วกระดากหูจัง” ภูวนนท์ส่ายหัวไม่เชื่อในสิ่งที่เพื่อนพูดแต่ก็ดึงแขนเพื่อน เดินนำไปบ้านใหญ่เพื่อกินอาหารเช้า“จัดเพิ่มอีกหนึ่งที่นะครับน้าฟ้ารุ่ง”ภูวนนท์และเหมราชมาถึงโต๊ะอาหารก่อนคนอื่น ฟ้ารุ่งกำลังจัดเตรียมทุกอย่างบนโต๊ะให้เรียบร้อย ก่อนที่ทุกคนจะลงมาพร้อมเพียงกัน“นายนั่งรอที่นี่แหละ เราขอไปหาแม่เดี๋ยวมา” ทุกเช้าภูวนนท์จะเข้ามาคุยกับมารดาก่อนกินข้าวทุกเช้าภูวนนท์เดินหันหลังไปยังไม่พ้นประตู พราวพลอยก็เดินลงมาจากห้องนอนชั้นบน ผมที่ยาวสวยถึงกางหลัง กับชุดกระโปรงสีขาวยาว ทำให้เธอดูเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัว“สวัสดีค่ะ” พราวพลอยทักทายเพื่อนพี่ชายยังไม่ทันที่เหมราชจะกล่าวทักทาย น้องสาวคนสวยของภูวนนท์ เสียงโวยวายเอะอะ ดังออกมาจากห้องนอนของอภิรดี กฤษฎาวิ่งลงบันไดมุ่งตรงไปตามเสียงนั้น ทุกคนต่างพากันวิ่งตามด้วยความตกใจภาพที่อยู่ตรงหน้าของทุกคน ภูวนนท์สวมกอดมารดา เขย่าร่างที่ไร้วิญญาณ เสียงสะอื้นดังลั่นห้อง กฤษฎาเดินตรงเข้าไปกอดภรรยาด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา เรี่ยวแรงมันแทบจะไม่มีพอที่จะพาร่างกายของเขาเข้าไปถึงเตียงคนป่วยได้“คุณทำไมไม่รอผม ผมอาบน้ำนานไปใช่ไหม ผมไม่ควรทิ้
“ไม่ได้มาหลายปี เปลี่ยนไปหมด”มินรญาเดินทางมาเมืองไทย โดยที่ไม่ยอมส่งข่าวบอกมารดาล่วงหน้า เขากะไว้ว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยเข้าไปหาแม่ ที่บ้านที่มารดาของเธอเคยให้ที่อยู่ไว้ คืนนี้หญิงสาวเลยออกมาเดินเล่นที่สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อยู่ใกล้กับโรงแรมที่เธอพัก แต่สายตาก็เธอก็ไปสะดุดกับภาพของผู้ชายตรงหน้า“นี่คุณจะทำอะไร”มินรญากระโดดคว้าตัวชายหนุ่มที่กำลังจะกระโดดลงจากสะพานด้วยความตกใจ เธอไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอกระโดดคว้าตัวเขา แต่เธอรู้แค่ว่าเธอต้องทำ“ปล่อย บอกให้ปล่อย” ภูวนนท์ตะโกนใส่หน้าคนที่กระโดดคว้าเขา“ผู้ชายอะไรว่ะ ขี้แพ้ชะมัด เสียแรงเกิดเป็นคน มีเรื่องอะไรถึงกับจะต้องฆ่าตัวตาย” มินรญาก็ตะโกนใส่หน้ากลับไปด้วยเสียงที่ดังกว่า“แล้วมายุ่งอะไรด้วย ปล่อย โดดลงไปจะได้ตายๆซะ” ถึงจะดิ้นแค่ไหนแต่หญิงสาวก็กอดเขาไว้แน่นเหมือนกัน“เอาสิ ถ้าคุณโดด ฉันก็โดด จะให้มาปล่อยให้คนตายไปต่อหน้าทำไม่ได้หรอก เอาโดดเลย จะได้ตายกันทั้งคู่” มินรญาเปลี่ยนจากห้ามเป็นทำท่าจะกระโดดตาม“บ้า! เธอมันบ้า” ภูวนนท์ค่อยๆนั่งลงหลังพิงสะพาน“จะบ้าไปแล้วไง จะมาตายอะไรกับผม รู้จักกันหรือก็เปล่า” ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวอย่างง
บทที่5ไร้หัวใจ “ไปไหนมาทั้งคืนล่ะภู” เหมราชนั่งรอเขาอยู่ที่โต๊ะหน้าสนามบ้านหลังเล็ก “นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่โทรมาก่อน” ภูวนนท์ไม่ตอบตรงคำถาม “นายไปไหนมา ทุกคนเขาเป็นห่วง เขาโทรหากันไม่รู้กี่สายนายก็ไม่ยอมรับ พราวพลอยก็มานั่งรอนายที่นี่ตั้งแต่เช้า เพิ่งจะกลับเข้าไปบ้าน ไปดูพ่อนายเมื่อสักพักนี่เอง” เหมราชบ่นตามหลังเพื่อนซี้ที่เดินนำหน้าเข้าบ้าน “นายรู้ไหมเหม เอยไม่มาสวดศพแม่เราเมื่อคืน ” “เออ! รู้แล้ว ก็มองอยู่ว่าไม่เห็นเลย เรื่องแค่นี้ เอยอาจจะติดธุระสำคัญ หรือไม่แม่ของเอยก็คงไม่ยอมให้มา คิดมากไปไหม” “พอสวดศพเสร็จ เราเลยขับรถไปหาเอยที่บ้าน แต่เราแวะซื้อของที่หน้าหมู่บ้านก่อน เราเจอเอยกับผู้ชายคนอื่น” พูดได้เพียงเท่านี้ ภูวนนท์ก็หยุดลง เสียงมันแหบลง หัวใจมันเต้นไม่เป็นจังหวะ “เพื่อนกันมั้ง หรือไม่ก็ญาติๆของเอยหรือเปล่า” เหมราชยังมองทุกอย่างในแง่ดี “เราเดินเข้าไปหา เอยแนะนำว่าผู้ชายคนนั้นคือแฟนเธอ และ...แนะนำว่าเราคือเพื่อนสนิท”น้ำตาที่ก่อนหน้านี้พยายามจะเก็บมันไว้ไม่ให้เพื่อนได้เห็น แต่มั
ในหัวใจของภูวนนท์ เพราะเขาคิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาและชิดจันทร์ แม่ของเธอน่าจะอยู่เบื้องหลัง“เอย...ทำไมทำกับผมแบบนี้”ภูวนนท์เดินตามอดีตแฟนสาวไปที่ห้องน้ำ เขารอโอกาสนี้มานาน เพราะเขาอยากรู้ความจริงทั้งหมด ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง“ภู เอ่อ...เอยขอโทษ” ชิดจันทร์สะดุ้งสุดตัว“มันเป็นใคร แม่คุณบังคับใช่ไหม คุณรักผมใช่ไหมเอย” ทั้งความโกรธและความเสียใจภูวนนท์เขย่าตัวชิดจันทร์อย่างแรง“ไม่มีใครบังคับเอยทั้งนั้น เอยรักเขา และเขาก็ทำให้เอยมีความสุข ภูจะให้เอยต้องทะเลาะกับแม่เพื่อมาแต่งงานกับภูเหรอ ถ้าเอยทำแบบนั้น ภูคิดว่าเอยจะมีความสุขใช่ไหม ปล่อยเอยไปเถอะนะ เอยขอร้อง”หญิงสาวยกมือไหว้ น้ำตาอาบแกล้ม เป็นภาพที่เห็นแล้วหดหู่ใจมาก ภูวนนท์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นผู้ชายที่เลวร้ายกำลังรังแกผู้หญิงตัวเล็กอย่างเกรี้ยวกราด“ขอให้ทุกอย่างเลิกแล้วต่อกันนะ” เสียงดังมาจากอีกฝากของห้องน้ำชาย“เรื่องของแฟนเขาจะคุยกัน มายุ่งอะไรด้วย” ภูวนนท์เดินไปหาเจ้าของเสียง“อย่าหลอกตัวเอง คุณควรยอมรับความเป็นจริง น้องเอยเขาเลือกผม ไม่ใช่คุณ”สิ้นเสียงคนพูด หมัดของภูวนนท์ประทับลงบนหน้าเข้มของคนรักใหม่ของชิดจันท์