“มาหาข้าวกิน...ฟังดูแล้วกระดากหูจัง” ภูวนนท์ส่ายหัวไม่เชื่อในสิ่งที่เพื่อนพูดแต่ก็ดึงแขนเพื่อน เดินนำไปบ้านใหญ่เพื่อกินอาหารเช้า
“จัดเพิ่มอีกหนึ่งที่นะครับน้าฟ้ารุ่ง”
ภูวนนท์และเหมราชมาถึงโต๊ะอาหารก่อนคนอื่น ฟ้ารุ่งกำลังจัดเตรียมทุกอย่างบนโต๊ะให้เรียบร้อย ก่อนที่ทุกคนจะลงมาพร้อมเพียงกัน
“นายนั่งรอที่นี่แหละ เราขอไปหาแม่เดี๋ยวมา” ทุกเช้าภูวนนท์จะเข้ามาคุยกับมารดาก่อนกินข้าวทุกเช้า
ภูวนนท์เดินหันหลังไปยังไม่พ้นประตู พราวพลอยก็เดินลงมาจากห้องนอนชั้นบน ผมที่ยาวสวยถึงกางหลัง กับชุดกระโปรงสีขาวยาว ทำให้เธอดูเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัว
“สวัสดีค่ะ” พราวพลอยทักทายเพื่อนพี่ชาย
ยังไม่ทันที่เหมราชจะกล่าวทักทาย น้องสาวคนสวยของภูวนนท์ เสียงโวยวายเอะอะ ดังออกมาจากห้องนอนของอภิรดี กฤษฎาวิ่งลงบันไดมุ่งตรงไปตามเสียงนั้น ทุกคนต่างพากันวิ่งตามด้วยความตกใจ
ภาพที่อยู่ตรงหน้าของทุกคน ภูวนนท์สวมกอดมารดา เขย่าร่างที่ไร้วิญญาณ เสียงสะอื้นดังลั่นห้อง กฤษฎาเดินตรงเข้าไปกอดภรรยาด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา เรี่ยวแรงมันแทบจะไม่มีพอที่จะพาร่างกายของเขาเข้าไปถึงเตียงคนป่วยได้
“คุณทำไมไม่รอผม ผมอาบน้ำนานไปใช่ไหม ผมไม่ควรทิ้งคุณไปนานเลย” กฤษฎาคร่ำครวญจนดูคล้ายคนเสียสติ
เหมราชยืนดูเหตุการณ์ที่แสนจะหดหู่อยู่ข้างๆหญิงสาวที่ยืนนิ่งน้ำตาไหลเหมือนฝนที่กำลังตกอย่างหนัก ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น ตัวสั่นเทา มองดูแล้วคล้ายกับหุ่นยนต์ที่กำลังจะล้มลง
ชายหนุ่มเอื้อมมือหนากุมมือของสาวน้อยที่ยืนนิ่งอย่างนุ่มนวล พราวพลอยหันมาสบตาเพื่อนของพี่ชาย ก่อนโผเข้ากอดอย่างหมดแรง ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงมาที่อกกว้างของเหมราช จนเขาต้องพยุงตัวของเธอไว้ เพราะกลัวว่าถ้าปล่อยมือเมื่อไหร่ ร่างบางจะล่วงลงไปกองกับพื้น
“ร้องออกมาให้หมด ถ้ามันจะทำให้ความเสียใจมันน้อยลง” เหมราชกระซิบเบาๆข้างหูของหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอด
โรงพยาบาลและทางตำรวจเดินทางมาที่บ้านของกฤษฎา เพื่อดำเนินการเรื่องการเสียชีวิตของอภิรดี เหมราชช่วยจัดการในหลายๆเรื่อง เพราะทุกคนกำลังอยู่ในอาการที่ไม่มีสติที่จะจัดการเรื่องต่างๆได้
“เอย...แม่จากผมไปแล้ว”
ภูวนนท์โทรหาแฟนสาวเพื่อหวังได้กำลังใจ ตอนนี้หัวใจของเขาแทบจะสลายเป็นชิ้นๆ เมื่อคืนเขายังคุย ยังหอมแก้มขาวๆของมารดาอยู่เลย แต่วันนี้แม่กลับจากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ
“เอยเสียใจด้วยนะคะภู คุณต้องเข้มแข็ง เป็นที่พึ่งให้กับคุณลุงและพราวนะคะ” เอยรู้สึกใจหายที่ได้ยินข่าว
ฟ้ารุ่งต้องกลายเป็นแม่งานในการจัดเตรียมทุกอย่าง กฤษฎายังนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว เขาเสียใจจนไม่สามารถทำอะไรได้ ภูวนนท์เองก็ไม่รู้ว่าการจัดงานมีขั้นตอนแบบไหน ส่วนพราวพลอยเดิน นั่ง ก็มีแต่น้ำตา เพราะเธอตั้งใจว่าจะได้กลับมาดูแลมารดา แต่กลับมาเพียงไม่กี่วัน แม่ก็มาทิ้งเธอไป
“ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยจัดการทุกอย่างให้ครอบครัวของผม”
ภูวนนท์ยกมือไว้ขอบคุณฟ้ารุ่ง เพราะถ้าไม่มีเธอ งานนี้คงไม่เรียบร้อยแบบนี้ คืนนี้เป็นคืนแรกของการสวดศพ ภูวนนท์มองหาชิดจันทร์ จนพระสวดเสร็จ บรรดาแขกพากันกลับ เขาก็ยังมองไม่เห็นแฟนสาวของเขาเลย ทั้งที่ความจริงในเวลาแบบนี้ เธอควรจะมาอยู่เป็นกำลังใจข้างๆเขา
ภูวนนท์จัดการทุกอย่างเสร็จ เขาขับรถมาที่บ้านของชิดจันทร์ เพราะคิดว่าเธอคงติดธุระสำคัญจริงๆถึงไม่ได้ไปงานแม่ของเขาคืนนี้
ก่อนถึงบ้านของเอย ภูวนนท์แวะซื้อขนมปังกินที่ร้านสะดวกซื้อหน้าหมู่บ้าน เพราะตั้งแต่กลางวันเขายังไม่ได้กินอะไรเลย กลัวจะปวดท้องเลยแวะซื้อขนมปังสักชิ้น รองท้องก่อนแวะไปหาแฟนสาว
“ซื้อไปเยอะขนาดนี้กินหมดแน่นะคะพี่ชาคริต”
เสียงผู้หญิงที่ดังมาจากชั้นวางขนมที่อยู่ด้านตรงข้ามกับด้านที่ภูวนนท์ยืนอยู่ เสียงนี้ เสียงที่เขาคุ้นหูยิ่งนัก ชายหนุ่มมองลอดผ่านชั้นไป ภาพที่เขาเห็นตรงหน้าทำเอาตัวเองแทบยืนไม่อยู่ ชิดจันทร์กำลังหัวเราะอย่างมีความสุขกับผู้ชายที่เขาไม่เคยเห็นหน้า
สองมือกำแน่น อยากจะเข้าไปจัดการให้ไอ้ผู้ชายคนนั้นใจแทบขาด แต่อีกใจหนึ่ง มารดาของเขาก็เพิ่งจากไป ถ้าวันนี้เขามีเรื่องมีราวอะไรอีก บิดาของเขาคงเสียใจซ้ำสอง
ภูวนนท์เลือกที่จะกลับมานั่งรอในรถ รอคนทั้งคู่เดินออกมาจากร้าน ภาพของชิดจันทร์เดินควงแค้นชายแปลกหน้าคนนั้นอย่างสนิทนม ทำเอาหัวใจของชายหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ
ความตั้งใจแรกที่จะมองดูอย่างเงียบๆอยู่ในรถ มันก็ขาดลงเมื่อชายแปลกหน้าคนนั้น โอบเอวของชิดจันทร์เดินผ่านรถของเขาไป
“เอย” ภูวนนท์ตะโกนเรียกแฟนสาวจากด้านหลัง
“เอ้า! ภู ทำไมมาที่นี่ได้ล่ะคะ งานศพคุณป้าเป็นอย่างไรบ้าง เอยติดธุระว่าจะไปพรุ่งนี้ค่ะ ”
ชิดจันทร์หญิงสาวผู้มีกิริยาเรียบร้อย พูดน้อย แต่ในเวลานี้ เธอกลายเป็นหญิงสาวที่มีท่าทางสดใส พูดจาคล่องแคล่ว จนภูวนนท์มองด้วยความตกใจ
“ผ่านมาธุระแถวนี้ เลยว่าจะแวะเข้าไปหาแฟนสักหน่อย” น้ำเสียงที่ตอบออกไป เยือกเย็น ราบเรียบ ชวนขนลุก
“ใครครับเอย ไม่เห็นแนะนำให้พี่รู้จักเลย” ชายหนุ่มที่โอบเอวหญิงสาวส่งยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้ภูวนนท์ที่ยืนกำหมัดแน่น
“ภูเพื่อนเอยเองค่ะ ส่วนนี่พี่ชาคริตแฟนเอยจ้านนท์” ชิดจันทร์แนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกันอย่างเลือดเย็น
ชาคริตยื่นมือมาจับมือของภูวนนท์ แต่เขาไม่อาจที่จะเล่นบทบาทพระเอกได้อีกต่อไป ภูวนนท์เดินหันหลังขึ้นรถและขับออกไปอย่างเร็ว จนชิดจันทร์มองตามด้วยความตกใจ
“เขาไม่ใช่แค่เพื่อนใช่ไหม” ชาคริตถามแฟนสาวด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“เขาแอบชอบเอยค่ะ แม่ของเขาเพิ่งเสียเมื่อเช้านี้ เขาคงเสียใจหลายๆเรื่อง เลยแสดงท่าทางอารมณ์ร้อนแบบนั้น” หญิงสาวพูดจบก็โอบเอวชายหนุ่มเดินกลับไปขึ้นรถอย่างไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
“ไม่ได้มาหลายปี เปลี่ยนไปหมด”มินรญาเดินทางมาเมืองไทย โดยที่ไม่ยอมส่งข่าวบอกมารดาล่วงหน้า เขากะไว้ว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยเข้าไปหาแม่ ที่บ้านที่มารดาของเธอเคยให้ที่อยู่ไว้ คืนนี้หญิงสาวเลยออกมาเดินเล่นที่สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อยู่ใกล้กับโรงแรมที่เธอพัก แต่สายตาก็เธอก็ไปสะดุดกับภาพของผู้ชายตรงหน้า“นี่คุณจะทำอะไร”มินรญากระโดดคว้าตัวชายหนุ่มที่กำลังจะกระโดดลงจากสะพานด้วยความตกใจ เธอไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอกระโดดคว้าตัวเขา แต่เธอรู้แค่ว่าเธอต้องทำ“ปล่อย บอกให้ปล่อย” ภูวนนท์ตะโกนใส่หน้าคนที่กระโดดคว้าเขา“ผู้ชายอะไรว่ะ ขี้แพ้ชะมัด เสียแรงเกิดเป็นคน มีเรื่องอะไรถึงกับจะต้องฆ่าตัวตาย” มินรญาก็ตะโกนใส่หน้ากลับไปด้วยเสียงที่ดังกว่า“แล้วมายุ่งอะไรด้วย ปล่อย โดดลงไปจะได้ตายๆซะ” ถึงจะดิ้นแค่ไหนแต่หญิงสาวก็กอดเขาไว้แน่นเหมือนกัน“เอาสิ ถ้าคุณโดด ฉันก็โดด จะให้มาปล่อยให้คนตายไปต่อหน้าทำไม่ได้หรอก เอาโดดเลย จะได้ตายกันทั้งคู่” มินรญาเปลี่ยนจากห้ามเป็นทำท่าจะกระโดดตาม“บ้า! เธอมันบ้า” ภูวนนท์ค่อยๆนั่งลงหลังพิงสะพาน“จะบ้าไปแล้วไง จะมาตายอะไรกับผม รู้จักกันหรือก็เปล่า” ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวอย่างง
บทที่5ไร้หัวใจ “ไปไหนมาทั้งคืนล่ะภู” เหมราชนั่งรอเขาอยู่ที่โต๊ะหน้าสนามบ้านหลังเล็ก “นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่โทรมาก่อน” ภูวนนท์ไม่ตอบตรงคำถาม “นายไปไหนมา ทุกคนเขาเป็นห่วง เขาโทรหากันไม่รู้กี่สายนายก็ไม่ยอมรับ พราวพลอยก็มานั่งรอนายที่นี่ตั้งแต่เช้า เพิ่งจะกลับเข้าไปบ้าน ไปดูพ่อนายเมื่อสักพักนี่เอง” เหมราชบ่นตามหลังเพื่อนซี้ที่เดินนำหน้าเข้าบ้าน “นายรู้ไหมเหม เอยไม่มาสวดศพแม่เราเมื่อคืน ” “เออ! รู้แล้ว ก็มองอยู่ว่าไม่เห็นเลย เรื่องแค่นี้ เอยอาจจะติดธุระสำคัญ หรือไม่แม่ของเอยก็คงไม่ยอมให้มา คิดมากไปไหม” “พอสวดศพเสร็จ เราเลยขับรถไปหาเอยที่บ้าน แต่เราแวะซื้อของที่หน้าหมู่บ้านก่อน เราเจอเอยกับผู้ชายคนอื่น” พูดได้เพียงเท่านี้ ภูวนนท์ก็หยุดลง เสียงมันแหบลง หัวใจมันเต้นไม่เป็นจังหวะ “เพื่อนกันมั้ง หรือไม่ก็ญาติๆของเอยหรือเปล่า” เหมราชยังมองทุกอย่างในแง่ดี “เราเดินเข้าไปหา เอยแนะนำว่าผู้ชายคนนั้นคือแฟนเธอ และ...แนะนำว่าเราคือเพื่อนสนิท”น้ำตาที่ก่อนหน้านี้พยายามจะเก็บมันไว้ไม่ให้เพื่อนได้เห็น แต่มั
ในหัวใจของภูวนนท์ เพราะเขาคิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาและชิดจันทร์ แม่ของเธอน่าจะอยู่เบื้องหลัง“เอย...ทำไมทำกับผมแบบนี้”ภูวนนท์เดินตามอดีตแฟนสาวไปที่ห้องน้ำ เขารอโอกาสนี้มานาน เพราะเขาอยากรู้ความจริงทั้งหมด ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง“ภู เอ่อ...เอยขอโทษ” ชิดจันทร์สะดุ้งสุดตัว“มันเป็นใคร แม่คุณบังคับใช่ไหม คุณรักผมใช่ไหมเอย” ทั้งความโกรธและความเสียใจภูวนนท์เขย่าตัวชิดจันทร์อย่างแรง“ไม่มีใครบังคับเอยทั้งนั้น เอยรักเขา และเขาก็ทำให้เอยมีความสุข ภูจะให้เอยต้องทะเลาะกับแม่เพื่อมาแต่งงานกับภูเหรอ ถ้าเอยทำแบบนั้น ภูคิดว่าเอยจะมีความสุขใช่ไหม ปล่อยเอยไปเถอะนะ เอยขอร้อง”หญิงสาวยกมือไหว้ น้ำตาอาบแกล้ม เป็นภาพที่เห็นแล้วหดหู่ใจมาก ภูวนนท์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นผู้ชายที่เลวร้ายกำลังรังแกผู้หญิงตัวเล็กอย่างเกรี้ยวกราด“ขอให้ทุกอย่างเลิกแล้วต่อกันนะ” เสียงดังมาจากอีกฝากของห้องน้ำชาย“เรื่องของแฟนเขาจะคุยกัน มายุ่งอะไรด้วย” ภูวนนท์เดินไปหาเจ้าของเสียง“อย่าหลอกตัวเอง คุณควรยอมรับความเป็นจริง น้องเอยเขาเลือกผม ไม่ใช่คุณ”สิ้นเสียงคนพูด หมัดของภูวนนท์ประทับลงบนหน้าเข้มของคนรักใหม่ของชิดจันท์
“ยอมเหรอ เรามีสิทธิ์ที่จะไม่ยอมด้วยเหรอ เขาตัดความสัมพันธ์แบบไม่เยื่อใยขนาดนั้น” เขามองไม่เห็นทาง“นายเป็นแฟนกับชิดจันทร์มาเกือบสิบปี ทำไมนายจะไม่มีสิทธิ์ ไอ้หน้าตี๋คนนั้น มันเป็นใครมาจากไหนเราก็ไม่รู้ แม่ของเอยอาจเอามันมาเพื่อทำให้นายกับเอยเลิกกันก็ได้”“นายคิดแบบนั้นจริงๆเหรอ”ใจส่วนลึกเขาก็ไม่ต้องการที่จะยอมง่ายๆอยู่แล้ว แต่แค่คิดว่าเขาไม่มีสิทธ์ เมื่อได้ยินเพื่อนพูดแบบนี้ ภูวนนท์เริ่มรู้สึกอยากแย่งชิงคนรักของเขากลับมา“จริงสิ นายมีสิทธิ์เต็มตัว รอให้งานแม่ของนายเสร็จก่อน แล้วเดินหน้าทวงคืนให้ได้” เหมราชตบไหล่อย่างสนับสนุน“เออ...”เลือดความเป็นชายมันวิ่งซู่ไปทั้งร่างกาย ถ้าไม่ติดพรุ่งนี้เป็นวันที่เขาต้องส่งดวงวิญญาณของมารดาขึ้นสู่สรวงสวรรค์ คืนนี้คงมีการลุยกันเกิดขึ้น“เป็นอะไรคะ เห็นขยับหลังหลายทีแล้ว” ตลอดทางที่ขับรถกลับจากวัด ฟ้ารุ่งสังเกตเจ้านายของเธอขยับหลังตลอดเวลา“มันปวดอย่างไรไม่รู้ สงสัยจะยกของผิดท่า ไม่ได้ทำงานหนักเสียนาน ” สีหน้าบอกถึงความปวด“เดี๋ยวคุณอาบน้ำแล้วฉันจะเอายาไปนวดให้”“หึ! คุณนวดเป็นเหรอ” กฤษฎาทำสีหน้าไม่เชื่อใจ“ตอนที่ฉันยังไม่ได้เลิกกับสามีชาวต่างชาติ ฉ
บทที่6ต่างคนต่างความรู้สึก“ทุกอย่างในคืนนี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง ฉันจะลืมทุกอย่างค่ะ” ฟ้ารุ่งไม่ต้องการจะใช้ร่างกายในการผูกมัดให้เขาต้องรับผิดชอบเธอ“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจริง และมันเกิดขึ้นเพราะความตั้งใจ อย่าคิดมาก เสร็จงานอภิรดีเมื่อไหร่ ผมจะจัดการเรื่องของเรา” กฤษฎาหันมากอดภรรยาคนใหม่ที่นอนเอียงข้างมองหน้าเขาอยู่สำหรับกฤษฎาแล้ว เขารู้สึกแบบที่พูดจริงๆ ตั้งแต่ที่เขาได้เจอกับฟ้ารุ่งวันแรก เธอก็มีอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เขารู้สึกอยากอยู่ใกล้ พอเขาตัดสินใจ รับเธอเข้ามาดูแลอภิรดี ยิ่งสร้างความผูกพันให้เขาถึงจะรู้สึกพอใจใจตัวสาวใช้คนใหม่มากแค่ไหน กฤษฎาก็ไม่เคยคิดจะยุ่งกับเธอฉันชู้สาว จนไม่กี่วันนี้ก่อนที่อภิรดีจะจากไป เธอเหมือนมองความรู้สึกของสามีออก เธอเปิดทางให้สามีหาคนมาดูแล แทนเธอหลังจากที่เธอจากไป และวันนี้กฤษฎาก็หาคนดูแลเจอแล้วงานเสร็จสิ้นไปอย่างเรียบร้อย ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงต่างพากันมาส่งดวงวิญญาณของอภิรดี พราวพลอยร้องไห้จนแทบจะสิ้นสติ เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองมีโอกาสได้ดุแลใกล้ชิดแม่น้อยที่สุด บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ถึงแม้ทุกคนจะเตรียมใจไว้ตั้งแต่ที่รู้ข่าวอาการป่วย แต่เ
“แล้วคุณจะให้พบแอบซ่อนๆกับความรู้สึกตัวเองแบบนี้ไปนานเท่าไหร่”“เมื่อถึงเวลาที่ดีกว่านี้ค่ะ” ฟ้ารุ่งตอบตามที่เธอคิด เพราะตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าเวลานั้นคือเมื่อไหร่ รู้แค่เพียงไม่ใช่เวลานี้ ตอนนี้“คุณคะ...ฉันจะขอคุณออกไปอยู่กับลูกสาว เธอกำลังเดินทางกลับมาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวร ฉันจะพยายามหาเงินมาใช้ในส่วนที่เหลือให้หมด ฉันไม่หนีหายไปแน่ๆค่ะ” ฟ้ารุ่งรอที่จะพูดเรื่องนี้กับกฤษฎามาหลายวัน พอมาเกิดเรื่องเมื่อคืน เธอเลยตัดสินใจที่ต้องพูดเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด“ผมไม่อนุญาต คุณไปแล้วผมล่ะ ใครจะดูแลผม” กฤษฎาเหยียบเบรกรถทันที“ลูกๆคุณ คุณยังมีลูก แต่ทั้งชีวิตของฉันมีแค่ลูกสาวเพียงคนเดียว ฉันทำผิดกับลูกมามาก ฉันขอใช้เวลาที่เหลือดูแลมินรญาให้ดีที่สุด เท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ คุณเข้าใจฉันนะ”ฟ้ารุ่งเข้าใจว่าลูกสาวของเธอยังไม่ได้เดนทางมาจากต่างประเทศ เพราะมินรญาเองไม่ได้บอกกำหนดการจริงในการเดินทาง เธออยากท่องเที่ยวให้ทั่วก่อน เพราะสังคมของที่นี่ คงดูไม่ดีถ้าลูกสาวออกไปเที่ยวกลางคืนทุกคืน“ลูกคุณจะมาถึงเมื่อไหร่” กฤษฎาอยากรู้ว่าเขายังมีเวลาที่จะเหนี่ยวรั้งเธอได้นานแค่ไหน“อาทิตย์หน้าค่ะ”“ทำไมคุณเพิ่
ก๊อกๆ“ใครนั่น” กฤษฎาแปลกใจที่ใครมาเคาะประตูในเวลาดึกแบบนี้“ผมเอง”“เข้ามาสิลูก” กฤษฎาตกใจที่ลูกชายของเขาเข้ามาเคาะประตูหลังจากเข้าเพิ่งเสร็จภารกิจรักได้ไม่นาน แต่ก็พยายามเก็บกักความรู้สึกไว้“พ่อยังไม่นอนเหรอ ทำอะไร ดึกขนาดนี้” เป็นคำถามที่ภูวนนท์ไม่เคยใช้กับบิดา สีหน้าแววตาที่แสดงออกถึงความโกรธได้ชัดเจน“มีอะไรก็พูดกับพ่อมาตรงๆ เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน และ...เราคือครอบครัวเดียวกัน” กฤษฎาทนไม่ไว้แล้ว ทีจะปิดกั้นความรู้สึกเอาไว้ เขาเป็นพ่อ เขาไม่จำเป็นต้องกลัวลูกชายขนาดนั้น“ครอบครัวเดียวกัน ที่หมายถึงน้าฟ้ารุ่งด้วยใช่ไหมครับ พ่อทำไมทำกับแม่แบบนี้ แม่เพิ่งเผาเสร็จ พ่อก็เอาผู้หญิงไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามานอนทับที่ของแม่ พ่อมันเห็นแก่ตัว”หมัดของผู้เป็นพ่อถูกสาวลงที่แกล้มของลูกชาย อย่างที่สุดหัวใจจะรั้งไว้ กฤษฎาเจ็บปวดกับประโยคหลังสุด จนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้“การที่ฉันจะมีใครสักคน มาคอยดูแลในแบบที่ผู้หญิงกับผู้ชายเขาทำกัน ทั้งที่ตอนนี้แม่เขาก็ไม่อยู่แล้ว มันเห็นแก่ตัวมากใช่ไหม ตั้งแต่ฉันแต่งงานกับแม่ของแกมา ไม่มีสักครั้งที่ฉันจะมีคนอื่นให้แม่แกช้ำใจ แม่แก่ป่วยเขาบอกให้ฉันไปหาเศษหาเลยน
เจอกัน...อีกครั้ง “คุณคะ เย็นนี้ลูกสาวฉันจะมาถึงค่ะ” ฟ้ารุ่งตัดสินใจบอกเจ้านาย เธอสองจิตสองใจไม่รู้ว่ามันควรบอกไหม แต่คืนนี้เธอคงต้องให้มินรญานอนที่นี่ก่อน เพราะเขาเป็นเจ้าของบ้าน เธอเลยตัดสินใจบอก “กี่โมงล่ะ เดี๋ยวเราไปรับที่สนามบินกัน” “ลูกบอกจะมาที่นี่เองค่ะ ไม่ได้บอกเวลาที่เครื่องลง บอกแต่เพียงว่า จะมาถึงที่นี่ไม่เกินหกโมงเย็น” มินรญาไม่ได้บอกความจริงกับมารดา ว่าเธอมาถึงที่นี่หลายวันแล้ว เพราะกลัวจะโดนต่อว่าที่ไม่ยอมเข้ามาหาแม่ อีกทั้งตัวมินรญาเองก็จากเมืองไทยไปนาน ถ้ามารดารู้คงมีแต่ความเป็นห่วง “ฉันจะขออนุญาตให้ลูกสาวได้มาที่นี่สักสองสามคืนนะคะ” “ไม่ใช่แค่สองสามคืน ตลอดไปก็ได้” กฤษฎาลุกขึ้นจากโซฟาหน้าบ้าน วางหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือ และเอื้อมือมาโอบไหล่ของภรรยาคนใหม่ของเขา “อย่าเลยค่ะ แค่นี้คุณนนท์ก็รู้สึกไม่ดีแล้ว คุณพราวก็ไม่รู้ว่ารู้เรื่องหรือยัง ฉันไม่อยากทำให้ครอบครัวคุณต้องมีปัญหา” ฟ้ารุ่งเข้าใจความรู้สึกของลูกๆของกฤษฎาและตัวเธอเองก็ต้องการออกไปใช้ชีวิตกับลูกสาวของเธอแค่สองคน “ทุ