ในหัวใจของภูวนนท์ เพราะเขาคิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาและชิดจันทร์ แม่ของเธอน่าจะอยู่เบื้องหลัง
“เอย...ทำไมทำกับผมแบบนี้”
ภูวนนท์เดินตามอดีตแฟนสาวไปที่ห้องน้ำ เขารอโอกาสนี้มานาน เพราะเขาอยากรู้ความจริงทั้งหมด ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ภู เอ่อ...เอยขอโทษ” ชิดจันทร์สะดุ้งสุดตัว
“มันเป็นใคร แม่คุณบังคับใช่ไหม คุณรักผมใช่ไหมเอย” ทั้งความโกรธและความเสียใจภูวนนท์เขย่าตัวชิดจันทร์อย่างแรง
“ไม่มีใครบังคับเอยทั้งนั้น เอยรักเขา และเขาก็ทำให้เอยมีความสุข ภูจะให้เอยต้องทะเลาะกับแม่เพื่อมาแต่งงานกับภูเหรอ ถ้าเอยทำแบบนั้น ภูคิดว่าเอยจะมีความสุขใช่ไหม ปล่อยเอยไปเถอะนะ เอยขอร้อง”
หญิงสาวยกมือไหว้ น้ำตาอาบแกล้ม เป็นภาพที่เห็นแล้วหดหู่ใจมาก ภูวนนท์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นผู้ชายที่เลวร้ายกำลังรังแกผู้หญิงตัวเล็กอย่างเกรี้ยวกราด
“ขอให้ทุกอย่างเลิกแล้วต่อกันนะ” เสียงดังมาจากอีกฝากของห้องน้ำชาย
“เรื่องของแฟนเขาจะคุยกัน มายุ่งอะไรด้วย” ภูวนนท์เดินไปหาเจ้าของเสียง
“อย่าหลอกตัวเอง คุณควรยอมรับความเป็นจริง น้องเอยเขาเลือกผม ไม่ใช่คุณ”
สิ้นเสียงคนพูด หมัดของภูวนนท์ประทับลงบนหน้าเข้มของคนรักใหม่ของชิดจันท์ ร่างสูงใหญ่ล้มลงเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว ภูวนนท์กระโดดนั่งคร่อมทันที หมัดไม่รู้กี่หมัดถูกสาวลงไม่ยั้ง ผลัดกันเป็นฝ่ายได้เปรียบ เสียเปรียบ ผู้คนในงานพากันวิ่งมาดูเหตุการณ์
“หยุดเจ้าภู พ่อบอกให้หยุด” กฤษฎาตะโกนสุดเสียงเพื่อห้ามลูกชาย
เมื่อภูวนนท์ยอมลุกขึ้นจากร่างสูงที่นอนกองอยู่กับพื้น ชิดจันทร์วิ่งเข้าไปโอบกอดคนรักที่กำลังนอนเลือดเต็มปากอย่างห่วงใย สายตาที่มองมายังคนรักเก่า เป็นสายตาที่ไม่หลงเหลือแม้แต่ความรู้สึกดีๆในฐานะเพื่อนให้เลย
“เพราะเธอเป็นแบบนี้ไง ลูกสาวฉันถึงไม่เลือกเธอ บุญของฉันแท้ๆ” คุณนายโฉมเฉลากระชากเสียงด้วยความโมโห ก่อนพาลูกสาวและแฟนหนุ่มของชิดจันทร์เดินออกจากงานไป
“พ่อครับผมขอโทษ” ชายหนุ่มก้มลงกราบเท้าบิดาที่ยืนมองเขาด้วยสายตาของความผิดหวัง
“ไม่เป็นไรลูก ลูกผู้ชายทำผิดแล้วต้องยอมรับผิด ทุกอย่างมันจบแล้ว เขาไม่รักเรา ก็ต้องปล่อยเขาไป”
ฟ้ารุ่งเห็นพ่อลูกกำลังคุยกัน จึงชวนพราวพลอยแยกตัวออกมาส่งแขก เหมราชเดินตามครอบครัวของชิดจันทร์มาที่รถที่จอดอยู่ด้านข้างของศาลา เวลานี้เหมราชในฐานะเพื่อนที่สนิทที่สุดของภูวนนท์ ควรจะอยู่ข้างๆเพื่อน ไม่ใช่เดินตามมาส่งคนที่เพิ่งมีเรื่องกับเพื่อนตัวเอง
“พี่เหมคงกำลังช่วยแก้ตัวให้พี่ภูแน่ๆเลยค่ะ” พราวพลอยสังเกตสายตาของฟ้ารุ่งก็พอเดาออกว่าเธอกำลังสงสัยกับพฤติกรรมของเพื่อนลูกชายเจ้านาย
“พี่เหมเขาสนิทกับพี่ภูมาตั้งแต่เด็กๆ ก็เลยสนิทกับพี่เอยด้วย ถ้าไม่มีพี่เหมพี่ภูคงแย่”
“ทำไมล่ะคะ น้าเห็นคุณภูก็ไม่ได้พึ่งพาอะไรคุณเหม” ฟ้ารุ่งเริ่มสังเกตท่าทีของพราวพลอย
“เวลามีเรื่องอะไร พี่เหมจะช่วยเตือนสติพี่ภู พี่ชายของพราวอารมณ์ร้อน ทำอะไรไม่ค่อยคิด พี่เหมบ่นให้พราวฟังบ่อยๆค่ะ”
อายุที่ปาเข้าไปจะครึ่งชีวิตแล้ว ฟ้ารุ่งดูออกทันที ว่าพราวพลอยกำลังรู้สึกอย่างไรกับเหมราช ความจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเหมราชกับภูวนนท์ก็สนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก แต่เหมือนมีอะไรบ้างอย่าง ทำให้เธอรู้สึกไม่ไว้ใจผู้ชายคนนี้เลย
“แต่น้าว่าคุณภูดูเป็นผู้ใหญ่กว่าคุณเหมราชเสียอีก”
พราวพลอยส่ายหัว เธอไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ แต่เธอก็ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืด เพราะเธอคิดว่าฟ้ารุ่งยังไม่รู้จักเหมราชดีเท่าเธอ
“ขอบคุณมากนะ ที่ช่วยพาพราวมายืนส่งแขก” กฤษฎาพาลูกชายเดินมาสมทบกับพราวพลอยและฟ้ารุ่ง
“พี่ภูเจ็บไหม” เลือดที่มุมปาก ทำให้พราวพลอยเป็นห่วงพี่ชายเธอเอื้อมือไปจับเพื่อดูความลึกของแผล
“ไกลหัวใจ แผลที่ใจเจ็บกว่า” ภูวนนท์ตอบตามที่หัวใจกำลังคิด
“ค่ะ พราวเข้าใจ เวลาจะช่วยเยียวยาหัวใจนะคะ พี่นนท์ไม่ได้เสียคนที่รักพี่นนท์ไป คนที่รักพี่ยืนอยู่ข้างๆพี่แล้ว ไม่เห็นต้องไปเสียใจกับคนที่ไร้หัวใจอย่างพี่เอยเลย”
ภูวนนท์มองหน้าน้องสาวคนเดียวของเขาด้วยความแปลกใจ จากเด็กน้อยที่สดใส ร่าเริงไปวันๆ ตอนนี้เธอกลายเป็นคนพูดจามีเหตุมีผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“เป็นไงบ้างเพื่อน อย่าไปคิดอะไรมาก ไปกลับบ้านกัน เดี๋ยววันนี้เรานอนด้วย” เหมราชเดินมาโอบไหล่เพื่อนอย่างสนิทสนม
“ภูพาน้องกลับบ้านไปก่อนเลย เดี๋ยวพ่อกับน้าฟ้ารุ่งจะต้องคุยกันเตรียมเรื่องการเผาศพแม่”
กฤษฎาเองก็ไม่ค่อยมีญาติที่ไหน เพื่อนฝูงที่สนิทก็ไม่ค่อยมีเพราะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่แต่กับครอบครัว วันนี้เขารู้สึกว่าตัวเองยังโชคดี ที่มีฟ้ารุ่งมาช่วยจัดการทุกอย่างให้
“ขอบคุณ คุณมากนะ”
มือหนาเอื้อมจับมือขาวที่เริ่มเหี่ยวย่นจากวัยที่เพิ่มแก่ลงทุกวัน กฤษฎาอ่อนแรง อ่อนล้าเหลือเกิน ทั้งเรื่องภรรยาและเรื่องของลูกชาย
“เรื่องแค่นี้เองค่ะ” ฟ้ารุ่งบีบมือที่จับเธอไว้อย่างเห็นอกเห็นใจ
“ผมรู้นะ ว่าคุณไม่ใช่คนที่สิ้นไร้ไม้ตอก แต่ที่คุณยอมทำทุกอย่างให้ครอบครัวผม เพราะคุณเป็นคนดี คุณอยากตอบแทนที่ผมช่วยคุณ”
“นั่นก็ส่วนหนึ่งค่ะ แต่จริงๆแล้ว สิ่งที่ฉันทำอยู่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ไปคุยกับหลวงพ่อเรื่องงานวันพรุ่งนี้กันเถอะค่ะ”
“ขอบใจนายมานะเหมราช ที่มานอนเป็นเพื่อนฉัน” ภูวนนท์ยื่นแก้วเบียร์ส่งให้เพื่อนสนิทคนเดียวของเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เพื่อน เขาไม่ทิ้งเพื่อนหรอก” เหมราชยื่นแก้วมาชนกับเพื่อนที่เอาแต่ทำหน้าเครียด
“ภูนายจะยอมไหมเรื่องเอย”
“ยอมเหรอ เรามีสิทธิ์ที่จะไม่ยอมด้วยเหรอ เขาตัดความสัมพันธ์แบบไม่เยื่อใยขนาดนั้น” เขามองไม่เห็นทาง“นายเป็นแฟนกับชิดจันทร์มาเกือบสิบปี ทำไมนายจะไม่มีสิทธิ์ ไอ้หน้าตี๋คนนั้น มันเป็นใครมาจากไหนเราก็ไม่รู้ แม่ของเอยอาจเอามันมาเพื่อทำให้นายกับเอยเลิกกันก็ได้”“นายคิดแบบนั้นจริงๆเหรอ”ใจส่วนลึกเขาก็ไม่ต้องการที่จะยอมง่ายๆอยู่แล้ว แต่แค่คิดว่าเขาไม่มีสิทธ์ เมื่อได้ยินเพื่อนพูดแบบนี้ ภูวนนท์เริ่มรู้สึกอยากแย่งชิงคนรักของเขากลับมา“จริงสิ นายมีสิทธิ์เต็มตัว รอให้งานแม่ของนายเสร็จก่อน แล้วเดินหน้าทวงคืนให้ได้” เหมราชตบไหล่อย่างสนับสนุน“เออ...”เลือดความเป็นชายมันวิ่งซู่ไปทั้งร่างกาย ถ้าไม่ติดพรุ่งนี้เป็นวันที่เขาต้องส่งดวงวิญญาณของมารดาขึ้นสู่สรวงสวรรค์ คืนนี้คงมีการลุยกันเกิดขึ้น“เป็นอะไรคะ เห็นขยับหลังหลายทีแล้ว” ตลอดทางที่ขับรถกลับจากวัด ฟ้ารุ่งสังเกตเจ้านายของเธอขยับหลังตลอดเวลา“มันปวดอย่างไรไม่รู้ สงสัยจะยกของผิดท่า ไม่ได้ทำงานหนักเสียนาน ” สีหน้าบอกถึงความปวด“เดี๋ยวคุณอาบน้ำแล้วฉันจะเอายาไปนวดให้”“หึ! คุณนวดเป็นเหรอ” กฤษฎาทำสีหน้าไม่เชื่อใจ“ตอนที่ฉันยังไม่ได้เลิกกับสามีชาวต่างชาติ ฉ
บทที่6ต่างคนต่างความรู้สึก“ทุกอย่างในคืนนี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง ฉันจะลืมทุกอย่างค่ะ” ฟ้ารุ่งไม่ต้องการจะใช้ร่างกายในการผูกมัดให้เขาต้องรับผิดชอบเธอ“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจริง และมันเกิดขึ้นเพราะความตั้งใจ อย่าคิดมาก เสร็จงานอภิรดีเมื่อไหร่ ผมจะจัดการเรื่องของเรา” กฤษฎาหันมากอดภรรยาคนใหม่ที่นอนเอียงข้างมองหน้าเขาอยู่สำหรับกฤษฎาแล้ว เขารู้สึกแบบที่พูดจริงๆ ตั้งแต่ที่เขาได้เจอกับฟ้ารุ่งวันแรก เธอก็มีอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เขารู้สึกอยากอยู่ใกล้ พอเขาตัดสินใจ รับเธอเข้ามาดูแลอภิรดี ยิ่งสร้างความผูกพันให้เขาถึงจะรู้สึกพอใจใจตัวสาวใช้คนใหม่มากแค่ไหน กฤษฎาก็ไม่เคยคิดจะยุ่งกับเธอฉันชู้สาว จนไม่กี่วันนี้ก่อนที่อภิรดีจะจากไป เธอเหมือนมองความรู้สึกของสามีออก เธอเปิดทางให้สามีหาคนมาดูแล แทนเธอหลังจากที่เธอจากไป และวันนี้กฤษฎาก็หาคนดูแลเจอแล้วงานเสร็จสิ้นไปอย่างเรียบร้อย ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงต่างพากันมาส่งดวงวิญญาณของอภิรดี พราวพลอยร้องไห้จนแทบจะสิ้นสติ เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองมีโอกาสได้ดุแลใกล้ชิดแม่น้อยที่สุด บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ถึงแม้ทุกคนจะเตรียมใจไว้ตั้งแต่ที่รู้ข่าวอาการป่วย แต่เ
“แล้วคุณจะให้พบแอบซ่อนๆกับความรู้สึกตัวเองแบบนี้ไปนานเท่าไหร่”“เมื่อถึงเวลาที่ดีกว่านี้ค่ะ” ฟ้ารุ่งตอบตามที่เธอคิด เพราะตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าเวลานั้นคือเมื่อไหร่ รู้แค่เพียงไม่ใช่เวลานี้ ตอนนี้“คุณคะ...ฉันจะขอคุณออกไปอยู่กับลูกสาว เธอกำลังเดินทางกลับมาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวร ฉันจะพยายามหาเงินมาใช้ในส่วนที่เหลือให้หมด ฉันไม่หนีหายไปแน่ๆค่ะ” ฟ้ารุ่งรอที่จะพูดเรื่องนี้กับกฤษฎามาหลายวัน พอมาเกิดเรื่องเมื่อคืน เธอเลยตัดสินใจที่ต้องพูดเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด“ผมไม่อนุญาต คุณไปแล้วผมล่ะ ใครจะดูแลผม” กฤษฎาเหยียบเบรกรถทันที“ลูกๆคุณ คุณยังมีลูก แต่ทั้งชีวิตของฉันมีแค่ลูกสาวเพียงคนเดียว ฉันทำผิดกับลูกมามาก ฉันขอใช้เวลาที่เหลือดูแลมินรญาให้ดีที่สุด เท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ คุณเข้าใจฉันนะ”ฟ้ารุ่งเข้าใจว่าลูกสาวของเธอยังไม่ได้เดนทางมาจากต่างประเทศ เพราะมินรญาเองไม่ได้บอกกำหนดการจริงในการเดินทาง เธออยากท่องเที่ยวให้ทั่วก่อน เพราะสังคมของที่นี่ คงดูไม่ดีถ้าลูกสาวออกไปเที่ยวกลางคืนทุกคืน“ลูกคุณจะมาถึงเมื่อไหร่” กฤษฎาอยากรู้ว่าเขายังมีเวลาที่จะเหนี่ยวรั้งเธอได้นานแค่ไหน“อาทิตย์หน้าค่ะ”“ทำไมคุณเพิ่
ก๊อกๆ“ใครนั่น” กฤษฎาแปลกใจที่ใครมาเคาะประตูในเวลาดึกแบบนี้“ผมเอง”“เข้ามาสิลูก” กฤษฎาตกใจที่ลูกชายของเขาเข้ามาเคาะประตูหลังจากเข้าเพิ่งเสร็จภารกิจรักได้ไม่นาน แต่ก็พยายามเก็บกักความรู้สึกไว้“พ่อยังไม่นอนเหรอ ทำอะไร ดึกขนาดนี้” เป็นคำถามที่ภูวนนท์ไม่เคยใช้กับบิดา สีหน้าแววตาที่แสดงออกถึงความโกรธได้ชัดเจน“มีอะไรก็พูดกับพ่อมาตรงๆ เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน และ...เราคือครอบครัวเดียวกัน” กฤษฎาทนไม่ไว้แล้ว ทีจะปิดกั้นความรู้สึกเอาไว้ เขาเป็นพ่อ เขาไม่จำเป็นต้องกลัวลูกชายขนาดนั้น“ครอบครัวเดียวกัน ที่หมายถึงน้าฟ้ารุ่งด้วยใช่ไหมครับ พ่อทำไมทำกับแม่แบบนี้ แม่เพิ่งเผาเสร็จ พ่อก็เอาผู้หญิงไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามานอนทับที่ของแม่ พ่อมันเห็นแก่ตัว”หมัดของผู้เป็นพ่อถูกสาวลงที่แกล้มของลูกชาย อย่างที่สุดหัวใจจะรั้งไว้ กฤษฎาเจ็บปวดกับประโยคหลังสุด จนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้“การที่ฉันจะมีใครสักคน มาคอยดูแลในแบบที่ผู้หญิงกับผู้ชายเขาทำกัน ทั้งที่ตอนนี้แม่เขาก็ไม่อยู่แล้ว มันเห็นแก่ตัวมากใช่ไหม ตั้งแต่ฉันแต่งงานกับแม่ของแกมา ไม่มีสักครั้งที่ฉันจะมีคนอื่นให้แม่แกช้ำใจ แม่แก่ป่วยเขาบอกให้ฉันไปหาเศษหาเลยน
เจอกัน...อีกครั้ง “คุณคะ เย็นนี้ลูกสาวฉันจะมาถึงค่ะ” ฟ้ารุ่งตัดสินใจบอกเจ้านาย เธอสองจิตสองใจไม่รู้ว่ามันควรบอกไหม แต่คืนนี้เธอคงต้องให้มินรญานอนที่นี่ก่อน เพราะเขาเป็นเจ้าของบ้าน เธอเลยตัดสินใจบอก “กี่โมงล่ะ เดี๋ยวเราไปรับที่สนามบินกัน” “ลูกบอกจะมาที่นี่เองค่ะ ไม่ได้บอกเวลาที่เครื่องลง บอกแต่เพียงว่า จะมาถึงที่นี่ไม่เกินหกโมงเย็น” มินรญาไม่ได้บอกความจริงกับมารดา ว่าเธอมาถึงที่นี่หลายวันแล้ว เพราะกลัวจะโดนต่อว่าที่ไม่ยอมเข้ามาหาแม่ อีกทั้งตัวมินรญาเองก็จากเมืองไทยไปนาน ถ้ามารดารู้คงมีแต่ความเป็นห่วง “ฉันจะขออนุญาตให้ลูกสาวได้มาที่นี่สักสองสามคืนนะคะ” “ไม่ใช่แค่สองสามคืน ตลอดไปก็ได้” กฤษฎาลุกขึ้นจากโซฟาหน้าบ้าน วางหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือ และเอื้อมือมาโอบไหล่ของภรรยาคนใหม่ของเขา “อย่าเลยค่ะ แค่นี้คุณนนท์ก็รู้สึกไม่ดีแล้ว คุณพราวก็ไม่รู้ว่ารู้เรื่องหรือยัง ฉันไม่อยากทำให้ครอบครัวคุณต้องมีปัญหา” ฟ้ารุ่งเข้าใจความรู้สึกของลูกๆของกฤษฎาและตัวเธอเองก็ต้องการออกไปใช้ชีวิตกับลูกสาวของเธอแค่สองคน “ทุ
“สองคนนี้รู้จักกันมาก่อนเหรอคะ” พราวพลอยถาม “ใช่ค่ะ” มินรญาตอบตามความจริง “ไม่ ผมไม่เคยรู้จักคุณ” ภูวนนท์ปดคำโต “ตกลงมันอย่างไรกันคะ พราวงงไปหมดแล้ว” “ตกลงมันอย่างไรเจ้านนท์” กฤษฎาลุกยืนและหันหน้าไปคาดคั้นเอาคำตอบจากลูกชาย “ไม่รู้จักค่ะ มิ้นคงจำคนผิด คนที่มิ้นรู้จัก รูปร่างหน้าตาเหมือนลูกชายของคุณลุงมาก แต่ต่างตรงที่เขาดูเป็นลูกผู้ชายมากกว่านี้ มิ้นคงเพิ่งลงจากเครื่องสายตาเลยฝ้าฟางไปหน่อยค่ะ” ทุกคนมองดูท่าทางของคนทั้งคู่ ต่างก็ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ทั้งคู่พูดตอนนี้ แต่ถ้ายิ่งคาดคั้นไปสถานการณ์อาจจะยิ่งแย่ลง “ขอโทษนะคะ ที่คุณพูดจาดูแคลนแม่ฉันแบบนั้น คุณคงจะเข้าใจอะไรผิด รบกวนใช้หูทั้งสองข้างของคุณ ฟังในสิ่งที่เป็นความจริงหน่อย ที่ฉันกับแม่ยังอยู่ที่นี่ เพราะพ่อของคุณขอร้องไว้ ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้อยากอยู่นักหรอก แต่เห็นกับบุญคุณที่พ่อของคุณช่วยเหลือแม่ฉันไว้ เลยทำให้ท่านสบายใจ เมื่อรู้แล้ว กรุณาใช้กิริยาที่ดีกว่านี้ กับคนที่อายุคราวแม่ของคุณ” บรรยากาศดูตรึงเครียด สถานการณ์ไม่สู้ดี พราวพลอยมองสบ
“พ่อของลูก เขารักลูกมากนะ อย่าทำให้พ่อเขาผิดหวัง” การหย่าร้างทำให้สถานะความเป็นสามีภรรยาขาดลง แต่ความเป็นพ่อและแม่จะคงอยู่ตลอดไป เพราะฟ้ารุ่งรู้ว่าอิมรานรักมินรญามากแค่ไหน เธอถึงได้ยอมตัดสินใจส่งลูกสาวคนเดียวที่เธอทั้งรักทั้งห่วง ให้ไปอยู่ไกลถึงอังกฤษ ไม่มีทางที่คนเป็นพ่ออย่างอิมรานจะยอมให้ลูกของเขาต้องลำบาก “มิ้นก็รักพ่อกับแม่มากค่ะ” มินรญาเอนตัวลงนอนหนุนตักมารดา ก่อนหลับไปอย่างไม่รู้ตัว “คุณคะ ขอฉันเข้าไปคุยอะไรด้วยหน่อย” ฟ้ารุ่งเดินขึ้นมาหากฤษฎาที่ห้องนอน “ผมคิดว่าคุณจะไม่มาหาผมเสียแล้ว” ประตูถูกเปิดคนข้างในเอื้อมมือมาดึงมือหญิงวัยใกล้เคียงกับเขา ให้เข้าไปข้างใน ห้องนอนของพราวพลอยอยู่ไม่ไกลจากห้องของบิดา มีแค่เพียงห้องทำงานและห้องน้ำคั่นไว้ เสียงเคาะประตูของฟ้ารุ่ง ทำให้เธอลุกขึ้นมาดู จนเห็นภาพที่ฟ้ารุ่งเดินเข้าห้องบิดาของเธอไป พราวพลอยตัดสินใจที่จะแอบฟังคนทั้งคู่คุยกัน เพราะเธอเองก็ยังไม่ไว้ใจในตัวของแม่เลี้ยงคนใหม่นี้สักเท่าไหร่ “คิดถึงผมเหรอ” สองมือลูบหน้าลูบผมด้วยความคิดถึงแบบชายวันดึก “ไม่ใช่หร
.บทที่8ขิงก็รา...ข่าก็แรง“เช้านี้อากาศสดใสดีไหม” ฟ้ารุ่งทักทายลูกสาวที่ยืนสูดอากาศอยู่ด้านนอกของห้องครัว“อากาศดีค่ะแม่ วันนี้เราต้องกินข้าวร่วมกับคนบ้านใหญ่ไหมคะ” มินรญาไม่อยากเจอหน้าลูกชายเจ้าของบ้าน เพราะกลัวจะเก็บกดอารมณ์โมโหของตัวเองไว้ไม่ไหว“ไม่ต้องหรอก แม่ทำกับข้าวไว้ให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว เราก็กินของเราที่ครัวนี่แหละ” ฟ้ารุ่งตั้งใจไว้แล้วที่จะไม่ให้คนทั้งคู่ได้ปะทะกัน“ดีจังค่ะ วันนี้มิ้นจะได้กินข้าวอย่างมีความสุข ฝีมือแม่ครัวคนเก่งคนนี้ไม่เคยตก จะกินให้เรียบเลยค่ะ” หญิงสาวโอบเอว หอมแก้มมารดาอย่างเอาใจ“ปากหวานจริง ๆ ลูกสาวคนสวยของแม่” มือเรียวที่เริ่มเหี่ยวย่นตามกาลเวลา จับหัวลูกสาวอย่างเอ็นดู“แม่คะ วันนี้มิ้นจะออกไปสำรวจดูว่ามีแถวไหนบ้างที่เหมาะกับการเปิดสาขาใหม่ ไม่ได้อยู่เมืองไทยเสียนาน อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปหมด ต้องออกไปใช้ชีวิตข้างนอกให้คุ้นเคยกับเมืองไทยให้มากกว่านี้ แม่ไม่ต้องห่วงมิ้นนะคะ ”“ ให้แม่ไปด้วยไหม” ผู้เป็นแม่ห่วงกลัวมินรญาจะหลงหรือเกิดอันตราย“ไม่ต้องหรอกค่ะ มิ้นกลัวแม่จะเหนื่อยและเป็นลมไปก่อนมิ้นจะได้ทำเลดี ๆค่ะ”มินรญาเธอกะว่าวันนี้เธอจะขึ้นรถเมล์บ้าง แท็ก