ก๊อกๆ
“ใครนั่น” กฤษฎาแปลกใจที่ใครมาเคาะประตูในเวลาดึกแบบนี้
“ผมเอง”
“เข้ามาสิลูก” กฤษฎาตกใจที่ลูกชายของเขาเข้ามาเคาะประตูหลังจากเข้าเพิ่งเสร็จภารกิจรักได้ไม่นาน แต่ก็พยายามเก็บกักความรู้สึกไว้
“พ่อยังไม่นอนเหรอ ทำอะไร ดึกขนาดนี้” เป็นคำถามที่ภูวนนท์ไม่เคยใช้กับบิดา สีหน้าแววตาที่แสดงออกถึงความโกรธได้ชัดเจน
“มีอะไรก็พูดกับพ่อมาตรงๆ เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน และ...เราคือครอบครัวเดียวกัน” กฤษฎาทนไม่ไว้แล้ว ทีจะปิดกั้นความรู้สึกเอาไว้ เขาเป็นพ่อ เขาไม่จำเป็นต้องกลัวลูกชายขนาดนั้น
“ครอบครัวเดียวกัน ที่หมายถึงน้าฟ้ารุ่งด้วยใช่ไหมครับ พ่อทำไมทำกับแม่แบบนี้ แม่เพิ่งเผาเสร็จ พ่อก็เอาผู้หญิงไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามานอนทับที่ของแม่ พ่อมันเห็นแก่ตัว”
หมัดของผู้เป็นพ่อถูกสาวลงที่แกล้มของลูกชาย อย่างที่สุดหัวใจจะรั้งไว้ กฤษฎาเจ็บปวดกับประโยคหลังสุด จนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้
“การที่ฉันจะมีใครสักคน มาคอยดูแลในแบบที่ผู้หญิงกับผู้ชายเขาทำกัน ทั้งที่ตอนนี้แม่เขาก็ไม่อยู่แล้ว มันเห็นแก่ตัวมากใช่ไหม ตั้งแต่ฉันแต่งงานกับแม่ของแกมา ไม่มีสักครั้งที่ฉันจะมีคนอื่นให้แม่แกช้ำใจ แม่แก่ป่วยเขาบอกให้ฉันไปหาเศษหาเลยนอกบ้าน ฉันก็ไม่เคยทำ พวกแกมีหัวใจ มีความรู้กัน แล้วฉันล่ะ ฉันก็คน แกจะให้ฉันไม่รู้สึกอะไรเลยใช่ไหม ฉันมันคงเป็นพ่อที่เห็นแก่ตัวมากในสายตาลูกอย่างแก”
กฤษฎาเดินออกจากห้องนอนเดินลงไปที่ชั้นล่างของบ้าน เขาไม่สามารถที่จะควบคุมอารมณ์ของเขาได้ ถ้ายังต้องเผชิญหน้ากับลูกชายที่พูดจาดูหมื่นเขาแบบนั้น
เมื่อบิดาเดินออกจากห้องนอนออกไป ภูวนนท์ได้แต่ยืนกำหมัดแน่น มองไปที่รูปแต่งงานของพ่อกับแม่ที่อยู่บนหัวเตียง เขาสับสนไปหมด ทำไม่เรื่องนี้มันสร้างความเจ็บปวดให้เขาขนาดนี้ แม่มาจากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ คนรักก็มาทิ้งไปอย่างไม่มีแม้แต่คำบอกลา และสุดท้ายวันนี้พ่อของเขามีเมียใหม่เป็นคนใช้ในบ้านอีก ทุกคนจะทิ้งเขาไปหมดเลยใช่ไหม ภูวนนท์มองตัวเองแบบคนที่ไม่เหลือใครอีกเลย
เช้านี้บนโต๊ะอาหาร มีเพียงแค่กฤษฎาเท่านั้น พราวพลอยยังไม่กลับจากบ้านเพื่อน ส่วนภูวนนท์ก็คงยังไม่อยากเจอหน้าบิดาของเขาในเวลานี้
“ตักข้าวเลย” กฤษฎาสั่งฟ้ารุ่งให้ตักข้าว
“ให้คนไปตามคุณภูไหมคะ”
“ไม่ต้อง ฉันเป็นพ่อมัน ไม่ใช่เป็นลูกมัน ถ้ามันคิดว่าฉันไม่ดีก็ให้มันตัดฉันไป” สองมือกำหมัดแน่นอยู่ข้างจานข้าว
“เพราะเขาเป็นลูก ไม่ได้เป็นพ่อ คุณถึงต้องให้อภัยเขา คุณนนท์ยังเด็ก ชีวิตช่วงนี้ก็มีแต่ปัญหา อย่างที่ฉันบอกคุณ ถ้าลูกคุณรู้เรื่องนี้ ต้องเสียใจมากๆ เพราะพวกเขาต้องกลัว ว่าฉันจะมาแย่งคุณไป”
เมื่อเห็นว่าแถวนั้นไม่มีใครอยู่ นอกจากเธอและกฤษฎา ฟ้ารุ่งจึงเข้าเรื่องเลย เพราะเมื่อคืนเธอได้ยินทุกถ้อยคำ ที่พ่อลูกพูดใส่กัน
“แล้วเธอจะให้ฉันทำอย่างไร ไปขอโทษมันเหรอ ฉันทำไม่ได้หรอก” กฤษฎาใส่อารมณ์ในแบบที่ฟ้ารุ่งเองก็ไม่คาดคิดว่าผู้ชายที่เธอเพิ่งมีสัมพันธ์ด้วย จะเป็นผู้ชายอารมณ์ร้อนขนาดนี้
“ก็ทำให้เขารู้สึก ว่าถึงคุณมีฉัน พวกเขาก็ไม่ได้เสียคุณไป และอย่าลืมบอกนะคะ ว่าอีกไม่กี่วันหรืออาจจะเร็วๆนี้ ฉันก็จะออกไปอยู่กับครอบครัวของฉันแล้ว ลูกๆคุณจะได้สบายใจ”
“ผมจะลองใช้วิธีที่คุณพูดคงรอให้อยู่พร้อมหน้ากัน แต่จำไว้ว่าผมไม่ให้คุณไปไหน และไม่ต้องพูดเรื่องจะออกจากบ้านนี้อีก ลูกสาวคุณมาถึงเมืองไทยเมื่อไหร่ เดี๋ยวเราไปรับเธอมาอยู่ที่นี่กับเรา บ้านออกใหญ่โต ไม่จำเป็นต้องไปอยู่ที่อื่น”
น้ำเสียงที่ดูนิ่งลงแต่เอาจริงเอาจัง ทำให้ฟ้ารุ่งไม่อยากจะเถียงกับเจ้าของบ้าน เพราะมันอาจจะยิ่งทำให้กฤษฎาพาลไปใส่อารมณ์กับเรื่องของเขากับลูก
ฟ้ารุ่งตอนนี้เธอคิดถึงลูกสาวสุดหัวใจ นานมากๆที่เธอไม่มีโอกาสได้กอดได้หอมลูก เห็นหน้ากันก็แค่คุยผ่านวิดีโอ อีกไม่กี่วันเธอก็จะได้นอนกอดลูกเหมือนแม่คนอื่น ชีวิตของเธอต่อจากนี้ ก็แล้วแต่มินรญาเลย เพราะฟ้ารุ่งรู้สึกว่าตัวเธอเองทำอะไรตามใจตัวเองมามากเกินพอแล้ว
เจอกัน...อีกครั้ง “คุณคะ เย็นนี้ลูกสาวฉันจะมาถึงค่ะ” ฟ้ารุ่งตัดสินใจบอกเจ้านาย เธอสองจิตสองใจไม่รู้ว่ามันควรบอกไหม แต่คืนนี้เธอคงต้องให้มินรญานอนที่นี่ก่อน เพราะเขาเป็นเจ้าของบ้าน เธอเลยตัดสินใจบอก “กี่โมงล่ะ เดี๋ยวเราไปรับที่สนามบินกัน” “ลูกบอกจะมาที่นี่เองค่ะ ไม่ได้บอกเวลาที่เครื่องลง บอกแต่เพียงว่า จะมาถึงที่นี่ไม่เกินหกโมงเย็น” มินรญาไม่ได้บอกความจริงกับมารดา ว่าเธอมาถึงที่นี่หลายวันแล้ว เพราะกลัวจะโดนต่อว่าที่ไม่ยอมเข้ามาหาแม่ อีกทั้งตัวมินรญาเองก็จากเมืองไทยไปนาน ถ้ามารดารู้คงมีแต่ความเป็นห่วง “ฉันจะขออนุญาตให้ลูกสาวได้มาที่นี่สักสองสามคืนนะคะ” “ไม่ใช่แค่สองสามคืน ตลอดไปก็ได้” กฤษฎาลุกขึ้นจากโซฟาหน้าบ้าน วางหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือ และเอื้อมือมาโอบไหล่ของภรรยาคนใหม่ของเขา “อย่าเลยค่ะ แค่นี้คุณนนท์ก็รู้สึกไม่ดีแล้ว คุณพราวก็ไม่รู้ว่ารู้เรื่องหรือยัง ฉันไม่อยากทำให้ครอบครัวคุณต้องมีปัญหา” ฟ้ารุ่งเข้าใจความรู้สึกของลูกๆของกฤษฎาและตัวเธอเองก็ต้องการออกไปใช้ชีวิตกับลูกสาวของเธอแค่สองคน “ทุ
“สองคนนี้รู้จักกันมาก่อนเหรอคะ” พราวพลอยถาม “ใช่ค่ะ” มินรญาตอบตามความจริง “ไม่ ผมไม่เคยรู้จักคุณ” ภูวนนท์ปดคำโต “ตกลงมันอย่างไรกันคะ พราวงงไปหมดแล้ว” “ตกลงมันอย่างไรเจ้านนท์” กฤษฎาลุกยืนและหันหน้าไปคาดคั้นเอาคำตอบจากลูกชาย “ไม่รู้จักค่ะ มิ้นคงจำคนผิด คนที่มิ้นรู้จัก รูปร่างหน้าตาเหมือนลูกชายของคุณลุงมาก แต่ต่างตรงที่เขาดูเป็นลูกผู้ชายมากกว่านี้ มิ้นคงเพิ่งลงจากเครื่องสายตาเลยฝ้าฟางไปหน่อยค่ะ” ทุกคนมองดูท่าทางของคนทั้งคู่ ต่างก็ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ทั้งคู่พูดตอนนี้ แต่ถ้ายิ่งคาดคั้นไปสถานการณ์อาจจะยิ่งแย่ลง “ขอโทษนะคะ ที่คุณพูดจาดูแคลนแม่ฉันแบบนั้น คุณคงจะเข้าใจอะไรผิด รบกวนใช้หูทั้งสองข้างของคุณ ฟังในสิ่งที่เป็นความจริงหน่อย ที่ฉันกับแม่ยังอยู่ที่นี่ เพราะพ่อของคุณขอร้องไว้ ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้อยากอยู่นักหรอก แต่เห็นกับบุญคุณที่พ่อของคุณช่วยเหลือแม่ฉันไว้ เลยทำให้ท่านสบายใจ เมื่อรู้แล้ว กรุณาใช้กิริยาที่ดีกว่านี้ กับคนที่อายุคราวแม่ของคุณ” บรรยากาศดูตรึงเครียด สถานการณ์ไม่สู้ดี พราวพลอยมองสบ
“พ่อของลูก เขารักลูกมากนะ อย่าทำให้พ่อเขาผิดหวัง” การหย่าร้างทำให้สถานะความเป็นสามีภรรยาขาดลง แต่ความเป็นพ่อและแม่จะคงอยู่ตลอดไป เพราะฟ้ารุ่งรู้ว่าอิมรานรักมินรญามากแค่ไหน เธอถึงได้ยอมตัดสินใจส่งลูกสาวคนเดียวที่เธอทั้งรักทั้งห่วง ให้ไปอยู่ไกลถึงอังกฤษ ไม่มีทางที่คนเป็นพ่ออย่างอิมรานจะยอมให้ลูกของเขาต้องลำบาก “มิ้นก็รักพ่อกับแม่มากค่ะ” มินรญาเอนตัวลงนอนหนุนตักมารดา ก่อนหลับไปอย่างไม่รู้ตัว “คุณคะ ขอฉันเข้าไปคุยอะไรด้วยหน่อย” ฟ้ารุ่งเดินขึ้นมาหากฤษฎาที่ห้องนอน “ผมคิดว่าคุณจะไม่มาหาผมเสียแล้ว” ประตูถูกเปิดคนข้างในเอื้อมมือมาดึงมือหญิงวัยใกล้เคียงกับเขา ให้เข้าไปข้างใน ห้องนอนของพราวพลอยอยู่ไม่ไกลจากห้องของบิดา มีแค่เพียงห้องทำงานและห้องน้ำคั่นไว้ เสียงเคาะประตูของฟ้ารุ่ง ทำให้เธอลุกขึ้นมาดู จนเห็นภาพที่ฟ้ารุ่งเดินเข้าห้องบิดาของเธอไป พราวพลอยตัดสินใจที่จะแอบฟังคนทั้งคู่คุยกัน เพราะเธอเองก็ยังไม่ไว้ใจในตัวของแม่เลี้ยงคนใหม่นี้สักเท่าไหร่ “คิดถึงผมเหรอ” สองมือลูบหน้าลูบผมด้วยความคิดถึงแบบชายวันดึก “ไม่ใช่หร
.บทที่8ขิงก็รา...ข่าก็แรง“เช้านี้อากาศสดใสดีไหม” ฟ้ารุ่งทักทายลูกสาวที่ยืนสูดอากาศอยู่ด้านนอกของห้องครัว“อากาศดีค่ะแม่ วันนี้เราต้องกินข้าวร่วมกับคนบ้านใหญ่ไหมคะ” มินรญาไม่อยากเจอหน้าลูกชายเจ้าของบ้าน เพราะกลัวจะเก็บกดอารมณ์โมโหของตัวเองไว้ไม่ไหว“ไม่ต้องหรอก แม่ทำกับข้าวไว้ให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว เราก็กินของเราที่ครัวนี่แหละ” ฟ้ารุ่งตั้งใจไว้แล้วที่จะไม่ให้คนทั้งคู่ได้ปะทะกัน“ดีจังค่ะ วันนี้มิ้นจะได้กินข้าวอย่างมีความสุข ฝีมือแม่ครัวคนเก่งคนนี้ไม่เคยตก จะกินให้เรียบเลยค่ะ” หญิงสาวโอบเอว หอมแก้มมารดาอย่างเอาใจ“ปากหวานจริง ๆ ลูกสาวคนสวยของแม่” มือเรียวที่เริ่มเหี่ยวย่นตามกาลเวลา จับหัวลูกสาวอย่างเอ็นดู“แม่คะ วันนี้มิ้นจะออกไปสำรวจดูว่ามีแถวไหนบ้างที่เหมาะกับการเปิดสาขาใหม่ ไม่ได้อยู่เมืองไทยเสียนาน อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปหมด ต้องออกไปใช้ชีวิตข้างนอกให้คุ้นเคยกับเมืองไทยให้มากกว่านี้ แม่ไม่ต้องห่วงมิ้นนะคะ ”“ ให้แม่ไปด้วยไหม” ผู้เป็นแม่ห่วงกลัวมินรญาจะหลงหรือเกิดอันตราย“ไม่ต้องหรอกค่ะ มิ้นกลัวแม่จะเหนื่อยและเป็นลมไปก่อนมิ้นจะได้ทำเลดี ๆค่ะ”มินรญาเธอกะว่าวันนี้เธอจะขึ้นรถเมล์บ้าง แท็ก
“ฉันไม่ได้อยู่กรุงเทพมาหลายปี ก็เลยอยากทำความรู้จักว่าเดี๋ยวนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง จอดข้างหน้าเลยค่ะ ฉันจะลงตรงนี้” สิ้นเสียงคนพูดภูวนนท์กลับเลี้ยวขึ้นถนนใหญ่ แทนที่จะจอดหน้าปากซอย ตามคำบอกของมินรญา เขาทำเหมือนไม่ได้ยินที่เธอพูดเลย “คุณไม่ได้ยินที่ฉันบอกเหรอ ฉันบอกให้จอด จอด!! จอดเดี๋ยวนี้” ปากก็พูดมือก็หันไปจับแขนคนขับเขย่าด้วยความโมโห “คุณจะโวยวายอะไรนักหนา และมาจับแขนผมแบบนี้ เดี๋ยวก็รถชนตายกันพอดี ผมไม่พาคุณไปทำอะไรหรอก ผมไม่ได้พิศวาสอะไรคุณนักหนา” “แล้วคุณทำไมไม่จอด คุณต้องการอะไร” มินรญาถลึงตากลมโตเหมือนแขกใส่คู่สนทนาอย่างไม่เกรงกลัว “คุณไม่ได้อยู่เมืองไทยมานาน ผมก็กลัวคุณจะไปทำเซ่อ ๆ ซ่า สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น แล้วพาลทำให้คุณพ่อของผมอายไปด้วย คุณจะไปไหน เดี๋ยวผมพาไป นั่งเงียบ ๆ ก็พอ” “ไม่รู้” ตอบเพียงสั้นๆ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหนและก็แสนจะหงุดหงิดกับคำพูดของคนนั่งข้างๆ ที่ประชดประชัน เหน็บแนม อยู่ตลอดเวลา “ผมจะยอมสงบศึกกับคุณชั่วคราว เอาดี ๆ คุณอยากไปที่ไหน ผมว่าง เบื่อๆ ไม่มีอะไ
“ลงรถไปก็รอผมด้วยนะ ไม่ใช่รีบเดินไปไหน เดี๋ยวจะหลงจนหาทางกลับบ้านไม่ถูกซะ” ชายหนุ่มพุดไปหัวเราะไป เมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนของมินรญาที่เปิดประตูรถทันที่ที่รถจอดสนิท “คนไม่เยอะเท่าไหร่นะคะ ถ้าเทียบกับด้านหน้าของที่นี่” มินรญารู้สึกว่าบรรยากาศต่างจากที่เธอคิดไว้ เมื่อบันไดเลื่อนพาเธอขึ้นมาชั้นหนึ่งของห้าง “ถึงที่นี่จะดูคึกคักน้อยกว่าด้าน แต่เงินสะพัดกว่าแน่นอน สินค้าที่นี่ราคาค่อนข้างสูง ผู้คนที่มาเดินซื้อสินค้าในนี้ ส่วนใหญ่ก็มีกำลังทรัพย์มาก ” คนที่เดินสวนไปสวนมา คงไม่คิดว่าหนุ่มสาวคู่นี้ จะเป็นคนที่ไม่ชอบขี้หน้ากันมาก่อน เพราะท่าทีที่พูดคุยดุสนิทสนมถูกคอกัน ของคนทั้งคู่ ดูเหมือนเป็นคู่รัก เป็นเพื่อนหรือเป็นพี่น้องกันเสียมากกว่า “ไม่เจอกันนานเลยนะ ภูวนนท์” เสียงไพเราะแต่เหยือกเย็นที่แสนจะคุ้นหูภูวนนท์ยิ่งนัก ไม่ใช่เสียงใครที่ไหน แต่คือเสียงของแม่อดีตคนรักของเขานั่นเอง “สวัสดีครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้อย่างเสียไม่ได้เพราะอย่างไร โฉมเฉลาก็เป็นผู้ใหญ่กว่า “สบายดีครับ” ภูวนนท์ตอบตามมารยาท “จะไม่แนะนำ
บทที่9นักแสดง “พี่ภูคะ ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย”พราวพลอยถามพี่ชายด้วยความสงสัย ที่ถือถุงกับข้าวมาทั้งสองมือ “อาหารร้านนี้อร่อย พี่ซื้อมาฝาก” ภูวนนท์คิดคำโกหกอย่างไม่ทันตั้งตัว “พราวนึกว่าพี่ภูจะซื้อมาเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้านนะคะนี่ จะกินกันหมดไหม สงสัยต้องอร่อยมากๆแน่เลย เดี๋ยวพราวเอาไปจัดการในครัวก่อนนะคะ” มินรญาเดินยิ้มเยาะตามพราวพลอยเข้าไปในครัว ทิ้งให้คนเสียหน้ายืนกำมือแน่นอยุ่คนเดียว “ไปไหนกันมาคะ” คนถามแอบเห็นมินรญาเดินลงจากรถของพี่ชาย “ไปไหนคะ เอ่อ...เราไม่ได้ไปด้วยกันค่ะ” เมื่อถูกถามอย่างไม่ทันตั้งตัว เสียงตอบก็ฟังตะกุกตะกัน เหมือนพูดอยู่ในคอ “แต่พราวเห็นคุณมิ้นกลับมากับพี่ภูนะคะ คุณคงไม่เห็นพราว เพราะพราวมองมาจากหน้าต่างด้านบนค่ะ” “คุณภูเจอฉันกำลังเดินมาจาหน้าปากซอยเลยจอดรถแวะรับ เราไม่ได้ไปด้วยกันจริง ๆ ค่ะ” ถึงแม้จะรู้ว่ากำลังโดนไล่ต้อนให้พูดความจริง แต่เธอก็เลือกที่จะโกหกต่อดีกว่า เพราะไม่อยากให้ใครคิดว่าเธอกับภูวนนท์ไปไหนมาไหนด้วยกัน มินรญาไม่อยากมีความเกี่ยวข้องกับผู้ชายปากร้ายแบบนี้
“คุณภูวนนท์คุณไม่ต้องไปหรอกค่ะ ฉันกับแม่จะกินข้าวกันในครัว คุณสบายใจได้ กินข้าวให้อร่อยนะคะ” มินรญามองหน้าลูกชายของเจ้าของบ้านด้วยสายตาที่สุดจะทนกับการแสดงท่าทางรังเกลียดเธอและแม่อย่างออกนอกหน้า“มิ้นขอตัวนะคะ คุณลุง คุณพราว” พูดจบหญิงสาวก็สะบัดหน้าเดินเข้าไปในครัวเช้าวันนี้กฤษฎาไปทำงานที่บริษัทพร้อมกับลูกชาย เพราะเขานัดมินตรานางเอกชื่อดังที่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของโครงการหมู่บ้านจัดสรรโครงการใหม่ให้ นอกจากอยากจะให้ภูวนนท์ได้รู้จักในฐานะที่ต้องทำงานร่วมกัน เขายังหวังว่ามินตราจะทำให้ภูวนนท์หายเสียใจจากเรื่องของชิดจันทร์ เพราะนางเอกคนนนี้ มีความสวยและเสน่ห์ที่ชวนน่าหลงใหล ผู้ชายคนไหนเห็นก็คงต้องหลงรักแน่นอน“สวัสดีค่ะคุณกฤษฎา สวัสดีค่ะคุณภูวนนท์” เสียงนุ่มหวานของมินตราทำเอาภูวนนท์ต้องเงยหน้าจากการตั้งหน้าตั้งตาเซ็นเอกสาร จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่สนใจพรีเซ็นเตอร์คนที่พอหามา แต่ความสวยของเธอทำเอาเขาถึงกับมองเธอไม่กระพริบตา“สวัสดีครับคุณมินตรา” กฤษฎากล่าวทักทายและเชิญนางเอกสาวให้นั่งลงโซฟาใกล้ๆกับภูวนนท์“ผิงขออนุญาตเรียกว่าคุณอานะคะ คุณอาก็เรียกผิงเฉยๆ ก็ได้ค่ะ เรียกชื่อจริง ผิงว่ามันให้ความ