Share

เจอกัน...อีกครั้ง(2)

“สองคนนี้รู้จักกันมาก่อนเหรอคะ” พราวพลอยถาม

            “ใช่ค่ะ” มินรญาตอบตามความจริง

            “ไม่ ผมไม่เคยรู้จักคุณ” ภูวนนท์ปดคำโต

            “ตกลงมันอย่างไรกันคะ พราวงงไปหมดแล้ว”

            “ตกลงมันอย่างไรเจ้านนท์” กฤษฎาลุกยืนและหันหน้าไปคาดคั้นเอาคำตอบจากลูกชาย

            “ไม่รู้จักค่ะ มิ้นคงจำคนผิด คนที่มิ้นรู้จัก รูปร่างหน้าตาเหมือนลูกชายของคุณลุงมาก แต่ต่างตรงที่เขาดูเป็นลูกผู้ชายมากกว่านี้ มิ้นคงเพิ่งลงจากเครื่องสายตาเลยฝ้าฟางไปหน่อยค่ะ”

            ทุกคนมองดูท่าทางของคนทั้งคู่ ต่างก็ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ทั้งคู่พูดตอนนี้ แต่ถ้ายิ่งคาดคั้นไปสถานการณ์อาจจะยิ่งแย่ลง

            “ขอโทษนะคะ ที่คุณพูดจาดูแคลนแม่ฉันแบบนั้น คุณคงจะเข้าใจอะไรผิด รบกวนใช้หูทั้งสองข้างของคุณ ฟังในสิ่งที่เป็นความจริงหน่อย ที่ฉันกับแม่ยังอยู่ที่นี่ เพราะพ่อของคุณขอร้องไว้ ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้อยากอยู่นักหรอก แต่เห็นกับบุญคุณที่พ่อของคุณช่วยเหลือแม่ฉันไว้ เลยทำให้ท่านสบายใจ เมื่อรู้แล้ว กรุณาใช้กิริยาที่ดีกว่านี้ กับคนที่อายุคราวแม่ของคุณ”

            บรรยากาศดูตรึงเครียด สถานการณ์ไม่สู้ดี พราวพลอยมองสบตาบิดาเหมือนต้องการหาทางออก เพราะเธอกลัวใจพี่ชายของเธอจะทำอะไรที่รุนแรงกว่านี้ เพราะเธอเคยเห็นเวลาที่พี่ชายของเธอโมโหขึ้นมา เหมือนไฟที่พร้อมจะแผดเผาทุกอย่าง ตรงข้ามกับเวลาที่อารมณ์ดี เปรียบเหมือนสายน้ำที่ไหลพาความชุ่มชื้นไปทุกที่

            “พี่ภูคะ ไปบ้านเล็กกันเถอะ พราวอยากไปเดินเล่น” พราวพลอยคว้ามือพี่ชายเดินออกจากประตูบ้านไป

            ภูวนนท์ยอมเดินออกจากบ้านตามน้องสาวไป แต่สายตาสุดท้ายที่เขามองแขกคนใหม่ของบ้าน มันไม่ใช่สายตาแห่งความโกรธ แต่มันเป็นสายตาแห่งความผิดหวัง พราวพลอยได้แต่เก็บความสงสัยไว้ วันนี้คงไม่เหมาะที่เธอจะตามหาความจริง

            “พี่ภูไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายใจก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพราวให้ยุ้ยยกกับข้าวมากินที่นี่ เดี๋ยวพราวกินเป็นเพื่อน”

            “ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่อาบน้ำเสร็จก็ไปกินบ้านใหญ่ด้วยกัน”

            คำตอบของพี่ชายทำเอาน้องสาวของเขาตกใจ เมื่อไม่กี่นาทีคนตรงหน้าเธอ ยังโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ตัวเธอก็หวังดีคิดว่าเขาคงไม่อยากร่วมโต๊ะกับมินรญา แต่ที่ไหนได้เขากลับจะไปกินข้าวบ้านนู้น

            “แน่ใจนะคะ” พราวพลอยถามเพื่อยืนยันคำตอบ

            “นั่นบ้านของแม่นะ ทำไมเราต้องหนี พวกนั้นต่างหากที่ต้องหนีเพราะไม่อยากเจอหน้าพี่” พูดจบชายหนุ่มก็เดินขึ้นห้องนอนไป

            บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูเงียบสงบ ต่างคนต่างไม่มีใครกล้าพูดอะไร หลายครั้งที่พราวพลอยแอบเห็นคนทั้งคู่แอบสบตากัน ถึงแม้ทั้งมินรญาและภูวนนท์จะบอกว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่การแสดงออกมันกลับตรงข้าม โดยเฉพาะภูวนนท์เขามีสายตาที่ไม่ปกติเวลาที่มองหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม

            “แม่คะ แม่ควรต้องพูดความจริงทุกอย่างให้มิ้นฟังแล้ว ที่แม่มาอยู่ที่นี่ไม่ใช่แค่ในฐานะคนรับใช้ใช่ไหม ลูกชายเขาถึงได้ทำท่ารังเกียจเราสองคนแม่ลูกขนาดนี้”

            ฟ้ารุ่งเล่าเรื่องราวแค่บางส่วนให้ลูกสาวคนเดียวของเธอฟัง เพราะคิดว่าความจริงทั้งหมดเธอจะค่อยๆเล่าให้มินรญาฟัง แต่เมื่อเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ เธอคงต้องเล่าเสียที

            เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ ฟ้ารุ่งเล่าให้ลูกสาวของเธอฟัง แต่ก็คงไม่ละเอียดเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องของกฤษฎา

            “เฮ้อ....มิ้นไม่แปลกใจเลยค่ะ ที่เขาจะไม่ชอบเราขนาดนี้ แม่เนาะแม่ แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องยอมรับ ถ้าแม่ยังอยากอยู่ที่นี่ มิ้นจะอยู่เป็นเพื่อน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่แม่ทนไม่ไหว เราไปอยู่ที่อื่นกันนะ มิ้นเลี้ยงแม่ได้”

            มินรญาโผเข้าสวมกอดมารดา ที่กำลังนั่งพับผ้าอยู่ข้างๆเธอ นานมากแล้ว ที่หญิงสาวไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากมารดา ตอนที่เธอยังอยู่เมืองไทย แม่ก็ส่งเธอไปเรียนโรงเรียนประจำ พอโตขึ้น เธอก็มาใช้ชีวิตอยู่คนละประเทศกับมารดา อ้อมกอดแม่มันอุ่นจริงไหม มินรญายังไม่ค่อยมั่นใจ

            “แม่รักลูกนะ” น้ำตามันหยดแบบไม่ทันตั้งตัว นี่เป็นครั้งแรกที่ฟ้ารุ่งบอกรักลูก

            “มิ้นก็รักแม่ค่ะ รักมากที่สุดกว่าทุกคนบนโลกใบนี้เลย”ถึงแม้เธอจะเสียใจแต่ก็เข้าใจความรู้สึกมารดา

            สองแม่ลูกนั่งกอดกันด้วยความรักและคิดถึง ก่อนหน้านี้ฟ้ารุ่งเป็นหญิงสาวที่เอาแต่เที่ยวเตร่ เพราะเธอรู้สึกว่าชีวิตล้มเหลวตั้งแต่เลิกรากับพ่อของมินรญา ทั้งที่เธอเองเป็นคนทิ้งสามีเอง แต่นั่นเป็นเพราะความต้องการที่ไม่ตรงกัน ฟ้ารุ่งต้องการมีครอบครัวอยู่ที่เมืองไทย แต่อิมรานกับต้องการความร่ำรวย ชื่อเสียง เขาจึงไม่เลือกที่จะอยู่ที่เมืองไทยแต่กลับยอมทิ้งฟ้ารุ่งไปตามเส้นทางของเขา

            “วางแผนชีวิตไว้อย่างไรบ้างเหรอลูก”  ฟ้ารุ่งเป็นห่วงกลัวว่าลูกสาวคนเดียวของเธอจะมัวแต่คิดถึงเธอจนไม่มองไปข้างหน้า

          “มิ้นคุยกับพ่อก่อนมาเมืองไทย พ่อรอเอาเรื่องเข้าไปคุยกับคณะกรรมการของบริษัท พ่ออยากจะมาเปิดสาขาเพิ่มในไทย ถ้าไม่มีปัญหาอะไรพ่อจะให้มิ้นดูแลสาขาที่นี่ค่ะ”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status