Share

ชุดซีทรูกับหนุ่มขี้เมา

บทที่10

ชุดซีทรูกับหนุ่มขี้เมา

           

“เหมเดี๋ยวนี้ไม่มาดื่มที่บ้านเป็นเพื่อนกันเลยนะ” ภูวนนท์ส่งเสียงตามสายไปถึงเพื่อนสนิท ที่อยู่ดี ๆ ก็หายตัวเงียบไป

ตั้งแต่เสร็จงานศพของอภิรดี เหมราชก็แวะเวียนมาหาภูวนนท์ ที่บ้านเพียงไม่กี่ครั้ง ซึ่งปกติแล้ว เขาไม่เคยหายหน้าไปเกินสัปดาห์

“ไม่ว่างเลยช่วงนี้ งานยุ่งว่ะ ไว้ว่างๆ เดี๋ยวแวะเข้าไปหา แค่นี้ก่อนนะ” เหมราชทำเสียงเหมือนคนกำลังยุ่งอยู่ และรีบตัดสายไป

“อ้าว..ตาภู มายืนอะไรตรงนี้ ทำไมไม่เข้าไปในบ้าน” กฤษฎาแปลกใจที่เห็นลูกชายมานั่งเล่นที่สวนหน้าบ้าน ทั้งที่แดดกำลังส่องลงมาตรงที่ภูวนนท์นั่งพอดี

“ผมไม่อยากเข้าไปในบ้าน เข้าไปที่ไรนึกถึงคุณแม่ทุกที แต่อีกหน่อยผมก็คงจะคิดถึงน้อยลง เพราะข้าวของคุณแม่ คุณพ่อก็เก็บไปหมดแล้ว ยังดีที่ยังเหลือรูปแต่งงาน ไว้เตือนใจ ว่าคุณแม่รักทุกคนและทุกคนก็รักท่าน”

คำพูดของลูกชายอันเป็นสุดที่รักของกฤษฎา เหมือนมีดกรีดลงมาในหัวใจของเขา ถึงจะเจ็บปวดเพียงใด ก็ได้แต่เก็บมันไว้ให้ลึกที่สุด ได้แต่หวังว่าสักวันลูกชายจะเข้าใจหัวใจของพ่อแก่ๆ คนนี้

“ถึงไม่มีข้าวของเครื่องใช้ของแม่ แต่ความรักของแม่ยังอยู่ในหัวใจพ่อเสมอ ถ้าการที่พ่อนำของของแม่ไปบริจาค ทำให้ลูกรู้สึกไม่สบายใจ พ่อก็ขอโทษลูกด้วย แต่พ่อทำเพราะต้องการให้แม่ได้รับในผลบุญของการให้ทานในครั้งนี้ พ่อรู้ว่าลูกไม่พอใจเรื่องพ่อกับฟ้ารุ่ง แต่พอขอบอกลูกสักเรื่องนะ คนเราเมื่อมีพบก็ต้องมีจาก ถ้าเรามัวแต่ติดอยู่กับการสูญเสีย มันไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี แต่มันทำให้ตัวเรามีแต่ความทุกข์ เหมือนที่ลูกกำลังเป็นอยู่ หนูเอยเขาไม่ได้ทำให้ลูกแย่ แต่ลูกต่างหากที่กำลังทำร้ายตัวเอง”

ตั้งแต่ชิดจันทร์ตัดความสัมพันธ์กับภูวนนท์ กฤษฎาอยากให้กำลังใจ ให้ข้อคิดกับลูกชาย แต่ด้วยที่ภูวนนท์เอง ยังแสดงท่าทีไม่พอใจในตัวเขาอยู่ เขาจึงได้แต่มองดูด้วยความเป็นห่วงอยู่ห่างๆ และวันนี้เขารู้สึกโล่งใจ ที่ได้พูดในสิ่งที่อยากเตือนสติลูกมานาน

“น้องไปไหนครับ ผมไม่เห็นน้องเลย รถก็ไม่อยู่” ภูวนนท์เปลี่ยนเรื่องพูด เพราะทุกครั้งที่มีใครพูดถึงชิดจันทร์หัวใจของเขามันเหมือนจะแหลกแตกออกเป้นเสี่ยงๆ

“ตั้งแต่เสร็จงานศพ น้องก็ออกไปข้างนอกทุกวัน ก็คงไปเที่ยวเล่นพักผ่อนจิตใจ หาความสุขชดเชยความเศร้าที่เข้ามา” กฤษฎาเองก็สังเกตว่าพราวพลอยออกจากบ้านทุกวัน แต่ไม่อยากถามเพราะเห็นลูกสาวโตแล้ว คงดูแลตัวเองได้

“อยู่แต่โรงเรียนประจำ ไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยได้ไปคนเดียว ดื้อใหญ่แล้ว” พี่ชายเริ่มเป็นห่วงน้องสาวขึ้นมา

หลายสัปดาห์มานี้ ภูวนนท์เองก็ไม่ค่อยได้สังเกตว่าพราวพลอยไม่ได้อยุ่บ้านในช่วงกลางวัน เพราะตัวเขาเองเอาแต่ทำงานทั้งวัน เพื่อไม่ให้ว่าง จะได้ไม่มีเวลาคิดเรื่องที่โดนคนรักทิ้งไป

“แล้วคุณพ่ออยู่กับใครครับ บ้านดูเงียบๆ”

“ก็อยู่กับฟ้ารุ่ง ยิ้ม เขาสองคนก็งวนอยู่ในครัวกัน พ่อก็ว่าจะออกมาดูต้นไม้ ดอกไม้ พากันเหี่ยวแห้งไปหมดแล้วมั้ง”

“แล้วลูกสาวคนใหม่ ของคุณพ่อล่ะครับ ไปไหนเสียล่ะ” ภูวนนท์คิดว่ามินรญาคงอยู่ในบ้านกับฟ้ารุ่ง แต่จากที่บิดาบอกไม่มีชื่อของคนที่เขาถามหาเลย

“คนนั้นก็ออกจากบ้านทุกวัน สงสัยจะไปหางานทำ เห็นบ่นอยู่” มินรญาไม่ได้บอกกฤษฎาเรื่องที่พ่อของเธอจะเปิดสาขาที่ไทย

“คุณพ่อไม่รับเข้ามาทำงานที่บริษัทเสียล่ะครับ น้าฟ้ารุ่งจะไม่ว่าพ่อใจดำเหรอ ที่ปล่อยให้ลูกสาวเขา ต้องออกไปหางานทำข้างนอกแบบนี้ อย่างไรเสียแม่เขาก็เป็นภรรยาของพ่อ”

“ทำไมพ่อจะไม่ทำล่ะ แต่หนูมิ้นเธอไม่ยอม เธอต้องการจะออกไปทำงานที่อื่น เพราะไม่อยากได้ชื่อว่า มารบกวนพ่อ”

ภูวนนท์ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่บิดาเล่าให้ฟัง มีที่ไหนมีคนมาเสนองานให้และรับรองว่าพ่อของเขาต้องให้ค่าตอบแทนนไม่ธรรมดาแน่ แต่กลับปฏิเสธ แล้วออกไปลำบากหางานทำข้างนอก

“สงสัยอยากจะโก่งราคา” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง

ใกล้เวลาอาหารเย็น แต่พราวพลอยก็ยังไม่กลับ ภูวนนท์นั่งรอน้องสาวอยู่ในสวนหน้าบ้าน โทรไปก็ไม่มีใครรับสาย จากที่รู้สึกโมโหว่าน้องสาวตัวดีหัดเที่ยวเสียแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นความเป็นห่วงแทน

“เข้าไปกินกันเถอะลูก” กฤษฎาออกมาตามลูกชาย

“คุณพ่อรู้ไหมครับ ว่าน้องจะกลับตอนไหน นี่มันจะมืดแล้ว ผมมัวยุ่งแต่กลับงานและคิดแต่เรื่องของตัวเอง จนไม่ได้สนใจน้องเลย” ภูวนนท์รู้สึกเป็นความผิดของตัวเองที่ละเลยน้องสาว

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status