บทที่11
เสียตัว
“คุณรู้ไหมวันนี้ฉันเจอใครเมื่อช่วงหัวค่ำ” มินรญาเริ่มเรื่อง
“ผมจะไปรู้ได้อย่างไร ว่าวันๆ คุณไปเจอใครมาบ้าง จะพูดอะไรก็ไม่พูดตรงๆ อ้อมค้อมอยู่ได้ อยากอยู่กับผมนานๆ เหรอครับคุณน้องสาวคนใหม่” เหล้าไม่รู้กี่แก้วที่ภูวนนท์ดื่มเข้าไป มันยิ่งทำให้สีหน้า ท่าทางของเขายียวนกวนอารมณ์มากไปกว่าเดิม ที่ก็กวนใช่เล่นอยู่แล้ว
“เฮ้อ...” หญิงสาวรวบรวมความอดทน ที่จะพูดต่อไป
“วันนี้ฉันเจอน้องสาวคุณกับคุณเหมราช เขาสองคนมาเดินเที่ยวด้วยกัน”
“แล้วไง..” ถึงแม้จะรู้สึกแปลกใจ แต่ภูวนนท์ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร
“เขาเดินโอบเอว ใกล้ชิด ดูสนิทสนมมากกว่าคนรู้จัก ฉันก็บอกคุณไม่ถูก แต่ฉันเห็นแล้วก็ไม่สบายใจ และคิดว่าคุณคงไม่รู้ว่าคุณพราวพลอยกบเพื่อนคุณสนิทสนมกันขนาดนี้”
“เธอคิดว่าสองคนนั้น มีอะไรลึกซึ้งกันใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดฮึมฮำในลำคอ ก่อนจะยกแก้วเหล้าเพรียวๆ ขึ้นกินแก้วแล้วแก้วเล่า ทำเอาคู่สนทนาตกใจกลัวเขาจะเมามากกว่านี้
“ฉันไม่รู้ แต่คุณพอได้แล้ว จะดื่มอะไรขนาดนี้ เดี๋ยวก็เมาเละเทะกันพอดี”
“เมาแล้วไง จะเมาหรือไม่เมาก็ไม่มีใครว่างมาสนใจอยู่แล้ว ไม่เหลือใครอยู่แล้ว อยากทำอะไรก็จะทำ ใครจะทำไม” พุดจบภูวนนท์ก็มองหยิงสาวอย่างเกรียวกราด แต่ในดวงตากลับมีน้ำใสๆ คลออยุ่ ก่อนที่มันจะหยดลงมา เจ้าตัวก็เบนหน้าหลบสายตาของหญิงสาวที่ยืนจ้องเขาอยุ่เช่นกัน
“อุตส่าห์เป็นลูกที่ดี เป็นพี่ที่ดี เป็นคนรักที่ดี สุดท้ายเหลืออะไรวะ” หางเสียงที่เปลี่ยนไป ทำให้คนฟังรับรู้ได้ว่า เขาเมาจริงๆ
มินรญาเธอใช้ชีวิตที่เมืองนอกแบบอิสระ ดื่มกินตามปกติของวัยรุ่น มีทั้งเพื่อนผู้ชายและเพื่อนผู้หญิง อาการคนเมาแบบนี้เธอเห็นมาบ่อย เพื่อนของเธอมีทั้งเมาแล้วโมโหร้ายโวยวาย เมาแล้วร้องไห้ หรือบางคนก็เมาแล้วใจดี พูดไม่หยุดก็มี
“การเป็นคนดีมันต้องอุตส่าห์เหรอ แปลว่าคุณก็ไม่ได้เป็นคนดีจริงๆ”
“แล้วเป็นคนดีต้องเป็นยังไง เป็นอย่างเธอเหรอ วันๆ ก็เอาแต่แต่งตัวเปิดนั่นนิด เปิดนั่นหน่อย ออกไปแรดๆ ข้างนอก ถึงว่าคุณพ่อเสนองานดีๆ ให้ถึงไม่เอา ถามจริงๆ เถอะ คิดจะใช้ชีวิตแบบไหนกัน” ร่างสูงใหญ่ ได้สัดส่วนเดินพาตัวเองเข้ามาใกล้หญิงสาวจนแทบจะหายใจรดหน้ากัน
"ฉันชักจะสงสัยแล้วว่า คุณทำไมถึงได้ชอบมายุ่งกับชีวิตฉันจัง ชอบฉันใช่ไหม อยากได้ฉันใช่ไหม"
คำพูดที่ท้าทายของมินรญา และแววตาที่ยั่วยวนอย่างช่ำชอง ยากที่ผู้ชายที่หัวใจกำลังดั่งเพลิงตอนนี้จะไม่รู้สึก แต่ผู้หญิงแบบนี้ไม่มีสิทธิ์ มาพูดจาหลงตัวเอง อย่างหน้าไม่อาย
"ผู้หญิงอย่างเธอน่ะเหรอ ต่อให้มาแก้ผ้าต่อหน้า ฉันยังไม่รู้สึกอะไรเลย"
ภาพตรงหน้าทำให้คนพูดได้แต่ยืนตาโตจ้องมอง ความเป็นชายมันทรยศคำพูดที่เพิ่งหลุดจากปากของเขาจริงๆ
มินรญาหญิงสาวรูปงาม ทรวดทรงองค์เอวเหมือนภาพวาดที่ศิลปินสรรสร้างอย่างงดงาม อกสาวอวดความเปล่งปลั่งเหมาะกับวัยแรกรุ่นของเธอ มันถูกเพียงแค่ผ้าบางๆปกปิดไว้ ปากอวบทำท่าเผยอยั่วยวนชายที่อยู่ตรงหน้า อย่างที่ไม่รู้ว่ากำลังเล่นอยู่กับไฟที่พร้อมลุกโชน ไม่ใช่ภูวนนท์คนเดิมที่เยือกเย็นดั่งสายน้ำ การสูญสีย ความน้อยใจ มาเจอเข้ากับฤทธิ์ของสุรา มันยิ่งเพิ่มความร้อนรุ่มในตัว จนพร้อมจะแผดเผาหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
กว่ามินรญาจะรู้ว่ากำลังเล่นกับไฟ มือหนาก็กระชากร่างบางๆ เข้ามาปะทะแผ่นอกกว้าง บดขยี้ริมฝีปากลงไปบนกลีบปากอิ่มสวยนั่นอย่างแค้นเคือง ถึงเขาจะไม่ได้มีความแค้นมากมายอะไรกับคนในอ้อมแขน แต่เขาเอาความแค้นที่ต้องเสียคนที่รักไป มาลงกับเธอแทนผู้หญิงคนนั้น
“อื้อ...อื้อ..ไอ่”
กำปั้นเล็กๆ ทุบลงไปบนหัวไหล่ หวังจะหยุดการกระทำที่บ้าคลั่งของชายหนุ่มลง แต่ไม่สำเร็จ ร่างบางดิ้นไม่ถนัดเมื่อเจอสัมผัสรุกเร้าเร่าร้อน พร้อมฟอนเฟ้นฝ่ามือไปทั่วร่าง จนถูกพาเข้าไปใกล้โซฟากลางห้องรับแขกมือหน้าผลักร่างบางลงกับโซฟา
“คุณภู คุณเมา คุณต้องตั้งสติ ฉันไปทำอะไรให้คุณ คุณอย่าทำแบบนี้”
ปากหนาเลื่อนมาบดขยี้ปางเรียวบางอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูดดื่มรุนแรง จนเหมือนเขากำลังจะกลืนเธอลงไปทั้งตัว ปากก็จูบ มือหนาทำหน้าที่เลื่อนลงมาปลดกระดุมเสื้อตัวเขาเอง ก่อนที่จะใช้สองมือฉีกเสื้อซีทรูตัวบางของหญิงสาวออกเป็นชิ้น เผยให้เห็นอกหนานูนอวบอิ่ม นานมากแล้วที่เขาไม่เคยมีอะไรกับใคร แม้แต่ชิดจันทร์ เขาก็ไม่เคยเกินเลยกับเธอ
“อย่า...อย่าทำฉันเลย” เสียงที่เคยตะโกนกึ่งตะคอก เปลี่ยนเสียงฮึมฮำ สั่นระรัว เมื่อถูกลิ้นของชายหนุ่มคลคงวนรอบยอดอกที่อิ่มจนเต็มปาก “อื่มมม..หื่อ” ไม่มีคำมีแต่เสียงคลางในลำคอจากผู้รุกราน ที่ครางอย่างมีความสุขอยู่ข้างหูของหญิงสาวที่เนื้อตัวอ่อนระทวยไปหมด “อุ๊ย!” มินรญาสะดุ้งเมื่อมือหนาจับมือของเธอ ให้ไปสัมผัสกับท่อนความเป็นชายของเขา มินรญาหลับตาทันที เพราะไม่กล้ามองกลัวจะเห็นสิ่งที่ตัวเองกำลังสัมผัสอยู่ “จับ ผมบอกให้คุณจับ คุณจะทำอะไรกับมันก็ได้” เสี่ยงสั่นฮึมฮำอยู่ข้างหูหยิงสาว ในขณะที่มือก็ไล่ต่ำลงมาถึงจุดที่แสนจะเบาะบางสำหรับหญิงสาว มินรญาหนีบขาทั้งสองข้างเขาหากัน เพื่อปกป้อง แต่มันก้ต้านทานแรงของชายหนุ่มที่กำลังเดือดพล่านด้วยความร้อนในกายที่พุ่งสู่ขึ้นทุกขณะ จมูกโด่งปัดป้าย พร้อมงับขย้ำยอดอกสีระเรื่อ จนผู้เป็นเจ้าของสะท้านตามแรงดึงดูดกลืนที่ฟัดนัวเนียอย่างมันเขี้ยว ร่างบางบิดเราทรมาน เมื่อเขาทำราวกับจะกลืนกินวิญญาณของเธอไปเสียด้วยกัน นาที่นี้มินรญาทำอะไรไม่ถูก เธอหูอื้อตาลาย ไร้แรงดึงดันต่อต้าน ระทดระทวยปล่อยให้ช
แผลเป็นที่ใจหรือแค่เพียงฝัน “ไปไหนมาลูก แม่โทรหาหนูก็ไม่รับสาย ทำไมไม่โทรมาบอกแม่ว่าจะกลับดึก” ฟ้ารุ่งนั่งรอลูกสาวด้วยความเป็นห่วง “มิ้นขอโทษค่ะแม่ พอดีมิ้นไปดูหนังมา ไม่ได้เปิดเสียง เลยไม่รู้ว่าแม่โทรมา” เสียงตอบราบเรียบจนคนฟังสัมผัสได้ถึงความไม่ปกติ “เป็นอะไรหรือเปล่าลูก หน้าตาทำไมแดงเหมือนคนร้องไห้มา มีอะไรบอกแม่นะ ” คนเป็นแม่มองใบหน้าลูกสาวด้วยความสงสัย “ไม่มีค่ะแม่ มิ้นดูหนังมันเศร้า เลยร้องไห้แทบทั้งเรื่อง มิ้นขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ฟ้ารุ่งไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ลูกสาวบอกจะเป็นความจริงหรือโกหด แต่เขาเชื่อว่ามินรญาคงไม่ทำอะไรที่ผิดหรือไม่ควร หากลูกมีปัญหาจริงๆ คงยังไม่พร้อมที่จะเล่าให้เธอฟัง เมื่อถึงเวลาลูกคงเล่าให้เธอฟังเอง “แต่งตัวเสร็จแล้ว ออกไปกินข้าวนะ แม่จัดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว” “แม่ล่ะคะ กินข้าวหรือยัง” “แม่กินเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกตั้งใจจะรอกินพร้อมลูกแต่เห็นมืดแล้วแม่เลยกินก่อน แม่ไปอาบน้ำก่อนนะ อย่าลืมออกไปกินล่ะ” ข้าวแต่ละคำถูกตักเข้าปากอย่างช้าๆ น้ำใสจากดวงตาคู่สวย ไหลลง
ผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ สงสัย อยู่ดีๆ วันนี้ชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งหน้าขรึม ไม่พูดไม่จาในวงข้าว กลับมาถามหาหญิงสาวที่เขาไม่เคยจะสนใจแถมไม่ค่อยชอบด้วยซ้ำ“มิ้นเขาจะเปิดห้องเสื้อ เมื่อวานเขาไปดูทำเลมาแล้ว วันนี้เลยตั้งใจจะไปติดต่อทำสัญญา” ฟ้ารุ่งตอบตามที่มินรญาบอกเธอไว้ก่อนออกจากบ้าน“ถามถึงหนูมิ้นทำไมล่ะ ปกติหน้ายังไม่เห็นอยากจะมอง” กฤษฎาพูดแซวลูกชาย“ผมก็ถามในฐานะเจ้าของบ้าน มาอาศัยบ้านคนอื่นอยู่ กลับก็ค่ำมืด เช้าก็รีบออกไป และน้องล่ะครับพ่อ ผมไม่เห็นลงมากินข้าวเลย” คิดถึงเรื่องเมื่อคืน ทำให้ชายหนุ่มนึกถึงสิ่งที่มินรญาบอกกับเขาเมื่อคืน“นั่นก็อีกคนที่กลับดึก ป่านนี้ยังไม่ตื่นเลย เดี๋ยวสายๆก็คงออกไปไหนอีก” ผู้เป้นพ่อส่ายหัวให้กับลูกสาวที่กำลังเริ่มเป็นวันรุ่นเต็มตัว“น้องบอกคุณพ่อไหม ว่าที่ออกๆไปทุกวัน ไปไหน ไปกับใคร”“พ่อเคยถาม ก็บอกไปดูหนัง ไปบ้านเพื่อน ไปเดินเล่นซื้อของ บอกเบื่ออยู่บ้าน นั่น...ลงมาแล้วถามกันเอาเองเลย” พราวพลอยเดินลงมาจากห้องนอนชั้นสองทั้งชุดนอนเพราะยังไม่ได้อาบน้ำ“นินทาอะไรพราวอยู่คะ” พราวพลอยลากเก้าอี้มานั่งข้างบิดากอดแขนอย่างออดอ้อนฟ้ารุ่งค่อยๆลุกออกจ
บทที่13รักหรือของเล่น “คงไม่อร่อยเท่าฝีมือแม่คุณนะ แต่รับรองว่ากินได้แน่นอน” มินรญาเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน กลิ่นบะหมี่ลอยคลุ้งหอมจนเธอเริ่มหิว ชุดนอนที่เธอใส่อยู่ถูกผูกเอวไว้ข้างๆ เพื่อกันไม่ให้มันหลุดลงไปกองกับพื้น เจ้าของชุดยืนมองอย่างขำๆ ที่หญิงสาวแต่งตัวแบบนี้ “แต่งตัวแบบนี้ก็น่ารักดีนะ ผมเห็นแต่คุณแต่งชุดอะไรก็ไม่รู้ รู้แล้วว่าหุ่นดี ไม่ต้องโชว์มากก็ได้ มันดูไม่มีราคา” ภูวนนท์ไม่ชอบชุดที่มินรญาใส่ในแต่ละวัน เพราะมันจะดูโชว์รูปร่างและผิวขาวเปล่งประกายของหญิงสาว “ถ้าฉันแต่งตัวเรียบร้อย ฉันมีราคาใช่ไหม เพราะตอนนี้ฉันเหมือนของฟรี....” คำถามที่แทงใจคนฟัง ทำเอาภูวนนท์ไม่กล้าเงยหน้าจากชาวบะหมี่ เพราะไม่อยากสบตาคนถาม เขารู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำกับเธอมันผิด แต่ไม่รู้ทำไม เขาหยุดมันไม่ได้ รู้แต่ว่าร่างกายมันต้องการเธอ ส่วนหัวใจของเขาคงมีแต่ชิดจันทร์ยังไม่เปลี่ยนแปลง “พูดอะไรจัง มากิน เดี๋ยวหายร้อนก็ไม่อร่อย” เจ้าของบ้านเปลี่ยนเรื่องพูด ด้วยความหิวมินรญากินบะหมี่จนหมดถ้วย แต่หัวใจของเธอไม่อิ่มเลย เขาทำให้เธอ
มินรญา รีบควานหาผ้านวมมาคลุมกายแต่เขาก็กระชากผ้านวมผืนใหญ่ที่ดูจะเกะกะมากตอนนี้ ทิ้งลงข้างเตียง และใช้ร่างกายของเขาทับแนบลงบนร่างขาวใสนั้นแทนผ้านวมที่เพิ่งทิ้งลงไป มือหนาซุกซนบีบเคล้นยอดอกที่ชูชันตอบรับสัมผัส ปากหนาไล่จูบตั้งแต่หน้าผากสวยได้รูป ลงมาหยุดที่ยอดอกชูชัน ปากหนาใช้ลิ้นตวัดรัดเลาะรอบๆยอดชมพูก่อนจะดูดคลึงอย่างผ่อนหนักผ่อนเบา จนมินรญากลั่นเสียงครางไว้ไม่ไหว ร่างใหญ่ซุกไซร้ลงมาถึงจุดสุดท้ายของความเสียวซ่าน เขาพาความเป็นชายของเขา รุกเร้าเข้าสู่ส่วนสงวนของหญิงสาวที่เริ่มบิดเกร็ง “เจ็บ เจ็บค่ะ” เมื่อร่างกายของทั้งคู่รวมเป็นคนเดียวกันหญิงสาวยังคงหลงเหลือความเจ็บเพราะมันคือครั้งที่สองในชีวิตเธอ “อย่าเกร็ง ปล่อยตามสบาย อีกนิดนะ เดี๋ยวมันจะค่อยๆดีขึ้น” ภูวนนท์กระซิบตอบพร้อมเล้าโลมเพิ่มอารมณ์ให้สาวน้อยที่กำลังกัดฟันเพราะทั้งเสียวและเจ็บ ลมแห่งความเสน่หาลุกโชติช่วงจนถึงขีดสุด เสียงครางสุดท้ายของทั้งคู่กรีดเสียงออกมาพร้อมกัน ก่อนพากันขึ้นสวรรค์ชั้นสูงสุด “ชอบไหม” ร่างหนาหมดแรงปล่อยตัวทับลงบนร่างบางที่นอนหมดแรงอยู่บนเ
บทที่14หนีหัวใจตัวเอง “เสร็จภายในสองสัปดาห์แน่นอนครับ” ช่างที่ทางห้างติดต่อให้มาปรับปรุงตกแต่งร้านให้ รับรองว่าอีกสองสัปดาห์สามารถนำสินค้ามาวางขายได้แน่นอน ร้านเสื้อผ้าที่หญิงสาวกำลังจะเปิด เป็นร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่พ่อของเธอเป็นหุ้นส่วนใหญ่ มินรญาเองก็ถือหุ้นอยู่จำนวนหนึ่ง แต่เงินรายได้ พ่อของเธอกับแคโรรีนจัดการเก็บไว้ให้ เพราะรู้จักนิสัยลูกสาว ว่าเป็นใจอ่อน ขี้สงสาร กลัวเธอจะส่งมาให้มารดาหมด เสื้อผ้าที่จะนำมาขายในร้านส่วนหนึ่งก็เป็นการออกแบบของมินรญาเอง เพราะเธอเรียนจบทางนี้มาโดยตรง และเป็นงานที่ถนัดและรักมากด้วย เสร็จจากธุระเรื่องร้าน หญิงสาวก็ตระเวนหาเช่าคอนโดใกล้กับห้างที่เปิดร้าน โชคดีมีคอนโดอยู่หนึ่งห้อง คนเช้าเก่าออกไปเมื่อเดือนที่แล้ว เธอสามารถเข้าอยู่ได้เลย เป็นคอนโดขนาดเล็ก พื้นที่ใช้สอยน้อย ขนาดห้องแค่พอนอนและมีมุมทำคนัวเล็กน้อย ค่าเช่าที่ค่อยข้างถูกและอยู่ใกล้กับร้านของเธอโดยที่ใช้เดินเพียงไม่กี่นาที ทำให้มินรญาตัดสินใจเช่าที่นี่ และจะย้ายมาอยู่ให้เร็วที่สุด ข้าวของเครื่องใช้ของเธอมีไม่มากนัก เพราะเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยไ
ถ้านาธานเป็นผู้หญิงมิรญาจะบังคับให้เขามานอนอยู่กับเธอที่นี่เสียเลย เพราะตอนนี้เธอกำลังต้องการใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน ยิ่งมาอยู่คนเดียวแบบนี้ หัวใจของเธอมันคิดถึงแต่หน้าขอวภูวนนท์ คิดถึงอ้อมกอด คิดถึงรสรักที่เขามอบให้ แต่อีกใจมันก็คิดถึงคำดูถูกและรู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ เธอมันก็แค่ของเล่น“พราววันนี้ไปไหนมาบ้าง เล่าให้พี่ฟังสิ” พี่ชายถามน้องสาวเพราะเธอออกจากบ้านทุกวัน“ไปหาอ่านหนังสือตามร้านหนังสือมาค่ะ” พราวพลอยปดคำโต“นึกว่าแอบไปหาแฟน ถ้ามีแฟนก็พามาแนะนำให้พี่รู้จักบ้างแล้วกัน นี่ก็อีกไม่กี่วันจะเปิดเทอมแล้วเตรียมตัวให้พร้อมนะ อย่ามัวแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ ” ภูวนนท์พูดเปิดทางให้น้องสาวเผื่อเธอจะหลุดปากบอกอะไร“ค่ะพี่ชายสุดที่รัก พราวอยู่บ้านก็เหงา พี่ภูไปทำงานมาตอนนี้พี่มิ้นก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น พราวเลยออกไปหาอะไรทำแก้เหงา”“มิ้นไปไหน ทำไมเขาไม่บอกพี่ ทำไมไม่มีใครบอกพี่เลย ” ชายหนุ่มลืมตัวโวยวายเสียงดังกลางโต๊ะอาหาร“น้าต้องขอโทษแทนมิ้นด้วยนะคะ พอดีต้องรีบไปจัดคอนโดเพราะร้านใกล้จะเปิดแล้ว เลยไม่ได้อยู่รอบอกคุณภู ไว้วันหลังน้าจะให้มิ้นเข้ามาบอกลานะคะ” ฟ้ารุ่งขอโทษแทนลูกสาว
บทที่15หวง ห่วง “ห้องเล็กไปไหมมิ้น มีหวังแครลีนมาเห็นเธออยู่ห้องแบบนี้ เรียกเธอกลับฝรั่งเศสแน่นอน” เสร็จจากธุระกับญาติพี่น้อง นาธานก็มาหามินรญาตามสัญญา ห้องเล้กที่มีพื้นที่ใช้สอยน้อยมาก ทำเอาเพื่อนชายรู้สึกไม่เข้าใจ ว่าเจ้าของจะอาศัยอยู่ได้จริงๆเหรอ “อยู่ไปก่อน เราแค่เช่าไม่ได้ซื้อ ไว้ได้เงินเดือนค่อยขยับขยาย” มินรญาให้เหตุผล “โอเค แล้วแต่เธอแล้วกันมิ้น ไป เราไปซื้อเฟอร์กันเถอะ เดี๋ยวไปช้ากว่าเขาจะเอามาส่งอีก” มินรญาชวนให้นาธานมาช่วยเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าห้อง เพราะเธอเองเลือกของพวกนี้ไม่ค่อยเป็น เลยพาเพื่อนมาดูห้องก่อน “มิ้น ทำแบบนี้จะหนีเขาได้จริงๆใช่ไหม” ระหว่างเดินทางทั้งคู่เริ่มคุยเรื่องระหว่างมินรญากับภูวนนท์ “เราไม่แน่ใจ แต่มันคงดีดว่าการที่เราต้องอยู่ใกล้ๆเขา เราไม่อยากเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ของเขาอีก” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ “มิ้น แน่ใจนะว่าไม่ได้รักนายคนนั้นเข้าแล้ว” นาธานเห็นแววตา น้ำเสียงของเพื่อนที่คบกันมานาน เขาเริ่มไม่แน่ในว่ามินรญาหนีเพราะเกลียดหรือหนีเพราะรัก