ถ้านาธานเป็นผู้หญิงมิรญาจะบังคับให้เขามานอนอยู่กับเธอที่นี่เสียเลย เพราะตอนนี้เธอกำลังต้องการใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน ยิ่งมาอยู่คนเดียวแบบนี้ หัวใจของเธอมันคิดถึงแต่หน้าขอวภูวนนท์ คิดถึงอ้อมกอด คิดถึงรสรักที่เขามอบให้ แต่อีกใจมันก็คิดถึงคำดูถูกและรู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ เธอมันก็แค่ของเล่น
“พราววันนี้ไปไหนมาบ้าง เล่าให้พี่ฟังสิ” พี่ชายถามน้องสาวเพราะเธอออกจากบ้านทุกวัน
“ไปหาอ่านหนังสือตามร้านหนังสือมาค่ะ” พราวพลอยปดคำโต
“นึกว่าแอบไปหาแฟน ถ้ามีแฟนก็พามาแนะนำให้พี่รู้จักบ้างแล้วกัน นี่ก็อีกไม่กี่วันจะเปิดเทอมแล้วเตรียมตัวให้พร้อมนะ อย่ามัวแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ ” ภูวนนท์พูดเปิดทางให้น้องสาวเผื่อเธอจะหลุดปากบอกอะไร
“ค่ะพี่ชายสุดที่รัก พราวอยู่บ้านก็เหงา พี่ภูไปทำงานมาตอนนี้พี่มิ้นก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น พราวเลยออกไปหาอะไรทำแก้เหงา”
“มิ้นไปไหน ทำไมเขาไม่บอกพี่ ทำไมไม่มีใครบอกพี่เลย ” ชายหนุ่มลืมตัวโวยวายเสียงดังกลางโต๊ะอาหาร
“น้าต้องขอโทษแทนมิ้นด้วยนะคะ พอดีต้องรีบไปจัดคอนโดเพราะร้านใกล้จะเปิดแล้ว เลยไม่ได้อยู่รอบอกคุณภู ไว้วันหลังน้าจะให้มิ้นเข้ามาบอกลานะคะ” ฟ้ารุ่งขอโทษแทนลูกสาว แบบแปลกใจกับการแสดงออกของลูกชายเจ้าของบ้าน
“พี่ภูนี่ก็แปลก พูดอย่างกับไปเป็นอะไรกับพี่มิ้น เขาจะไปไหนมาไหน หรือทำอะไร ทำไมต้องบอกพี่ด้วยล่ะคะ บอกแค่คุณพ่อก็เพียงพอแล้ว เห็นชอบพูดจาไม่ดีใส่เขา พอเขาไปทำมาเป็นโวยวาย” พราวพลอยตำหนิพี่ชายที่โวยวายกับการไปไม่ลาของมินรญา
“เปิดร้านอะไรครับ” ภูวนนท์ไม่สนใจหรือรู้สึกกับคำตำหนิของน้องสาว ยังคงหันไปถามคำถามต่อ
“หนูมิ้นเข้าเปิดร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังจากฝรั่งเศส” กฤษฎาตอบคำถามลูกชาย
“ทำกับใคร ทำยังไง รู้เรื่องธุรกิจดีแค่ไหน เดี๋ยวก็โดนเขาหลอก มาอยู่เมืองไทยยังไม่ถึงสองเดือน ปีกกล้าขาแข็งใหญ่แล้ว” ความโมโหทำให้ภูวนนท์ไม่ได้สนใจสายตาทุกคู่ที่กำลังจับจ้องเขาด้วยความสงสัย
“พี่ภูไปใหญ่แล้วค่ะ มันเกี่ยวอะไรกับพี่ พี่มิ้นเขาจะทำอะไรมันก็เรื่องของเขา ชอบพี่เขาป่ะนี่ ฮั่นแน่!....” พราวพลอยเรื่มสงสัยในตัวพี่ชาย
“ชอบอะไร ที่โวยวายให้ความสนใจ เพราะลงทุนเปิดร้านแบบนี้ ใช้เงินเป็นล้านแน่ๆ และจะไปเอาเงินมาจากไหน กลัวจะเอาจากพ่อเราล่ะสิ” เมื่อถูกสงสัยชายหนุ่มคิดหาทางออกแก้ตัว
“ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พ่อของหนูมิ้นเข้าเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของแบรนด์เสื้อผ้าที่เขาจะเปิดร้าน พ่อเขาขยายสาขาให้ลูกเขาเป็นคนดูแล เผลอๆอนาคตพ่ออาจจะต้องไปพึ่งหนูมิ้นเขาด้วยซ้ำ ถ้าแกยังมัวแต่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ลืมหนูเอยเสียที” ผู้เป็นพ่อแขวะลูกชาย
ภูวนนท์อยากบอกพ่อของเขาเหลือกินว่าตอนนี้ถึงเขาจะยังรักชิดจันทร์อยู่แต่เขาไม่ได้จมปลักกับความรู้สึกเสียใจแล้ว แต่ตอนนี้เขากำลังโมโหที่ไม่รู้ว่ามินรญาไปอยู่ที่ไหน จะถามใครก็ไม่กล้ากลัวเขาจะยิ่งสงสัย เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่มี นี่เธอตั้งใจจะหลบหน้าเขาใช่ไหม ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังสูญเสียอีกครั้ง
ภูวนนท์คิดขึ้นได้ว่าใกล้กับที่บริษัทของเขา มีบริษัทนักสืบอยู่ น่าจะจ้างสืบไม่อยาก ดีกว่ามาสืบจากคนในบ้าน จะทำให้ทุกคนสงสัยแค่นี้ก็มองเขาแบบจับจ้องทุกคนแล้ว
ก่อนจะเข้าทำงาน ชายหนุ่มแวะที่บริษัทนักสืบ เพื่อจ้างให้เขาตามหาเธอ เขาพยายามหาเฟสบุ๊คของหญิงสาว โชคดีที่เธอใช้ชื่อจริง เลยหาได้ไม่ยาก เขาเอาข้อมูลที่พอมีอันน้อยนิดให้กับนักสืบ พร้อมยอมจ่ายค่าจ้างแพงกว่าปกติถ้าสามารถหาตัวเธอได้เร็วที่สุด
“เอ้า!...เหม ลมอะไรหอบมาถึงนี่ หานหน้าหายตา ไม่ไปบ้านฉันเลยนะ” ภูวนนท์ทั้งดีใจและแปลกใจที่เพื่อนมาหา
“งานยุ่งว่ะ ช่วงนี้กำลังจะทำหอให้นักศึกษาเช่า ก็ว่าจะมาขอยืมวิศวกรของบริษัทนายเอาไปช่วยสักหน่อย เผื่อราคาจะได้ถูกลง” เหมราชใช้น้ำเสียงฟังดูน่าสงสาร
“ไม่เอาๆ ไม่ต้องมาจ่ายอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวเราจัดการให้เป็นเงินพิเศษลูกน้องเราเอง ว่าแต่นายทำกี่ห้องกี่ชั้นล่ะ” ภูวนนท์มีน้ำใจให้เหมราชเสมอ เพราะเขาคือเพื่อนรักกัน
“ชั้นละสิบห้อง สามชั้น”
“ไม่ธรรมดานะเนี่ย สามสิบห้อง เก็บค่าเช่าสบายเลย ไปรวยมาจากไหนไม่บอกกันบ้างเลย” เหมราชเติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง การสร้างตึกใหญ่ขนาดสามสิบห้อง ต้องมีงบประมาณหลายล้านอยู่เหมือนกัน ซึ่งเหมราชไม่น่าจะมีถึง สร้างความแปลกใจให้กับภูวนนท์ที่เป็นเพื่อนกันมานาน
“แม่เราขายที่ได้หลายล้าน นายจำที่ดินที่พ่อเราซื้อไว้ที่อยุธยาได้ไหม ที่เราเคยเล่าให้ฟัง เขามาซื้อเหมาเอาไปทำโรงงาน ที่ดินแถวนั้นเลยขายกันได้ราคาสูงเลย แต่บางส่วนเราก็กู้เพิ่มเอานะ เราไม่ได้มีพ่อแม่รวยเหมือนนาย นายโชคดีกว่าเราเยอะ”
บ่อยครั้งที่เหมราชชอบเอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับภูวนนท์ ทั้งที่ทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่รักกันมาก เวลาอยู่กับเหมราชภูวนนท์เองไม่เคยทำตัวอวดรวย เพื่อนกินอะไร ใช้ของแบบไหน ภูวนนทืจะพยายามทำให้เหมือนเหมราช เพราะไม่อยากให้เขารู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า
“รวยเพราะพ่อแม่หรือจะสู้รวยเพราะตัวเอง นายเก่งกว่าเราเยอะเหม พ่อเราชมนายตลอด ยังว่าเราเก่งไม่ถึงครึ่งของนายเลย” ภูวนนท์พยายามพูดให้เพื่อนเห็นคุณค่าในตัวเอง
เพียงไม่กี่ชั่วโมงภูวนนท์ก็จัดการหาวิศวกรมือดี ส่งไปช่วยทำงานให้เพื่อน โดยที่เหมราชเองไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสักบาท
กริ๊งๆ
เสียงโทรศัพท์จากบริษัทนักสืบโทรเข้ามาแจ้งว่าตอนนี้ได้เบอร์โทรศัพท์ของหยิงสาวที่เขาให้ตามหาแล้ว ส่วนที่อยู่ขอเวลาอีกสักวันสองวัน น่าจะได้ข้อมูล
“สวัสดีครับคุณภรรยา” เมื่อได้เบอร์โทรมา ชายหนุ่มไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว รีบกดเบอร์โทรหาหญิงสาวทันที
“คุณภู คุณเอาเบอร์โทรฉันมาจากไหน” มินรญาจำเสียงได้ทันที
“ไม่สำคัญหรอกว่าผมจะเอาเบอร์โทรคุณมาจากไหน แต่ที่สำคัญ คุณหนีผมใช่ไหม ถึงย้ายออกมาอยู่ข้างนอกแบบนี้” ชายหนุ่มกระฉากเสียงใส่
“หนีอะไร ฉันมาทำงาน จะให้เดินทางค่ำมืดทุกวัน อันตรายแย่ เดี๋ยวนี้ ...คนเลวววว..มันเยอะ” เธอย้ำเสียงประโยคหลัง เพื่อหวังให้คนฟังรู้ตัว
“ถ้าคุณหมายถึงผมที่เลว ผมก็เลวกับคุณคนเดียว”
“ฉันต้องดีใจใช่ไหม” มินรญากระชากเสียงกลับ
“แต่เราตกลงกันแล้ว ว่าคุณจะไปนอนที่บ้านผม เวลาที่ผมต้องการ แล้วคุณออกมาโดยที่ไม่บอกผมสักคำ คุณต้องการให้แม่คุณและทุกคนรู้เรื่องของเราใช่ไหม” เมื่อคิดอะไรไม่ออกชายหนุ่มก็หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาขู่ทุกที
“อยากทำอะไร อยากบอกอะไรใครก็เชิญ ดีเหมือนกันฉันจะได้จับคุณเป็นผัวเป็นตัวเป็นตน มีผัวรวยดีจะตาย คุณก็คิดว่าฉันกับแม่มาเกาะครอบครัวคุณอยู่แล้วนี่ แค่นี้นะคะคุณ...สามี..”
ความจริงแล้วเธอไม่ได้ต้องการอย่างที่พูดออกไป แต่เธอไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว เธอกลัวคนอื่นรู้ก็จริงแต่ที่เธอกลัวที่สุดคือกลัวที่หัวใจของเธอจะรักเขามากว่านี้
การเดินออกมาจากบ้านของภูวนนท์ เธอไม่ได้ต้องการหนีเขาแต่เธอต้องการหนีใจตัวเองต่างหาก มันเป็นการหนีที่ยากที่สุด เวลาคงช่วยให้เธอค่อยๆลืมเขา แต่..เขาพยายามตามเธอแบบนี้ หัวใจของเธอมันก็พร้อมจะทรยศตัวเองอยู่ทุกเมื่อ มินรญาอยากหลุดพ้นจากความรู้สึกนี้เสียที
บทที่15หวง ห่วง “ห้องเล็กไปไหมมิ้น มีหวังแครลีนมาเห็นเธออยู่ห้องแบบนี้ เรียกเธอกลับฝรั่งเศสแน่นอน” เสร็จจากธุระกับญาติพี่น้อง นาธานก็มาหามินรญาตามสัญญา ห้องเล้กที่มีพื้นที่ใช้สอยน้อยมาก ทำเอาเพื่อนชายรู้สึกไม่เข้าใจ ว่าเจ้าของจะอาศัยอยู่ได้จริงๆเหรอ “อยู่ไปก่อน เราแค่เช่าไม่ได้ซื้อ ไว้ได้เงินเดือนค่อยขยับขยาย” มินรญาให้เหตุผล “โอเค แล้วแต่เธอแล้วกันมิ้น ไป เราไปซื้อเฟอร์กันเถอะ เดี๋ยวไปช้ากว่าเขาจะเอามาส่งอีก” มินรญาชวนให้นาธานมาช่วยเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าห้อง เพราะเธอเองเลือกของพวกนี้ไม่ค่อยเป็น เลยพาเพื่อนมาดูห้องก่อน “มิ้น ทำแบบนี้จะหนีเขาได้จริงๆใช่ไหม” ระหว่างเดินทางทั้งคู่เริ่มคุยเรื่องระหว่างมินรญากับภูวนนท์ “เราไม่แน่ใจ แต่มันคงดีดว่าการที่เราต้องอยู่ใกล้ๆเขา เราไม่อยากเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ของเขาอีก” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ “มิ้น แน่ใจนะว่าไม่ได้รักนายคนนั้นเข้าแล้ว” นาธานเห็นแววตา น้ำเสียงของเพื่อนที่คบกันมานาน เขาเริ่มไม่แน่ในว่ามินรญาหนีเพราะเกลียดหรือหนีเพราะรัก
แบบนี้ เขาได้แต่กำมือแน่นมองมินรญาด้วยสายตาที่เกี้ยวกราด ทำเอาหญิงสาวหายใจติดๆขัด น้ำตามันไหลออกมาคลอสองตา เธอทั้งกลัวทั้งโกรธกับคำพูดของเขา “วันหลังเราคงได้พบกันอีกนะครับ คุณนาธาน คุณมินรญา” ภูวนนท์พูดทิ้งท้ายเมื่อมินตราลุกขึ้นมาคล้องแขนเขาดึงกลับไปนั่งที่เดิม เพราะกลัวทั้งคู่จะมีเรื่องกันเสียก่อน “พี่ภูคะ มันอะไรกันคะนี่ ผิงกลัวจะมีเรื่องกันจังเลย ตกลงพี่รู้จักหรือเคยทะเลาะกับสองคนนี้มาก่อนเหรอคะ” “กลับกันเถอะผมไม่อยากกินแล้ว กินไม่ลง” ภูวนนท์ไม่ตอบคำถามแต่กลับลุกเดินนำดาราสาวไปรอที่รถที่จอดอยู่ด้านหลังของร้าน “นาธานทำไมพูดกับเขาแบบนั้น” มินรญากล้าละสายตาจากโต๊ะเมื่อร่างหนาที่เธอคุ้นเคยเดินพ้นจากโต๊ะเดินออกไปนอกประตูร้านแล้ว “แบบไหน ที่บอกเป็นแฟนเธอ หรือที่บอกว่าเขากับเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน มิยรญาเธอเปลี่ยนไปมาก จากผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเอง เก่ง ไม่กลัวใคร แต่วันนี้เธอกลับเป็นมินรญาที่สงบเสงี่ยม มีแต่ความกลัว มิ้นเธอต้องคุยกับตัวเองให้ดี ว่าจริงๆแล้วใจเธอต้องการอะไรกันแน่” นาธานเริ่มแน่ใจ ว่าเพื่อนรักของเขามอบหัวใจใ
บทที่16มันเรียกว่าความรักใช่ไหม “คุณภู คุณมาที่ได้ยังไง”ยังไม่ทันที่มินรญาจะถามจบ ร่างหนาใช้ฝ่ามือที่แข็งแรงดันประตูห้องเข้ามาและกดล็อคห้องทันที “ก็ไม่ได้ยากอะไร สามีจะตามหาภรรยามันเป็นเรื่องง่ายๆ” “คุณภู คุณออกไปที่นี่ห้องฉัน ไม่ใช่บ้านของคุณ คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาโดยที่เจ้าของห้องยังไม่อนุญาต”หญิงสาวเดินมาเกรี้ยวกราดชายหนุ่มที่เดินมานั่งบนโซฟารับแขกตัวใหม่ “สิทธิ์ของความเป็นผัวอย่างไร”ภูวนนท์ทำหน้านิ่งตอบอย่างไม่รู้สึกอะไร “คำก็ผัว สองคำก็ผัว ไอ้ที่นอนกันไม่กี่ครั้ง อย่ามาเรียกตัวเองว่าผัวเลย คุณมันก็แค่ผู้ชายที่ชอบรังแกผู้หญิง ถ้าคุณไม่ออกไป ฉันไปเอง” มือหนาชุดร่างบางที่กำลังหันหลังเพื่อเดินออกนอกห้อง เขาฉุดมือเธออย่างแรงจนตัวแทบปลิว ร่างน้อยตกลงบนตักของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว “มันอยู่ไหน” ผู้บุกรุกส่งเสียงถามคำรามข้างหูคนที่นอนตัวเกร็งอยู่บนตัก “คุณหมายถึงใคร” มินรญาไม่เข้าใจว่า มัน ของเขาคือใคร “ก็ไอ้นาธาน แฟนเธอไง มันอยู่ไหน ผมจะได้บอกมัน ว่าแฟนมันแต่เป็นเมียผม”
“ท้อง” อยู่ดีๆคำว่าท้องก็ผลุดขึ้นในหัวของมินรญา เธอมีอะไรกับเขาถึงสองครั้งโดยไม่ได้ป้องกัน และนี่ก็เกินกำหนดที่ประจำเดือนเธอจะต้องมา “คุณคืนนี้คุณจะไหม...” หญิงสาวกระซิบถามคนข้างๆแบบไม่กล้าพูดตรงๆ “อะไร คุณพูดอะไรมินรญา ผมฟังไม่รู้เรื่อง” เสียงคนถามที่เบาโดนเสียงพ่อค้าแม่ค้าในตลาดกลบเสียงหมด “คืนนี้คุณจะนอนกับฉันไหมคะ” “นอนสิ ก็เราตกลงกันแล้ว หรือคุณจะไล่ให้ผมไปนอนที่อื่น” ภูวนนท์ทำท่าสงสัย “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้หมายความถึงนอนแบบนั้น” หญิงสาวเริ่มหน้าแดง “อ๋อ..คุณถามทำไม หรือคุณมีอะไรจะทำให้ผมแปลกใจ” ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาใกล้ๆคนตัวเล็กกว่าเพื่อหยอกเธอที่กำลังหน้าแดงเพราะเขินอาย “ฉันกลัวท้อง ประจำเดือน็ยังไม่มา ครั้งนี้เราก็ควรจะป้องกัน” หญิงสาวรวบรวมความกล้า เพราะเธอคงไม่กล้าไปซื้อถุงยางอนามัยเองแน่ๆ “เข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจัดการเอง” ภูวนนท์เอื้อมือมาโอบเอวหญิงสาวเข้ามาเดินใกล้ๆกับเขา ร้านขายยาตั้งอยู่อีกฝั่งของถนน มินรญาเลยขอรออยู่ฝั่งนี้เพราะไม่อยากข้ามไปซื้อกับเขา เธอไม่
ตอนที่1บ่อน... “กลับดึกทุกวันเลย ไปไหนมาครับพ่อ” ภูวนนท์ลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวเจ้าของธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ถามบิดาด้วยน้ำเสียงแกมต่อว่า “พ่อไปหาเพื่อนมา” กฤษฎาก้มหน้าก้มตาตอบคำถาม เพราะไม่กล้าสบตาลูกชาย ที่นั่งมือกุมกันมองมาที่เขาอย่างคาดคั้นหาคำตอบ คงไม่มีใครกล้าที่จะตอบความจริงที่ว่าเขาไปบ่อนมา ตั้งแต่อภิรดีแม่ของภูวนนท์ล้มป่วยจนถึงขั้นนอนติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ กฤษฎาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะป้อนข้าว เช็ดตัว คอยพลิกตัวทุกครึ่งชั่วโมง จนเขาเริ่มเข้าสู่สภาวะโรคซึมเศร้า แพทย์แนะนำให้เขาหากิจกรรมทำบ้างเพื่อผ่อนคลาย เพื่อนเลยชวนเขาเข้าบ่อน และมันก็ช่วยเขาได้จริงๆ แต่กฤษฎามีสติรู้ตัวเสมอว่ากำลังทำอะไร เขาไม่ปล่อยตัวเองให้ติดการพนัน และเวลาที่เขาไปบ่อนคือเวลาที่ภรรยาของเขาจะหลับเพราะฤทธิ์ของยา มีพยาบาลคอยช่วยดูแลช่วงนั้น ส่วนช่วงเวลาที่เหลือเขาดูแลภรรยาด้วยตัวเอง “คุณพ่อครับ ถึงแม้วาเราจะจ้างพยาบาลมาดูแลคุณแม่ แต่กำลังใจที่สำคัญมาจากคนที่คุณแม่รักนะครับ” ภูพูดความรู้สึกที่เก็บกักไว้ในใจ ตั้งแต่วันที่พ่อจ้างพยาบาลมาดูแลแม่ เขาเ
“สองล้านครับเจ้าสัว”ผู้จัดการตอบแบบเยาะเย้ย ใคร...จะกล้ามาใช้หนี้ให้ผู้หญิงที่แก่ไม่มีความเต่งตึงสักส่วน และจำนวนเงินก็ไม่ใช่น้อยๆ “พรุ่งนี้ ผมจะเอาเงินมาชดใช้ให้ ปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปซะ หวังว่าคงเชื่อถือในคำพูดของเจ้าสัวคนนี้นะ” สองมือล้วงกระเป๋า อกที่ยืดตรงบ่งบอกให้รู้ว่าเงินจำนวนเท่านี้ ขนหน้าแข้งของเขาไม่ล่วงหรอก “ขอบคุณมากๆ เลยนะคะคุณ...” “ผม...กฤษฎา” เขาส่งมือให้ผู้หญิงที่โดนทำร้ายจนแทบไม่มีแรงพาตัวเองให้ลุกขึ้นได้ สายตาที่ขอบคุณของคนที่อยู่ตรงหน้า สร้างความสุขให้กับคนป่วยโรคซึมเศร้าได้จริงๆ “เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่าค่ะ ฉัน...ฟ้ารุ่ง ขอบคุณจากใจอีกครั้ง” หล่อนอยากรู้จักคนที่เอื้อมือ และยอมเสียเงินสองล้านเพื่อช่วยชีวิตหล่อนให้มากกว่านี้ แต่สถานที่แบบนี้คงไม่เหมาะที่จะมานั่งคุยกัน “ดิฉันชื่อ ฟ้ารุ่ง คำอินทร์ งานการก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว เป็นนายหน้าขายที่ดินบ้างบางครั้งที่มีคนมาให้ช่วย ลูกสาวคอยส่งเงินให้ใช้บ้าง เลยเอาเวลาว่างมาเล่นไพ่ที่บ่อน ตอนแรกก็กะจะสนุกๆ คลายเครียด พอนานไปถึงได้รู้ตัวว่าติดการพนันเข้าไปเ
สัปดาห์ละครั้งแพทย์จะมาพาอภิรดีไปนั่งเล่นในสวนโดยใช้เตียงที่เธอนอนเข็นเคลื่อนที่ออกไป จำเป็นต้องใช้คนที่มีความรู้ทางการแพทย์มาดูแลในขณะเคลื่อนย้าย ทุกครั้งที่ได้สูดอากาศภายนอกหล่อนจะยิ้มอย่างมีความสุขและดูร่าเริง จนคนที่อยู่รอบข้างสัมผัสได้“หนุ่มสาวคู่นี้จีบอะไรกันอยู่ครับ” วันนี้ภูวนนท์ลูกชายคนเดียวของบ้านกลับบ้านไวกว่าปกติ จากบทสนทนาที่เขาได้คุยกับบิดา ทำให้ภูวนนท์ตั้งใจที่จะให้เวลากับครอบครัวมากกว่านี้ เขาสะสางงานทุกอย่างให้เสร็จ เพื่อพรุ่งนี้เขาจะใช้เวลาทั้งวันเพื่อดูแลมารดา เพื่อให้พ่อของเขาได้พักผ่อนและแม่ก็จะไม่รู้สึกเดียวดายที่พ่อไม่อยู่“คุณพ่อครับ พรุ่งนี้หลังเสร็จจากที่เราพาคุณแม่ไปนั่งเล่นหน้าบ้าน คุณพ่อแวะไปที่บริษัทหน่อยนะครับ หลายๆคนถามหา ผมอยากให้เลขาพาคุณพ่อไปดูโครงการใหม่และเก็บภาพมาฝากคุณแม่ด้วยนะครับ”กฤษฎาเข้าใจในสิ่งที่ลูกชายกำลังทำ เขาต้องการให้ผู้เป็นพ่อได้พักผ่อนโดยการกลับไปเยี่ยมลูกน้อง ไปพูดคุยกับคนเก่าแก่ของบริษัท ได้ช่วยไปตรวจดูความเรียบร้อยในโครงการใหม่ จะได้ใช้ความคิดในเรื่องของการก่อสร้างก่อนที่โรคความจำเสื่อจะมาถามหา“แม่ครับ พรุ่งนี้ชิดจันทร์จะมาเยี
“อภิรดีเป็นอย่างไรบ้าง ฉันจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนนะ”คุณแม่ของภูวนนท์เป็นที่รักใคร่ของทุกคน ความจริงใจ รอยยิ้มที่ออกมาจากความบริสุทธิ์ ที่ทำให้ทุกคนมีความสุขเวลาได้อยู่ใกล้หล่อน“อาการทรงตัวอยู่ครับเหนื่อยง่าย แต่ยังพอสู้ไหวครับ” ชายหนุ่มตอบคำถามแบบสำรวมกริยา เพราะเขาระมัดระวังตัวและคำพูดทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าแม่ของชิดจันทร์ภูวนนท์ขอตัวกลับก่อน เพราะเขาคงไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่นานๆ อาจเผลอไปทำอะไรให้คุณหญิงโฉมเฉลาไม่พอใจได้ ชิดจันทร์ขออนุญาตเดินมาส่งแฟนหนุ่มที่รถ เพราะคิดว่ามันเป็นมารยาทคงไม่น่าเกลียดอะไร และเธอก็อยากคุยอะไรกับภูวนนท์ในเรื่องที่เขาขอเธอแต่งงาน“พี่ภูคะ เรื่องแต่งานของเรา เอยขอเวลาที่จะพูดคุยกับคุณแม่ก่อนนะคะ หากพี่พูดกับท่านโดยตรง เอยเกรงว่า ท่านจะโมโหก่อนที่พี่จะพูดจบ” หญิงสาวส่งสายตาให้กำลังใจพี่ภูของเธอ ความรักมันไม่ใช่เรื่องของคนสองคน ในความคิดของชิดจันทร์ ความรักของเธอมันจะสมหวังหรือผิดหวังขึ้นอยู่กับมารดาเท่านั้นภูวนนท์ขับรถกลับบ้านอย่างใจเย็นเพราะเขาคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ว่าความรักของเขาจะสมหวังหรือผิดหวัง อย่างน้อยวันนี้เขาได้ขอเธอแต่งง