ตอนที่1
บ่อน...
“กลับดึกทุกวันเลย ไปไหนมาครับพ่อ” ภูวนนท์ลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวเจ้าของธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ถามบิดาด้วยน้ำเสียงแกมต่อว่า
“พ่อไปหาเพื่อนมา”
กฤษฎาก้มหน้าก้มตาตอบคำถาม เพราะไม่กล้าสบตาลูกชาย ที่นั่งมือกุมกันมองมาที่เขาอย่างคาดคั้นหาคำตอบ คงไม่มีใครกล้าที่จะตอบความจริงที่ว่าเขาไปบ่อนมา
ตั้งแต่อภิรดีแม่ของภูวนนท์ล้มป่วยจนถึงขั้นนอนติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ กฤษฎาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะป้อนข้าว เช็ดตัว คอยพลิกตัวทุกครึ่งชั่วโมง จนเขาเริ่มเข้าสู่สภาวะโรคซึมเศร้า แพทย์แนะนำให้เขาหากิจกรรมทำบ้างเพื่อผ่อนคลาย เพื่อนเลยชวนเขาเข้าบ่อน และมันก็ช่วยเขาได้จริงๆ แต่กฤษฎามีสติรู้ตัวเสมอว่ากำลังทำอะไร เขาไม่ปล่อยตัวเองให้ติดการพนัน และเวลาที่เขาไปบ่อนคือเวลาที่ภรรยาของเขาจะหลับเพราะฤทธิ์ของยา มีพยาบาลคอยช่วยดูแลช่วงนั้น ส่วนช่วงเวลาที่เหลือเขาดูแลภรรยาด้วยตัวเอง
“คุณพ่อครับ ถึงแม้วาเราจะจ้างพยาบาลมาดูแลคุณแม่ แต่กำลังใจที่สำคัญมาจากคนที่คุณแม่รักนะครับ” ภูพูดความรู้สึกที่เก็บกักไว้ในใจ ตั้งแต่วันที่พ่อจ้างพยาบาลมาดูแลแม่ เขาเฝ้าสังเกตว่าพ่อออกและกลับบ้านในเวลานี้เสมอ
“ภู ทุกวันนี้พ่อไม่ได้ทำงานอะไร หลายเดือนมานี้พ่ออยู่ดูแลแม่ของแกตลอดเวลา ช่วงนี้พ่อแค่อยากพักผ่อนจิตใจพ่อบ้าง แกคิดว่าพ่อไม่สนใจแม่แกงั้นรึ”
น้ำเสียงที่ราบเรียบแต่ดูจริงจัง มันออกมาความจากรู้สึกของคนที่หัวใจเหี่ยวเฉา แววตาที่อ่อนล้า มันไม่มีน้ำตาสักหยด เพราะเขาร้องไห้กับตัวเองมามากพอแล้ว นับตั้งแต่คนที่เขารักที่สุดล้มป่วย
“ผมแค่ไม่อยากให้คุณพ่อ ปล่อยแม่ให้อยู่คนเดียว”
“ภูเอ๋ย...คนเราป่วยได้ด้วยหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นก็คือหัวใจที่อ่อนแอ พ่อแค่ขอออกไปสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง ก่อนที่แกจะเห็นพ่อล้มป่วยไปอีกคน”
นานแล้วที่ภูวนนท์ไม่ค่อยได้มองใบหน้าเต็มๆ ของผู้เป็นพ่อ เพราะตัวเขาเองก็ยุ่งกับการรับช่วงธุรกิจต่อจากบิดา ใบหน้าที่ขาวชมพู กลมอิ่ม จนดูคล้ายซาลาเปา แม่ชอบพูดถึงหน้าพ่อแบบนั้นอยู่บ่อยๆ บัดนี้ใบหน้าที่เคยมีเนื้อ กับตอบ โหนกแก้มสูงขึ้น แววตาเริ่มไร้ความรู้สึก เขาได้แต่ถามตัวเอง นี่เขาทำงานจนลืมดูแลพ่อไปหรือเปล่า
“ไปไหนมาคะ ฉันตื่นได้สักพักแล้วไม่เห็นคุณ”
อภิรดีโอบกอดสามีด้วยความคิดถึงที่ตื่นมาแล้วไม่เจอหน้า หล่อนนอนบนเตียงเฉยๆแบบนี้มาหลายเดือนขยับได้เพียงเล็กน้อย เพราะเหนื่อยและไอเกือบตลอดเวลา พอจะมีแรงพูดสักหน่อยก็หลังจากตื่นนอน แต่ก็แค่เพียงไม่กี่ประโยค
“ผมออกไปหาซื้อนิยายและหนังสือธรรมมะ มาอ่านให้คุณฟังคืนนี้”
กฤษฎาจะอ่านหนังสือนิยายให้หล่อนฟังทุกกลางวันหลังจากที่หล่อนกินยาเพื่อให้หลับ ส่วนหนังสือธรรมะเขาจะอ่านช่วงก่อนนอนในเวลากลางคืน เขาทำแบบนี้ในทุกๆ วันและทุกๆ คืนเสมอต้นเสมอปลาย จนหนังสือเต็มตู้ไปหมด
กิจวัตรประจำวันของครอบครัวนี้ดำเนินไปตามปกติอย่างเคร่งครัด เวลาผ่อนคลายของผู้ชายที่ถูกโรคซึมเศร้าคุกคามมีเพียงแค่เวลาไม่กี่ชั่วโมงในบ่อนกลางกรุง
“สวัสดีครับเจ้าสัว” ผู้จัดการบ่อนกล่าวทักทาย
“อย่าทำฉันเลยนะ ขอร้อง อาทิตย์หน้าฉันจะหาเงินมาใช้เจ้านายแกให้ได้” เสียงผู้หญิงตะโกนดังมาจากห้องรับแขกด้านในของบ่อน
“ข้างในเกิดอะไรขึ้น...” กฤษฎาถามด้วยความตกใจ เพราะเสียงโหวกเหวกนั้นเหมือนคนพูดกำลังต้องการความช่วยเหลือ
“ไม่มีอะไรหรอกครับเจ้าสัว พวกลูกหนี้เวลาไม่มีเงิน นายเขาก็ใจดีให้ยืม พอถึงกำหนดส่งก็หลบหน้าหลบตา นางนี่ก็เหมือนกัน เวลาได้ก็เริงร่า พอเสียขึ้นมาไม่มีจ่าย ต้องสั่งสอนกันบ้าง จะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างให้คนอื่นเขา”
ยังไม่ทันที่กฤษฎาจะถามอะไรต่อ เจ้าของเสียงก็กึ่งเดินกึ่งคลานออกมาจากห้องที่ถูกจัดไว้เพื่อรับรองแขกคนสำคัญ ภาพที่กฤษฎาเห็น ทำให้เขาตัดสินใจเข้าไประงับเหตุ ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะโดนพวกคุมบ่อนซ้อมหนักไปกว่านี้
“นี่! มันอะไรกัน ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้”
เจ้าสัวแห่งตระกูลวชิรชโลธร รู้สึกตกใจกับสิ่งภาพเขาได้เห็น ผู้ชายวัยฉกรรจ์เกือบสิบคน รุมทำร้ายผู้หญิงวัยสี่สิบกว่า หากเขาเอาแต่ยืนดูเฉยๆเขาคงไม่ให้อภัยตัวเองแน่ๆ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ทางบ่อนเราแค่สั่งสอนลูกหนี้เราให้เข้าใจกฎของการยืมเงิน” ผู้จัดการร้านคนเดิมตอบด้วยใบหน้าอมยิ้ม เหมือนการกระทำที่เกิดขึ้นตรงหน้าเป็นสิ่งที่ปกติสำหรับคนที่นี่
“เขาติดหนี้นายพวกคุณเท่าไหร่” แววตาที่หวาดกลัวและร่างกายที่บอบช้ำของหญิงวัยกลางคน ทำให้เขาเอ่ยถามอย่างจริงจัง
“สองล้านครับเจ้าสัว”ผู้จัดการตอบแบบเยาะเย้ย ใคร...จะกล้ามาใช้หนี้ให้ผู้หญิงที่แก่ไม่มีความเต่งตึงสักส่วน และจำนวนเงินก็ไม่ใช่น้อยๆ “พรุ่งนี้ ผมจะเอาเงินมาชดใช้ให้ ปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปซะ หวังว่าคงเชื่อถือในคำพูดของเจ้าสัวคนนี้นะ” สองมือล้วงกระเป๋า อกที่ยืดตรงบ่งบอกให้รู้ว่าเงินจำนวนเท่านี้ ขนหน้าแข้งของเขาไม่ล่วงหรอก “ขอบคุณมากๆ เลยนะคะคุณ...” “ผม...กฤษฎา” เขาส่งมือให้ผู้หญิงที่โดนทำร้ายจนแทบไม่มีแรงพาตัวเองให้ลุกขึ้นได้ สายตาที่ขอบคุณของคนที่อยู่ตรงหน้า สร้างความสุขให้กับคนป่วยโรคซึมเศร้าได้จริงๆ “เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่าค่ะ ฉัน...ฟ้ารุ่ง ขอบคุณจากใจอีกครั้ง” หล่อนอยากรู้จักคนที่เอื้อมือ และยอมเสียเงินสองล้านเพื่อช่วยชีวิตหล่อนให้มากกว่านี้ แต่สถานที่แบบนี้คงไม่เหมาะที่จะมานั่งคุยกัน “ดิฉันชื่อ ฟ้ารุ่ง คำอินทร์ งานการก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว เป็นนายหน้าขายที่ดินบ้างบางครั้งที่มีคนมาให้ช่วย ลูกสาวคอยส่งเงินให้ใช้บ้าง เลยเอาเวลาว่างมาเล่นไพ่ที่บ่อน ตอนแรกก็กะจะสนุกๆ คลายเครียด พอนานไปถึงได้รู้ตัวว่าติดการพนันเข้าไปเ
สัปดาห์ละครั้งแพทย์จะมาพาอภิรดีไปนั่งเล่นในสวนโดยใช้เตียงที่เธอนอนเข็นเคลื่อนที่ออกไป จำเป็นต้องใช้คนที่มีความรู้ทางการแพทย์มาดูแลในขณะเคลื่อนย้าย ทุกครั้งที่ได้สูดอากาศภายนอกหล่อนจะยิ้มอย่างมีความสุขและดูร่าเริง จนคนที่อยู่รอบข้างสัมผัสได้“หนุ่มสาวคู่นี้จีบอะไรกันอยู่ครับ” วันนี้ภูวนนท์ลูกชายคนเดียวของบ้านกลับบ้านไวกว่าปกติ จากบทสนทนาที่เขาได้คุยกับบิดา ทำให้ภูวนนท์ตั้งใจที่จะให้เวลากับครอบครัวมากกว่านี้ เขาสะสางงานทุกอย่างให้เสร็จ เพื่อพรุ่งนี้เขาจะใช้เวลาทั้งวันเพื่อดูแลมารดา เพื่อให้พ่อของเขาได้พักผ่อนและแม่ก็จะไม่รู้สึกเดียวดายที่พ่อไม่อยู่“คุณพ่อครับ พรุ่งนี้หลังเสร็จจากที่เราพาคุณแม่ไปนั่งเล่นหน้าบ้าน คุณพ่อแวะไปที่บริษัทหน่อยนะครับ หลายๆคนถามหา ผมอยากให้เลขาพาคุณพ่อไปดูโครงการใหม่และเก็บภาพมาฝากคุณแม่ด้วยนะครับ”กฤษฎาเข้าใจในสิ่งที่ลูกชายกำลังทำ เขาต้องการให้ผู้เป็นพ่อได้พักผ่อนโดยการกลับไปเยี่ยมลูกน้อง ไปพูดคุยกับคนเก่าแก่ของบริษัท ได้ช่วยไปตรวจดูความเรียบร้อยในโครงการใหม่ จะได้ใช้ความคิดในเรื่องของการก่อสร้างก่อนที่โรคความจำเสื่อจะมาถามหา“แม่ครับ พรุ่งนี้ชิดจันทร์จะมาเยี
“อภิรดีเป็นอย่างไรบ้าง ฉันจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนนะ”คุณแม่ของภูวนนท์เป็นที่รักใคร่ของทุกคน ความจริงใจ รอยยิ้มที่ออกมาจากความบริสุทธิ์ ที่ทำให้ทุกคนมีความสุขเวลาได้อยู่ใกล้หล่อน“อาการทรงตัวอยู่ครับเหนื่อยง่าย แต่ยังพอสู้ไหวครับ” ชายหนุ่มตอบคำถามแบบสำรวมกริยา เพราะเขาระมัดระวังตัวและคำพูดทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าแม่ของชิดจันทร์ภูวนนท์ขอตัวกลับก่อน เพราะเขาคงไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่นานๆ อาจเผลอไปทำอะไรให้คุณหญิงโฉมเฉลาไม่พอใจได้ ชิดจันทร์ขออนุญาตเดินมาส่งแฟนหนุ่มที่รถ เพราะคิดว่ามันเป็นมารยาทคงไม่น่าเกลียดอะไร และเธอก็อยากคุยอะไรกับภูวนนท์ในเรื่องที่เขาขอเธอแต่งงาน“พี่ภูคะ เรื่องแต่งานของเรา เอยขอเวลาที่จะพูดคุยกับคุณแม่ก่อนนะคะ หากพี่พูดกับท่านโดยตรง เอยเกรงว่า ท่านจะโมโหก่อนที่พี่จะพูดจบ” หญิงสาวส่งสายตาให้กำลังใจพี่ภูของเธอ ความรักมันไม่ใช่เรื่องของคนสองคน ในความคิดของชิดจันทร์ ความรักของเธอมันจะสมหวังหรือผิดหวังขึ้นอยู่กับมารดาเท่านั้นภูวนนท์ขับรถกลับบ้านอย่างใจเย็นเพราะเขาคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ว่าความรักของเขาจะสมหวังหรือผิดหวัง อย่างน้อยวันนี้เขาได้ขอเธอแต่งง
ตอนที่2ตอบแทน เรื่องราวความรักของเธอจะเป็นอย่างไรต่อไป ชิดจันทร์ยังหาคำตอบไม่ได้ แต่เธอคิดว่าอีกไม่นาน ชะตาลิขิตจะพาเธอไปหาคำตอบ ที่มันควรจะเป็น“คุณแม่ครับตื่นนานหรือยัง” ภูวนนท์รีบมาหามารดาก่อนทำสิ่งอื่นใดเมื่อเขากลับถึงบ้าน เพราะทั้งเขาและมารดาต่างก็รู้ว่าเวลาสำหรับสี่คนพ่อแม่ลูกยังมีพราวพลอยน้องเล็กของบ้านที่ถูกส่งให้ไปเรียนโรงเรียนประจำจะได้อยู่พร้อมหน้ากัน มันใกล้หมดลงแล้วอภิรดีใช้รอยยิ้มแทนคำตอบ เพราะวันนี้หล่อนเหนื่อยกับการถูกเคลื่อนย้ายไปที่สวนหน้าบ้าน จึงหลับนานกว่าทุกวัน สีหน้าที่สดชื่นขึ้นของอภิรดีเป็นของขวัญชิ้นพิเศษให้กับทุกคนในครอบครัว“ภู... เป็นอย่างไรบ้างลูก ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับหนูชิดจันทร์ คบกันก็หลายปีแล้ว เมื่อไหร่จะแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว ผู้หญิงเขาจะรอเราไหมตาภู”กฤษฎาถามลูกชาย เพราะเข้าใจว่าที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังพัฒนาไปไม่ถึงขั้นแต่งงาน เป็นเพราะภูวนนท์ยังไม่คิดเรื่องนี้“วันนี้ผมขอเอยแต่งงาน แต่เธอไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้ ต้องแล้วแต่คุณแม่ของเธอครับ” ภูวนนท์ตอบคำถามของผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักกฤษฎารับรู้มาตลอดเรื่องที่คุณนา
ระหว่างทางกลับบ้าน กฤษฎารู้สึกจิตใจเขาไม่ปกติสุขเลย หรือเขาจะหลงเสน่ห์ของฟ้ารุ่งเข้าให้แล้ว อีกทั้งตัวเขาเองก็ห่างหายจากการใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากับอภิรดีมาเกือบสองปีแล้วตั้งแต่รู้ว่าเธอเริ่มป่วย แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะนอกใจภรรยา แต่ครั้งนี้ทำไมหัวใจเขามันเต้นผิดจังหวะเขาได้แต่บอกกับตัวเองว่าเดี๋ยวเขากลับถึงบ้านก็คงหาย“เอ้า! พี่ขอโทษไม่ได้ยินเสียงคุณกดกริ่งเรียก” กฤษฎานั่งเหม่อใจลอย จนไม่ได้ยินอภิรดีเรียกเพราะอยากพลิกตัว เริ่มเมื่อยกับการนอนท่าเดิม“คุณผู้ชายหนูเดินทางแล้วนะคะ” สาวใช้มาลาเพื่อเดินทางกลับบ้านตามที่ได้บอกตั้งแต่ช่วงเช้า เพราะแม่ล้มป่วยกะทันหัน เขาจึงให้เงินพิเศษไปไว้เพื่อรักษาแม่ และเขาคิดออกแล้วว่าจะหางานให้ฟ้ารุ่งได้ที่ไหน“สวัสดีครับ ผมหางานให้คุณทำได้แล้วนะ” กฤษฎาโทรศัพท์หาฟ้ารุ่งทันที เขาบอกเล่าเรื่องราวต่างเกี่ยวกับงานที่เขาต้องการให้เธอมาทำ เงินเดือนที่ให้เป็นค่าตอบแทน ฟ้ารุ่งคงหาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว“ขอบคุณมากสำหรับงานใหม่และเงินเดือนที่สูงมาก เริ่มงานเมื่อไหร่ดีคะ”การเป็นหนี้ไม่ทำให้ชีวิตของฟ้ารุ่งมีความสุข โดยเฉพาะเจ้าหนี้ที่ใจดีมีน้ำใจแบบผู้ชายคนนี้ เธอจึงอยากหาเง
ฟ้ารุ่งรู้สึกตัวเองมีค่าตัวที่สูงมากหลังจากได้รับรู้หน้าที่ และนำมาเทียบกับค่าตอบแทนที่เธอได้ หน้าที่ทำกับข้าวเป็นงานที่เธอถนัดมาก แต่ระยะหลังเธอก็ไม่ได้เข้าครัวนานแล้วเพราะใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง จึงเลือกที่จะกินอยู่อย่างง่ายๆเอาพยาบาลเรียกตัวเธอไปสอนวิธีการดูแลคนป่วย ฟ้ารุ่งเธอมีมารดาเป็นพยาบาลจึงไม่ยากที่เรียนรู้ และเธอก็ยินดีที่จะได้ดูแลภรรยาของคนที่มีพระคุณกับเธอเมนูอาหารมื้อแรกที่แม่ครัวคนใหม่เลือกที่จะทำ ก็เกิดจากการสอบถามจากยิ้มสาวใช้ของบ้านถึงเมนูโปรดของคนในบ้าน“หนูทำกับข้าวไม่ได้เรื่องเลย โดนคุณภูบ่นประจำ ฝากน้าด้วยนะคะ” ยังโชคดีอยู่บ้างที่เธอถูกเรียกว่าน้านึกว่าจะกลายเป็นป้าซะแล้วฟ้ารุ่งยิ้มในใจ“แม่ครัวคนใหม่ของคุณพ่อฝีมือใช้ได้เลยนะครับ” ภูวนนท์กินอาหารจนเกลี้ยงจานเพราะถูกปากกับรสมือของแม่ครัวคนใหม่“เมื่อเย็นแม่ของลูกกินข้าวต้มได้เกือบหมดถ้วยเลย” ปกติอภิรดีจะกินข้าวเย็นเพียงไม่กี่คำ เพราะหล่อนไม่ชอบกินข้าวต้ม แต่ด้วยรสชาติที่ถูกใจวันนี้เลยกินได้มากคืนแรกในบ้านหลังใหญ่ที่มีสมาชิกหลายคนอาศัยอยู่ ฟ้ารุ่งคุยเรื่องราวต่างๆให้ลูกสาวได้รับรู้ผ่านทางเฟสบุ๊ค นานแล้วที่เธอใช้ชีวิ
บทที่3 ดูแล “พรุ่งนี้น้องจะปิดเทอมแล้วนะ” กฤษฎาบอกลูกชายที่กำลังนอนเล่นบนโซฟาข้างๆมารดา “ไม่ต้องกลับไปเรียนแล้วใช่ไหมครับ” พราวพลอยเธอถูกส่งให้ไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติตั้งแต่เด็กๆ เพราะช่วงนั้นกฤษฎาโหมทำงานหนัก อภิรดีก็ต้องคอยตามไปช่วยตลอด ทั้งคู่ไม่มีเวลาดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ภูวนนท์เป็นเด็กผู้ชายยังไม่ค่อยเป็นห่วง พราวพลอยเลยถูกส่งไปเรียนโรงเรียนประจำเพียงคนเดียว “ไม่ต้อง เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว กลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาดีกว่า” เป็นคำตอบที่คนถามได้ยินแล้วก็สุขใจ ถึงแม้พราวพลอยและภูวนนท์จะมีเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่มากนัก แต่สำหรับพี่ชายคนนี้เธอคือแก้วตาดวงใจของเขาเลย เพราะพราวพลอยเป็นเด็กสาวที่สดใส น่ารัก และมีน้ำใจกับทุกๆคน “เรามีงานเลี้ยงต้อนรับยายพลอยกันดีไหมครับพ่อ” ตั้งแต่มารดาของเขาป่วยหนัก ภูวนนท์ก็ไม่เคยเห็นบ้านหลังนี้มีงานเลี้ยงรื่นเริงเลยสักครั้ง คราวนี้คงเป็นโอกาสที่ดี มารดาของเขาเองก็คงอยากให้บ้านหลังนี้ได้มีความรื่นเริงบ้าง เพราะก่อนที่แม่ของเขาจะล้มป่วย อภิรดีชอ
“การพนันใช่ไหม” นาธานพอรู้มาบ้างว่าฟ้ารุ่งติดการพนัน “ใช่...แต่แม่บอกว่าจะเลิก ไม่กลับไปยุ่งกับมันอีก” “อีกแล้ว เลิกอีกแล้ว” นาธานทำเสียงให้เพื่อนสาวของเขารู้ว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่มารดาของเธอบอก “แต่เธอทำถูกแล้ว อย่างไรเขาก็แม่ เงินเราก็เหมือนเงินแม่ พระคุณที่ทำให้เราเกิดมายิ่งใหญ่จนคิดเป็นมูลค่าไม่ได้หรอก” มินรญาโผเข้ากอดเพื่อนชาย ใบหน้าขาวคมซบลงกับอกกว้าง เขาเป็นมากกว่าเพื่อนๆจริงๆ ทุกๆครั้งที่เธอมีทุกข์ใดๆก็ตาม ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะเป็นที่พักพิงให้เธอไม่ได้ “ขอบคุณนะที่อยู่ข้างๆกัน และเข้าใจเรามาตลอด ขอบคุณจริงๆ” น้ำใสๆไหลออกจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยที่กำลังสับสนกับความคิดกับตัวเอง มินรญาตัดสินใจกับเส้นทางชีวิตของตัวเองได้แล้ว เธอคงต้องหาโอกาสเหมาะๆ บอกให้พ่อของเธอรู้ และหวังว่าเขาคงเข้าใจและไม่คัดค้านเธอ เพราะถ้ามีการคัดค้านมินรญาเองก็ไม่เชื่อใจตัวเองเหมือนกัน ว่าตัวเธอเองจะไม่เปลี่ยนแปลงความคิด เพราะในหัวใจส่วนลึก เธอก็รักอิมรานและแคโรลีนมากเหมือนกัน “งานอะไรคะนี่” พราวพ