สัปดาห์ละครั้งแพทย์จะมาพาอภิรดีไปนั่งเล่นในสวนโดยใช้เตียงที่เธอนอนเข็นเคลื่อนที่ออกไป จำเป็นต้องใช้คนที่มีความรู้ทางการแพทย์มาดูแลในขณะเคลื่อนย้าย ทุกครั้งที่ได้สูดอากาศภายนอกหล่อนจะยิ้มอย่างมีความสุขและดูร่าเริง จนคนที่อยู่รอบข้างสัมผัสได้
“หนุ่มสาวคู่นี้จีบอะไรกันอยู่ครับ”
วันนี้ภูวนนท์ลูกชายคนเดียวของบ้านกลับบ้านไวกว่าปกติ จากบทสนทนาที่เขาได้คุยกับบิดา ทำให้ภูวนนท์ตั้งใจที่จะให้เวลากับครอบครัวมากกว่านี้ เขาสะสางงานทุกอย่างให้เสร็จ เพื่อพรุ่งนี้เขาจะใช้เวลาทั้งวันเพื่อดูแลมารดา เพื่อให้พ่อของเขาได้พักผ่อนและแม่ก็จะไม่รู้สึกเดียวดายที่พ่อไม่อยู่
“คุณพ่อครับ พรุ่งนี้หลังเสร็จจากที่เราพาคุณแม่ไปนั่งเล่นหน้าบ้าน คุณพ่อแวะไปที่บริษัทหน่อยนะครับ หลายๆคนถามหา ผมอยากให้เลขาพาคุณพ่อไปดูโครงการใหม่และเก็บภาพมาฝากคุณแม่ด้วยนะครับ”
กฤษฎาเข้าใจในสิ่งที่ลูกชายกำลังทำ เขาต้องการให้ผู้เป็นพ่อได้พักผ่อนโดยการกลับไปเยี่ยมลูกน้อง ไปพูดคุยกับคนเก่าแก่ของบริษัท ได้ช่วยไปตรวจดูความเรียบร้อยในโครงการใหม่ จะได้ใช้ความคิดในเรื่องของการก่อสร้างก่อนที่โรคความจำเสื่อจะมาถามหา
“แม่ครับ พรุ่งนี้ชิดจันทร์จะมาเยี่ยมคุณแม่นะครับ”
ชายหนุ่มบอกกับมารดาด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เขาและชิดจันทร์คบกันตั้งแต่สมัยที่ภูวนนท์เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยปีสอง ตอนนั้นชิดจันทร์ยังเรียนอยู่มัธยมศึกษาตอนปลาย
ชิดจันทร์เป็นเด็กสาวที่เกิดในตระกูลของผู้ดีเก่า บ้านของหล่อนฐานะดีแต่ก็ยังถือว่ามีอันจะกินน้อยกว่าครอบครัวของภูวนนท์ แต่สิ่งที่บุพการีของของหล่อนต้องการคือตำแหน่งและหัวโขนในสังคม ภูวนนท์ถึงจะรวยล้นฟ้ามากแค่ไหน ก็ยังไม่เป็นที่ถูกใจของอนาคตแม่ยาย คุณนายโฉมเฉลาคิดวางแผนอนาคตไว้จะจับชิดจันทร์ตุนาหงันกับข้าราชการชั้นสูง มีเชื้อหม่อมเชื้อเจ้า หาใช่เจ๊กปลายแถวอย่างภูวนนท์ ที่นามสกุลถูกเปลี่ยนมาจาแซ่ หาใช้ผู้ดีเก่าสมัยอยุธยา
“สวัสดีค่ะคุณป้า อากาศดีจังวันนี้ สงสัยพระอินทร์จะรู้ว่าคุณป้า จะไปนั่งสูดอากาศข้างนอก”
ชิดจันทร์เธอเป็นคนช่างเจรจาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เพียงแต่หล่อนจะไม่แสดงต่อหน้าแม่ เพราะไม่อยากโดนคุณนายโฉมเฉลาเอ็ดเอา อยู่ต่อหน้ามารดาหล่อนจึงเลือกที่จะอยู่เงียบๆ
“สวัสดีจ๊ะ หนูชิดจันทร์” อภิรดีตอบสั้นๆแต่เพียงเท่านี้ เพราะต้องเก็บกำลังไว้ใช้กับการเดินทางไปนั่งเล่นในสวน และจะอยู่ที่นั่นจนถึงเวลาอาหารกลางวัน
ความอบอุ่นในครอบครัวเป็นยาวิเศษณ์ที่ดีที่สุด วันนี้ทุกคนอยู่พร้อมหน้ากัน อภิรดีได้เห็นต้นไม้ที่หล่อนปลูกไว้ หกวันในแต่ละสัปดาห์จะได้เห็นแค่เพียงผ่านกระจก เมื่อสามีเปิดม่านให้ดู เสียงนกร้องเสียงกิ่งไม้และใบไม้ที่ไหวตามลม เพิ่มความสุขให้กับคนป่วยให้ได้ยิ้มอย่างมีความสุขอีกครั้ง ถึงแม้ว่าระหว่างการเดินทางมากลางสวนจะทำให้อภิรดีเหนื่อยมากแค่ไหนแต่มันก็คุ้มค่าเมื่อได้นั่งสูดหายใจเต็มปอดอยู่ตรงนี้
เมื่ออภิรดีได้เวลาพักผ่อน ภูวนนท์ชวนชิดจันทร์มานั่งเล่นบริเวณเรือนเล็กหลังบ้าน วันนี้เป็นวันที่เขาตั้งใจจะขอชิดจันทร์แต่งงาน เลยเลือกบรรยากาศที่สดชื่น เย็นสบาย มีความเป็นส่วนตัว ซึ่งเรือนหลังเล็กเป็นบ้านดั่งเดิมของพ่อและแม่ ภูวนนท์ตั้งใจจะปรับปรุงให้เป็นเรือนหอของเขากับชิดจันทร์
“เอยครับ...”
ภูวนนท์เรียกชื่อเล่นของแฟนสาวอย่างคุ้นเคย คนถูกเรียกหันมาส่งยิ้มให้ แววตาของชิดจันทร์ถ้าลองมองสังเกตเข้าไปถึงแววตาข้างในจะเห็นความเศร้าปะปนอยู่ในดวงตาที่เล็กกลมบนใบหน้าที่งดงามของหล่อน
“แต่งงานกับพี่นะ...”
แหวนเพชรเม็ดงานรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ที่ถูกสั่งทำอย่างดีเพื่อใช้ขอผู้หญิงที่เขารักจนสุดใจแต่งงาน มันอาจไม่ใช่เพชรเม็ดใหญ่ แต่มันก็น้ำงามจนต้องสะดุดตาใครหลายคน
“ขอบคุณค่ะ...พี่ภู”
หล่อนยื่นมือและนิ้วนาวเรียวงาม ให้ชายหนุ่มสวมแหวนวงงามที่ถูกสั่งทำให้มีขนาดเหมาะกับนิ้วเล็กของชิดจันทร์
“เอยรักพี่ภูนะคะ...รักมาก มากที่สุด แต่ความรักที่เอยมีให้พี่ภูและพี่ภูมีให้กับเอย มันยังไม่พอที่จะทำให้เราได้แต่งงานกัน” หล่อนโผเข้ากอดเพื่อหวังปิดบังความอ่อนแอที่อยู่ในจิตใจ
ภายนอกหล่อนดูเป็นหญิงสาวที่งดงาม มั่นใจในตัวเอง ร่าเริง สนุกสนาน แต่เมื่อไหร่ที่หล่อนอยู่กับมารดา หล่อนก็พร้อมจะทำตัวเป็นหุ่นยนต์คอยให้คุณนายโฉมเฉลา บังคับบังเหียนให้เธอเดินไปตามเส้นทางที่นางต้องการ
“ชีวิตของเอย คงต้องขึ้นอยู่กับคุณแม่ เอาเป็นว่าเอยรับคำขอของพี่ภูนะคะ แต่จะได้แต่งจริงไหม ต้องอยู่ที่ความพยายามของเจ้าบ่าวในอนาคตแล้วค่ะ” ชิดจันทร์พูดให้กำลังใจภูและตัวเธอเอง
ด้วยวัยที่แก่กว่าและความเป็นคนที่มีความคิดความอ่านโตเกินตัว ภูวนนท์เข้าใจทุกความรู้สึกของชิดจันทร์และพร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอทุกความสุขและความทุกข์
“สวัสดีครับคุณแม่”
ชายหนุ่มทักทายผู้เป็นมารดาของแฟนสาวด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ถึงแม้ว่าเขาจะรู้อยู่เต็มอกว่าคุณนายโฉมเฉลาไม่ปรารถนาได้เขาเป็นลูกเขยเลย แต่ที่เขายังอนุญาตให้ชิดจันทร์ได้ไปไหนมาไหนกับเขาบ้าง ก็เพราะว่ายังไม่อยากหักหาญน้ำใจของลูกสาวจนเกินไป และยังมองไม่เห็นชายอื่นที่ดีกว่าภูวนนท์
“วันนี้พากันไปถึงไหนมาล่ะ ภูวนนท์”
คุณหญิงโฉมเฉลาจะเรียกภูวนนท์ชื่อเต็มเสมอ เพราะไม่ต้องการแสงความสนิทสนม แต่ก็ไม่ทำรังเกียจจนไร้มารยาท เพราะอย่างไรเสียตระกูล วชิรชโลธร ก็มีหน้ามีตาในสังคม ถ้าได้เป็นเจ้าเป็นนาย มียศถาบรรดาศักดิ์อีกสักหน่อยเขาคงไม่รังเกียจที่จะรับเศรษฐีใหม่ ที่ล่องเรือมาอาศัยผืนแผ่นดินไทยจนร่ำรวยมาเป็นลูกเขย
“อภิรดีเป็นอย่างไรบ้าง ฉันจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนนะ”คุณแม่ของภูวนนท์เป็นที่รักใคร่ของทุกคน ความจริงใจ รอยยิ้มที่ออกมาจากความบริสุทธิ์ ที่ทำให้ทุกคนมีความสุขเวลาได้อยู่ใกล้หล่อน“อาการทรงตัวอยู่ครับเหนื่อยง่าย แต่ยังพอสู้ไหวครับ” ชายหนุ่มตอบคำถามแบบสำรวมกริยา เพราะเขาระมัดระวังตัวและคำพูดทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าแม่ของชิดจันทร์ภูวนนท์ขอตัวกลับก่อน เพราะเขาคงไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่นานๆ อาจเผลอไปทำอะไรให้คุณหญิงโฉมเฉลาไม่พอใจได้ ชิดจันทร์ขออนุญาตเดินมาส่งแฟนหนุ่มที่รถ เพราะคิดว่ามันเป็นมารยาทคงไม่น่าเกลียดอะไร และเธอก็อยากคุยอะไรกับภูวนนท์ในเรื่องที่เขาขอเธอแต่งงาน“พี่ภูคะ เรื่องแต่งานของเรา เอยขอเวลาที่จะพูดคุยกับคุณแม่ก่อนนะคะ หากพี่พูดกับท่านโดยตรง เอยเกรงว่า ท่านจะโมโหก่อนที่พี่จะพูดจบ” หญิงสาวส่งสายตาให้กำลังใจพี่ภูของเธอ ความรักมันไม่ใช่เรื่องของคนสองคน ในความคิดของชิดจันทร์ ความรักของเธอมันจะสมหวังหรือผิดหวังขึ้นอยู่กับมารดาเท่านั้นภูวนนท์ขับรถกลับบ้านอย่างใจเย็นเพราะเขาคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ว่าความรักของเขาจะสมหวังหรือผิดหวัง อย่างน้อยวันนี้เขาได้ขอเธอแต่งง
ตอนที่2ตอบแทน เรื่องราวความรักของเธอจะเป็นอย่างไรต่อไป ชิดจันทร์ยังหาคำตอบไม่ได้ แต่เธอคิดว่าอีกไม่นาน ชะตาลิขิตจะพาเธอไปหาคำตอบ ที่มันควรจะเป็น“คุณแม่ครับตื่นนานหรือยัง” ภูวนนท์รีบมาหามารดาก่อนทำสิ่งอื่นใดเมื่อเขากลับถึงบ้าน เพราะทั้งเขาและมารดาต่างก็รู้ว่าเวลาสำหรับสี่คนพ่อแม่ลูกยังมีพราวพลอยน้องเล็กของบ้านที่ถูกส่งให้ไปเรียนโรงเรียนประจำจะได้อยู่พร้อมหน้ากัน มันใกล้หมดลงแล้วอภิรดีใช้รอยยิ้มแทนคำตอบ เพราะวันนี้หล่อนเหนื่อยกับการถูกเคลื่อนย้ายไปที่สวนหน้าบ้าน จึงหลับนานกว่าทุกวัน สีหน้าที่สดชื่นขึ้นของอภิรดีเป็นของขวัญชิ้นพิเศษให้กับทุกคนในครอบครัว“ภู... เป็นอย่างไรบ้างลูก ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับหนูชิดจันทร์ คบกันก็หลายปีแล้ว เมื่อไหร่จะแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว ผู้หญิงเขาจะรอเราไหมตาภู”กฤษฎาถามลูกชาย เพราะเข้าใจว่าที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังพัฒนาไปไม่ถึงขั้นแต่งงาน เป็นเพราะภูวนนท์ยังไม่คิดเรื่องนี้“วันนี้ผมขอเอยแต่งงาน แต่เธอไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้ ต้องแล้วแต่คุณแม่ของเธอครับ” ภูวนนท์ตอบคำถามของผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักกฤษฎารับรู้มาตลอดเรื่องที่คุณนา
ระหว่างทางกลับบ้าน กฤษฎารู้สึกจิตใจเขาไม่ปกติสุขเลย หรือเขาจะหลงเสน่ห์ของฟ้ารุ่งเข้าให้แล้ว อีกทั้งตัวเขาเองก็ห่างหายจากการใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากับอภิรดีมาเกือบสองปีแล้วตั้งแต่รู้ว่าเธอเริ่มป่วย แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะนอกใจภรรยา แต่ครั้งนี้ทำไมหัวใจเขามันเต้นผิดจังหวะเขาได้แต่บอกกับตัวเองว่าเดี๋ยวเขากลับถึงบ้านก็คงหาย“เอ้า! พี่ขอโทษไม่ได้ยินเสียงคุณกดกริ่งเรียก” กฤษฎานั่งเหม่อใจลอย จนไม่ได้ยินอภิรดีเรียกเพราะอยากพลิกตัว เริ่มเมื่อยกับการนอนท่าเดิม“คุณผู้ชายหนูเดินทางแล้วนะคะ” สาวใช้มาลาเพื่อเดินทางกลับบ้านตามที่ได้บอกตั้งแต่ช่วงเช้า เพราะแม่ล้มป่วยกะทันหัน เขาจึงให้เงินพิเศษไปไว้เพื่อรักษาแม่ และเขาคิดออกแล้วว่าจะหางานให้ฟ้ารุ่งได้ที่ไหน“สวัสดีครับ ผมหางานให้คุณทำได้แล้วนะ” กฤษฎาโทรศัพท์หาฟ้ารุ่งทันที เขาบอกเล่าเรื่องราวต่างเกี่ยวกับงานที่เขาต้องการให้เธอมาทำ เงินเดือนที่ให้เป็นค่าตอบแทน ฟ้ารุ่งคงหาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว“ขอบคุณมากสำหรับงานใหม่และเงินเดือนที่สูงมาก เริ่มงานเมื่อไหร่ดีคะ”การเป็นหนี้ไม่ทำให้ชีวิตของฟ้ารุ่งมีความสุข โดยเฉพาะเจ้าหนี้ที่ใจดีมีน้ำใจแบบผู้ชายคนนี้ เธอจึงอยากหาเง
ฟ้ารุ่งรู้สึกตัวเองมีค่าตัวที่สูงมากหลังจากได้รับรู้หน้าที่ และนำมาเทียบกับค่าตอบแทนที่เธอได้ หน้าที่ทำกับข้าวเป็นงานที่เธอถนัดมาก แต่ระยะหลังเธอก็ไม่ได้เข้าครัวนานแล้วเพราะใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง จึงเลือกที่จะกินอยู่อย่างง่ายๆเอาพยาบาลเรียกตัวเธอไปสอนวิธีการดูแลคนป่วย ฟ้ารุ่งเธอมีมารดาเป็นพยาบาลจึงไม่ยากที่เรียนรู้ และเธอก็ยินดีที่จะได้ดูแลภรรยาของคนที่มีพระคุณกับเธอเมนูอาหารมื้อแรกที่แม่ครัวคนใหม่เลือกที่จะทำ ก็เกิดจากการสอบถามจากยิ้มสาวใช้ของบ้านถึงเมนูโปรดของคนในบ้าน“หนูทำกับข้าวไม่ได้เรื่องเลย โดนคุณภูบ่นประจำ ฝากน้าด้วยนะคะ” ยังโชคดีอยู่บ้างที่เธอถูกเรียกว่าน้านึกว่าจะกลายเป็นป้าซะแล้วฟ้ารุ่งยิ้มในใจ“แม่ครัวคนใหม่ของคุณพ่อฝีมือใช้ได้เลยนะครับ” ภูวนนท์กินอาหารจนเกลี้ยงจานเพราะถูกปากกับรสมือของแม่ครัวคนใหม่“เมื่อเย็นแม่ของลูกกินข้าวต้มได้เกือบหมดถ้วยเลย” ปกติอภิรดีจะกินข้าวเย็นเพียงไม่กี่คำ เพราะหล่อนไม่ชอบกินข้าวต้ม แต่ด้วยรสชาติที่ถูกใจวันนี้เลยกินได้มากคืนแรกในบ้านหลังใหญ่ที่มีสมาชิกหลายคนอาศัยอยู่ ฟ้ารุ่งคุยเรื่องราวต่างๆให้ลูกสาวได้รับรู้ผ่านทางเฟสบุ๊ค นานแล้วที่เธอใช้ชีวิ
บทที่3 ดูแล “พรุ่งนี้น้องจะปิดเทอมแล้วนะ” กฤษฎาบอกลูกชายที่กำลังนอนเล่นบนโซฟาข้างๆมารดา “ไม่ต้องกลับไปเรียนแล้วใช่ไหมครับ” พราวพลอยเธอถูกส่งให้ไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติตั้งแต่เด็กๆ เพราะช่วงนั้นกฤษฎาโหมทำงานหนัก อภิรดีก็ต้องคอยตามไปช่วยตลอด ทั้งคู่ไม่มีเวลาดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ภูวนนท์เป็นเด็กผู้ชายยังไม่ค่อยเป็นห่วง พราวพลอยเลยถูกส่งไปเรียนโรงเรียนประจำเพียงคนเดียว “ไม่ต้อง เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว กลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาดีกว่า” เป็นคำตอบที่คนถามได้ยินแล้วก็สุขใจ ถึงแม้พราวพลอยและภูวนนท์จะมีเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่มากนัก แต่สำหรับพี่ชายคนนี้เธอคือแก้วตาดวงใจของเขาเลย เพราะพราวพลอยเป็นเด็กสาวที่สดใส น่ารัก และมีน้ำใจกับทุกๆคน “เรามีงานเลี้ยงต้อนรับยายพลอยกันดีไหมครับพ่อ” ตั้งแต่มารดาของเขาป่วยหนัก ภูวนนท์ก็ไม่เคยเห็นบ้านหลังนี้มีงานเลี้ยงรื่นเริงเลยสักครั้ง คราวนี้คงเป็นโอกาสที่ดี มารดาของเขาเองก็คงอยากให้บ้านหลังนี้ได้มีความรื่นเริงบ้าง เพราะก่อนที่แม่ของเขาจะล้มป่วย อภิรดีชอ
“การพนันใช่ไหม” นาธานพอรู้มาบ้างว่าฟ้ารุ่งติดการพนัน “ใช่...แต่แม่บอกว่าจะเลิก ไม่กลับไปยุ่งกับมันอีก” “อีกแล้ว เลิกอีกแล้ว” นาธานทำเสียงให้เพื่อนสาวของเขารู้ว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่มารดาของเธอบอก “แต่เธอทำถูกแล้ว อย่างไรเขาก็แม่ เงินเราก็เหมือนเงินแม่ พระคุณที่ทำให้เราเกิดมายิ่งใหญ่จนคิดเป็นมูลค่าไม่ได้หรอก” มินรญาโผเข้ากอดเพื่อนชาย ใบหน้าขาวคมซบลงกับอกกว้าง เขาเป็นมากกว่าเพื่อนๆจริงๆ ทุกๆครั้งที่เธอมีทุกข์ใดๆก็ตาม ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะเป็นที่พักพิงให้เธอไม่ได้ “ขอบคุณนะที่อยู่ข้างๆกัน และเข้าใจเรามาตลอด ขอบคุณจริงๆ” น้ำใสๆไหลออกจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยที่กำลังสับสนกับความคิดกับตัวเอง มินรญาตัดสินใจกับเส้นทางชีวิตของตัวเองได้แล้ว เธอคงต้องหาโอกาสเหมาะๆ บอกให้พ่อของเธอรู้ และหวังว่าเขาคงเข้าใจและไม่คัดค้านเธอ เพราะถ้ามีการคัดค้านมินรญาเองก็ไม่เชื่อใจตัวเองเหมือนกัน ว่าตัวเธอเองจะไม่เปลี่ยนแปลงความคิด เพราะในหัวใจส่วนลึก เธอก็รักอิมรานและแคโรลีนมากเหมือนกัน “งานอะไรคะนี่” พราวพ
“ดีจ๊ะ เห็นทุกคนมีความสุข น้าก็พลอยสุขไปด้วย” คนป่วยตอบช้าๆอย่างเหนื่อยๆด้วยรอยยิ้ม ภูวนนท์พาชิดจันทร์เดินมานั่งที่โต๊ะอาหารกลางสนามหญ้า อาหารมากมายถูกจัดวางอย่างสวยงาม พราวพลอยเลือกเปิดเพลงที่ดูรื่นเริงมีความสุข สมกับบรรยากาศที่มีแต่รอยยิ้ม อาหารมากมายยังวางเรียงอยู่เหมือนเดิม เพราะพราวพลอยตักอาหารไปนั่งกินกับแม่และพ่อของเธอที่ชานบ้าน ส่วนชิดจันทร์และภูวนนท์นั่งคุยกันเพียงลำพังอยู่ที่โต๊ะกลางสนาม เสียงโทรศัพท์ทำให้ชิดจันทร์ต้องขอตัวเดินห่างออกไปจากแฟนหนุ่ม ภูวนนท์รู้สึกแปลกใจ ทำไมชิดจันทร์ต้องเดินออกไปคุยโทรศัพท์ไกลจากเขา ตั้งแต่คบกันมาเขากับชิดจันทร์ไม่เคยมีความลับต่อกัน รวมทั้งเรื่องที่แม่ของเธอไม่ชอบเขา ภูวนนท์คิดไม่ออกถึงเหตุผลที่แฟนสาวลุกเดินไกลออกไปหลังจากมีโทรศัพท์เข้ามา แต่ด้วยมารยาทก็คงทำได้แค่เพียงนั่งรออยู่ที่เดิม “ภูคะ ดึกแล้วเอยขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ” ยังไม่ทันที่ภูวนนท์จะเอ่ยถามอะไร ชิดจันทร์ก็เป็นคนพูดก่อนเมื่อเดินถึงโต๊ะอาหาร เธอมาถึงที่นี่ยังไม่ถึงชั่วโมง อาหารที่จัดวางไว้เธอก็ยังไม่ได้กินสักอย่าง ท่าทางเร่งร
“เหม...ดื่มเหล้ากัน” เหมราชเพื่อนสนิทคนเดียวของภูวนนท์ เขาเป็นชายโสดที่พร้อมจะว่างเสมอ ถ้าภูวนนท์โทรชวนมากินเหล้า “เครียดอะไรอีกล่ะไอ้ภู” ปลายสายรู้ใจคนโทรมา “สมกับเป็นเพื่อนรัก เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ฉันไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนว่ะ” ภูวนนท์ไม่ได้พักอยู่บ้านหลังเดียวกับกฤษฎาและอภิรดี แต่อยู่ในรั้วเดียวกัน การชวนเพื่อนมานั่งดื่มที่บ้าน จึงเป็นเรื่องที่เขาไม่ต้องขออนุญาตใครก่อน และเขาก็มักจะชวนเหมราชอยู่บ่อยๆ เพียงไม่กี่นาที เหมราชก็พาตัวเองมาถึงบ้านของเกลอคนสนิท เพราะเวลานี้เริ่มดึกแล้ว รถไม่ติด เขาเตรียมเสื้อผ้ามานอนที่นี่ด้วยเลย เพราะทำเช่นนี้เป็นประจำ “ไหนเล่าให้ฟังสิ คนอย่างคุณภูมีเรื่องอะไรทุกข์ใจ” เหมราชไม่รอคนนั่งรอเล่า เขาขอจู่โจมถามก่อนเลยด้วยความอยากรู้ ภูวนนท์บอกเล่าเรื่องราวของความสงสัยที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ จนต้องโทรตามเพื่อนคนสนิทมาดื่มเพื่อขอคำปรึกษา แค่ได้ยินว่าเป็นเรื่องของชิดจันทร์ก็ทำเอาเหมราชให้ความสนใจอย่างเห็นได้ชัด “นี่นายกำลังคิดว่า เอยมีคนอื่นเหรอ บ้า! ไปแล้ว” เหมราชตะคอกใส่หน้าภูวนนท์