บทที่15
หวง ห่วง
“ห้องเล็กไปไหมมิ้น มีหวังแครลีนมาเห็นเธออยู่ห้องแบบนี้ เรียกเธอกลับฝรั่งเศสแน่นอน”
เสร็จจากธุระกับญาติพี่น้อง นาธานก็มาหามินรญาตามสัญญา ห้องเล้กที่มีพื้นที่ใช้สอยน้อยมาก ทำเอาเพื่อนชายรู้สึกไม่เข้าใจ ว่าเจ้าของจะอาศัยอยู่ได้จริงๆเหรอ
“อยู่ไปก่อน เราแค่เช่าไม่ได้ซื้อ ไว้ได้เงินเดือนค่อยขยับขยาย” มินรญาให้เหตุผล
“โอเค แล้วแต่เธอแล้วกันมิ้น ไป เราไปซื้อเฟอร์กันเถอะ เดี๋ยวไปช้ากว่าเขาจะเอามาส่งอีก”
มินรญาชวนให้นาธานมาช่วยเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าห้อง เพราะเธอเองเลือกของพวกนี้ไม่ค่อยเป็น เลยพาเพื่อนมาดูห้องก่อน
“มิ้น ทำแบบนี้จะหนีเขาได้จริงๆใช่ไหม” ระหว่างเดินทางทั้งคู่เริ่มคุยเรื่องระหว่างมินรญากับภูวนนท์
“เราไม่แน่ใจ แต่มันคงดีดว่าการที่เราต้องอยู่ใกล้ๆเขา เราไม่อยากเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ของเขาอีก” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ
“มิ้น แน่ใจนะว่าไม่ได้รักนายคนนั้นเข้าแล้ว” นาธานเห็นแววตา น้ำเสียงของเพื่อนที่คบกันมานาน เขาเริ่มไม่แน่ในว่ามินรญาหนีเพราะเกลียดหรือหนีเพราะรัก
“เราจะรักเขาได้อย่างไร เขาไม่ได้นอนกับเราเพราะรัก แต่เขาเห็นเราเป็นแค่ผู้หญิงไร้ค่า ผู้ชายที่คิดกับเราแบบนี้นายจะให้เรารักเขาเหรอ” เสียงหนักแน่นแต่กลับหลบตาคนถาม
“ก็ดีแล้ว เพราะถ้ารักเขาขึ้นมา มันจะเจ็บกว่านี้ อะไรที่เสียไปแล้วก็ปล่อยมันไป เรื่องแบบนี้เขาไม่ถือกันแล้ว ถ้าวันนึงเจอผู้ชายที่เขารักเธอจริง เขาจะมองความเรื่องแบบนี้ไปเลย เชื่อเรานะ ”
มือที่คุ้นเคยเอื้อมมาจับมือหญิงสาวที่มองสบตาเขาด้วยแววตาที่ขุ่นไปด้วยน้ำใสๆที่พร้อมจะหยดลงมาทุกเมื่อ เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน ภายในของเขาอยากบอกเพื่อนที่กำลังร้องไห้เหลือเกิน ว่าผู้ชายคนนั้นคือเขาเอง แต่เขากลัวจะเสียเพื่อนที่รักที่สุดไป เพราะมินรญาไม่มีทางคิดกับเขามากว่าเพื่อนแน่นอน
นาธานใช้เวลาเพียงไม่นานก็เลือกเฟอร์นิเจอร์เพียงไม่กี่ชิ้นให้เพื่อนเสร็จ ท้องเริ่มหิว เขาชวนมินรญาแวะหาร้านอาหารบรรยาหาศดีที่อยู่ใกล้กับคอนโดมินรญา
“นาธาน...” หญิงสาวดึงแขนเพื่อนชายให้ออกจากร้านหลังที่แค่เพียงเปิดประตูเข้าไป
“เอ้า!..ยังไม่ทันเข้าไปนั่งเลย จะออกทำไม หิวแล้ว” นาธานไม่ยอมเดินตามคนที่ดึงเธอออกจากประตู
“เขา ฉันหมายถึงผู้ชายคนนั้น คนที่ฉันหนี เขานั่งอยู่ในนั้น” หญิงสาวชี้เข้าไปในร้าน
นาธานได้ยินแบบนี้ เขากลับดึงมือเพื่อนสาวเข้าไปในร้านยังไม่ลังเล เพราะตัวเขาเองก็อยากจะเห็นหน้าผู้ชายที่ที่มันย่ำยีผู้หญิงที่เขารักและไม่เคยล่วงเกินเธอเลย
“ถ้าไม่รัก ก็ไม่ต้องกลัว วันนี้เธอไม่ได้มาคนเดียว” นาธานบีบมือเล็กที่เริ่มเย็นวาบด้วยความกลัว
นาธานพาเธอไปนั่งใกล้ๆกับเขา ยิ่งเข้าไปไกลมินรญายิ่งหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาพที่เธอเห็นภูวนนท์ไม่ได้มาคนเดียว เขามากับหญิงสาวที่หน้าตาสวยสดงดงาม ท่าทางเขาสองคนดูสนิทสนมคุยกันถูกคอ ขนาดเธอกับนาธานนั่งลงที่โต๊ะใกล้ๆกับคนทั้งคู่ ยังไม่มีใครหันมามอง เพราะมัวแต่คุยกันอย่างสนุก เสียงหัวเราะรอยยิ้มของทั้งคู่เหมือนมันกำลังกรีดลงบนหัวใจที่แสนจะอ่อนแอตอนนี้
“ผู้หญิงคนนั้นใคร ใช่แฟนเก่าเขาที่เคยเล่าให้ฟังไหม” นาธานมองไปทางผู้หญิงที่ใส่กระโปรงสีแดงสด สั้นจนแทบจะปกปิดอะไรไม่ได้ ขาขาวเรียวสวยดึงดูดสายตายิ่งนัก
“ไม่ใช่ ฉันไม่รู้จัก คงเป็นแฟนใหม่เขามั้ง เราไม่น่าเข้ามาเลย ฉันกลัว” มินรญาก้มหน้ามองแต่พื้นโต๊ะอาหาร
“กลัวอะไร ดีเสียอีก ถ้าผู้หญิงคนนั้นคือแฟนใหม่เขา มิ้นเธอจะได้มีข้อต่อรองไปขู่เขาบ้าง ถ้าเขายังไม่เลิกยุ่งกับเธอ เธอจะบอกเรื่องเธอกับเขาให้ผู้หญิงคนใหม่ของเขารู้” นาธานจับมือคนตรงข้ามมาบีบให้กำลังใจ ทั้งที่ใจเขาอยากจะลุกไปต่อยผู้ชายที่มันทำร้ายหัวใจเขาให้คว่ำไปต่อหน้า แต่มันก็ได้แต่คิดเท่านั้น
“รับอะไรดีคะ” เสียงพนักงานบริการในร้านทำให้ภูวนนท์ละสายตาจากมินตรานักแสดงสาวสวยมามองโต๊ะข้างๆที่มาใหม่
สองตาสบตากันอย่างไม่ตั้งใจ มินรญาหลบตาทันที ที่สายตาประสานกัน ต่างกับชายหนุ่มที่ละสายตามามองผู้ชายที่มากับผู้หญิงที่เขากำลังตามหา
เมื่อเขาจ้องมานาธานก็จ้องกลับอย่างไม่ลดละ มือที่จับเพื่อนอยู่ก็ยิ่งจับแน่นขึ้น สายตาที่มองกันสร้างความแปลกใจให้กับมินตราเพราะเป็นสายตาที่เหมือนพร้อมจะมีเรื่องกัน
“พี่ภูคะ พี่ภู” มินตราสะกิดมือเรียกผู้ชายที่นั่งตรงข้ามเธอเพื่อให้เขาละสายตาจากผู้ชายที่นั่งโต๊ะข้าง
“พี่ภู เป็นอะไรคะ ทำไมมองเขาแบบนั้น รู้จักกันหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามเมื่อภูวนนท์ยอมละสายตาจากโต๊ะข้างๆ
“ผมขอตัวไปทักทายคนรู้จักก่อนนะครับคุณผิง” เสียงเก้าอี้ของเขาที่ถูกขยับออกทำเอามิรญาแทบหยุดหายใจ เพราะรู้ได้ทันที่ว่าเขาต้องลุกมาที่โตะของเธอ
“สวัสดีครับ มินรญา” ภูวนนท์เดินมายืนระหว่าเก้าอี้ของนาธานและหญิงสาว
“ไม่เจอกันหลายวัน สบายดีไหมครับ” ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะกล่าวทักทายตอบกลับ เขาก็พุดต่อทันที
“สบายดีค่ะ” หญิงสาวลุกจากเก้าอี้ส่งยิ้มเจื่อนๆทักทายตอบ
“จะไม่แนะนำให้ผมรู้จัก คนที่มาด้วยสักหน่อยเหรอครับ” ภูวนนท์ส่งสายตามาที่นาธานที่ลุกขึ้นยืนตามหญิงสาวที่ทำท่ากล้าๆกลัว
“ผมนาธาน แฟนมิ้นครับ” นาธานยื่นมือทักทายแบบวัฒนธรรมตะวันตก
“ผมไม่ยักจะรู้ว่าคุณมิ้นมีแฟนแล้ว ขนาดผมอยู่กับเธอเกือบ...ทุกคืน” ภูวนนท์มองนาธานอย่างผู้ชนะ
“ครับ มิ้นเล่าให้ผมฟังอยู่ ว่าคุณคือลูกชายของเจ้าของบ้านที่แม่ของมิ้นไปทำงานด้วย ปกติมิ้นเขาเป็นคนไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังครับ คุณกับมิ้นก็ไม่ได้เป็นอะไรที่สนิทกัน เธอเลยไม่รู้จะเล่าให้คุณฟังทำไม”
แบบนี้ เขาได้แต่กำมือแน่นมองมินรญาด้วยสายตาที่เกี้ยวกราด ทำเอาหญิงสาวหายใจติดๆขัด น้ำตามันไหลออกมาคลอสองตา เธอทั้งกลัวทั้งโกรธกับคำพูดของเขา “วันหลังเราคงได้พบกันอีกนะครับ คุณนาธาน คุณมินรญา” ภูวนนท์พูดทิ้งท้ายเมื่อมินตราลุกขึ้นมาคล้องแขนเขาดึงกลับไปนั่งที่เดิม เพราะกลัวทั้งคู่จะมีเรื่องกันเสียก่อน “พี่ภูคะ มันอะไรกันคะนี่ ผิงกลัวจะมีเรื่องกันจังเลย ตกลงพี่รู้จักหรือเคยทะเลาะกับสองคนนี้มาก่อนเหรอคะ” “กลับกันเถอะผมไม่อยากกินแล้ว กินไม่ลง” ภูวนนท์ไม่ตอบคำถามแต่กลับลุกเดินนำดาราสาวไปรอที่รถที่จอดอยู่ด้านหลังของร้าน “นาธานทำไมพูดกับเขาแบบนั้น” มินรญากล้าละสายตาจากโต๊ะเมื่อร่างหนาที่เธอคุ้นเคยเดินพ้นจากโต๊ะเดินออกไปนอกประตูร้านแล้ว “แบบไหน ที่บอกเป็นแฟนเธอ หรือที่บอกว่าเขากับเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน มิยรญาเธอเปลี่ยนไปมาก จากผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเอง เก่ง ไม่กลัวใคร แต่วันนี้เธอกลับเป็นมินรญาที่สงบเสงี่ยม มีแต่ความกลัว มิ้นเธอต้องคุยกับตัวเองให้ดี ว่าจริงๆแล้วใจเธอต้องการอะไรกันแน่” นาธานเริ่มแน่ใจ ว่าเพื่อนรักของเขามอบหัวใจใ
บทที่16มันเรียกว่าความรักใช่ไหม “คุณภู คุณมาที่ได้ยังไง”ยังไม่ทันที่มินรญาจะถามจบ ร่างหนาใช้ฝ่ามือที่แข็งแรงดันประตูห้องเข้ามาและกดล็อคห้องทันที “ก็ไม่ได้ยากอะไร สามีจะตามหาภรรยามันเป็นเรื่องง่ายๆ” “คุณภู คุณออกไปที่นี่ห้องฉัน ไม่ใช่บ้านของคุณ คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาโดยที่เจ้าของห้องยังไม่อนุญาต”หญิงสาวเดินมาเกรี้ยวกราดชายหนุ่มที่เดินมานั่งบนโซฟารับแขกตัวใหม่ “สิทธิ์ของความเป็นผัวอย่างไร”ภูวนนท์ทำหน้านิ่งตอบอย่างไม่รู้สึกอะไร “คำก็ผัว สองคำก็ผัว ไอ้ที่นอนกันไม่กี่ครั้ง อย่ามาเรียกตัวเองว่าผัวเลย คุณมันก็แค่ผู้ชายที่ชอบรังแกผู้หญิง ถ้าคุณไม่ออกไป ฉันไปเอง” มือหนาชุดร่างบางที่กำลังหันหลังเพื่อเดินออกนอกห้อง เขาฉุดมือเธออย่างแรงจนตัวแทบปลิว ร่างน้อยตกลงบนตักของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว “มันอยู่ไหน” ผู้บุกรุกส่งเสียงถามคำรามข้างหูคนที่นอนตัวเกร็งอยู่บนตัก “คุณหมายถึงใคร” มินรญาไม่เข้าใจว่า มัน ของเขาคือใคร “ก็ไอ้นาธาน แฟนเธอไง มันอยู่ไหน ผมจะได้บอกมัน ว่าแฟนมันแต่เป็นเมียผม”
“ท้อง” อยู่ดีๆคำว่าท้องก็ผลุดขึ้นในหัวของมินรญา เธอมีอะไรกับเขาถึงสองครั้งโดยไม่ได้ป้องกัน และนี่ก็เกินกำหนดที่ประจำเดือนเธอจะต้องมา “คุณคืนนี้คุณจะไหม...” หญิงสาวกระซิบถามคนข้างๆแบบไม่กล้าพูดตรงๆ “อะไร คุณพูดอะไรมินรญา ผมฟังไม่รู้เรื่อง” เสียงคนถามที่เบาโดนเสียงพ่อค้าแม่ค้าในตลาดกลบเสียงหมด “คืนนี้คุณจะนอนกับฉันไหมคะ” “นอนสิ ก็เราตกลงกันแล้ว หรือคุณจะไล่ให้ผมไปนอนที่อื่น” ภูวนนท์ทำท่าสงสัย “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้หมายความถึงนอนแบบนั้น” หญิงสาวเริ่มหน้าแดง “อ๋อ..คุณถามทำไม หรือคุณมีอะไรจะทำให้ผมแปลกใจ” ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาใกล้ๆคนตัวเล็กกว่าเพื่อหยอกเธอที่กำลังหน้าแดงเพราะเขินอาย “ฉันกลัวท้อง ประจำเดือน็ยังไม่มา ครั้งนี้เราก็ควรจะป้องกัน” หญิงสาวรวบรวมความกล้า เพราะเธอคงไม่กล้าไปซื้อถุงยางอนามัยเองแน่ๆ “เข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจัดการเอง” ภูวนนท์เอื้อมือมาโอบเอวหญิงสาวเข้ามาเดินใกล้ๆกับเขา ร้านขายยาตั้งอยู่อีกฝั่งของถนน มินรญาเลยขอรออยู่ฝั่งนี้เพราะไม่อยากข้ามไปซื้อกับเขา เธอไม่
ตอนที่1บ่อน... “กลับดึกทุกวันเลย ไปไหนมาครับพ่อ” ภูวนนท์ลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวเจ้าของธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ถามบิดาด้วยน้ำเสียงแกมต่อว่า “พ่อไปหาเพื่อนมา” กฤษฎาก้มหน้าก้มตาตอบคำถาม เพราะไม่กล้าสบตาลูกชาย ที่นั่งมือกุมกันมองมาที่เขาอย่างคาดคั้นหาคำตอบ คงไม่มีใครกล้าที่จะตอบความจริงที่ว่าเขาไปบ่อนมา ตั้งแต่อภิรดีแม่ของภูวนนท์ล้มป่วยจนถึงขั้นนอนติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ กฤษฎาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะป้อนข้าว เช็ดตัว คอยพลิกตัวทุกครึ่งชั่วโมง จนเขาเริ่มเข้าสู่สภาวะโรคซึมเศร้า แพทย์แนะนำให้เขาหากิจกรรมทำบ้างเพื่อผ่อนคลาย เพื่อนเลยชวนเขาเข้าบ่อน และมันก็ช่วยเขาได้จริงๆ แต่กฤษฎามีสติรู้ตัวเสมอว่ากำลังทำอะไร เขาไม่ปล่อยตัวเองให้ติดการพนัน และเวลาที่เขาไปบ่อนคือเวลาที่ภรรยาของเขาจะหลับเพราะฤทธิ์ของยา มีพยาบาลคอยช่วยดูแลช่วงนั้น ส่วนช่วงเวลาที่เหลือเขาดูแลภรรยาด้วยตัวเอง “คุณพ่อครับ ถึงแม้วาเราจะจ้างพยาบาลมาดูแลคุณแม่ แต่กำลังใจที่สำคัญมาจากคนที่คุณแม่รักนะครับ” ภูพูดความรู้สึกที่เก็บกักไว้ในใจ ตั้งแต่วันที่พ่อจ้างพยาบาลมาดูแลแม่ เขาเ
“สองล้านครับเจ้าสัว”ผู้จัดการตอบแบบเยาะเย้ย ใคร...จะกล้ามาใช้หนี้ให้ผู้หญิงที่แก่ไม่มีความเต่งตึงสักส่วน และจำนวนเงินก็ไม่ใช่น้อยๆ “พรุ่งนี้ ผมจะเอาเงินมาชดใช้ให้ ปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปซะ หวังว่าคงเชื่อถือในคำพูดของเจ้าสัวคนนี้นะ” สองมือล้วงกระเป๋า อกที่ยืดตรงบ่งบอกให้รู้ว่าเงินจำนวนเท่านี้ ขนหน้าแข้งของเขาไม่ล่วงหรอก “ขอบคุณมากๆ เลยนะคะคุณ...” “ผม...กฤษฎา” เขาส่งมือให้ผู้หญิงที่โดนทำร้ายจนแทบไม่มีแรงพาตัวเองให้ลุกขึ้นได้ สายตาที่ขอบคุณของคนที่อยู่ตรงหน้า สร้างความสุขให้กับคนป่วยโรคซึมเศร้าได้จริงๆ “เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่าค่ะ ฉัน...ฟ้ารุ่ง ขอบคุณจากใจอีกครั้ง” หล่อนอยากรู้จักคนที่เอื้อมือ และยอมเสียเงินสองล้านเพื่อช่วยชีวิตหล่อนให้มากกว่านี้ แต่สถานที่แบบนี้คงไม่เหมาะที่จะมานั่งคุยกัน “ดิฉันชื่อ ฟ้ารุ่ง คำอินทร์ งานการก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว เป็นนายหน้าขายที่ดินบ้างบางครั้งที่มีคนมาให้ช่วย ลูกสาวคอยส่งเงินให้ใช้บ้าง เลยเอาเวลาว่างมาเล่นไพ่ที่บ่อน ตอนแรกก็กะจะสนุกๆ คลายเครียด พอนานไปถึงได้รู้ตัวว่าติดการพนันเข้าไปเ
สัปดาห์ละครั้งแพทย์จะมาพาอภิรดีไปนั่งเล่นในสวนโดยใช้เตียงที่เธอนอนเข็นเคลื่อนที่ออกไป จำเป็นต้องใช้คนที่มีความรู้ทางการแพทย์มาดูแลในขณะเคลื่อนย้าย ทุกครั้งที่ได้สูดอากาศภายนอกหล่อนจะยิ้มอย่างมีความสุขและดูร่าเริง จนคนที่อยู่รอบข้างสัมผัสได้“หนุ่มสาวคู่นี้จีบอะไรกันอยู่ครับ” วันนี้ภูวนนท์ลูกชายคนเดียวของบ้านกลับบ้านไวกว่าปกติ จากบทสนทนาที่เขาได้คุยกับบิดา ทำให้ภูวนนท์ตั้งใจที่จะให้เวลากับครอบครัวมากกว่านี้ เขาสะสางงานทุกอย่างให้เสร็จ เพื่อพรุ่งนี้เขาจะใช้เวลาทั้งวันเพื่อดูแลมารดา เพื่อให้พ่อของเขาได้พักผ่อนและแม่ก็จะไม่รู้สึกเดียวดายที่พ่อไม่อยู่“คุณพ่อครับ พรุ่งนี้หลังเสร็จจากที่เราพาคุณแม่ไปนั่งเล่นหน้าบ้าน คุณพ่อแวะไปที่บริษัทหน่อยนะครับ หลายๆคนถามหา ผมอยากให้เลขาพาคุณพ่อไปดูโครงการใหม่และเก็บภาพมาฝากคุณแม่ด้วยนะครับ”กฤษฎาเข้าใจในสิ่งที่ลูกชายกำลังทำ เขาต้องการให้ผู้เป็นพ่อได้พักผ่อนโดยการกลับไปเยี่ยมลูกน้อง ไปพูดคุยกับคนเก่าแก่ของบริษัท ได้ช่วยไปตรวจดูความเรียบร้อยในโครงการใหม่ จะได้ใช้ความคิดในเรื่องของการก่อสร้างก่อนที่โรคความจำเสื่อจะมาถามหา“แม่ครับ พรุ่งนี้ชิดจันทร์จะมาเยี
“อภิรดีเป็นอย่างไรบ้าง ฉันจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนนะ”คุณแม่ของภูวนนท์เป็นที่รักใคร่ของทุกคน ความจริงใจ รอยยิ้มที่ออกมาจากความบริสุทธิ์ ที่ทำให้ทุกคนมีความสุขเวลาได้อยู่ใกล้หล่อน“อาการทรงตัวอยู่ครับเหนื่อยง่าย แต่ยังพอสู้ไหวครับ” ชายหนุ่มตอบคำถามแบบสำรวมกริยา เพราะเขาระมัดระวังตัวและคำพูดทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าแม่ของชิดจันทร์ภูวนนท์ขอตัวกลับก่อน เพราะเขาคงไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่นานๆ อาจเผลอไปทำอะไรให้คุณหญิงโฉมเฉลาไม่พอใจได้ ชิดจันทร์ขออนุญาตเดินมาส่งแฟนหนุ่มที่รถ เพราะคิดว่ามันเป็นมารยาทคงไม่น่าเกลียดอะไร และเธอก็อยากคุยอะไรกับภูวนนท์ในเรื่องที่เขาขอเธอแต่งงาน“พี่ภูคะ เรื่องแต่งานของเรา เอยขอเวลาที่จะพูดคุยกับคุณแม่ก่อนนะคะ หากพี่พูดกับท่านโดยตรง เอยเกรงว่า ท่านจะโมโหก่อนที่พี่จะพูดจบ” หญิงสาวส่งสายตาให้กำลังใจพี่ภูของเธอ ความรักมันไม่ใช่เรื่องของคนสองคน ในความคิดของชิดจันทร์ ความรักของเธอมันจะสมหวังหรือผิดหวังขึ้นอยู่กับมารดาเท่านั้นภูวนนท์ขับรถกลับบ้านอย่างใจเย็นเพราะเขาคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ว่าความรักของเขาจะสมหวังหรือผิดหวัง อย่างน้อยวันนี้เขาได้ขอเธอแต่งง
ตอนที่2ตอบแทน เรื่องราวความรักของเธอจะเป็นอย่างไรต่อไป ชิดจันทร์ยังหาคำตอบไม่ได้ แต่เธอคิดว่าอีกไม่นาน ชะตาลิขิตจะพาเธอไปหาคำตอบ ที่มันควรจะเป็น“คุณแม่ครับตื่นนานหรือยัง” ภูวนนท์รีบมาหามารดาก่อนทำสิ่งอื่นใดเมื่อเขากลับถึงบ้าน เพราะทั้งเขาและมารดาต่างก็รู้ว่าเวลาสำหรับสี่คนพ่อแม่ลูกยังมีพราวพลอยน้องเล็กของบ้านที่ถูกส่งให้ไปเรียนโรงเรียนประจำจะได้อยู่พร้อมหน้ากัน มันใกล้หมดลงแล้วอภิรดีใช้รอยยิ้มแทนคำตอบ เพราะวันนี้หล่อนเหนื่อยกับการถูกเคลื่อนย้ายไปที่สวนหน้าบ้าน จึงหลับนานกว่าทุกวัน สีหน้าที่สดชื่นขึ้นของอภิรดีเป็นของขวัญชิ้นพิเศษให้กับทุกคนในครอบครัว“ภู... เป็นอย่างไรบ้างลูก ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับหนูชิดจันทร์ คบกันก็หลายปีแล้ว เมื่อไหร่จะแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว ผู้หญิงเขาจะรอเราไหมตาภู”กฤษฎาถามลูกชาย เพราะเข้าใจว่าที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังพัฒนาไปไม่ถึงขั้นแต่งงาน เป็นเพราะภูวนนท์ยังไม่คิดเรื่องนี้“วันนี้ผมขอเอยแต่งงาน แต่เธอไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้ ต้องแล้วแต่คุณแม่ของเธอครับ” ภูวนนท์ตอบคำถามของผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักกฤษฎารับรู้มาตลอดเรื่องที่คุณนา