Share

รักหรือของเล่น

บทที่13

รักหรือของเล่น

            “คงไม่อร่อยเท่าฝีมือแม่คุณนะ แต่รับรองว่ากินได้แน่นอน”

          มินรญาเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน กลิ่นบะหมี่ลอยคลุ้งหอมจนเธอเริ่มหิว ชุดนอนที่เธอใส่อยู่ถูกผูกเอวไว้ข้างๆ เพื่อกันไม่ให้มันหลุดลงไปกองกับพื้น เจ้าของชุดยืนมองอย่างขำๆ ที่หญิงสาวแต่งตัวแบบนี้

            “แต่งตัวแบบนี้ก็น่ารักดีนะ ผมเห็นแต่คุณแต่งชุดอะไรก็ไม่รู้ รู้แล้วว่าหุ่นดี ไม่ต้องโชว์มากก็ได้ มันดูไม่มีราคา” ภูวนนท์ไม่ชอบชุดที่มินรญาใส่ในแต่ละวัน เพราะมันจะดูโชว์รูปร่างและผิวขาวเปล่งประกายของหญิงสาว

            “ถ้าฉันแต่งตัวเรียบร้อย ฉันมีราคาใช่ไหม เพราะตอนนี้ฉันเหมือนของฟรี....”

            คำถามที่แทงใจคนฟัง ทำเอาภูวนนท์ไม่กล้าเงยหน้าจากชาวบะหมี่ เพราะไม่อยากสบตาคนถาม เขารู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำกับเธอมันผิด แต่ไม่รู้ทำไม เขาหยุดมันไม่ได้ รู้แต่ว่าร่างกายมันต้องการเธอ ส่วนหัวใจของเขาคงมีแต่ชิดจันทร์ยังไม่เปลี่ยนแปลง

            “พูดอะไรจัง มากิน เดี๋ยวหายร้อนก็ไม่อร่อย” เจ้าของบ้านเปลี่ยนเรื่องพูด

            ด้วยความหิวมินรญากินบะหมี่จนหมดถ้วย แต่หัวใจของเธอไม่อิ่มเลย เขาทำให้เธอรู้สึกไร้ค่า รู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงที่ใจง่ายไร้ราคา เธอไม่รู้ว่าที่เธอตัดสินใจมันผิดหรือถูก ที่ยอมทำแบบนี้เพื่อไม่ให้เขาบอกเรื่องเรื่องเธอกับเขาให้คนอื่นรู้

            “อิ่มแล้วไปนอนดูหนังกัน”

            ภูวนนท์เรียกให้หญิงสาวตามเขาไปที่โซฟากลางห้องรับแขก เขานอนหนุนตักเธอ ทำเอามินรญานั่งตัวแข็งด้วยความตกใจ

            “เอาหมอนไหมคะ เดี๋ยวฉันลุกเอามาให้”

            “ไม่...นอนแบบนี้ก็ดี ทำเป็นหวงตัว มากกว่านี้ก็ทำมาแล้ว หนุนตักแบบนี้ หอม...ดี” ชายหนุ่มเอามือมาสัมผัสกับของหวงของคนที่นั่งตัวเกร็ง

            “ทะลึ่ง คุณมันทะลึ่งที่สุด ” มือบางตบลงบนบ่าหนาของคนที่นอนยิ้มกลุ้มกลิ้มทำหน้าหน้าทะเล้นแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร

            เขาคว้ามือบางที่กำลังตีเขามาแนบอกกว้าง หัวใจของหญิงสาวมันเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาทำเหมือนเธอเป็นคนรักของเขา แต่ในบางเวลา เขาก็ทำให้เธอรู้สึกว่ากำลังเป็นของเล่นที่ไม่มีราคาแม้แต่บาทเดียว

            “คุณไม่ต้องเป็นห่วงแม่คุณหรอก ตอนนี้อยู่กับพ่อผมบนห้อง” เขาสังเกตว่ามินรญามีสีหน้ากังวล เลยคิดว่าเธอคงกำลังเป็นห่วงมารดา

            “แล้วคุณไม่รังเกียจแม่ฉันแล้วหรือไง”

            “ผมไม่เคยรังเกียจแม่คุณ แต่ผมไม่พอใจ ที่ศพแม่ยังไม่ทันเผา พ่อผมกับแม่คุณก็แอบมีความสัมพันธ์กัน แต่ถึงผมจะไม่พอใจแค่ไหน ทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นแล้ว ผมย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่ถ้าคุณจะหวังให้ผมยอมรับแม่คุณเข้ามาแทนที่คุณแม่ของผม ผมคงทำไม่ได้”

            ถึงเขาจะบอกว่าไม่ได้รังเกียจในตัวแม่ของเธอก็ตาม แต่การกระทำมันตรงข้าม สายตาทุกครั้งที่เขาจ้องมองแม่ของเธอ มันเป็นสายตาที่ไม่เคยเป็นมิตร รวมถึงสิ่งที่เขาทำกับเธอ ทำให้มินรญารู้สึกเหมือนเขากำลังเอาคืน

            “เออ..เรื่องพราวกับเหมราช ผมลองถามน้องสาวผม เธอก็บอกแต่ว่าไปคนเดียวหรือบางครั้งก็ไปกลับเพื่อน ส่วนเหมก็ไม่ค่อยอยากคุย ทำท่าเหมือนยุ่งๆตลอดเวลา ผมชวนมาดื่มที่บ้านก็บอกช่วงนี้งานเยอะ คุณแน่ใจนะ ว่าคุณไม่ได้ตาฝาด เห็นคนหน้าเหมือนเขาสองคน”

          “ฉันมั่นใจว่าใช่เขาสองคน แต่ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็จบแค่นั้น มันไม่ใช่ธุระอะไรที่ฉันจะต้องโกหกคุณหรือมานั่งอธิบายให้คุณเชื่อ นั่นมันน้องสาวคุณไม่ใช่น้องสาวฉัน”

            “คุณชอบเจ้าเหมราชหรือเปล่า ถึงได้มาบอกผม บอกผมได้นะเดี๋ยวผมติดต่อให้” คนพูดหวังจะหยอกเล่นแต่สำหรับคนฟังมันคือการดูถูก

          “เออออ ชอบ ติดต่อให้ด้วย คุณนี่ดูภายนอกดูเป็นคนดี สุภาพบุรุษแต่นิสัยจริงๆ ตรงข้าม ฉันไม่แปลกใจเลยที่คุณชิดจันทร์ไม่เลือกคุณ เพราะคุณมันไม่น่าเลือก ผู้หญิงคนไหนได้ผู้ชายอย่างคุณเป็นสามีคงมีกรรมน่าดู”

            “ก็เธอไง มินรญา” ชายหนุ่มกัดฟันพูดเน้นเสียงด้วยความโมโหถึงขีดสุดที่ถูกพูดแทงใจดำ ใจที่มันมีรอยแผลไหม้อยู่และยังไม่หายดี

            “ตอนนี้ผมก็ยัดเหยียดความเป็นสามีให้คุณเรียบร้อยแล้ว แสดงว่าตอนนี้คุณก็มีกรรม งั้นก็เตรียมตัวรับกรรมอีกรอบเลย”

            ชายหนุ่มกระชากแขนหญิงสาวที่กำลังตกตะลึงกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของคนที่นอนหนุนตักเธออยู่ เขาช้อนมืออุ้มจนร่างบางลอยขึ้นจากโซฟา หน้าตาแดงก่ำด้วยความโกรธเหมือนไฟกำลังลุกออกจากดวงตา หญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง ทำได้เพียงคล้องมือกอดคอเขาไว้เพราะกลัวตัวเองจะหลุดจากมือและล่วงลงมาระหว่างทางขึ้นบันได

            “เงียบทำไมล่ะ พูดสิ เก่งนักไม่ใช่เหรอมินรญา” ทุกครั้งที่เขาเรียกเธอชื่อจริงเต็มมันแสดงถึงอารมณ์ที่ร้อนอยู่ในอกและกำลังจะปล่อยดวงไฟที่ลุกโชนออกมา

            “คุณมันเลว”

            มินรญาปิดเปลือกตาลงหลังจากที่ได้พูดความรู้สึกออกไป ร่างเล็กอรชรในชุดนอนที่ใหญ่เกินตัว นอนนิ่งยอมรับชะตากรรมที่เขามอบให้ อีกฝ่ายก็พร้อมจะใส่เกมรุกอย่างเต็มที่ เขาเลือกที่จะจัดการเสื้อผ้าของตัวเองออกจนเหลือเพียงร่างเปลือย โคมไฟบนหัวเตียวยังถูกเปิดอยู่ หญิงสาวจึงทำได้แค่เพียงหลับตาเพราะไม่อยากมองเห็นภาพโป๊เปลือยตรงหน้า

            “ตัวคุณหอมจริงๆ” เสียงแหบของคนที่กำลังเลือดสูบฉีดไปทั่วร่างกายกระซิบข้างหูของเจ้าของเรือนร่างที่เป็นเจ้าของกลิ่นหอมทั้งตัว

            ชายหนุ่มระดมจูบทั่วดวงหน้างดงามหมดจด ค่อยดึงชุดนอนออกจากตัวเธอ ก่อนจะกำจัดบราออกไปได้ง่ายดาย แสงไฟจากหัวเตียงกระทบผิวขาวใสของสาวลูกครึ่ง ยิ่งสร้างแรงปรารถนาให้กับผู้รุกราน

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status