Share

บ่อน...(4)

“อภิรดีเป็นอย่างไรบ้าง ฉันจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนนะ”

คุณแม่ของภูวนนท์เป็นที่รักใคร่ของทุกคน ความจริงใจ รอยยิ้มที่ออกมาจากความบริสุทธิ์ ที่ทำให้ทุกคนมีความสุขเวลาได้อยู่ใกล้หล่อน

“อาการทรงตัวอยู่ครับเหนื่อยง่าย แต่ยังพอสู้ไหวครับ” ชายหนุ่มตอบคำถามแบบสำรวมกริยา เพราะเขาระมัดระวังตัวและคำพูดทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าแม่ของชิดจันทร์

ภูวนนท์ขอตัวกลับก่อน เพราะเขาคงไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่นานๆ อาจเผลอไปทำอะไรให้คุณหญิงโฉมเฉลาไม่พอใจได้ ชิดจันทร์ขออนุญาตเดินมาส่งแฟนหนุ่มที่รถ เพราะคิดว่ามันเป็นมารยาทคงไม่น่าเกลียดอะไร และเธอก็อยากคุยอะไรกับภูวนนท์ในเรื่องที่เขาขอเธอแต่งงาน

“พี่ภูคะ เรื่องแต่งานของเรา เอยขอเวลาที่จะพูดคุยกับคุณแม่ก่อนนะคะ หากพี่พูดกับท่านโดยตรง เอยเกรงว่า ท่านจะโมโหก่อนที่พี่จะพูดจบ”

 หญิงสาวส่งสายตาให้กำลังใจพี่ภูของเธอ ความรักมันไม่ใช่เรื่องของคนสองคน ในความคิดของชิดจันทร์ ความรักของเธอมันจะสมหวังหรือผิดหวังขึ้นอยู่กับมารดาเท่านั้น

ภูวนนท์ขับรถกลับบ้านอย่างใจเย็นเพราะเขาคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ว่าความรักของเขาจะสมหวังหรือผิดหวัง อย่างน้อยวันนี้เขาได้ขอเธอแต่งงาน และที่มากกว่าการได้ขอแต่งงาน คือเขาแน่ใจว่า เขารักชิดจันทร์ และเธอเองก็รักเขาเช่นกัน พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรก็สุดแต่ฟ้าจะกำหนด ชายหนุ่มปลอบใจตัวเองให้อยู่กับปัจจุบัน

“ยายเอย...” คุณนายโฉมเฉลาใช้น้ำเสียง ที่คนถูกเรียกชื่อถึงกับขนลุก

“เราคงมีเรื่องต้องคุยกันหน่อย”

สายตาที่จ้องมองไปที่แหวนเพชรเม็ดงาม ที่สวมอยู่ที่นิ้วนางของชิดจันทร์ สายตาที่แสดงคำถาม แต่ดูแล้วเหมือนไม่ต้องการคำตอบสักเท่าไหร่

“แหวนนั่น...หมายความว่าอะไร”

จากหญิงสาวร่าเริง พูดเก่ง ตัวสั่นเทาเพราะความกลัวมารดา ชิดจันทร์รวบรวมสติคิดว่าตัวเองควรจะตอบความจริงหรือโกหกดี เธอตั้งใจจะค่อยๆกาโอกาสที่เหมาะกว่านี้บอกเรื่องการขอแต่งงานของภูวนนท์ ไม่คิดว่ามารดาจะสังเกตเห็นแหวนและถามเธอในวันนี้เลย

“นี่ยายเอย แกเป็นอะไรของแก กลัวอะไรแม่หนักหนา จะพูดอะไรก็พูด แม่ให้แกพูดแล้วนะ แล้วแม่จะได้พูดบ้าง”

โฉมเฉลารู้สึกขัดใจ กับท่าทางของลูกสาว อาการที่เหมือนสติกระเจิงเวลาที่โดนดุ โดนตวาด หรือโดนคาดคั้น ตัวจะสั่น หน้าซีด พูดจาติดๆขัดๆ ไม่รู้จะกลัวอะไรหนักหนา

“ว่า...ว่าอะไรนะคะคุณแม่” กว่าจะรวบรวมความกล้าและสติกลับคืนมา

“ฉันถามแกว่า แหวนนั่น คืออะไร หูตึงเหรอ ถึงพูดไม่ได้ยิน ”

ท่าทางของชิดจันทร์ที่เป็นแบบนี้เสมอเวลาที่รู้สึกกลัว ไม่ได้ทำให้โฉมเฉลารู้ตัวเลย ว่าเพราะตัวเองนั่นแหละที่ทำให้ลูกสาวเพียงคนเดียวกดดันมากขนาดนี้ กลายเป็นคนสองบุคลิกในคนเดียวกัน

“พี่ภู...เอ่อ..”

“เอ่อ...อะไร จะเอ่ออีกนานไหม ”

ความหงุดหงิดและโมโห ทำให้คุณนายโฉมเฉลาเสียงดังขึ้น จนคนรับใช้ทั้งบ้านได้ยินกันหมด แต่ไม่มีใครกล้าออกมาดู เอาจริงๆ ก็คือชินกับเหตุการณ์แบบนี้ แต่แค่แอบสงสารนายน้อยของตัวเอง

“พี่ภูซื้อให้ค่ะ” ชิดจันทร์โล่งใจที่ได้พูดออกไป และหลังจากประโยคแรก เธอตั้งใจแล้วว่า ประโยคต่อไปคงไม่ใช่ประโยคที่เป็นความจริง

“ซื้อให้ทำไม อย่า...บอกนะ ว่าเขาขอแกแต่งงาน เพราะฉันไม่ให้แกแต่งหรอก...”

คุณนานโฉมเฉลายืนกอดอกส่งสายตาดุดัน มายังลูกสาวที่นั่งก้มหน้ามองแต่มือตัวเอง จกนิ้วกับฝ่ามือ จนเป็นร่องลึก

“ไม่ใช่ค่ะคุณแม่ ซื้อให้เฉยๆ ไม่ได้ขอแต่งงาน ไม่ได้ซื้อเพราะโอกาสอะไรทั้งนั้น”

สำหรับชิดจันทร์การโกหกไม่ใช่สิ่งที่ดี และเธอก็ไม่เคยอยากทำมัน แต่ทั้งชีวิตของเธอตั้งแต่เล็กจนโต เธอโกหกมารดาไม่รู้สักกี่ครั้ง เพียงเพราะต้องการปกป้องตัวเองจากการโดนดุ จนทุกวันนี้ชิดจันทร์เริ่มรู้สึกว่าบางครั้งเธอก็โกหกกระทั่งตัวเอง

“โล่งไป เพราะถ้าเขาขอแกแต่งงาน แล้วแกรับแหวนเขามาแบบนี้ ฉันจะตีแกให้ตายเลย” ไม่ใช่แค่คำขู่แต่ชิดจันทร์รู้ ว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ถ้าลองมารดาของเธอโมโห

“ฉันถามแกจริงๆนะยายเอย แกไม่คิดจะมองผู้ชายคนไหนบ้างเหรอ หน้าตาแกก็ออกจะสะสวย มันต้องมีคนมาชอบแกบ้างแหละ” คำพูดซ้ำๆที่มารดาชอบพูดกับชิดจันทร์เวลาที่โมโหเรื่องเธอกับภูวนนท์

บางครั้งความกดดันที่สุมเข้ามาในจิตใจ ทำให้ชิดจันทร์คิดทบทวนหลายครั้ง ถ้าเธอเลิกกับภูวนนท์มารดาของเธอจะมีความสุข และเลิกมีอารมณ์เกรี้ยวกราดกับเธอแบบนี้ไหม แต่เวลาที่เห็นหน้าคนรัก ชิดจันทร์ก็ตัดภูวนนท์ไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะเพราะความรักหรือความผูกพัน แค่คิดว่าพรุ่งนี้จะไม่เขาและเธออีกต่อไป ความว้าเหว่  เหงา เศร้า ก็ทำให้เธอไม่กล้าที่พูดตัดความสัมพันธ์ออกไป

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status