Share

ดูแล(4)

“เหม...ดื่มเหล้ากัน” เหมราชเพื่อนสนิทคนเดียวของภูวนนท์ เขาเป็นชายโสดที่พร้อมจะว่างเสมอ ถ้าภูวนนท์โทรชวนมากินเหล้า

            “เครียดอะไรอีกล่ะไอ้ภู” ปลายสายรู้ใจคนโทรมา

            “สมกับเป็นเพื่อนรัก เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ฉันไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนว่ะ”

            ภูวนนท์ไม่ได้พักอยู่บ้านหลังเดียวกับกฤษฎาและอภิรดี แต่อยู่ในรั้วเดียวกัน การชวนเพื่อนมานั่งดื่มที่บ้าน จึงเป็นเรื่องที่เขาไม่ต้องขออนุญาตใครก่อน และเขาก็มักจะชวนเหมราชอยู่บ่อยๆ

            เพียงไม่กี่นาที เหมราชก็พาตัวเองมาถึงบ้านของเกลอคนสนิท เพราะเวลานี้เริ่มดึกแล้ว รถไม่ติด เขาเตรียมเสื้อผ้ามานอนที่นี่ด้วยเลย เพราะทำเช่นนี้เป็นประจำ

            “ไหนเล่าให้ฟังสิ คนอย่างคุณภูมีเรื่องอะไรทุกข์ใจ” เหมราชไม่รอคนนั่งรอเล่า เขาขอจู่โจมถามก่อนเลยด้วยความอยากรู้

            ภูวนนท์บอกเล่าเรื่องราวของความสงสัยที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ จนต้องโทรตามเพื่อนคนสนิทมาดื่มเพื่อขอคำปรึกษา แค่ได้ยินว่าเป็นเรื่องของชิดจันทร์ก็ทำเอาเหมราชให้ความสนใจอย่างเห็นได้ชัด

          “นี่นายกำลังคิดว่า เอยมีคนอื่นเหรอ บ้า! ไปแล้ว” เหมราชตะคอกใส่หน้าภูวนนท์

            “เราไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น แต่เอยเขาเปลี่ยนไป โกหกเรา เขาไม่เคยทำนายก็รู้” สองมือบีบแน่น ก้มหน้ามองพื้น ความรู้สึกมันสับสนไปหมด

            “เอยเป็นผู้หญิงที่แสนจะเรียบร้อย เขาไม่มีทางทำอะไรที่ไม่ดีแบบนั้น นอกจากนายไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ” เหมราชใช้เสียงต่ำลง จากที่ตะคอกใส่หน้าเพื่อนเมื่อกี้

            “เราขอเธอแต่งงาน ก่อนที่เอยจะเดินทางไปเชียงใหม่ แต่เอยบอกเรานะว่ายังไม่รับปาก เพราะเธอต้องขอเวลาคุยกับแม่ของเธอก่อน” เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ภูวนนท์คิดออก

            “ไอ้ภู ขอผู้หญิงแต่งงานโดยที่พ่อแม่เขายังไม่ชอบนายแบบนี้น่ะเหรอ” ทุกครั้งที่เหมราชเรียกภูวนนท์ ว่าไอ้ภู มักจะเป็นอารมณ์ที่ไม่พอใจ

            “นี่เราผิดมากเลยเหรอ ที่ขอแฟนที่คบกันมาจะสิบปีแต่งงาน ขนาดนายยังดูไม่พอใจเราเลย” ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เขาทำมันผิดตรงไหน

            “เราไม่ได้ว่านายผิด แต่...เราแค่คิดว่า นายอาจจะจู่โจมเกินไป และเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เอยเขาดูเปลี่ยนไป” เหมราชพูดแบบใจเย็นลง เพราะรู้สึกว่าตัวเองจะใส่อารมณ์มากเกินไป

            “นายคิดแบบนั้นเหรอ”

            “ก็ไม่มีเรื่องอื่นแล้วนี่ เราว่านะภู นายควรจะห่างๆกับเอยดูบ้าง เผื่อเขาจะได้มีเวลาได้คิด ยิ่งไปยุ่งกับเขามากๆ เขาจะยิ่งเบื่อนายไหม” เหมราชเปลี่ยนจากนั่งตรงข้าม มานั่งข้างๆและตบไหล่เพื่อนอย่างเข้าใจ

         

          ชายหนุ่มสองคนหลับกันคาโซฟากลางห้องรับแขก เพราะไม่มีเรี่ยวแรงพอจะพาตัวเองขึ้นไปนอนบนห้องที่อยู่ชั้นสองได้ ด้วยฤทธิ์ของเครื่องดื่มที่ดื่มกันอย่างไม่มีใครห้ามใคร

            “พี่ภูคะ พี่ภูทำไมมานอนกันอยู่ตรงนี้”

            พราวพลอยเห็นเกินเวลาของอาหารเช้าแล้ว พี่ชายของเธอยังไม่ยอมไปที่บ้านใหญ่เลย มองมาที่บ้านก็เห็นรถจอดอยู่ เธอเลยเดินมาดู เพราะกลัวพี่ชายคนเดียวของเธอจะไม่สบาย

            “เอ้า! พราว กี่โมงกันแล้วนี่ พี่ดื่มหนักไปหน่อย” ภูวนนท์ค่อยๆลืมตาอย่างมึนงง

            “จะได้เวลากินข้าวกลางวันแล้วค่ะ สายพอไหม” พราวพลอยส่ายหัวให้กับภาพที่เห็น

            “เหมๆ ตื่นๆ จะเที่ยงแล้ว” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเขย่าเพื่อนที่นอนอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม

            “อะไรกันวะ ยังง่วงอยู่เลย เที่ยงก็เที่ยง ตื่นเย็นเลย” เหมราชพลิกตัวหันหน้ามาตอบเจ้าของมือที่เอื้อมไปเขย่าปลุกตัวเขา

            “เอ้า..ขอโทษทีครับ ผมคิดว่ามีแต่เจ้าภูที่อยู่ตรงนี้” เหมราชรีบยันตัวลุกขึ้นนั่ง

            “เฮ้ย! นี่พราวพลอยน้องสาวเราไง นายจำไม่ได้เหรอ” ภูวนนท์คิดว่าเหมราชจะจำน้องสาวคนเดียวของเขาได้

            “โตเป็นสาวขนาดนี้เลย เห็นครั้งสุดท้ายยังเพิ่งจะวิ่งตามนายแทบไม่ทันอยู่เลย”

            ความเป็นหญิงสาวหน้าตาดี สร้างความสะดุดตาให้กับเหมราชเป็นอย่างมาก ตัวของพราวพลอยเองสังเกตสายตาที่เขาใช้มองเธอได้ แต่ดูแล้วพี่ชายของเธอคงมัวแต่มึนงงเพราะฤทธิ์สุราเมื่อคืน คงไม่ทันได้สังเกตอะไร

            “แต่งตัวเสร็จไปหาแม่ด้วยนะคะ”

            พราวพลอยไม่ชอบสายตาที่เหมราชจ้องมอง จึงบอกข้อความที่แม่สั่งมาแล้วรีบขอตัวออกไป หลายปีผ่านที่ผ่านมา เธอใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่โรงเรียนประจำ และเป็นโรงเรียนหญิงล้วน ทำให้พราวพลอยไม่คุ้นกับสายตาของชายหนุ่มที่มองเธอแบบนี้ มันชวนขนลุกอย่างไรไม่รู้

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status