บทที่6
ต่างคนต่างความรู้สึก
“ทุกอย่างในคืนนี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง ฉันจะลืมทุกอย่างค่ะ” ฟ้ารุ่งไม่ต้องการจะใช้ร่างกายในการผูกมัดให้เขาต้องรับผิดชอบเธอ
“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจริง และมันเกิดขึ้นเพราะความตั้งใจ อย่าคิดมาก เสร็จงานอภิรดีเมื่อไหร่ ผมจะจัดการเรื่องของเรา” กฤษฎาหันมากอดภรรยาคนใหม่ที่นอนเอียงข้างมองหน้าเขาอยู่
สำหรับกฤษฎาแล้ว เขารู้สึกแบบที่พูดจริงๆ ตั้งแต่ที่เขาได้เจอกับฟ้ารุ่งวันแรก เธอก็มีอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เขารู้สึกอยากอยู่ใกล้ พอเขาตัดสินใจ รับเธอเข้ามาดูแลอภิรดี ยิ่งสร้างความผูกพันให้เขา
ถึงจะรู้สึกพอใจใจตัวสาวใช้คนใหม่มากแค่ไหน กฤษฎาก็ไม่เคยคิดจะยุ่งกับเธอฉันชู้สาว จนไม่กี่วันนี้ก่อนที่อภิรดีจะจากไป เธอเหมือนมองความรู้สึกของสามีออก เธอเปิดทางให้สามีหาคนมาดูแล แทนเธอหลังจากที่เธอจากไป และวันนี้กฤษฎาก็หาคนดูแลเจอแล้ว
งานเสร็จสิ้นไปอย่างเรียบร้อย ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงต่างพากันมาส่งดวงวิญญาณของอภิรดี พราวพลอยร้องไห้จนแทบจะสิ้นสติ เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองมีโอกาสได้ดุแลใกล้ชิดแม่น้อยที่สุด บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ถึงแม้ทุกคนจะเตรียมใจไว้ตั้งแต่ที่รู้ข่าวอาการป่วย แต่เมื่อความสูญเสียมาถึง ก็ทำใจไม่ได้กันทั้งนั้น
“แม่ไม่ต้องเหนื่อยแล้วครับพ่อ” ลูกชายคนเดียวคอยยืนเคียงข้างบิดา แหงนมองตามควันที่ลอยออกจากปล่องด้านบนของเมรุ ขึ้นสู่ท้องฟ้า สวรรค์เปิดประตูรับนางฟ้ากลับคืน
“เหลือแต่เราที่ต้องสู้กันต่อไป” กฤษฎาโอบไหล่ลูกชาย
ภูวนนท์เข้มแข็งขึ้นมากจากความสูญเสียที่ถาโถมเข้ามาในเวลาเดียวกัน มันสร้างพละกำลังให้เขามีสติในการใช้ชีวิต แต่ก็มีบางเสี้ยวของหัวใจที่ยังอ่อนแออยู่ วันนี้ก็เช่นกัน เขามองหาคนรักเก่าจนรอบงาน ไร้วี่แวว แต่ก็ไม่แปลก แฟนของชิดจันทร์โดนทำร้ายขนาดนั้น เธอคงไม่ให้อภัยเขา ถึงได้ไม่มาส่งผู้ใหญ่ที่ชิดจันทร์เองก็คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก
“นายมองหาเอยใช่ไหม” เหมราชส่งเสียงมาจากทางข้างหลัง
ท่าทางของเพื่อนที่เอาแต่มองไปรอบๆตลอด ตั้งแต่เช้า มาจนถึงเวลานี้ เหมราชเดาได้ถูก ว่าภูวนนท์กำลังมองหาคนรักเก่า แต่มันก็ไม่มีแม้เงา ไม่มีกระทั่งคนของบ้านนั้นสักคนมางาน
“ก็มองหานะ แต่ไม่ได้อะไรแล้ว แค่คิดว่าเธอควรจะมาส่งแม่ครั้งสุดท้าย อย่างน้อยเอยกับแม่เราก็รู้จักกันมานาน” ภูวนนท์ตอบไม่ตรงหัวใจ
“จะใครล่ะ เราว่าคุณนายโฉมเฉลานั่นแหละที่ไม่ยอมให้ลูกสาวมา เสร็จงานแม่นานแล้ว ได้เวลาทวงคืน” เหมราชตบไหล่เพื่อนสนิท ก่อนเดินไปช่วยพราวพลอยส่งแขกอีกด้าน
จากที่หัวใจคิดว่าจะยอมปล่อยคนรักเก่า ให้เธอได้ไปมีความสุขกับคนที่เธอเลือก แต่ทุกครั้งที่ได้ยินเพื่อนสนิทคอยพูดย้ำเตือนแบบนี้ ภูวนนท์รู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิ์ ที่จะไปแสดงตัวและทวงหัวใจของเขาคืน
คืนนี้ทุกคนไม่ได้กลับบ้านรอสวดอีกคืนแล้วค่อยเดินทางกลับพร้อมกัน พราวพลอยเองก็ยังแอบนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว เหมราชกับภูวนนท์ต้องคอยหาเรื่องชวนคุย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนพี่ชายที่คุยสนุกจนพราวพลอยเองแอบยิ้มอยู่บ่อยๆ
“คืนนี้นอนไหนเหม” ภูวนนท์ถามเมื่อศาลาปิดลง
“นอนบ้านว่ะ นอนกลับนายบ่อยๆ เดี่ยวคนเขาจะว่าเป็นเกย์เอา แค่นี้ก็ยังจะหาแฟนไม่ได้เลย ถ้ายิ่งมีใครมาคิดว่าเป็นเกย์ มีหวังครองโสดยันแก่ตาย” เหมราชหาเรื่องมาคลายเครียดได้เสมอถ้าเขาต้องการ
“แฟนเป็นตัวเป็นตนไม่มี แต่ไอ้ที่ทีสองทีเป็นร้อย” ภูวนนท์เหย้าเพื่อนกลับ
เหมราชเป็นชายหนุ่มที่นับว่าหน้าตาดี ดีเสียกว่านนท์เสียอีก แต่สิ่งที่ทำให้เขาจะดูแพ้เพื่อนอยู่บ้าง ก็ตรงบุคคลิกและฐานะ ที่สาวๆบางคนก็เลือกที่จะมองเป็นจุดใหญ่
“เออๆ ว่าไป แล้วไว้เจอกัน จะไปบู๊เมื่อไหร่อย่าลืมชวนนะ” ก่อนไปไม่วายทิ้งลูกระเบิดไว้ในหัวใจของภูวนนท์
“ภูลูกกลับกับน้องก่อนเลยนะ พ่ออยากไปธุระสักหน่อย” กฤษฎาบอกลูกชายที่ยืนรอเขาอยู่ที่รถ
“พ่อจะไปไหนครับ ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่อให้น้าฟ้ารุ่งนั่งรถไปเป็นเพื่อน ลูกๆไปพักผ่อนกันเถอะ เหนื่อยกันมาทั้งวัน”
ฟังแล้วก็ดูแปลกๆในความคิดของลูกชาย พ่อของเขามีธุระอะไรต้องทำในเวลานี้ และแทนที่จะให้ลูกพาไป แต่กลับให้แม่บ้านนั่งไปเป็นเพื่อน
“พ่อเขาสนิทกับน้าฟ้ารุ่งเหรอ พี่ไม่ค่อยได้สังเกต” ภูวนนท์ถามน้องสาวเพราะเธออยู่ใกล้ชิดกับบิดามากกว่า นับตั้งแต่ฟ้ารุ่งเข้ามาทำงาน
“ก็สนิทนะคะน้าเขาช่วยคุณพ่อได้หลายเรื่อง แม่ก็ดูชอบเขา พราวยังเคยได้ยิน แม่ฝากให้น้าฟ้ารุ่งดูแลพ่อกับพวกเราเลย” พราวพลอยได้ยินโดยบังเอิญเพราะเธอเดินเข้ามาโดยที่คู่สนทนาทั้งคู่ไม่ทันเห็น
“แม่ก็แปลก ฝากคนใช้ให้ดูแลเรา” ชายหนุ่มรู้สึกไม่เข้าใจผู้ใหญ่ทั้งสอง
“คุณคะทำแบบนี้ ลูกๆคุณจะสงสัยเอานะ” ฟ้ารุ่งเป็นกังวลเพราะไม่อยากให้เด็กทั้งสองมองเธอไม่ดี
“สงสัยก็ดี ผมจะได้บอกความจริงให้พวกเขาได้รู้กัน เราไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ผมไม่ได้นอกใจอภิรดี เขาเสียแล้ว และผมก็ยังรักเขาที่สุดเหมือนเดิม ส่วนคุณก็ไม่ได้แย่งสามีใคร ภรรยาของผมจากโลกนี้ไปก่อน”
“นั่นคือสิ่งที่คุณคิดค่ะ แต่หัวใจของเด็กๆตอนนี้ พวกเขาต้องการพ่อ ต้องการคำว่าครอบครัว ถ้าคุณดึงฉันเข้าไปในตอนนี้ ไม่มีผลดีแน่นอนค่ะ พวกเขาจะคิดว่าฉันมาแย่งคุณ ”
ด้วยความเป็นแม่ เป็นผู้หญิง ฟ้ารุ่งคิดเรื่องราวต่างๆ ได้ละเอียดรอบคอบกว่านักธุรกิจอย่างกฤษฎา ที่มุ่งมองเหตุผลมากกว่าความรู้สึก
“แล้วคุณจะให้พบแอบซ่อนๆกับความรู้สึกตัวเองแบบนี้ไปนานเท่าไหร่”“เมื่อถึงเวลาที่ดีกว่านี้ค่ะ” ฟ้ารุ่งตอบตามที่เธอคิด เพราะตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าเวลานั้นคือเมื่อไหร่ รู้แค่เพียงไม่ใช่เวลานี้ ตอนนี้“คุณคะ...ฉันจะขอคุณออกไปอยู่กับลูกสาว เธอกำลังเดินทางกลับมาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวร ฉันจะพยายามหาเงินมาใช้ในส่วนที่เหลือให้หมด ฉันไม่หนีหายไปแน่ๆค่ะ” ฟ้ารุ่งรอที่จะพูดเรื่องนี้กับกฤษฎามาหลายวัน พอมาเกิดเรื่องเมื่อคืน เธอเลยตัดสินใจที่ต้องพูดเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด“ผมไม่อนุญาต คุณไปแล้วผมล่ะ ใครจะดูแลผม” กฤษฎาเหยียบเบรกรถทันที“ลูกๆคุณ คุณยังมีลูก แต่ทั้งชีวิตของฉันมีแค่ลูกสาวเพียงคนเดียว ฉันทำผิดกับลูกมามาก ฉันขอใช้เวลาที่เหลือดูแลมินรญาให้ดีที่สุด เท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ คุณเข้าใจฉันนะ”ฟ้ารุ่งเข้าใจว่าลูกสาวของเธอยังไม่ได้เดนทางมาจากต่างประเทศ เพราะมินรญาเองไม่ได้บอกกำหนดการจริงในการเดินทาง เธออยากท่องเที่ยวให้ทั่วก่อน เพราะสังคมของที่นี่ คงดูไม่ดีถ้าลูกสาวออกไปเที่ยวกลางคืนทุกคืน“ลูกคุณจะมาถึงเมื่อไหร่” กฤษฎาอยากรู้ว่าเขายังมีเวลาที่จะเหนี่ยวรั้งเธอได้นานแค่ไหน“อาทิตย์หน้าค่ะ”“ทำไมคุณเพิ่
ก๊อกๆ“ใครนั่น” กฤษฎาแปลกใจที่ใครมาเคาะประตูในเวลาดึกแบบนี้“ผมเอง”“เข้ามาสิลูก” กฤษฎาตกใจที่ลูกชายของเขาเข้ามาเคาะประตูหลังจากเข้าเพิ่งเสร็จภารกิจรักได้ไม่นาน แต่ก็พยายามเก็บกักความรู้สึกไว้“พ่อยังไม่นอนเหรอ ทำอะไร ดึกขนาดนี้” เป็นคำถามที่ภูวนนท์ไม่เคยใช้กับบิดา สีหน้าแววตาที่แสดงออกถึงความโกรธได้ชัดเจน“มีอะไรก็พูดกับพ่อมาตรงๆ เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน และ...เราคือครอบครัวเดียวกัน” กฤษฎาทนไม่ไว้แล้ว ทีจะปิดกั้นความรู้สึกเอาไว้ เขาเป็นพ่อ เขาไม่จำเป็นต้องกลัวลูกชายขนาดนั้น“ครอบครัวเดียวกัน ที่หมายถึงน้าฟ้ารุ่งด้วยใช่ไหมครับ พ่อทำไมทำกับแม่แบบนี้ แม่เพิ่งเผาเสร็จ พ่อก็เอาผู้หญิงไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามานอนทับที่ของแม่ พ่อมันเห็นแก่ตัว”หมัดของผู้เป็นพ่อถูกสาวลงที่แกล้มของลูกชาย อย่างที่สุดหัวใจจะรั้งไว้ กฤษฎาเจ็บปวดกับประโยคหลังสุด จนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้“การที่ฉันจะมีใครสักคน มาคอยดูแลในแบบที่ผู้หญิงกับผู้ชายเขาทำกัน ทั้งที่ตอนนี้แม่เขาก็ไม่อยู่แล้ว มันเห็นแก่ตัวมากใช่ไหม ตั้งแต่ฉันแต่งงานกับแม่ของแกมา ไม่มีสักครั้งที่ฉันจะมีคนอื่นให้แม่แกช้ำใจ แม่แก่ป่วยเขาบอกให้ฉันไปหาเศษหาเลยน
เจอกัน...อีกครั้ง “คุณคะ เย็นนี้ลูกสาวฉันจะมาถึงค่ะ” ฟ้ารุ่งตัดสินใจบอกเจ้านาย เธอสองจิตสองใจไม่รู้ว่ามันควรบอกไหม แต่คืนนี้เธอคงต้องให้มินรญานอนที่นี่ก่อน เพราะเขาเป็นเจ้าของบ้าน เธอเลยตัดสินใจบอก “กี่โมงล่ะ เดี๋ยวเราไปรับที่สนามบินกัน” “ลูกบอกจะมาที่นี่เองค่ะ ไม่ได้บอกเวลาที่เครื่องลง บอกแต่เพียงว่า จะมาถึงที่นี่ไม่เกินหกโมงเย็น” มินรญาไม่ได้บอกความจริงกับมารดา ว่าเธอมาถึงที่นี่หลายวันแล้ว เพราะกลัวจะโดนต่อว่าที่ไม่ยอมเข้ามาหาแม่ อีกทั้งตัวมินรญาเองก็จากเมืองไทยไปนาน ถ้ามารดารู้คงมีแต่ความเป็นห่วง “ฉันจะขออนุญาตให้ลูกสาวได้มาที่นี่สักสองสามคืนนะคะ” “ไม่ใช่แค่สองสามคืน ตลอดไปก็ได้” กฤษฎาลุกขึ้นจากโซฟาหน้าบ้าน วางหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือ และเอื้อมือมาโอบไหล่ของภรรยาคนใหม่ของเขา “อย่าเลยค่ะ แค่นี้คุณนนท์ก็รู้สึกไม่ดีแล้ว คุณพราวก็ไม่รู้ว่ารู้เรื่องหรือยัง ฉันไม่อยากทำให้ครอบครัวคุณต้องมีปัญหา” ฟ้ารุ่งเข้าใจความรู้สึกของลูกๆของกฤษฎาและตัวเธอเองก็ต้องการออกไปใช้ชีวิตกับลูกสาวของเธอแค่สองคน “ทุ
“สองคนนี้รู้จักกันมาก่อนเหรอคะ” พราวพลอยถาม “ใช่ค่ะ” มินรญาตอบตามความจริง “ไม่ ผมไม่เคยรู้จักคุณ” ภูวนนท์ปดคำโต “ตกลงมันอย่างไรกันคะ พราวงงไปหมดแล้ว” “ตกลงมันอย่างไรเจ้านนท์” กฤษฎาลุกยืนและหันหน้าไปคาดคั้นเอาคำตอบจากลูกชาย “ไม่รู้จักค่ะ มิ้นคงจำคนผิด คนที่มิ้นรู้จัก รูปร่างหน้าตาเหมือนลูกชายของคุณลุงมาก แต่ต่างตรงที่เขาดูเป็นลูกผู้ชายมากกว่านี้ มิ้นคงเพิ่งลงจากเครื่องสายตาเลยฝ้าฟางไปหน่อยค่ะ” ทุกคนมองดูท่าทางของคนทั้งคู่ ต่างก็ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ทั้งคู่พูดตอนนี้ แต่ถ้ายิ่งคาดคั้นไปสถานการณ์อาจจะยิ่งแย่ลง “ขอโทษนะคะ ที่คุณพูดจาดูแคลนแม่ฉันแบบนั้น คุณคงจะเข้าใจอะไรผิด รบกวนใช้หูทั้งสองข้างของคุณ ฟังในสิ่งที่เป็นความจริงหน่อย ที่ฉันกับแม่ยังอยู่ที่นี่ เพราะพ่อของคุณขอร้องไว้ ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้อยากอยู่นักหรอก แต่เห็นกับบุญคุณที่พ่อของคุณช่วยเหลือแม่ฉันไว้ เลยทำให้ท่านสบายใจ เมื่อรู้แล้ว กรุณาใช้กิริยาที่ดีกว่านี้ กับคนที่อายุคราวแม่ของคุณ” บรรยากาศดูตรึงเครียด สถานการณ์ไม่สู้ดี พราวพลอยมองสบ
“พ่อของลูก เขารักลูกมากนะ อย่าทำให้พ่อเขาผิดหวัง” การหย่าร้างทำให้สถานะความเป็นสามีภรรยาขาดลง แต่ความเป็นพ่อและแม่จะคงอยู่ตลอดไป เพราะฟ้ารุ่งรู้ว่าอิมรานรักมินรญามากแค่ไหน เธอถึงได้ยอมตัดสินใจส่งลูกสาวคนเดียวที่เธอทั้งรักทั้งห่วง ให้ไปอยู่ไกลถึงอังกฤษ ไม่มีทางที่คนเป็นพ่ออย่างอิมรานจะยอมให้ลูกของเขาต้องลำบาก “มิ้นก็รักพ่อกับแม่มากค่ะ” มินรญาเอนตัวลงนอนหนุนตักมารดา ก่อนหลับไปอย่างไม่รู้ตัว “คุณคะ ขอฉันเข้าไปคุยอะไรด้วยหน่อย” ฟ้ารุ่งเดินขึ้นมาหากฤษฎาที่ห้องนอน “ผมคิดว่าคุณจะไม่มาหาผมเสียแล้ว” ประตูถูกเปิดคนข้างในเอื้อมมือมาดึงมือหญิงวัยใกล้เคียงกับเขา ให้เข้าไปข้างใน ห้องนอนของพราวพลอยอยู่ไม่ไกลจากห้องของบิดา มีแค่เพียงห้องทำงานและห้องน้ำคั่นไว้ เสียงเคาะประตูของฟ้ารุ่ง ทำให้เธอลุกขึ้นมาดู จนเห็นภาพที่ฟ้ารุ่งเดินเข้าห้องบิดาของเธอไป พราวพลอยตัดสินใจที่จะแอบฟังคนทั้งคู่คุยกัน เพราะเธอเองก็ยังไม่ไว้ใจในตัวของแม่เลี้ยงคนใหม่นี้สักเท่าไหร่ “คิดถึงผมเหรอ” สองมือลูบหน้าลูบผมด้วยความคิดถึงแบบชายวันดึก “ไม่ใช่หร
.บทที่8ขิงก็รา...ข่าก็แรง“เช้านี้อากาศสดใสดีไหม” ฟ้ารุ่งทักทายลูกสาวที่ยืนสูดอากาศอยู่ด้านนอกของห้องครัว“อากาศดีค่ะแม่ วันนี้เราต้องกินข้าวร่วมกับคนบ้านใหญ่ไหมคะ” มินรญาไม่อยากเจอหน้าลูกชายเจ้าของบ้าน เพราะกลัวจะเก็บกดอารมณ์โมโหของตัวเองไว้ไม่ไหว“ไม่ต้องหรอก แม่ทำกับข้าวไว้ให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว เราก็กินของเราที่ครัวนี่แหละ” ฟ้ารุ่งตั้งใจไว้แล้วที่จะไม่ให้คนทั้งคู่ได้ปะทะกัน“ดีจังค่ะ วันนี้มิ้นจะได้กินข้าวอย่างมีความสุข ฝีมือแม่ครัวคนเก่งคนนี้ไม่เคยตก จะกินให้เรียบเลยค่ะ” หญิงสาวโอบเอว หอมแก้มมารดาอย่างเอาใจ“ปากหวานจริง ๆ ลูกสาวคนสวยของแม่” มือเรียวที่เริ่มเหี่ยวย่นตามกาลเวลา จับหัวลูกสาวอย่างเอ็นดู“แม่คะ วันนี้มิ้นจะออกไปสำรวจดูว่ามีแถวไหนบ้างที่เหมาะกับการเปิดสาขาใหม่ ไม่ได้อยู่เมืองไทยเสียนาน อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปหมด ต้องออกไปใช้ชีวิตข้างนอกให้คุ้นเคยกับเมืองไทยให้มากกว่านี้ แม่ไม่ต้องห่วงมิ้นนะคะ ”“ ให้แม่ไปด้วยไหม” ผู้เป็นแม่ห่วงกลัวมินรญาจะหลงหรือเกิดอันตราย“ไม่ต้องหรอกค่ะ มิ้นกลัวแม่จะเหนื่อยและเป็นลมไปก่อนมิ้นจะได้ทำเลดี ๆค่ะ”มินรญาเธอกะว่าวันนี้เธอจะขึ้นรถเมล์บ้าง แท็ก
“ฉันไม่ได้อยู่กรุงเทพมาหลายปี ก็เลยอยากทำความรู้จักว่าเดี๋ยวนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง จอดข้างหน้าเลยค่ะ ฉันจะลงตรงนี้” สิ้นเสียงคนพูดภูวนนท์กลับเลี้ยวขึ้นถนนใหญ่ แทนที่จะจอดหน้าปากซอย ตามคำบอกของมินรญา เขาทำเหมือนไม่ได้ยินที่เธอพูดเลย “คุณไม่ได้ยินที่ฉันบอกเหรอ ฉันบอกให้จอด จอด!! จอดเดี๋ยวนี้” ปากก็พูดมือก็หันไปจับแขนคนขับเขย่าด้วยความโมโห “คุณจะโวยวายอะไรนักหนา และมาจับแขนผมแบบนี้ เดี๋ยวก็รถชนตายกันพอดี ผมไม่พาคุณไปทำอะไรหรอก ผมไม่ได้พิศวาสอะไรคุณนักหนา” “แล้วคุณทำไมไม่จอด คุณต้องการอะไร” มินรญาถลึงตากลมโตเหมือนแขกใส่คู่สนทนาอย่างไม่เกรงกลัว “คุณไม่ได้อยู่เมืองไทยมานาน ผมก็กลัวคุณจะไปทำเซ่อ ๆ ซ่า สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น แล้วพาลทำให้คุณพ่อของผมอายไปด้วย คุณจะไปไหน เดี๋ยวผมพาไป นั่งเงียบ ๆ ก็พอ” “ไม่รู้” ตอบเพียงสั้นๆ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหนและก็แสนจะหงุดหงิดกับคำพูดของคนนั่งข้างๆ ที่ประชดประชัน เหน็บแนม อยู่ตลอดเวลา “ผมจะยอมสงบศึกกับคุณชั่วคราว เอาดี ๆ คุณอยากไปที่ไหน ผมว่าง เบื่อๆ ไม่มีอะไ
“ลงรถไปก็รอผมด้วยนะ ไม่ใช่รีบเดินไปไหน เดี๋ยวจะหลงจนหาทางกลับบ้านไม่ถูกซะ” ชายหนุ่มพุดไปหัวเราะไป เมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนของมินรญาที่เปิดประตูรถทันที่ที่รถจอดสนิท “คนไม่เยอะเท่าไหร่นะคะ ถ้าเทียบกับด้านหน้าของที่นี่” มินรญารู้สึกว่าบรรยากาศต่างจากที่เธอคิดไว้ เมื่อบันไดเลื่อนพาเธอขึ้นมาชั้นหนึ่งของห้าง “ถึงที่นี่จะดูคึกคักน้อยกว่าด้าน แต่เงินสะพัดกว่าแน่นอน สินค้าที่นี่ราคาค่อนข้างสูง ผู้คนที่มาเดินซื้อสินค้าในนี้ ส่วนใหญ่ก็มีกำลังทรัพย์มาก ” คนที่เดินสวนไปสวนมา คงไม่คิดว่าหนุ่มสาวคู่นี้ จะเป็นคนที่ไม่ชอบขี้หน้ากันมาก่อน เพราะท่าทีที่พูดคุยดุสนิทสนมถูกคอกัน ของคนทั้งคู่ ดูเหมือนเป็นคู่รัก เป็นเพื่อนหรือเป็นพี่น้องกันเสียมากกว่า “ไม่เจอกันนานเลยนะ ภูวนนท์” เสียงไพเราะแต่เหยือกเย็นที่แสนจะคุ้นหูภูวนนท์ยิ่งนัก ไม่ใช่เสียงใครที่ไหน แต่คือเสียงของแม่อดีตคนรักของเขานั่นเอง “สวัสดีครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้อย่างเสียไม่ได้เพราะอย่างไร โฉมเฉลาก็เป็นผู้ใหญ่กว่า “สบายดีครับ” ภูวนนท์ตอบตามมารยาท “จะไม่แนะนำ