Share

ขิงก็รา...ข่าก็แรง(2)

“ฉันไม่ได้อยู่กรุงเทพมาหลายปี ก็เลยอยากทำความรู้จักว่าเดี๋ยวนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง จอดข้างหน้าเลยค่ะ ฉันจะลงตรงนี้”

            สิ้นเสียงคนพูดภูวนนท์กลับเลี้ยวขึ้นถนนใหญ่ แทนที่จะจอดหน้าปากซอย ตามคำบอกของมินรญา เขาทำเหมือนไม่ได้ยินที่เธอพูดเลย

            “คุณไม่ได้ยินที่ฉันบอกเหรอ ฉันบอกให้จอด จอด!! จอดเดี๋ยวนี้” ปากก็พูดมือก็หันไปจับแขนคนขับเขย่าด้วยความโมโห

            “คุณจะโวยวายอะไรนักหนา และมาจับแขนผมแบบนี้ เดี๋ยวก็รถชนตายกันพอดี ผมไม่พาคุณไปทำอะไรหรอก ผมไม่ได้พิศวาสอะไรคุณนักหนา”

            “แล้วคุณทำไมไม่จอด คุณต้องการอะไร” มินรญาถลึงตากลมโตเหมือนแขกใส่คู่สนทนาอย่างไม่เกรงกลัว

            “คุณไม่ได้อยู่เมืองไทยมานาน ผมก็กลัวคุณจะไปทำเซ่อ ๆ ซ่า สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น แล้วพาลทำให้คุณพ่อของผมอายไปด้วย คุณจะไปไหน เดี๋ยวผมพาไป นั่งเงียบ ๆ ก็พอ”

            “ไม่รู้” ตอบเพียงสั้นๆ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหนและก็แสนจะหงุดหงิดกับคำพูดของคนนั่งข้างๆ ที่ประชดประชัน เหน็บแนม อยู่ตลอดเวลา

            “ผมจะยอมสงบศึกกับคุณชั่วคราว เอาดี ๆ คุณอยากไปที่ไหน ผมว่าง เบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ แต่! ผมแค่ยอมสงบศึกนะ ไม่ใช่ว่าผมยอมรับคุณสองคนแม่ลูก อย่าเพิ่งดีใจไป ” ไม่วายที่จะพูดจาร้ายๆส่งท้าย

            “คุณจะสงบศึกหรือคุณจะไม่ยอมรับฉันสองคนแม่ลูก มันก็เรื่องของคุณ เอาที่คุณสบายใจ เพราะฉันไม่เคยเก็บการกระทำของคุณมาใส่ใจ มันไร้สาระ...” ถึงจะไม่ได้อยู่เมืองไทยมานาน แต่ฝีปากของมินรญาก็ยังใช้ได้ ถึงแม้บางคำจะฟังสำเนียงแปลกๆก็ตาม

            “ฉันอยากไปแหล่งที่มีผู้คนมากๆ มีร้านค้าเยอะๆ เพื่อฉันจะหางานอะไรทำใด้บ้าง” เธอไม่อยากบอกความจริงกับเขาว่าเธอกำลังหาทำเลเปิดสาขาใหม่ให้บิดา เพราะเขาดูถูกเธอแบบนี้ คงไม่เชื่อหรอกว่าครอบครัวของเธอมีกิจการเป็นของตัวเอง และเป็นกิจการที่ใหญ่เสียด้วย

            “คุณจบอะไรมา งานสมัยนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆนะ อย่าคิดว่าแค่เขาเห็นหน้าตาสวยๆแล้วเขาจะรับคุณเข้าทำงาน ต้องมีสมองด้วย” ก่อนหน้านี้เพิ่งบอกว่าขอสงบศึกชั่วคราว แต่ยังไม่ทันไร เขาก็หยุดพูดจาประชดประชันเธอไม่ได้

            “เฮ้อ....” มินรญา เหนื่อยและเบื่อที่จะต่อคำกับเขา ได้แต่ถอนหายใจยาว มือกอดอกและมองไปนอกหน้าตา ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรต่อ

            วันนี้ไม่ใช่วันหยุด ตามทองถนนเต็มไปด้วยรถ กว่าจะถึงห้างสรรพสินค้าที่ความจริงแล้วอยู่ใกล้บ้านของภูวนนท์เพียงไม่กี่กิโล แต่กลับใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะถึง มินรญามองชีวิตผู้คนในเมืองหลวงอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่ละคนดูเร่งรีบ เดินกันสับสนวุ่นวายไปหมด บนถนนก็มีแต่รถติด พ่อค้าแม่ค้านั่งขายของกันบนทางเท้า เธอเห็นแล้วรู้สึกร้อนแทน เป็นภาพที่แตกต่างจากที่เธอจากมาจริง ๆ

          “คุณเหนื่อยไหม ฉันมองดูผู้คน ฉันรู้สึกเหนื่อยแทน พวกเขาดูเร่งรีบ ดูเหนื่อย น้อยคนนัก ที่ฉันจะเห็นรอยยิ้ม” มินรญาตั้งใจว่าจะนั่งเงียบแต่ก็เผลอพูดออกไป เพราะรู้สึกไม่คุ้นชินกับการใช้ชีวิตของคนที่นี่

            “แถวนี้เป็นแหล่งเศรษฐกิจ ผู้คนก็จะมารวมกันอยู่ที่นี่ มีทั้งคนรวย ชนชั้นกลาง คนจน มีทุกอย่าง แต่..พวกเขาไม่ยิ้มก้ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีความสุขนะ เขาอาจจะแค่เหนื่อย และเก็บรอยยิ้มไว้ไปฝากคนที่รอเขาอยู่ที่บ้านก็ได้”

            มินรญาละสายตาจากภาพข้างนอกหน้าต่างรถและหันมาสบตาคนที่กำลังขับรถอยู่ เธอไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าคำพูดเมื่อกี้จะออกจากปากของคนที่เอาแต่พูดจาประชดประชันเธอ

            “นอกจากปากที่เสีย คุณก็ยังมีความคิดบางส่วนที่ดีอยู่เหมือนกันนะ” มินรญารู้สึกแบบที่เธอพูดจริง ๆ

            “แล้วคุณจะพาฉันไปไหน”

            “อีกนิดเดียวก็จะถึงห้างสรรพสินค้าข้างหน้า คุณอยากมาที่ ที่คนเยอะ ๆ ร้านค้าเยอะ ๆ ผมก็เลยพาที่ห้างที่นี่แหละ ”

            ตึกสูงที่อยู่ด้านหน้า เป็นแหล่งจับจ่ายของชนชั้นกลางจนถึงร่ำรวย ราคาสินค้าที่ถูกวางขายในสถานที่นี้ ถ้าฐานะไม่ดี หรือเงินเดือนไม่มาก แทบจะไม่มีโอกาสได้ซื้อเลย ราคาสินค้าจึงเป็นตัวคัดผู้คนที่จะมาเดินจับจ่ายในห้างแห่งนี้

            “ความจริงผมคิดว่าจะพาคุณไปเดินตลาดสด เพราะมีทั้งผู้คนและร้านค้ามากแบบที่คุณต้องการ แต่ก็กลัวสาวสวยจากเมืองนอกจะเป็นลมไปเสียก่อน พามาเดินห้างแอร์เย็นคงจะเหมาะกว่า”เขาคงยังประชดประชันไม่เลิก

            “เอาที่คุณสบายใจค่ะ” มินรญาไม่อยากต่อปากต่อคำ เพราะคงไม่จบแน่ๆถ้าเธอหันไปลับฝีปากกับเขา

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status