Share

แผลเป็นที่ใจหรือแค่เพียงฝัน

แผลเป็นที่ใจหรือแค่เพียงฝัน

            “ไปไหนมาลูก แม่โทรหาหนูก็ไม่รับสาย ทำไมไม่โทรมาบอกแม่ว่าจะกลับดึก” ฟ้ารุ่งนั่งรอลูกสาวด้วยความเป็นห่วง

            “มิ้นขอโทษค่ะแม่ พอดีมิ้นไปดูหนังมา ไม่ได้เปิดเสียง เลยไม่รู้ว่าแม่โทรมา” เสียงตอบราบเรียบจนคนฟังสัมผัสได้ถึงความไม่ปกติ

            “เป็นอะไรหรือเปล่าลูก หน้าตาทำไมแดงเหมือนคนร้องไห้มา มีอะไรบอกแม่นะ ” คนเป็นแม่มองใบหน้าลูกสาวด้วยความสงสัย

          “ไม่มีค่ะแม่ มิ้นดูหนังมันเศร้า เลยร้องไห้แทบทั้งเรื่อง มิ้นขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”

            ฟ้ารุ่งไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ลูกสาวบอกจะเป็นความจริงหรือโกหด แต่เขาเชื่อว่ามินรญาคงไม่ทำอะไรที่ผิดหรือไม่ควร หากลูกมีปัญหาจริงๆ คงยังไม่พร้อมที่จะเล่าให้เธอฟัง เมื่อถึงเวลาลูกคงเล่าให้เธอฟังเอง

            “แต่งตัวเสร็จแล้ว ออกไปกินข้าวนะ แม่จัดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”

            “แม่ล่ะคะ กินข้าวหรือยัง”

            “แม่กินเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกตั้งใจจะรอกินพร้อมลูกแต่เห็นมืดแล้วแม่เลยกินก่อน แม่ไปอาบน้ำก่อนนะ อย่าลืมออกไปกินล่ะ”

            ข้าวแต่ละคำถูกตักเข้าปากอย่างช้าๆ น้ำใสจากดวงตาคู่สวย ไหลลงบนจานข้าวอย่างไม่ทันที่เจ้าตัวจะรู้สึก มินรญารู้สึกเหมือนชีวิตของเธอไม่เหลืออะไรแล้ว ความเป็นสาวที่เธอรักษามันมาทั้งชีวิต เพื่อเก็บไว้รอใครสักคนที่รักเธอและเธอก็รัก แต่เธอกลับต้องมาเสียมันให้กับผู้ชายที่เห็นเธอเป็นเพียงเครื่องระบายอารมณ์ หญิงสาวไม่อยากเจอหน้าเขาอีกแล้ว อยากลืมเหตุการณ์ที่เกินขึ้นทั้งหมด และคิดว่าทุกอย่างเป็นแค่เพียงฝันไป

          เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกสติคนที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ที่หม่นหมอง จนหัวใจแทบอยากจะหยุดเต้น ให้กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง นาธานเพื่อนชายคนสนิทของเธอโทรมาหา หลังจากเขาและเธอไม่ได้คุยกันมาหลายวัน และเขาก็โทรมาได้ถูกเวลา เพราะตอนนี้มินรญาคิดถึงเพื่อนคนนี้ที่สุด

            “ฮาย..มิ้น เงียบไปเลยนะ” เสียงร่าเริงของเพื่อนคนไกลยังสดใสเหมือนเดิม

            “เรายุ่งๆ เลยไม่ได้โทรหาเลย” มินรญาตอบด้วยเสียงยานคาง

            “เป็นอะไรหรือเปล่ามิ้น เสียงเธอไม่แฮบปี้เลย”

            “นาธาน....เรา เรา ฮือ...” เธออยากให้เพื่อนชายมาอยู่ตรงนี้ อยากให้เขากอดเธอเหมือนทุกครั้งที่มีปัญหา เพื่อนคนนี้จะคอยเคียงข้างและเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดสำหรับเธอ

            “เฮ้ยยู...เป็นไร มิ้น เธอร้องไห้ ร้องทำไม เกิดอะไรขึ้น มีอะไรเล่ามาให้หมด” นาธานไม่เคยเห็นเพื่อนสาวเป็นแบบนี้ ถึงมิรญาจะเคยร้องไห้เวลาที่มีปัญหา แต่ก็ไม่เคยสะอึกสะอื้นพูดจาตะกุกตะกักไม่รู้เรื่องแบบนี้

            เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ ถูกถ่ายทอดระบายผ่านเสียงตามสาย ไปยังมิตรแท้ที่อยู่แสนไกล เสียงพูดปนเคล้ากับเสียงสะอื้น จนคนฟังรู้สึกสงสารเพื่อนจับใจ

            “เสียแล้วเสียไปมิ้น เดี๋ยวนี้เขาไม่ยึดติดเรื่องแบบนี้กันแล้ว เสียตัวก็ปล่อยมันไป ยูยังมีแม่ มีพ่อ มีแครีน มีเรา อย่าให้ความชั่วร้ายของผู้ชายเลวๆ เพียงคนเดียว มาทำลายชีวิต”

            “เราทำให้แม่เสียใจ ถ้าแม่รู้ แม่ต้องเสียใจที่เราดูแลตัวเองไม่ได้ พ่อกับแครีนก็คงโกรธและเสียใจที่เราตัดสินใจกลับเมืองไทย แล้ว.....” น้ำตาพรั่งพรูออกมาอีกครั้ง เสียงสะอื้นจากหัวใจ ของหญิงสาวที่หายใจแบบหอบเหนื่อย ทำให้เธอไม่สามารถพูดอะไรได้ต่อ

            “มิ้นฟังเรานะ เสียใจได้ แต่ต้องมีสติ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ตัดสินใจอะไรอย่าใช้อารมณ์ อีกสองวันเราจะกลับไทยแต่คงอยู่แค่ไม่กี่เดือน เข้มแข็งนะ แล้วเจอกัน”

            การได้เล่า ได้ระบายให้ใครสักคนฟัง ช่วยทำให้หัวใจของมินรญารู้สึกดีขึ้น ความจริงในใจของเธอไม่ได้โทษว่าเป็นความผิดของภูวนนท์เพียงคนเดียว แต่เธอโทษว่าตัวเองก็มีส่วน เธอไม่น่าเข้าไปที่บ้านเขาตั้งแต่แรก และที่สำคัญในช่วงเวลานั้นทำไมเธอถึง....ยอม

            เสียงน้ำในห้องน้ำถูกปิด แม่ของเธอคงอาบน้ำเสร็จแล้ว หญิงสาวเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า ฝืนยิ้มให้กลับตัวเองกลบเกลื่อนความเจ็บช้ำและรอยแผลเป็นในใจ

            “คืนนี้มิ้นขอนอนกอดแม่ทั้งคืนเลยนะคะ” ร่างบางเบียดชิดโอบกอดมารดาหวังให้ไออุ่นของความรัก ทำให้เธอตื่นมาตอนเช้าและลืมเรื่องราวทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้

            “กอดแน่นๆเลยนะ ลูกรักของแม่นอนเสีย เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว” ฟ้ารุ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาว และเธอก็ไม่อยากเซ้าซี้ถาม ความเป็นแม่ก็คงทำได้คือเป็นกำลังใจและอยู่ข้างๆลูกในทุกเรื่องราว ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ตาม

            “มิ้นไม่มากินข้าวด้วยกันเหรอครับ” ภูวนนท์ถามหาหญิงสาวที่เขาได้ย่ำยีไปเมื่อคืนอย่างเลือดเย็น

            “ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”

ฟ้ารุ่งแปลกใจที่ร้อยวันพันปี ลุกชายเจ้าของบ้านไม่เคยพูดจาดีๆกับเธอตั้งแต่รับรู้ความสัมพันธ์ของเธอกับพ่อของเขา และยังถามถึงลูกสาวของเธออีก ถึงแม้จะแปลกใจ แต่เธอก็ตอบคำถามไปตามความเป็นจริง

“ทำไมต้องรีบออกไปตั้งแต่เช้า ข้าวปลาไม่กิน มีอะไรเร่งรีบนักหนา” ภูวนนท์แสดงสีหน้าหงุดหงิด

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status