“คุณภูวนนท์คุณไม่ต้องไปหรอกค่ะ ฉันกับแม่จะกินข้าวกันในครัว คุณสบายใจได้ กินข้าวให้อร่อยนะคะ” มินรญามองหน้าลูกชายของเจ้าของบ้านด้วยสายตาที่สุดจะทนกับการแสดงท่าทางรังเกลียดเธอและแม่อย่างออกนอกหน้า
“มิ้นขอตัวนะคะ คุณลุง คุณพราว” พูดจบหญิงสาวก็สะบัดหน้าเดินเข้าไปในครัว
เช้าวันนี้กฤษฎาไปทำงานที่บริษัทพร้อมกับลูกชาย เพราะเขานัดมินตรานางเอกชื่อดังที่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของโครงการหมู่บ้านจัดสรรโครงการใหม่ให้ นอกจากอยากจะให้ภูวนนท์ได้รู้จักในฐานะที่ต้องทำงานร่วมกัน เขายังหวังว่ามินตราจะทำให้ภูวนนท์หายเสียใจจากเรื่องของชิดจันทร์ เพราะนางเอกคนนนี้ มีความสวยและเสน่ห์ที่ชวนน่าหลงใหล ผู้ชายคนไหนเห็นก็คงต้องหลงรักแน่นอน
“สวัสดีค่ะคุณกฤษฎา สวัสดีค่ะคุณภูวนนท์” เสียงนุ่มหวานของมินตราทำเอาภูวนนท์ต้องเงยหน้าจากการตั้งหน้าตั้งตาเซ็นเอกสาร จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่สนใจพรีเซ็นเตอร์คนที่พอหามา แต่ความสวยของเธอทำเอาเขาถึงกับมองเธอไม่กระพริบตา
“สวัสดีครับคุณมินตรา” กฤษฎากล่าวทักทายและเชิญนางเอกสาวให้นั่งลงโซฟาใกล้ๆกับภูวนนท์
“ผิงขออนุญาตเรียกว่าคุณอานะคะ คุณอาก็เรียกผิงเฉยๆ ก็ได้ค่ะ เรียกชื่อจริง ผิงว่ามันให้ความห่างเหิน ดูไม่คุ้นเคยกันเลยค่ะ” ดาราสาวเจรจาเจื้อยแจ้ว
“สวัสดีครับคุณผิง ผมภูวนนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัทครับ”
“ผิงขอเรียกว่าพี่ภูได้ไหมคะ เรายังต้องร่วมงานกันอีกนาน ผิงว่ามันดูสนิสนมกันดีค่ะ” ยิ้มหวานถูกส่งผ่านมาหาชายหนุ่มที่นั่งโซฟาใกล้ ๆ เธอ
“ได้ครับคุณผิง” ถึงแม้จะตอบเพียงสั้นๆแต่ภูวนนท์กลับไม่ละสายตาจากคู่สนทนาเลย
จากผู้ชายพูดน้อย กลายเป็นชายเจ้าคารม ตั้งแต่ชิดจันทร์ผู้หญิงที่เขาคิดจะแต่งงานด้วย หักหลังทิ้งเขาไปไม่เหลือเหยื่อใย
“ผิงรู้สึกปลื้มใจจังค่ะ พี่..ภู”
คำหวานหยอดสาวแบบนี้ เอาเข้าจริงคนอย่างมินตราไม่ได้รู้สึกปลื้มอะไร เพราะเธอเองก็มักจะเจอหนุ่มๆ มาขายขนมจีบให้เธออยู่บ่อยๆ แต่ส่วนมากจะเป็นพวกหนุ่มไฮโซที่ไม่คิดจะจริงจังอะไรกับเธอ พอได้ตัวเธอหมดความหลงก็ทิ้งขว้างเหมือนเธอไม่มีตัวตน แต่กับภูวนนท์มินตราหวังจะให้เป้นไม้หลักสุดท้าย ที่เธอจะเกาะยึดไว้ เพราะอายุเธอก็มากขึ้น วงการบันเทิงไม่มีความมั่นคงอะไร อีกไม่นานเอก็คงจะหลุดจากตำแหน่งนางเอกเบอร์หนึ่งแน่ๆ
ภูวนนท์ชายหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาไม่เป็นรองใคร แถมความสุขุม ดูเป็นคนรักจริง จริงใจ เป็นเป้าประสงค์สำคัญ ที่มินตราหวังจะจับให้มั่นไว้รับตำแหน่งสามีของเธอในอนาคต แต่เธอก็หาโอกาสไม่ได้สักที เพราะชายหนุ่มมีคนรักแล้ว ไม่เคยชายตามองหญิงใด แต่วันนี้เขาโสด มินตราจึงเดินหน้าอย่างเต็มเครื่องเลย
“ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อที่อร่อยที่สุดวันนี้ค่ะ ไว้โอกาสหน้าให้ผิงเลี้ยงคืนนะคะ” มินตราปูทางเพื่อจะได้มีโอกาสกินข้าวกับภูวนนท์อีก
“แน่นอนครับ คุณ...ผิง” ชายหนุ่มตอบรับพร้อมส่งสายตาที่ดูอบอุ่นให้หญิงสาวที่จ้องตาเขาไม่วาง
กฤษฎายืนกอดอกมองท่าทางของคนทั้งคู่ เขารู้สึกพอใจ ที่เขาคิดไม่ผิดที่เลือกมินตรามาทำงานด้วย และคิดไม่ผิดที่หวังจะให้เธอเข้ามาช่วยดามหัวใจให้ลูกชายสุดที่รักของเขา
“รายละเอียดที่เกี่ยวกับโครงการของเรา ข้อตกลงสัญญาในการร่วมงานระหว่างที่หนูผิงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับทางโครงการเรา อาจะให้พี่ภูเป็นคนบอกรายละเอียดนะ ส่วนอาขอตัวออกไปดูหน้างานเสียหน่อย ฝากดูแลน้องด้วยนะตาภู พ่อไปก่อน ”
ภูวนนท์สังเกตออกว่าพ่อของเขา ต้องการจะเปิดทางให้เขาได้อยู่กับมินตราสองต่อสอง ซึ่งเขาก็ไม่ได้รู้สึกฝืนใจอะไร เพราะตอนนี้เขาก็อยู่ในสถานะโสด โสดแบบโดนทิ้งเสียด้วย ถ้ามีใครสักคนเขามาพูดคุยสนิทสนมด้วย อย่างน้อยก็ช่วยคนอกหักให้พอหายเหงาได้ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะยังลืมชิดจันทร์ไม่ได้และก็ยังไม่คิดที่จะหาใครมาแทนที่เธอ ความรักที่ผูกพันธ์กันมาหลายปี คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าเขาจะลืมชิดจันทร์ได้สนิทจริงๆ
“เรามาเริ่มกันเลยนะครับ เพื่อไม่ให้เสียเวลานางเอกชื่อดังยังคุณผิง คิวงานคงแน่นแน่ๆ” ชายหนุ่มเริ่มชวนคุย
“ก็แน่นอยู่เหมือนกันค่ะ แต่วันนี้ผิงเคลียร์คิวให้ว่างทั้งวันเลย เพื่อบริษัทของพี่ภู” ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้มินตราเป็นคนช่างเจรจา โดยเฉพาะการพูดจาเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง
ภูวนนท์ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการอธิบายรายละเอียดของโครงการ จุดเด่นที่ทางโครงการต้องการนำเสนอ อีกทั้งข้อตกลง ผลประโยชน์ที่ดาราสาวจะได้รับภายใต้สัญญาที่มินตราต้องทำกับบริษัท โดยเฉพาะห้ามเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับโครงการหมู่บ้านจัดสรรของบริษัทอื่นเป็นเวลาห้าปีตามอายุสัญญา ถ้าหากผิดสัญญาจะต้องชดใช้เป็นสองเท่าของค่าตอบแทนที่ทางบริษัทของภูวนนท์จ่ายให้
มินตราตอบตกลงทำตามสัญญา เพราะค่าตอบแทนที่บริษัทภูวนนท์จ่ายให้มากกว่าเธอแสดงหนังทั้งปีเสียอีก และที่สำคัญเธอหวังมากกว่าเงิน มินตราหวังว่าเธออาจะได้เป็นแฟนนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เพราะมันจะช่วยยกระดับทางสังคมของเธอ เพราะถึงแม้เธอจะเป็นนางเอกที่มีชื่อเสียง แต่เธอเริ่มต้นมาจากการเป็นเด็กต่างจังหวัด เริ่มเข้าประกวดนางงามต่างๆ จนแมวมองไปเจอเธอและชักนำเข้าสู่วงการบันเทิง
“เอ้า!...ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว ผมนี่แย่จริงๆ คุยเสียจนลืมดูเวลาเลย ต้องขอโทษด้วยนะครับคุณผิง” ภูวนนท์เริ่มรู้สึกหิวข้าวจึงก้มมองนาฬิกาข้อมือ นาฬิกาเรือนนี้นอกจากสวยสวยแล้วยังมีคุณค่าเพราะชิดจันทร์เป็นคนซื้อให้ เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีที่ผ่านมา
“ไม่เป็นไรค่ะ ผิงเข้าใจ นักธุรกิจเวลาทำงานก็มักจะลืมเวลาแบบนี้แหละค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น มื้อนี้ผมขอพาคุณผิงไปเลี้ยงอาหารแทนคำขอโทษนะครับ”
“ได้เลยค่ะ” เข้าทางนางเอกสาวเลย เธอยิ่งหาทางใกล้ชิดกับเขาอยู่ เพราะมั่นใจว่า ถ้าเธอมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขา เขาจะต้องหลงเสน่ห์เธอเหมือนคนอื่นๆแน่ และยิ่งได้ข่าวว่ากำลังอกหักแบบนี้ด้วย
“บรรยากาศดีจังเลยนะคะร้านนี้ ลูกค้าก็ไม่เยอะมาก ดูเป็นส่วนตัวดี ผิงชอบค่ะ”
ดาราสาวไม่ชอบกับการที่มีแฟนละครมาคอยคอถ่ายรูป แต่เธอก็ต้องปั้นหน้ายิ้มทุกครั้ง ที่บรรดาแฟนคลับพากันมาห้อมล้อม และร้านนี้ก็ดูเป็นส่วนตัว เธอคงไม่ต้องมีคนมาขัดจังหวะทอดสะพานของเธอ
“ครับ มากินข้าวกับนางเอกชั้นแนวหน้าแบบคุณผิง ถ้าไปร้านที่ผู้คนเต็มร้าน จะทำให้คุณผิงกลายเป็นข่าวไม่ดี ผมคงโกรธตัวเองแย่เลยครับ”
ร้านอาหารร้านนี้เป็นร้านประจำของภูวนนท์กับชิดจันทร์ บรรยากาศดี อาหารอร่อย แต่ละโต๊ะจัดเป็นมุมส่วนตัว ไม่ต้องรู้สึกวุ่นวายเมื่อมีคนเดินผ่านไปผ่านมา ชิดจันทร์ไม่อยากให้คนเจอเขากับกับภูวนนท์สองต่อสอง เพราะมารดาของเธอขอไว้ ไม่อยากให้ชิดจันทร์ตกเป็นขี้ปากชาวสังคมไฮโซ
“พี่ภูพาสาวๆ มากินร้านนี้บ่อยสิท่า ดูจะคุ้นชินกับพนักงานที่นี่จัง” ตอนเดินเข้ามา พนักงานต่างพากันทักทายชายหนุ่มอย่างคุ้นเคย บางคนก็มองมินตราด้วยสายตาแปลกๆ ดาราสาวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกเป็นจุดสนใจของพนักงาน ไม่ใช่เพราะเธอเป็นดาราแต่น่าจะเกี่ยวกับการที่เธอมากับภูวนนท์มากกว่า
“มาบ่อยครับ ถ้าหมายถึงมากับลูกค้า แต่ถ้าพาสาวๆ มา คุณผิงเป็นคนแรกครับ”
บทที่10ชุดซีทรูกับหนุ่มขี้เมา“เหมเดี๋ยวนี้ไม่มาดื่มที่บ้านเป็นเพื่อนกันเลยนะ” ภูวนนท์ส่งเสียงตามสายไปถึงเพื่อนสนิท ที่อยู่ดี ๆ ก็หายตัวเงียบไปตั้งแต่เสร็จงานศพของอภิรดี เหมราชก็แวะเวียนมาหาภูวนนท์ ที่บ้านเพียงไม่กี่ครั้ง ซึ่งปกติแล้ว เขาไม่เคยหายหน้าไปเกินสัปดาห์“ไม่ว่างเลยช่วงนี้ งานยุ่งว่ะ ไว้ว่างๆ เดี๋ยวแวะเข้าไปหา แค่นี้ก่อนนะ” เหมราชทำเสียงเหมือนคนกำลังยุ่งอยู่ และรีบตัดสายไป“อ้าว..ตาภู มายืนอะไรตรงนี้ ทำไมไม่เข้าไปในบ้าน” กฤษฎาแปลกใจที่เห็นลูกชายมานั่งเล่นที่สวนหน้าบ้าน ทั้งที่แดดกำลังส่องลงมาตรงที่ภูวนนท์นั่งพอดี“ผมไม่อยากเข้าไปในบ้าน เข้าไปที่ไรนึกถึงคุณแม่ทุกที แต่อีกหน่อยผมก็คงจะคิดถึงน้อยลง เพราะข้าวของคุณแม่ คุณพ่อก็เก็บไปหมดแล้ว ยังดีที่ยังเหลือรูปแต่งงาน ไว้เตือนใจ ว่าคุณแม่รักทุกคนและทุกคนก็รักท่าน”คำพูดของลูกชายอันเป็นสุดที่รักของกฤษฎา เหมือนมีดกรีดลงมาในหัวใจของเขา ถึงจะเจ็บปวดเพียงใด ก็ได้แต่เก็บมันไว้ให้ลึกที่สุด ได้แต่หวังว่าสักวันลูกชายจะเข้าใจหัวใจของพ่อแก่ๆ คนนี้“ถึงไม่มีข้าวของเครื่องใช้ของแม่ แต่ความรักของแม่ยังอยู่ในหัวใจพ่อเสมอ ถ้าการที่พ่อนำของของแม
“เดี๋ยวน้องก็คงกลับ ไปกินข้าวก่อนเถอะ ไว้วันไหนลูกว่าง ค่อยลองคุยกับน้องดู”บนโต๊ะอาหารมีแค่เพียงพ่อกับลูกที่นั่งกินข้าวด้วยกัน ฟ้ารุ่งเองก็ให้เหตุผลว่า ยังไม่หิวจะรอกินพร้อมกับมินรญา เพราะตอนนี้ทั้งมินรญาและพราวพลอยยังไม่มีใครกลับบ้านเลย แต่แตกต่างตรงที่มินรญาโทรบอกมารดาของเธอแล้ว ว่าวันนี้จะกลับดึกหน่อย เพราะได้ทำเลที่คิดว่าชอบแล้ว อยากนั่งดูบรรยากาศทั้งวันว่าเป็นอย่างไร จะแน่ใจว่าจะตกลงเอาดีไหม เพราะค่าเช่าก็ราคาสูงพอตัว“ผมขอตัวก่อนนะครับพ่อ ถ้าน้องกลับมาให้โทรกลับหาผมด่วน”ความจริงแล้วภูวนนท์อยากนั่งรอพราวพลอยจนกว่าจะกลับมา แต่เขาไม่อยากเห็นหน้าฟ้ารุ่ง โดยเฉพาะตอนที่พ่อกับเธอมองตากัน มันทำให้ภาพของแม่สมัยที่ยังไม่ป่วยกำลังกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันลอยมา จึงเลือกที่กลับไปรอที่บ้านของตัวเองดีกว่า“ทำไมคุณภูรีบกลับเสียล่ะคะ” ฟ้ารุ่งสงสัยเพราะเห็นกฤษฎาเดินมาหาตนที่ในครัวหลังบ้าน“ช่วงนี้อารมณ์ตาภูดูฉุนเฉียว คำพุดคำจา อารมณ์ เหมือนไฟที่กำลังพร้อมจะลุกตลอดเวลา แต่ไฟนั้นมันไม่ได้เผาใคร มันเผาตัวเขาเอง ผมเป็นห่วงลูก แต่ไม่รู้จะเตือนเขายังไง” กฤษฎาถอนหายใจอย่างกังวล“แต่ก่อนคุณภูไม่เป็นแบ
บทที่11เสียตัว “คุณรู้ไหมวันนี้ฉันเจอใครเมื่อช่วงหัวค่ำ” มินรญาเริ่มเรื่อง “ผมจะไปรู้ได้อย่างไร ว่าวันๆ คุณไปเจอใครมาบ้าง จะพูดอะไรก็ไม่พูดตรงๆ อ้อมค้อมอยู่ได้ อยากอยู่กับผมนานๆ เหรอครับคุณน้องสาวคนใหม่” เหล้าไม่รู้กี่แก้วที่ภูวนนท์ดื่มเข้าไป มันยิ่งทำให้สีหน้า ท่าทางของเขายียวนกวนอารมณ์มากไปกว่าเดิม ที่ก็กวนใช่เล่นอยู่แล้ว “เฮ้อ...” หญิงสาวรวบรวมความอดทน ที่จะพูดต่อไป “วันนี้ฉันเจอน้องสาวคุณกับคุณเหมราช เขาสองคนมาเดินเที่ยวด้วยกัน” “แล้วไง..” ถึงแม้จะรู้สึกแปลกใจ แต่ภูวนนท์ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร “เขาเดินโอบเอว ใกล้ชิด ดูสนิทสนมมากกว่าคนรู้จัก ฉันก็บอกคุณไม่ถูก แต่ฉันเห็นแล้วก็ไม่สบายใจ และคิดว่าคุณคงไม่รู้ว่าคุณพราวพลอยกบเพื่อนคุณสนิทสนมกันขนาดนี้” “เธอคิดว่าสองคนนั้น มีอะไรลึกซึ้งกันใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดฮึมฮำในลำคอ ก่อนจะยกแก้วเหล้าเพรียวๆ ขึ้นกินแก้วแล้วแก้วเล่า ทำเอาคู่สนทนาตกใจกลัวเขาจะเมามากกว่านี้ “ฉันไม่รู้ แต่คุณพอได้แล้ว จะดื่มอะไรขนาดนี้ เดี๋ยวก็เมาเละเทะกันพอดี” “เม
“อย่า...อย่าทำฉันเลย” เสียงที่เคยตะโกนกึ่งตะคอก เปลี่ยนเสียงฮึมฮำ สั่นระรัว เมื่อถูกลิ้นของชายหนุ่มคลคงวนรอบยอดอกที่อิ่มจนเต็มปาก “อื่มมม..หื่อ” ไม่มีคำมีแต่เสียงคลางในลำคอจากผู้รุกราน ที่ครางอย่างมีความสุขอยู่ข้างหูของหญิงสาวที่เนื้อตัวอ่อนระทวยไปหมด “อุ๊ย!” มินรญาสะดุ้งเมื่อมือหนาจับมือของเธอ ให้ไปสัมผัสกับท่อนความเป็นชายของเขา มินรญาหลับตาทันที เพราะไม่กล้ามองกลัวจะเห็นสิ่งที่ตัวเองกำลังสัมผัสอยู่ “จับ ผมบอกให้คุณจับ คุณจะทำอะไรกับมันก็ได้” เสี่ยงสั่นฮึมฮำอยู่ข้างหูหยิงสาว ในขณะที่มือก็ไล่ต่ำลงมาถึงจุดที่แสนจะเบาะบางสำหรับหญิงสาว มินรญาหนีบขาทั้งสองข้างเขาหากัน เพื่อปกป้อง แต่มันก้ต้านทานแรงของชายหนุ่มที่กำลังเดือดพล่านด้วยความร้อนในกายที่พุ่งสู่ขึ้นทุกขณะ จมูกโด่งปัดป้าย พร้อมงับขย้ำยอดอกสีระเรื่อ จนผู้เป็นเจ้าของสะท้านตามแรงดึงดูดกลืนที่ฟัดนัวเนียอย่างมันเขี้ยว ร่างบางบิดเราทรมาน เมื่อเขาทำราวกับจะกลืนกินวิญญาณของเธอไปเสียด้วยกัน นาที่นี้มินรญาทำอะไรไม่ถูก เธอหูอื้อตาลาย ไร้แรงดึงดันต่อต้าน ระทดระทวยปล่อยให้ช
แผลเป็นที่ใจหรือแค่เพียงฝัน “ไปไหนมาลูก แม่โทรหาหนูก็ไม่รับสาย ทำไมไม่โทรมาบอกแม่ว่าจะกลับดึก” ฟ้ารุ่งนั่งรอลูกสาวด้วยความเป็นห่วง “มิ้นขอโทษค่ะแม่ พอดีมิ้นไปดูหนังมา ไม่ได้เปิดเสียง เลยไม่รู้ว่าแม่โทรมา” เสียงตอบราบเรียบจนคนฟังสัมผัสได้ถึงความไม่ปกติ “เป็นอะไรหรือเปล่าลูก หน้าตาทำไมแดงเหมือนคนร้องไห้มา มีอะไรบอกแม่นะ ” คนเป็นแม่มองใบหน้าลูกสาวด้วยความสงสัย “ไม่มีค่ะแม่ มิ้นดูหนังมันเศร้า เลยร้องไห้แทบทั้งเรื่อง มิ้นขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ฟ้ารุ่งไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ลูกสาวบอกจะเป็นความจริงหรือโกหด แต่เขาเชื่อว่ามินรญาคงไม่ทำอะไรที่ผิดหรือไม่ควร หากลูกมีปัญหาจริงๆ คงยังไม่พร้อมที่จะเล่าให้เธอฟัง เมื่อถึงเวลาลูกคงเล่าให้เธอฟังเอง “แต่งตัวเสร็จแล้ว ออกไปกินข้าวนะ แม่จัดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว” “แม่ล่ะคะ กินข้าวหรือยัง” “แม่กินเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกตั้งใจจะรอกินพร้อมลูกแต่เห็นมืดแล้วแม่เลยกินก่อน แม่ไปอาบน้ำก่อนนะ อย่าลืมออกไปกินล่ะ” ข้าวแต่ละคำถูกตักเข้าปากอย่างช้าๆ น้ำใสจากดวงตาคู่สวย ไหลลง
ผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ สงสัย อยู่ดีๆ วันนี้ชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งหน้าขรึม ไม่พูดไม่จาในวงข้าว กลับมาถามหาหญิงสาวที่เขาไม่เคยจะสนใจแถมไม่ค่อยชอบด้วยซ้ำ“มิ้นเขาจะเปิดห้องเสื้อ เมื่อวานเขาไปดูทำเลมาแล้ว วันนี้เลยตั้งใจจะไปติดต่อทำสัญญา” ฟ้ารุ่งตอบตามที่มินรญาบอกเธอไว้ก่อนออกจากบ้าน“ถามถึงหนูมิ้นทำไมล่ะ ปกติหน้ายังไม่เห็นอยากจะมอง” กฤษฎาพูดแซวลูกชาย“ผมก็ถามในฐานะเจ้าของบ้าน มาอาศัยบ้านคนอื่นอยู่ กลับก็ค่ำมืด เช้าก็รีบออกไป และน้องล่ะครับพ่อ ผมไม่เห็นลงมากินข้าวเลย” คิดถึงเรื่องเมื่อคืน ทำให้ชายหนุ่มนึกถึงสิ่งที่มินรญาบอกกับเขาเมื่อคืน“นั่นก็อีกคนที่กลับดึก ป่านนี้ยังไม่ตื่นเลย เดี๋ยวสายๆก็คงออกไปไหนอีก” ผู้เป้นพ่อส่ายหัวให้กับลูกสาวที่กำลังเริ่มเป็นวันรุ่นเต็มตัว“น้องบอกคุณพ่อไหม ว่าที่ออกๆไปทุกวัน ไปไหน ไปกับใคร”“พ่อเคยถาม ก็บอกไปดูหนัง ไปบ้านเพื่อน ไปเดินเล่นซื้อของ บอกเบื่ออยู่บ้าน นั่น...ลงมาแล้วถามกันเอาเองเลย” พราวพลอยเดินลงมาจากห้องนอนชั้นสองทั้งชุดนอนเพราะยังไม่ได้อาบน้ำ“นินทาอะไรพราวอยู่คะ” พราวพลอยลากเก้าอี้มานั่งข้างบิดากอดแขนอย่างออดอ้อนฟ้ารุ่งค่อยๆลุกออกจ
บทที่13รักหรือของเล่น “คงไม่อร่อยเท่าฝีมือแม่คุณนะ แต่รับรองว่ากินได้แน่นอน” มินรญาเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน กลิ่นบะหมี่ลอยคลุ้งหอมจนเธอเริ่มหิว ชุดนอนที่เธอใส่อยู่ถูกผูกเอวไว้ข้างๆ เพื่อกันไม่ให้มันหลุดลงไปกองกับพื้น เจ้าของชุดยืนมองอย่างขำๆ ที่หญิงสาวแต่งตัวแบบนี้ “แต่งตัวแบบนี้ก็น่ารักดีนะ ผมเห็นแต่คุณแต่งชุดอะไรก็ไม่รู้ รู้แล้วว่าหุ่นดี ไม่ต้องโชว์มากก็ได้ มันดูไม่มีราคา” ภูวนนท์ไม่ชอบชุดที่มินรญาใส่ในแต่ละวัน เพราะมันจะดูโชว์รูปร่างและผิวขาวเปล่งประกายของหญิงสาว “ถ้าฉันแต่งตัวเรียบร้อย ฉันมีราคาใช่ไหม เพราะตอนนี้ฉันเหมือนของฟรี....” คำถามที่แทงใจคนฟัง ทำเอาภูวนนท์ไม่กล้าเงยหน้าจากชาวบะหมี่ เพราะไม่อยากสบตาคนถาม เขารู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำกับเธอมันผิด แต่ไม่รู้ทำไม เขาหยุดมันไม่ได้ รู้แต่ว่าร่างกายมันต้องการเธอ ส่วนหัวใจของเขาคงมีแต่ชิดจันทร์ยังไม่เปลี่ยนแปลง “พูดอะไรจัง มากิน เดี๋ยวหายร้อนก็ไม่อร่อย” เจ้าของบ้านเปลี่ยนเรื่องพูด ด้วยความหิวมินรญากินบะหมี่จนหมดถ้วย แต่หัวใจของเธอไม่อิ่มเลย เขาทำให้เธอ
มินรญา รีบควานหาผ้านวมมาคลุมกายแต่เขาก็กระชากผ้านวมผืนใหญ่ที่ดูจะเกะกะมากตอนนี้ ทิ้งลงข้างเตียง และใช้ร่างกายของเขาทับแนบลงบนร่างขาวใสนั้นแทนผ้านวมที่เพิ่งทิ้งลงไป มือหนาซุกซนบีบเคล้นยอดอกที่ชูชันตอบรับสัมผัส ปากหนาไล่จูบตั้งแต่หน้าผากสวยได้รูป ลงมาหยุดที่ยอดอกชูชัน ปากหนาใช้ลิ้นตวัดรัดเลาะรอบๆยอดชมพูก่อนจะดูดคลึงอย่างผ่อนหนักผ่อนเบา จนมินรญากลั่นเสียงครางไว้ไม่ไหว ร่างใหญ่ซุกไซร้ลงมาถึงจุดสุดท้ายของความเสียวซ่าน เขาพาความเป็นชายของเขา รุกเร้าเข้าสู่ส่วนสงวนของหญิงสาวที่เริ่มบิดเกร็ง “เจ็บ เจ็บค่ะ” เมื่อร่างกายของทั้งคู่รวมเป็นคนเดียวกันหญิงสาวยังคงหลงเหลือความเจ็บเพราะมันคือครั้งที่สองในชีวิตเธอ “อย่าเกร็ง ปล่อยตามสบาย อีกนิดนะ เดี๋ยวมันจะค่อยๆดีขึ้น” ภูวนนท์กระซิบตอบพร้อมเล้าโลมเพิ่มอารมณ์ให้สาวน้อยที่กำลังกัดฟันเพราะทั้งเสียวและเจ็บ ลมแห่งความเสน่หาลุกโชติช่วงจนถึงขีดสุด เสียงครางสุดท้ายของทั้งคู่กรีดเสียงออกมาพร้อมกัน ก่อนพากันขึ้นสวรรค์ชั้นสูงสุด “ชอบไหม” ร่างหนาหมดแรงปล่อยตัวทับลงบนร่างบางที่นอนหมดแรงอยู่บนเ