Share

ชุดซีทรูกับหนุ่มขี้เมา(2)

“เดี๋ยวน้องก็คงกลับ ไปกินข้าวก่อนเถอะ ไว้วันไหนลูกว่าง ค่อยลองคุยกับน้องดู”

บนโต๊ะอาหารมีแค่เพียงพ่อกับลูกที่นั่งกินข้าวด้วยกัน ฟ้ารุ่งเองก็ให้เหตุผลว่า ยังไม่หิวจะรอกินพร้อมกับมินรญา เพราะตอนนี้ทั้งมินรญาและพราวพลอยยังไม่มีใครกลับบ้านเลย แต่แตกต่างตรงที่มินรญาโทรบอกมารดาของเธอแล้ว ว่าวันนี้จะกลับดึกหน่อย เพราะได้ทำเลที่คิดว่าชอบแล้ว อยากนั่งดูบรรยากาศทั้งวันว่าเป็นอย่างไร จะแน่ใจว่าจะตกลงเอาดีไหม เพราะค่าเช่าก็ราคาสูงพอตัว

“ผมขอตัวก่อนนะครับพ่อ ถ้าน้องกลับมาให้โทรกลับหาผมด่วน”

ความจริงแล้วภูวนนท์อยากนั่งรอพราวพลอยจนกว่าจะกลับมา แต่เขาไม่อยากเห็นหน้าฟ้ารุ่ง โดยเฉพาะตอนที่พ่อกับเธอมองตากัน มันทำให้ภาพของแม่สมัยที่ยังไม่ป่วยกำลังกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันลอยมา จึงเลือกที่กลับไปรอที่บ้านของตัวเองดีกว่า

“ทำไมคุณภูรีบกลับเสียล่ะคะ” ฟ้ารุ่งสงสัยเพราะเห็นกฤษฎาเดินมาหาตนที่ในครัวหลังบ้าน

“ช่วงนี้อารมณ์ตาภูดูฉุนเฉียว คำพุดคำจา อารมณ์ เหมือนไฟที่กำลังพร้อมจะลุกตลอดเวลา แต่ไฟนั้นมันไม่ได้เผาใคร มันเผาตัวเขาเอง ผมเป็นห่วงลูก แต่ไม่รู้จะเตือนเขายังไง” กฤษฎาถอนหายใจอย่างกังวล

“แต่ก่อนคุณภูไม่เป็นแบบนี้เหรอคะ” ฟ้ารุ่งถามด้วยความสงสัย เพราะเธอเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน อภรดีก็มาจากไป เธอก็เห็นภูวนนท์อารมณ์ขึ้นลงตั้งแต่เสียแม่และมารู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับพ่อของเขา

“ถ้าเปรียบอารมณ์ตาภูตอนนี้เหมือนไฟ เมื่อก่อนก็เหมือนสายน้ำเลย เย็น สุขุม ใครอยู่ด้วยก็รู้สึกอบอุ่น ยิ่งเวลาเขาอยู่กับแม่ของเขา ต่างคนต่างพากันเย็นเลย”

“คุณภูกำลังเจอกับความสูญเสีย เสียทั้งแม่ เสียทั้งคนรัก และยังต้องมาผิดหวังเรื่องของเราอีก” ฟ้ารุ่งคิดว่าตัวเองก็มีส่วนทำให้ภูวนนท์เป็นแบบนี้

“คุณอย่าคิดแบบนั้น ถ้ามีใครผิด ผมคือคนผิด” กฤษฎาโอบไหล่ภรรยาคนใหม่อย่างปลอบใจ

“ถ้าการไปของฉัน ทำให้ครอบครัวคุณกลับมามีความสุขอีกครั้ง บอกฉันนะคะ ฉันพร้อมเสมอ”

“อย่าพูดและที่สำคัญอย่าคิดแบบนั้นอีก คุณเป็นภรรยาผม คุณคือคนในครอบครัว ผมไม่คุยกับคุณแล้ว ผมขึ้นไปรอที่ห้องนะ วันนี้เมื่อยอยากได้คนนวด” กฤษฎาส่งสายตาเจ้าเล่ห์แฝงด้วยความแวววาวเหมือนกวางหนุ่มที่กำลังรู้สึกคึกคัก ทำเอาฟ้ารุ่งต้องหลบตาเพราะความอาย

ตลอดทางที่นั่งรถกลับบ้าน มินรญากำลังลังตัดสินใจกับสิ่งที่เธอเห็นเมื่อช่วงหัวค่ำ เธอเห็นพราวพลอยเดินกอดเอวมากับเหมราช ดูท่าทางสนิสนมเกินกว่าเพื่อนของพี่ชายกับน้องสาวเพื่อน ถ้าความสนิทสนมนี้ไม่ได้ถูกปิดบัง ทำไมเธอไม่เคยเห็นเหมราชมาที่บ้านของภูวนนท์นานแล้ว และมีอะไรในตัวของเหมราชบางอย่างที่ทำให้มินรญารู้สึกไม่ไว้วางใจในตัวผู้ชายคนนี้

เมื่อถึงบ้านมินรญามองเห็นไฟชั้นล่างของบ้านภูวนนท์เปิดอยู่ เธอยืนครุ่นคิดตัดสินใจว่าจะไปพูดเรื่องนี้กับเขาดีไหม เพราะเธอไม่รู้จะปรึกษาใคร แต่ก็กลัวเขาจะไม่เชื่อที่เธอพูด เพราะอีกคนก็น้องสาวเขา อีกคนก็เพื่อนสนิท

“เอาวะไม่ลองไม่รู้” หญิงสาวรวบรวมความกล้าก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปบ้านภูวนนท์

“เอ้า!...จะไปไหนล่ะ น้องสาวคนใหม่”

ภูวนนท์ตะโกนตามหลัง เพราะเขาหันมาเห็นมินรญาที่เดินมาที่บ้านของเขาแล้วอยู่ดีๆ ก็หันหลังกลับไม่เข้ามา เขาจึงวิ่งตามหลังมา

“มาถึงที่นี่ แล้วอยู่ดีๆ ทำไมเปลี่ยนใจไม่เข้ามาล่ะ”

สองตาของภูวนนท์ไม่ได้มองสบตาคนที่เขากำลังคุยด้วยเลย แต่กลับมองสำรวจเรือนร่างของหญิงสาวตรงหน้า เพราะวันนี้ชุดที่เธอใส่เป็นชุดซีทรูเกือบทั้งตัว เผยให้เห็นผิวขาว และสัดส่วนที่ได้รูปไปหมด ยิ่งเจอแสงไฟสาดมากระทบ ยิ่งชวนมองยิ่งนัก

“ไว้วันหลังค่อยคุยกันก็ได้ค่ะ วันนี้คุณเมาแล้ว” ภาพชายหนุ่มกำลังนั่งดื่มอยู่คนเดียว บวกกับดวงตาที่แดงกร่ำ ก็เดาได้ไม่ยากว่าเขากำลังเมาได้ที่เลย

“ใครว่าผมเมา ไหนๆก็มาแล้ว ก็เข้ามาคุยเป็นเพื่อนกันหน่อย หรือรังเกลียดคนอย่างผม เดี๋ยวนี้เจ้าเหมก็ไม่ยอมมาเมาด้วย พราวพลอยป่านนี้ก็ยังไม่กลับบ้าน ส่วนคุณพ่อก็คงมีความสุขอยู่กับแม่ของคุณ ก็เหลือคุณคนเดียวที่น่าจะว่างมาดื่มเป็นเพื่อนคนไม่มีใครอย่างผม”

จากที่ตั้งใจจะเดินกลับบ้าน แต่เห็นท่าทางของคนชวน ที่ดูจะเหงาจริงๆ มินรญาก็อดสงสารไม่ได้ ถึงแม้ประโยคหลังเขาจะพาดพิงถึงแม่ของเธอก็ตาม แต่มันก็จริงอย่างที่เขาพุด บ่อยครั้งที่มินรญาเอง สะดุ้งตื่นกลางดึกและมองไม่เห็นแม่นอนอยู่ข้างๆ เธอก็พอจะเดาออกว่าแม่ของเธอไปไหน ความจริงแล้ว เธอก็รู้สึกเหงาไม่ต่างจากเขา เธอกลับมาเมืองไทยเพราะตั้งใจจะมาอยู่กับแม่แค่สองคน แต่เมื่อมาถึง เธอถึงเพิ่งรู้ความสัมพันธ์ของแม่เธอกับกฤษฎา แต่มันคือความสุขของแม่ คนเป็นลูกต้องยอมเข้าใจ

“อ่ะ...ดื่มด้วยกัน” ชายหนุ่มยื่นแก้วเหล้าส่งให้เธอ

หญิงสาวเอื้อมือไปรับแก้วเหล้ามาไว้ตรงหน้า ก่อนยกขึ้นดื่มแบบธรรมดา ทำเอาคนส่งให้มองด้วยความแปลกใจ เพราะคิดว่าเธอจะปฏิเสธ

“แปลกใจเหรอคะ ปกติตอนอยุ่ที่เมืองนอก ฉันก็ดื่มบ่อยค่ะ ที่นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่เมืองไทยคงไม่ใช่” ไม่รอให้คนตรงหน้าพูดหญิงสาวก็บอกเอง

“ไม่ใช่แค่เรื่องดื่ม เรื่องการแต่งตัวด้วย” ภูวนนท์มองชุดของมินรญาอย่างสำรวจก่อนพูดออกไป

“ถึงว่า วันนี้มีแต่คนมอง ฉันก็นึกว่าเขามองความสวยของฉัน ที่แท้ มองความวาบหวิวของชุดนี่เอง” มินรญาส่ายหัวให้กลับความไม่ทันสมัยของคนที่นี่

“ว่าแต่คุณมาที่นี่ มาแอบดูผมเหรอหรือมีเรื่องอะไรจะคุยกับผม อย่าบอกนะ....ว่าคุณกะจะใส่ชุดนี้มาปลุกอารมณ์เสืออกหัก ไม่มีทาง ผมชอบผู้หญิงเรียบร้อย แบบคุณนี่ต่อให้สวยแค่ไหนผมก็ไม่มอง”

“เหรอคะ แต่เท่าที่สังเกต ตั้งแต่ฉันเข้ามานั่งที่บ้านคุณ สายตาคุณยังไม่หยุดสำรวจทุกส่วนในตัวฉันเลยนะ แต่ช่างเถอะ ฉันไม่อยากเถียงกับคุณ จะมองไม่มองก็แล้วแต่คุณเถอะ” มินรญาตัดสินใจจะเข้าเรื่องเลยไม่อยากเสียเวลาเถียงกับเขาต่อ

“ผมรอฟังอยู่” มือกอดอกหลังพิงโซฟา ภูวนนท์ทำท่าตั้งใจฟังในสิ่งที่มินรญากำลังจะพูด

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status