บทที่5
ไร้หัวใจ
“ไปไหนมาทั้งคืนล่ะภู” เหมราชนั่งรอเขาอยู่ที่โต๊ะหน้าสนามบ้านหลังเล็ก
“นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่โทรมาก่อน” ภูวนนท์ไม่ตอบตรงคำถาม
“นายไปไหนมา ทุกคนเขาเป็นห่วง เขาโทรหากันไม่รู้กี่สายนายก็ไม่ยอมรับ พราวพลอยก็มานั่งรอนายที่นี่ตั้งแต่เช้า เพิ่งจะกลับเข้าไปบ้าน ไปดูพ่อนายเมื่อสักพักนี่เอง” เหมราชบ่นตามหลังเพื่อนซี้ที่เดินนำหน้าเข้าบ้าน
“นายรู้ไหมเหม เอยไม่มาสวดศพแม่เราเมื่อคืน ”
“เออ! รู้แล้ว ก็มองอยู่ว่าไม่เห็นเลย เรื่องแค่นี้ เอยอาจจะติดธุระสำคัญ หรือไม่แม่ของเอยก็คงไม่ยอมให้มา คิดมากไปไหม”
“พอสวดศพเสร็จ เราเลยขับรถไปหาเอยที่บ้าน แต่เราแวะซื้อของที่หน้าหมู่บ้านก่อน เราเจอเอยกับผู้ชายคนอื่น” พูดได้เพียงเท่านี้ ภูวนนท์ก็หยุดลง เสียงมันแหบลง หัวใจมันเต้นไม่เป็นจังหวะ
“เพื่อนกันมั้ง หรือไม่ก็ญาติๆของเอยหรือเปล่า” เหมราชยังมองทุกอย่างในแง่ดี
“เราเดินเข้าไปหา เอยแนะนำว่าผู้ชายคนนั้นคือแฟนเธอ และ...แนะนำว่าเราคือเพื่อนสนิท”
น้ำตาที่ก่อนหน้านี้พยายามจะเก็บมันไว้ไม่ให้เพื่อนได้เห็น แต่มันไม่ไหวแล้วจริงๆ สองมือหนาถูกยกขึ้นมาปิดหน้าเพราะกลัวน้ำตาจะออกมามากกว่านี้
“มันเป็นใครว่ะ นายคบกันยังไง ปล่อยให้ใครมาคว้าเอยไป นายนี่มันแย่จริงๆ”
“กูไม่รู้...” ภูวนนท์ตะคอกกลับใส่หน้าของเหมราช เพราะทั้งเสียใจและโมโห ที่เพื่อนเอาแต่ว่าเขา
“ขอตัวไปนอนก่อนนะ ง่วง” ภูวนนท์ขอตัวเดินขึ้นห้องเพราะไม่อยากต้องทะเลาะกับเพื่อน
เขาตั้งใจจะลืมเรื่องนี้ให้หมด แต่พอมาได้ยินคำพูดของเหมราช ทุกอย่างที่เขาพยายามจะลืมให้หมดก่อนหน้านี้กลับย้อนคืนมาหมด จนเขาเองเสียศูนย์ในความรู้สึก
จากที่ตั้งใจว่าจะขึ้นไปนอน คำพูดของเหมราชก็วิ่งเข้าในความคิด เพื่อนของเขาพูดถูก เขากับชิดจันทร์คบกันยังไง เขาถึงให้คนอื่นมาคว้าผู้หญิงของเขาไปได้ ตลอดเวลาเกือบสิบปี เขาไม่เคยเห็นชิดจันทร์จะสนใจผู้ชายคนไหน ภูวนนท์มั่นใจว่าตลอดเวลาที่คบกัน เขากับเธอรักกันมาก แต่แววตาที่เธอมองเขาเมื่อคืนดูว่างเปล่า เหมือนไม่เคยมีความรู้สึกที่ดีต่อกันเลย
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณ ผมทำอะไรผิดไป” หญิงสาวในรูปภาพบนหัวเตียงไม่ตอบคำถาม ได้แต่ส่งยิ้มหวานๆให้เขาเหมือนเช่นทุกวัน
ทุกอย่างยังคงค้างคาในความรู้สึกของคนที่คบกันมาเกือบสิบปี อยู่ดีๆก็โดนทิ้ง ไม่มีแม้แต่การบอกเลิก ไม่มีการทะเลาะ ไม่มีอะไรเป็นสัญญาณให้เขารู้ตัวว่าจะเปลี่ยนสถานะจากคนรักกลายเป็นเพื่อนเลย
ความอ่อนเพลียที่เกิดจากการไม่ได้นอนทั้งคืน สมองที่ล้าจากความเครียดความเสียใจ ทำให้ภูวนนท์เผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว มารู้สึกตัวอีกที เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู
“พี่ภูคะ พราวเอง” เสียงน้องสาวสุดที่รักของเขามายืนเรียกอยู่ที่หน้าห้องนอน
“จ้าๆ ” เพิ่งตื่นนอนชายหนุ่มเลยยังงงๆอยู่ กว่าจะพาตัวเองลุกไปเปิดประตูให้น้องสาวได้
“พราวเข้าไปนะคะ” พราวพลอยเดินนำพี่ชายเข้าไปในห้อง
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ภูวนนท์รู้สึกแปลกใจที่น้องสาวของเขาทำหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้
“แม่ก็ไม่อยู่กับพวกเราแล้ว เมื่อคืนที่ไม่กลับบ้าน พราวโทรไปก็ไม่ยอมรับ พี่รู้ไหมพราวกับพ่อหัวใจแทบจะสลาย กลัวว่าพี่จะเป็นอันตราย เมื่อเช้าพี่เหมเล่าให้น้องฟังเรื่องพี่เอย พี่ภูปล่อยเขาไปเถอะนะ เขาไม่ได้รักเรา พราวไม่อยากเห็นพี่เสียใจ พราวกลัวพี่เป็นอะไรไปอีกคน”
พราวพลอยโผเข้ากอดพี่ชายคนเดียวของเขาด้วยความรู้สึกที่กลัวอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเช้าหลังจากที่เหมราชได้รับรู้เรื่องราวต่างๆจากภูวนนท์ เขาก็เดินไปที่บ้านหลังใหญ่ บอกเล่าเรื่องราวให้พราวพลอยฟัง
“ร้องทำไม พี่ขอโทษ พี่เสียสติลืมคิดไปว่ายังมีคนที่เป็นห่วงและรักพี่อยู่”
ภาพของมินรญาที่กระโดดคว้าตัวเขา กลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง ถ้าไม่มีเธอ ป่านนี้เขาคงตัดสินใจทำอะไรที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตไป เขามัวแต่สนใจความรู้สึกของคนที่เขารัก มากกว่าคนที่รักเขา ถ้ามินรญาคว้าเขาไว้ไม่ทัน ป่านนี้พ่อกับพราวพลอยจะเป็นอย่างไร
“อาบน้ำ แต่ตัว ไปหาแม่กันค่ะพี่ภู”
เสียงประตูปิดลง ภูวนนท์รู้สึกผิดมาก ที่ตัวเขาเองเป็นพี่ชายแท้ๆ อายุห่างจากน้องสาวคนนี้ก็หลายปี แต่ในวันที่ครอบครัวกำลังมีปัญหา เขากลับไม่เป็นกำลังใจให้กับทุกคน แต่กลับทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง ถ้าแม่มองมาจากบนฟ้า คงผิดหวังกับลูกชายคนนี้
“เสียใจด้วยนะคะคุณกฤษฎา”
น้ำเสียงนุ่มแต่มีพลังของคุณนายโฉมเฉลา ที่เดินมาแสดงความเสียใจกับบิดาของภูวนนท์ หล่อนไม่ได้มาคนเดียว ลูกสาวคนสวยพร้อมว่าที่ลูกเขยเดินควงกันอยู่ด้านหลังของเธอ
“ขอบคุณมากนะ อภิรดีคงดีใจ ที่เห็นเพื่อนมาร่วมงาน” กฤษฎาทักทายด้วยเสียงสั่นเครือ
โฉมเฉลาและแม่ของภูวนนท์เป็นเพื่อนกันมาเมื่อสมัยสาวๆ แต่เริ่มมาห่างกันเมื่อทั้งคู่ต่างมีครอบครัว กฤษฎาเป็นสามีที่ค่อนข้างบังคับภรรยาให้ทำตามในสิ่งที่เขาต้องการ และเขาก็ต้องการให้อภิรดีเป็นแม่และเมียเท่านั้น เธอจึงแทบไม่มีโอกาสได้ออกไปสังคมกับเพื่อนๆ นานๆทีเพื่อนๆจะพากันมาสังสรรค์กันที่บ้านของเธอ จนยิ่งนานไป เพื่อนของเธอก็ลดน้อยลง และเรื่องนี้ก็ทำให้กฤษฎารู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้
“เพื่อนกัน ไม่มาได้ไง” น้ำเสียงที่แสนจะดูผู้ดี มันเหมือนกรีดลงในหัวใจของภูวนนท์ เพราะเขาคิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาและชิดจันทร์ แม่ของเธอน่าจะอยู่เบื้องหลัง
“เอย...ทำไมทำกับผมแบบนี้”
ในหัวใจของภูวนนท์ เพราะเขาคิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาและชิดจันทร์ แม่ของเธอน่าจะอยู่เบื้องหลัง“เอย...ทำไมทำกับผมแบบนี้”ภูวนนท์เดินตามอดีตแฟนสาวไปที่ห้องน้ำ เขารอโอกาสนี้มานาน เพราะเขาอยากรู้ความจริงทั้งหมด ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง“ภู เอ่อ...เอยขอโทษ” ชิดจันทร์สะดุ้งสุดตัว“มันเป็นใคร แม่คุณบังคับใช่ไหม คุณรักผมใช่ไหมเอย” ทั้งความโกรธและความเสียใจภูวนนท์เขย่าตัวชิดจันทร์อย่างแรง“ไม่มีใครบังคับเอยทั้งนั้น เอยรักเขา และเขาก็ทำให้เอยมีความสุข ภูจะให้เอยต้องทะเลาะกับแม่เพื่อมาแต่งงานกับภูเหรอ ถ้าเอยทำแบบนั้น ภูคิดว่าเอยจะมีความสุขใช่ไหม ปล่อยเอยไปเถอะนะ เอยขอร้อง”หญิงสาวยกมือไหว้ น้ำตาอาบแกล้ม เป็นภาพที่เห็นแล้วหดหู่ใจมาก ภูวนนท์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นผู้ชายที่เลวร้ายกำลังรังแกผู้หญิงตัวเล็กอย่างเกรี้ยวกราด“ขอให้ทุกอย่างเลิกแล้วต่อกันนะ” เสียงดังมาจากอีกฝากของห้องน้ำชาย“เรื่องของแฟนเขาจะคุยกัน มายุ่งอะไรด้วย” ภูวนนท์เดินไปหาเจ้าของเสียง“อย่าหลอกตัวเอง คุณควรยอมรับความเป็นจริง น้องเอยเขาเลือกผม ไม่ใช่คุณ”สิ้นเสียงคนพูด หมัดของภูวนนท์ประทับลงบนหน้าเข้มของคนรักใหม่ของชิดจันท์
“ยอมเหรอ เรามีสิทธิ์ที่จะไม่ยอมด้วยเหรอ เขาตัดความสัมพันธ์แบบไม่เยื่อใยขนาดนั้น” เขามองไม่เห็นทาง“นายเป็นแฟนกับชิดจันทร์มาเกือบสิบปี ทำไมนายจะไม่มีสิทธิ์ ไอ้หน้าตี๋คนนั้น มันเป็นใครมาจากไหนเราก็ไม่รู้ แม่ของเอยอาจเอามันมาเพื่อทำให้นายกับเอยเลิกกันก็ได้”“นายคิดแบบนั้นจริงๆเหรอ”ใจส่วนลึกเขาก็ไม่ต้องการที่จะยอมง่ายๆอยู่แล้ว แต่แค่คิดว่าเขาไม่มีสิทธ์ เมื่อได้ยินเพื่อนพูดแบบนี้ ภูวนนท์เริ่มรู้สึกอยากแย่งชิงคนรักของเขากลับมา“จริงสิ นายมีสิทธิ์เต็มตัว รอให้งานแม่ของนายเสร็จก่อน แล้วเดินหน้าทวงคืนให้ได้” เหมราชตบไหล่อย่างสนับสนุน“เออ...”เลือดความเป็นชายมันวิ่งซู่ไปทั้งร่างกาย ถ้าไม่ติดพรุ่งนี้เป็นวันที่เขาต้องส่งดวงวิญญาณของมารดาขึ้นสู่สรวงสวรรค์ คืนนี้คงมีการลุยกันเกิดขึ้น“เป็นอะไรคะ เห็นขยับหลังหลายทีแล้ว” ตลอดทางที่ขับรถกลับจากวัด ฟ้ารุ่งสังเกตเจ้านายของเธอขยับหลังตลอดเวลา“มันปวดอย่างไรไม่รู้ สงสัยจะยกของผิดท่า ไม่ได้ทำงานหนักเสียนาน ” สีหน้าบอกถึงความปวด“เดี๋ยวคุณอาบน้ำแล้วฉันจะเอายาไปนวดให้”“หึ! คุณนวดเป็นเหรอ” กฤษฎาทำสีหน้าไม่เชื่อใจ“ตอนที่ฉันยังไม่ได้เลิกกับสามีชาวต่างชาติ ฉ
บทที่6ต่างคนต่างความรู้สึก“ทุกอย่างในคืนนี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง ฉันจะลืมทุกอย่างค่ะ” ฟ้ารุ่งไม่ต้องการจะใช้ร่างกายในการผูกมัดให้เขาต้องรับผิดชอบเธอ“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจริง และมันเกิดขึ้นเพราะความตั้งใจ อย่าคิดมาก เสร็จงานอภิรดีเมื่อไหร่ ผมจะจัดการเรื่องของเรา” กฤษฎาหันมากอดภรรยาคนใหม่ที่นอนเอียงข้างมองหน้าเขาอยู่สำหรับกฤษฎาแล้ว เขารู้สึกแบบที่พูดจริงๆ ตั้งแต่ที่เขาได้เจอกับฟ้ารุ่งวันแรก เธอก็มีอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เขารู้สึกอยากอยู่ใกล้ พอเขาตัดสินใจ รับเธอเข้ามาดูแลอภิรดี ยิ่งสร้างความผูกพันให้เขาถึงจะรู้สึกพอใจใจตัวสาวใช้คนใหม่มากแค่ไหน กฤษฎาก็ไม่เคยคิดจะยุ่งกับเธอฉันชู้สาว จนไม่กี่วันนี้ก่อนที่อภิรดีจะจากไป เธอเหมือนมองความรู้สึกของสามีออก เธอเปิดทางให้สามีหาคนมาดูแล แทนเธอหลังจากที่เธอจากไป และวันนี้กฤษฎาก็หาคนดูแลเจอแล้วงานเสร็จสิ้นไปอย่างเรียบร้อย ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงต่างพากันมาส่งดวงวิญญาณของอภิรดี พราวพลอยร้องไห้จนแทบจะสิ้นสติ เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองมีโอกาสได้ดุแลใกล้ชิดแม่น้อยที่สุด บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ถึงแม้ทุกคนจะเตรียมใจไว้ตั้งแต่ที่รู้ข่าวอาการป่วย แต่เ
“แล้วคุณจะให้พบแอบซ่อนๆกับความรู้สึกตัวเองแบบนี้ไปนานเท่าไหร่”“เมื่อถึงเวลาที่ดีกว่านี้ค่ะ” ฟ้ารุ่งตอบตามที่เธอคิด เพราะตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าเวลานั้นคือเมื่อไหร่ รู้แค่เพียงไม่ใช่เวลานี้ ตอนนี้“คุณคะ...ฉันจะขอคุณออกไปอยู่กับลูกสาว เธอกำลังเดินทางกลับมาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวร ฉันจะพยายามหาเงินมาใช้ในส่วนที่เหลือให้หมด ฉันไม่หนีหายไปแน่ๆค่ะ” ฟ้ารุ่งรอที่จะพูดเรื่องนี้กับกฤษฎามาหลายวัน พอมาเกิดเรื่องเมื่อคืน เธอเลยตัดสินใจที่ต้องพูดเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด“ผมไม่อนุญาต คุณไปแล้วผมล่ะ ใครจะดูแลผม” กฤษฎาเหยียบเบรกรถทันที“ลูกๆคุณ คุณยังมีลูก แต่ทั้งชีวิตของฉันมีแค่ลูกสาวเพียงคนเดียว ฉันทำผิดกับลูกมามาก ฉันขอใช้เวลาที่เหลือดูแลมินรญาให้ดีที่สุด เท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ คุณเข้าใจฉันนะ”ฟ้ารุ่งเข้าใจว่าลูกสาวของเธอยังไม่ได้เดนทางมาจากต่างประเทศ เพราะมินรญาเองไม่ได้บอกกำหนดการจริงในการเดินทาง เธออยากท่องเที่ยวให้ทั่วก่อน เพราะสังคมของที่นี่ คงดูไม่ดีถ้าลูกสาวออกไปเที่ยวกลางคืนทุกคืน“ลูกคุณจะมาถึงเมื่อไหร่” กฤษฎาอยากรู้ว่าเขายังมีเวลาที่จะเหนี่ยวรั้งเธอได้นานแค่ไหน“อาทิตย์หน้าค่ะ”“ทำไมคุณเพิ่
ก๊อกๆ“ใครนั่น” กฤษฎาแปลกใจที่ใครมาเคาะประตูในเวลาดึกแบบนี้“ผมเอง”“เข้ามาสิลูก” กฤษฎาตกใจที่ลูกชายของเขาเข้ามาเคาะประตูหลังจากเข้าเพิ่งเสร็จภารกิจรักได้ไม่นาน แต่ก็พยายามเก็บกักความรู้สึกไว้“พ่อยังไม่นอนเหรอ ทำอะไร ดึกขนาดนี้” เป็นคำถามที่ภูวนนท์ไม่เคยใช้กับบิดา สีหน้าแววตาที่แสดงออกถึงความโกรธได้ชัดเจน“มีอะไรก็พูดกับพ่อมาตรงๆ เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน และ...เราคือครอบครัวเดียวกัน” กฤษฎาทนไม่ไว้แล้ว ทีจะปิดกั้นความรู้สึกเอาไว้ เขาเป็นพ่อ เขาไม่จำเป็นต้องกลัวลูกชายขนาดนั้น“ครอบครัวเดียวกัน ที่หมายถึงน้าฟ้ารุ่งด้วยใช่ไหมครับ พ่อทำไมทำกับแม่แบบนี้ แม่เพิ่งเผาเสร็จ พ่อก็เอาผู้หญิงไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามานอนทับที่ของแม่ พ่อมันเห็นแก่ตัว”หมัดของผู้เป็นพ่อถูกสาวลงที่แกล้มของลูกชาย อย่างที่สุดหัวใจจะรั้งไว้ กฤษฎาเจ็บปวดกับประโยคหลังสุด จนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้“การที่ฉันจะมีใครสักคน มาคอยดูแลในแบบที่ผู้หญิงกับผู้ชายเขาทำกัน ทั้งที่ตอนนี้แม่เขาก็ไม่อยู่แล้ว มันเห็นแก่ตัวมากใช่ไหม ตั้งแต่ฉันแต่งงานกับแม่ของแกมา ไม่มีสักครั้งที่ฉันจะมีคนอื่นให้แม่แกช้ำใจ แม่แก่ป่วยเขาบอกให้ฉันไปหาเศษหาเลยน
เจอกัน...อีกครั้ง “คุณคะ เย็นนี้ลูกสาวฉันจะมาถึงค่ะ” ฟ้ารุ่งตัดสินใจบอกเจ้านาย เธอสองจิตสองใจไม่รู้ว่ามันควรบอกไหม แต่คืนนี้เธอคงต้องให้มินรญานอนที่นี่ก่อน เพราะเขาเป็นเจ้าของบ้าน เธอเลยตัดสินใจบอก “กี่โมงล่ะ เดี๋ยวเราไปรับที่สนามบินกัน” “ลูกบอกจะมาที่นี่เองค่ะ ไม่ได้บอกเวลาที่เครื่องลง บอกแต่เพียงว่า จะมาถึงที่นี่ไม่เกินหกโมงเย็น” มินรญาไม่ได้บอกความจริงกับมารดา ว่าเธอมาถึงที่นี่หลายวันแล้ว เพราะกลัวจะโดนต่อว่าที่ไม่ยอมเข้ามาหาแม่ อีกทั้งตัวมินรญาเองก็จากเมืองไทยไปนาน ถ้ามารดารู้คงมีแต่ความเป็นห่วง “ฉันจะขออนุญาตให้ลูกสาวได้มาที่นี่สักสองสามคืนนะคะ” “ไม่ใช่แค่สองสามคืน ตลอดไปก็ได้” กฤษฎาลุกขึ้นจากโซฟาหน้าบ้าน วางหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือ และเอื้อมือมาโอบไหล่ของภรรยาคนใหม่ของเขา “อย่าเลยค่ะ แค่นี้คุณนนท์ก็รู้สึกไม่ดีแล้ว คุณพราวก็ไม่รู้ว่ารู้เรื่องหรือยัง ฉันไม่อยากทำให้ครอบครัวคุณต้องมีปัญหา” ฟ้ารุ่งเข้าใจความรู้สึกของลูกๆของกฤษฎาและตัวเธอเองก็ต้องการออกไปใช้ชีวิตกับลูกสาวของเธอแค่สองคน “ทุ
“สองคนนี้รู้จักกันมาก่อนเหรอคะ” พราวพลอยถาม “ใช่ค่ะ” มินรญาตอบตามความจริง “ไม่ ผมไม่เคยรู้จักคุณ” ภูวนนท์ปดคำโต “ตกลงมันอย่างไรกันคะ พราวงงไปหมดแล้ว” “ตกลงมันอย่างไรเจ้านนท์” กฤษฎาลุกยืนและหันหน้าไปคาดคั้นเอาคำตอบจากลูกชาย “ไม่รู้จักค่ะ มิ้นคงจำคนผิด คนที่มิ้นรู้จัก รูปร่างหน้าตาเหมือนลูกชายของคุณลุงมาก แต่ต่างตรงที่เขาดูเป็นลูกผู้ชายมากกว่านี้ มิ้นคงเพิ่งลงจากเครื่องสายตาเลยฝ้าฟางไปหน่อยค่ะ” ทุกคนมองดูท่าทางของคนทั้งคู่ ต่างก็ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ทั้งคู่พูดตอนนี้ แต่ถ้ายิ่งคาดคั้นไปสถานการณ์อาจจะยิ่งแย่ลง “ขอโทษนะคะ ที่คุณพูดจาดูแคลนแม่ฉันแบบนั้น คุณคงจะเข้าใจอะไรผิด รบกวนใช้หูทั้งสองข้างของคุณ ฟังในสิ่งที่เป็นความจริงหน่อย ที่ฉันกับแม่ยังอยู่ที่นี่ เพราะพ่อของคุณขอร้องไว้ ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้อยากอยู่นักหรอก แต่เห็นกับบุญคุณที่พ่อของคุณช่วยเหลือแม่ฉันไว้ เลยทำให้ท่านสบายใจ เมื่อรู้แล้ว กรุณาใช้กิริยาที่ดีกว่านี้ กับคนที่อายุคราวแม่ของคุณ” บรรยากาศดูตรึงเครียด สถานการณ์ไม่สู้ดี พราวพลอยมองสบ
“พ่อของลูก เขารักลูกมากนะ อย่าทำให้พ่อเขาผิดหวัง” การหย่าร้างทำให้สถานะความเป็นสามีภรรยาขาดลง แต่ความเป็นพ่อและแม่จะคงอยู่ตลอดไป เพราะฟ้ารุ่งรู้ว่าอิมรานรักมินรญามากแค่ไหน เธอถึงได้ยอมตัดสินใจส่งลูกสาวคนเดียวที่เธอทั้งรักทั้งห่วง ให้ไปอยู่ไกลถึงอังกฤษ ไม่มีทางที่คนเป็นพ่ออย่างอิมรานจะยอมให้ลูกของเขาต้องลำบาก “มิ้นก็รักพ่อกับแม่มากค่ะ” มินรญาเอนตัวลงนอนหนุนตักมารดา ก่อนหลับไปอย่างไม่รู้ตัว “คุณคะ ขอฉันเข้าไปคุยอะไรด้วยหน่อย” ฟ้ารุ่งเดินขึ้นมาหากฤษฎาที่ห้องนอน “ผมคิดว่าคุณจะไม่มาหาผมเสียแล้ว” ประตูถูกเปิดคนข้างในเอื้อมมือมาดึงมือหญิงวัยใกล้เคียงกับเขา ให้เข้าไปข้างใน ห้องนอนของพราวพลอยอยู่ไม่ไกลจากห้องของบิดา มีแค่เพียงห้องทำงานและห้องน้ำคั่นไว้ เสียงเคาะประตูของฟ้ารุ่ง ทำให้เธอลุกขึ้นมาดู จนเห็นภาพที่ฟ้ารุ่งเดินเข้าห้องบิดาของเธอไป พราวพลอยตัดสินใจที่จะแอบฟังคนทั้งคู่คุยกัน เพราะเธอเองก็ยังไม่ไว้ใจในตัวของแม่เลี้ยงคนใหม่นี้สักเท่าไหร่ “คิดถึงผมเหรอ” สองมือลูบหน้าลูบผมด้วยความคิดถึงแบบชายวันดึก “ไม่ใช่หร