Share

สูญเสีย(3)

“ไม่ได้มาหลายปี เปลี่ยนไปหมด”

มินรญาเดินทางมาเมืองไทย โดยที่ไม่ยอมส่งข่าวบอกมารดาล่วงหน้า เขากะไว้ว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยเข้าไปหาแม่ ที่บ้านที่มารดาของเธอเคยให้ที่อยู่ไว้ คืนนี้หญิงสาวเลยออกมาเดินเล่นที่สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อยู่ใกล้กับโรงแรมที่เธอพัก แต่สายตาก็เธอก็ไปสะดุดกับภาพของผู้ชายตรงหน้า

“นี่คุณจะทำอะไร”

มินรญากระโดดคว้าตัวชายหนุ่มที่กำลังจะกระโดดลงจากสะพานด้วยความตกใจ เธอไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอกระโดดคว้าตัวเขา แต่เธอรู้แค่ว่าเธอต้องทำ

“ปล่อย บอกให้ปล่อย” ภูวนนท์ตะโกนใส่หน้าคนที่กระโดดคว้าเขา

“ผู้ชายอะไรว่ะ ขี้แพ้ชะมัด เสียแรงเกิดเป็นคน มีเรื่องอะไรถึงกับจะต้องฆ่าตัวตาย” มินรญาก็ตะโกนใส่หน้ากลับไปด้วยเสียงที่ดังกว่า

“แล้วมายุ่งอะไรด้วย ปล่อย โดดลงไปจะได้ตายๆซะ” ถึงจะดิ้นแค่ไหนแต่หญิงสาวก็กอดเขาไว้แน่นเหมือนกัน

“เอาสิ ถ้าคุณโดด ฉันก็โดด จะให้มาปล่อยให้คนตายไปต่อหน้าทำไม่ได้หรอก เอาโดดเลย จะได้ตายกันทั้งคู่” มินรญาเปลี่ยนจากห้ามเป็นทำท่าจะกระโดดตาม

“บ้า! เธอมันบ้า” ภูวนนท์ค่อยๆนั่งลงหลังพิงสะพาน

“จะบ้าไปแล้วไง จะมาตายอะไรกับผม รู้จักกันหรือก็เปล่า” ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวอย่างงงๆ

“ไม่จำเป็นต้องรู้จักหรอก ตัวก็โต หน้าตาก็ดี แต่ทำไมไม่มีสมอง มีปัญหาอะไรมากมาย จนถึงขั้นต้องตายเลยเหรอ ตายไปแล้วทุกอย่างมันดีขึ้นใช่ไหม”

สายตาที่ดุเอาจริงเอาจังของหญิงสาวผมยาวในตาคมผิวขาวดุจสำลี ทำเอาชายหนุ่มอย่างภูวนนท์แทบไม่อยากละสายตา

“คุณไม่มาเป็นผม คุณไม่รู้หรอก การสูญเสียมันเจ็บปวดแค่ไหน”

“ทำไมจะไม่รู้ มีใครบ้างในโลกใบนี้ ที่เกิดมาไม่เคยเจอกับความสูญเสีย อย่ามองแต่แค่ตัวเองสิ”

“วันนี้ผมเสียทั้งแม่ เสียทั้งแฟน แม่จากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ ส่วนคนที่ผมรัก เขาก็ทิ้งผมไปมีคนอื่น ในวันที่ผมต้องการกำลังใจ” ภูวนนท์เงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดครึ้มอย่างเจ็บปวด

“คุณก็เลยเลือกที่จะทิ้งคนที่รักคุณ โดยที่คุณไม่คิดว่าพวกเขาจะเสียใจ เหมือนที่คุณกำลังรู้สึกอยู่เหรอ” มินรญายื่นหน้ามาตะคอกใส่ชายหนุ่มที่ทำท่าทางเหมือนกำลังลอยอยู่ในอากาศ เพื่อเรียกสติเขากลับมา

“มันก็จริงอย่างที่คุณพูดนะ ผมนี่โง่จริงๆเลย ขอบคุณนะ ที่ช่วยชีวิตผมไว้ ผมภูวนนท์” ชายหนุ่มแนะนำตัว หลังจากที่เริ่มตั้งสติได้

“ฉันมินรญา ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” หญิงสาวยื่นมือให้ชายหนุ่มแทนการทักทาย

“ผมนึกว่าคุณเป็นลูกครึ่งเสียอีก หน้าตาคล้ายฝรั่ง สำเนียงคุณฟังดูแปลกๆ” ภูวนนท์มองหน้าเพื่อนใหม่อย่างสงสัย

“ถูกแล้วฉันเป็นลูกครึ่ง เพิ่งกลับมาจากอังกฤษวันนี้เอง ภาษาไทยเลยไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่”

มินรญาอยู่ที่ต่างประเทศ เธอจะใช้ภาษาไทยเฉพาะกับนาธานและพ่อของเธอเท่านั้น นานๆครั้งเธอถึงจะพูดภาษาไทยกับแคโรลีน สำเนียงจึงเพี้ยนๆไปบ้าง แต่ก็พอฟังรู้เรื่อง

“เฮ้ย!ฝนตก” ท้องฟ้าที่มืดครึ้มส่งสายฝนมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ภูวนนท์รีบลุกจูงมือหญิงสาววิ่งไปที่รถของเขา ที่จอดอยู่ใกล้ๆสะพาน ฝนที่ตกมาอย่างหนัก ทำเอามินรญาลื่นดีที่เพื่อนใหม่ที่ตามมาข้างหลัง รับตัวเธอไว้ทัน

“เปียกหมดเลย” ถึงแม้รถจะอยู่ไม่ไกล แต่ฝนที่ตกลงมาแรงก็ทำเอาทั้งคู่เปียกไปทั้งตัว จนมินรญาต้องกอดอกเพราะความหนาว

“ใส่เสื้อผมก่อน” ชายหนุ่มหยิบเสื้อสูทสีดำตัวใหญ่ของเขา ยื่นให้หญิงสาวที่กำลังตัวสั่นเพราะความหนาว

ความจริงแล้ว ที่พักของมินรญาไม่ได้อยู่ไกลจากสะพานมากนัก แต่หญิงสาวกลัวว่า ถ้าปล่อยให้ชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกันอยู่คนเดียว เขาอาจตัดสินใจคิดสั้นอีก และถ้าเป็นอย่างนั้น เธอคงไม่ให้อภัยตัวเอง

“คุณจะไปไหน” มินรญาถามเพราะตัวเธอเองก็ไม่รู้จักที่นี่เลย

“ขับไปเรื่อยๆ ดูผู้คนข้างทาง อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกว่าอยู่คนเดียว”

ยิ่งได้ยินคนข้างๆพูดแบบนี้ มินรญายิ่งไม่กล้าทิ้งให้เขาอยู่คนเดียว อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว เขาคงมีจิตใจดีขึ้น เมื่อดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า หญิงสาวภาวนาให้ทุกอย่างเป็นเช่นนั้น

“เช้าแล้ว ผมไปส่งคุณที่โรงแรมนะ แล้วเราจะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหม มินรญา” ภูวนนท์รู้สึกใจหายที่ต้องมาส่งหญิงสาว เพราะคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก

“ถ้าเรามีกรรมร่วมกัน เราคงได้เจอกันอีกค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณภูวนนท์”

 มินรญาเธอตั้งใจไว้แต่แรก ว่าจะหยุดความสัมพันธ์ไว้แค่คนแปลกหน้าที่เคยรู้จักกัน เพราะตัวเธอเองเพิ่งกลับมาเมืองไทย ยังไม่อยากไว้ใจใครมาก และเธอก็มาเพื่อดูแลมารดา สิ่งอื่นคงยังไม่สำคัญ

“คุณทำให้ผม รู้สึกเหมือนสูญเสียอีกแล้ว” รถจอดหน้าโรงแรมเขาพูดอ้อนวอนเธออีกครั้ง

“คุณไม่ได้สูญเสียอะไร แต่คุณได้มิตรภาพเพิ่ม ถึงแม้เราอาจจะไม่ได้เจอกันอีก แต่ครั้งหนึ่งเราคือมิตรภาพที่ดีและมีค่าที่สุด รักษาหัวใจตัวเองให้ดีที่สุดนะคะ สักวันเราอาจได้เจอกัน”

ภูวนนท์เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนสาวแปลกหน้าของเขาตัดสินใจ การพูดคุยเพียงชั่วข้ามคืนอาจสร้างความรู้สึกดีๆให้เขา แต่นั่นอาจเป็นเพราะไม่ได้รับรู้ทุกด้านของเธอ และเธอก็ยังไม่รู้จักทุกด้านของเขา วันนี้เขาไม่ได้สูญเสีย แต่เขาได้ความสุขเพิ่มเข้ามาต่างหาก

“สักวันเราจะได้เจอกันอีก มินรญา” ภูวนนท์พูดกับกระจกมองหลังที่มีภาพของมินรญายืนโบกมืออยู่หน้าโรงแรม

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status