ระหว่างทางกลับบ้าน กฤษฎารู้สึกจิตใจเขาไม่ปกติสุขเลย หรือเขาจะหลงเสน่ห์ของฟ้ารุ่งเข้าให้แล้ว อีกทั้งตัวเขาเองก็ห่างหายจากการใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากับอภิรดีมาเกือบสองปีแล้วตั้งแต่รู้ว่าเธอเริ่มป่วย แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะนอกใจภรรยา แต่ครั้งนี้ทำไมหัวใจเขามันเต้นผิดจังหวะเขาได้แต่บอกกับตัวเองว่าเดี๋ยวเขากลับถึงบ้านก็คงหาย
“เอ้า! พี่ขอโทษไม่ได้ยินเสียงคุณกดกริ่งเรียก” กฤษฎานั่งเหม่อใจลอย จนไม่ได้ยินอภิรดีเรียกเพราะอยากพลิกตัว เริ่มเมื่อยกับการนอนท่าเดิม
“คุณผู้ชายหนูเดินทางแล้วนะคะ” สาวใช้มาลาเพื่อเดินทางกลับบ้านตามที่ได้บอกตั้งแต่ช่วงเช้า เพราะแม่ล้มป่วยกะทันหัน เขาจึงให้เงินพิเศษไปไว้เพื่อรักษาแม่ และเขาคิดออกแล้วว่าจะหางานให้ฟ้ารุ่งได้ที่ไหน
“สวัสดีครับ ผมหางานให้คุณทำได้แล้วนะ” กฤษฎาโทรศัพท์หาฟ้ารุ่งทันที เขาบอกเล่าเรื่องราวต่างเกี่ยวกับงานที่เขาต้องการให้เธอมาทำ เงินเดือนที่ให้เป็นค่าตอบแทน ฟ้ารุ่งคงหาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว
“ขอบคุณมากสำหรับงานใหม่และเงินเดือนที่สูงมาก เริ่มงานเมื่อไหร่ดีคะ”
การเป็นหนี้ไม่ทำให้ชีวิตของฟ้ารุ่งมีความสุข โดยเฉพาะเจ้าหนี้ที่ใจดีมีน้ำใจแบบผู้ชายคนนี้ เธอจึงอยากหาเงินมาใช้ให้เร็วที่สุด
“พรุ่งนี้สะดวกไหมครับ”
การย้ายเข้าไปอยู่บ้านวชิรชโลธรของผู้หญิงวัยกลางคนเป็นเรื่องที่เธอต้องปรับตัวเอง ในหลายๆเรื่อง ความอิสระที่เคยมีต้องกลายมาเป็นความรับผิดชอบ ทำงานให้คุ้มกับเงินเดือนที่แสนแพงที่เจ้านายใจดียอมจ่ายให้
กฤษฎาบอกเล่าถึงการต้องกลับบ้านโดยเร่งด่วนของสาวใช้ และแนะนำถึงคนใหม่ที่จะมาแทนแต่เงินเดือนที่ตกลงกับฟ้ารุ่งกฤษฎาไม่ได้บอกความจริงแก่ลูกชายและภรรยา เพราะเขารู้ว่ามันมากเกินไป จึงคิดที่จะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง
ห้องนอนบริเวณหลังบ้านติดกับครัว ถูกทำความสะอาดเพื่อเตรียมรับคนมาอยู่ใหม่ ความจริงแล้วกฤษฎาแทบจะไม่รู้จักข้อมูลอะไรในตัวฟ้ารุ่งสักนิด แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง ว่าทำไมถึงได้ไว้เนื้อเชื่อใจยอมให้มาดูแลภรรยาของเขา ทั้งที่พยาบาลเก่งๆก็มีมากมาย จะว่าเป็นเพราะเขาต้องการเงินคืนจากฟ้ารุ่งโดยเร็วไวเขาก็ไม่ได้ต้องการเช่นนั้น
“เขาชื่อฟ้ารุ่งใช่ไหมคะคุณ”
อภิรดีถามสามีหลังจากที่ภูวนนท์ขอตัวไปอาบน้ำ หล่อนมีสงสัยอยู่บ้างว่าเพราะอะไรสามีจึงเลือกฟ้ารุ่ง แต่เพราะความเหนื่อยที่เกิดจากอาการของโรคที่หล่อนป่วยอยู่และความเชื่อใจที่มีให้สามีจึงเลือกที่จะไม่สงสัยและไม่ถาม
“สวัสดีค่ะคุณอภิรดี ดิฉันฟ้ารุ่งค่ะ” ผู้มาใหม่แนะนำตัวกับคุณผู้หญิงของบ้าน ความสวยของฟ้ารุ่งทำให้คนป่วยแอบอยู่อยู่ในใจ สามีของหล่อนช่างคัดเลือกคนดูแลหล่อนได้สวยจริงๆ
วันแรกของการก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านวชิรชโลธร ก้าวแรกของการทำงาน ตั้งแต่เลิกรากับสามีที่เป็นพ่อของลูก ฟ้ารุ่งมีเงินเดือนในส่วนที่เขาจ่ายให้เป็นค่าเลี้ยงดู ลูกสาวของเธอก็ส่งเงินมาให้เธอใช้ทุกเดือน อีกจะค่านายหน้าขายที่ดิน ที่เธอก็ได้มาเรื่อยๆ เธอจึงไม่เคยต้องทำงานเป็นเรื่องเป็นราว แต่เพราะความลุ่มหลงในการพนันทำให้เธอต้องมาลำบากหางานทำ เพราะไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นหนี้ใคร
“อยู่ได้ไหม”
กฤษฎาเดินมาดูความเรียบร้อยของผู้มาอยู่ใหม่ ห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้พออยู่ได้สำหรับฟ้ารุ่งแต่ติดที่มันไม่มีเครื่องปรับอากาศ แต่หล่อนจะรียกร้องอะไรได้แค่เขาหางานให้ทำก็มีพระคุณไหนจะเรื่องเงินที่ช่วยเขาจากพวกนักเลงอีก
เวลานี้เป็นเวลาที่อภิรดีนอนหลับ กฤษฎาจึงเลือกที่จะมาพูดคุยสอบถามข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับตัวของฟ้ารุ่ง เพราะเมื่อเขาพาเธอเข้ามาอยู่ในบ้านเดียวกัน เขาควรรู้จักเธอให้มากกว่านี้
“คุณเป็นใคร มาจากไหน ชีวิตเป็นอย่างไร เล่าให้ผมฟังบ้างสิ ในฐานะนายจ้างผมควรรู้จักคุณให้มากกว่านี้”
เจ้าของบ้านสอบถามข้อมูลอย่างละเอียด เพราะการเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน การที่เขารู้ข้อมูลตัวเธอน้อยเกินไปจะนำมาซึ่งความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ
ฟ้ารุ่งเธอบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตของเธอ เธอเติบโตมาในครอบครัวข้าราชการ พ่อกับแม่ของเธอเสียชีวิตไปหมดแล้ว เธอแต่งงานกับอิมราน ลูกครึ่งปากีสถาน ฝรั่งเศส มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ชื่อมินรญา หลังจากแยกทางกลับสามีเธอก็ส่งลูกให้ไปเรียนโรงเรียนประจำ และตอนนี้ลูกสาวของเธอก็อาศัยอยู่ที่ฝรั่งเศสกับครอบครัวใหม่ของบิดา
จากคำบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของฟ้ารุ่ง เธอหน้าจะเหมาะเป็นคุณนายแต่งตัวสวยๆนั่งอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ๆ แต่ทำไมกลับมาถูกนักเลงประจำบ่อนรุมซ้อมเพราะเธอไปติดหนี้จำนวนมาก
“คุณคงสมเพชตัวดิฉันใช่ไหมคะ การพนันเปลี่ยนชีวิตของฉันให้ตกลงต่ำอย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ”
ฟ้ารุ่งเล่าไปก็ได้ทบทวนตัวเองไปพร้อมๆกัน เธอมาถึงจุดที่ชีวิตเป็นแบบนี้ เพราะเวลาที่มีมากมายสำหรับคนว่างงาน ที่มีทั้งเงินจากอดีตสามีและลูกสาว บางครั้งบางคราวก็มีรายได้ก้อนโตจากการเป็นนายหน้า เธอจึงหันหน้าเข้าหาบ่อน เพราะมีคนแนะนำว่ามันจะทำให้เธอสนุกหายเหงา และเผลอๆ อาจจะโชคดีรวยหากดวงเป็นของเธอ แรกๆ ชีวิตในบ่อนของเธอมีแต่ความสุขเล่นได้บ้างเสียบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็นหนี้สิน แต่ในช่วงหลังเธอแทงหนักมากขึ้น ยิ่งเสียยิ่งทุ่มเงินหวังได้คืน กลายเป็นยิ่งถมเงินลงไปจนในที่สุดหนี้ก่อนแรกก็เกิดขึ้น ก้อนสอง ก้อนสามเริ่มตามมา จนกลายเป็นหลายล้านอย่างที่กฤษฎาได้รู้
การบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของฟ้ารุ่ง ทำให้กฤษฎารู้สึกโชคดีที่เขาไม่หลุดเข้าไปในวงจรของการพนันมากกว่านี้ เขาต้องขอบคุณเหตุการณ์วันนั้นที่ทำให้เขาได้สติและกลับมาเป็นสามีและพ่อที่ดีของคนในครอบครัว
ยิ้มเด็กสาวรับใช้ที่เหลือเพียงคนเดียวของบ้าน บอกถึงรายละเอียดของสิ่งที่ฟ้ารุ่งต้องทำในบ้านหลังนี้ หน้าที่หลักของฟ้ารุ่งคือทำอาหารในตอนเช้าและเย็น ดูแลพลิกตัวคุณอภิรดีทุกๆครึ่งชั่วโมงในส่วนของเรื่องนี้พยาบาลจะสอนวิธีการทำอีกที ในช่วงบ่ายหน้าที่การเฝ้าคุณผู้หญิงของบ้านฟ้ารุ่งต้องรับหน้าที่ต่อจากพยาบาลที่จะมาอยู่ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงเที่ยง ส่วนช่วงเย็นไปแล้วเป็นหน้าที่ของสามีและลูกที่จะดูแลต่อจากเธอเอง
ฟ้ารุ่งรู้สึกตัวเองมีค่าตัวที่สูงมากหลังจากได้รับรู้หน้าที่ และนำมาเทียบกับค่าตอบแทนที่เธอได้ หน้าที่ทำกับข้าวเป็นงานที่เธอถนัดมาก แต่ระยะหลังเธอก็ไม่ได้เข้าครัวนานแล้วเพราะใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง จึงเลือกที่จะกินอยู่อย่างง่ายๆเอาพยาบาลเรียกตัวเธอไปสอนวิธีการดูแลคนป่วย ฟ้ารุ่งเธอมีมารดาเป็นพยาบาลจึงไม่ยากที่เรียนรู้ และเธอก็ยินดีที่จะได้ดูแลภรรยาของคนที่มีพระคุณกับเธอเมนูอาหารมื้อแรกที่แม่ครัวคนใหม่เลือกที่จะทำ ก็เกิดจากการสอบถามจากยิ้มสาวใช้ของบ้านถึงเมนูโปรดของคนในบ้าน“หนูทำกับข้าวไม่ได้เรื่องเลย โดนคุณภูบ่นประจำ ฝากน้าด้วยนะคะ” ยังโชคดีอยู่บ้างที่เธอถูกเรียกว่าน้านึกว่าจะกลายเป็นป้าซะแล้วฟ้ารุ่งยิ้มในใจ“แม่ครัวคนใหม่ของคุณพ่อฝีมือใช้ได้เลยนะครับ” ภูวนนท์กินอาหารจนเกลี้ยงจานเพราะถูกปากกับรสมือของแม่ครัวคนใหม่“เมื่อเย็นแม่ของลูกกินข้าวต้มได้เกือบหมดถ้วยเลย” ปกติอภิรดีจะกินข้าวเย็นเพียงไม่กี่คำ เพราะหล่อนไม่ชอบกินข้าวต้ม แต่ด้วยรสชาติที่ถูกใจวันนี้เลยกินได้มากคืนแรกในบ้านหลังใหญ่ที่มีสมาชิกหลายคนอาศัยอยู่ ฟ้ารุ่งคุยเรื่องราวต่างๆให้ลูกสาวได้รับรู้ผ่านทางเฟสบุ๊ค นานแล้วที่เธอใช้ชีวิ
บทที่3 ดูแล “พรุ่งนี้น้องจะปิดเทอมแล้วนะ” กฤษฎาบอกลูกชายที่กำลังนอนเล่นบนโซฟาข้างๆมารดา “ไม่ต้องกลับไปเรียนแล้วใช่ไหมครับ” พราวพลอยเธอถูกส่งให้ไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติตั้งแต่เด็กๆ เพราะช่วงนั้นกฤษฎาโหมทำงานหนัก อภิรดีก็ต้องคอยตามไปช่วยตลอด ทั้งคู่ไม่มีเวลาดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ภูวนนท์เป็นเด็กผู้ชายยังไม่ค่อยเป็นห่วง พราวพลอยเลยถูกส่งไปเรียนโรงเรียนประจำเพียงคนเดียว “ไม่ต้อง เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว กลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาดีกว่า” เป็นคำตอบที่คนถามได้ยินแล้วก็สุขใจ ถึงแม้พราวพลอยและภูวนนท์จะมีเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่มากนัก แต่สำหรับพี่ชายคนนี้เธอคือแก้วตาดวงใจของเขาเลย เพราะพราวพลอยเป็นเด็กสาวที่สดใส น่ารัก และมีน้ำใจกับทุกๆคน “เรามีงานเลี้ยงต้อนรับยายพลอยกันดีไหมครับพ่อ” ตั้งแต่มารดาของเขาป่วยหนัก ภูวนนท์ก็ไม่เคยเห็นบ้านหลังนี้มีงานเลี้ยงรื่นเริงเลยสักครั้ง คราวนี้คงเป็นโอกาสที่ดี มารดาของเขาเองก็คงอยากให้บ้านหลังนี้ได้มีความรื่นเริงบ้าง เพราะก่อนที่แม่ของเขาจะล้มป่วย อภิรดีชอ
“การพนันใช่ไหม” นาธานพอรู้มาบ้างว่าฟ้ารุ่งติดการพนัน “ใช่...แต่แม่บอกว่าจะเลิก ไม่กลับไปยุ่งกับมันอีก” “อีกแล้ว เลิกอีกแล้ว” นาธานทำเสียงให้เพื่อนสาวของเขารู้ว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่มารดาของเธอบอก “แต่เธอทำถูกแล้ว อย่างไรเขาก็แม่ เงินเราก็เหมือนเงินแม่ พระคุณที่ทำให้เราเกิดมายิ่งใหญ่จนคิดเป็นมูลค่าไม่ได้หรอก” มินรญาโผเข้ากอดเพื่อนชาย ใบหน้าขาวคมซบลงกับอกกว้าง เขาเป็นมากกว่าเพื่อนๆจริงๆ ทุกๆครั้งที่เธอมีทุกข์ใดๆก็ตาม ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะเป็นที่พักพิงให้เธอไม่ได้ “ขอบคุณนะที่อยู่ข้างๆกัน และเข้าใจเรามาตลอด ขอบคุณจริงๆ” น้ำใสๆไหลออกจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยที่กำลังสับสนกับความคิดกับตัวเอง มินรญาตัดสินใจกับเส้นทางชีวิตของตัวเองได้แล้ว เธอคงต้องหาโอกาสเหมาะๆ บอกให้พ่อของเธอรู้ และหวังว่าเขาคงเข้าใจและไม่คัดค้านเธอ เพราะถ้ามีการคัดค้านมินรญาเองก็ไม่เชื่อใจตัวเองเหมือนกัน ว่าตัวเธอเองจะไม่เปลี่ยนแปลงความคิด เพราะในหัวใจส่วนลึก เธอก็รักอิมรานและแคโรลีนมากเหมือนกัน “งานอะไรคะนี่” พราวพ
“ดีจ๊ะ เห็นทุกคนมีความสุข น้าก็พลอยสุขไปด้วย” คนป่วยตอบช้าๆอย่างเหนื่อยๆด้วยรอยยิ้ม ภูวนนท์พาชิดจันทร์เดินมานั่งที่โต๊ะอาหารกลางสนามหญ้า อาหารมากมายถูกจัดวางอย่างสวยงาม พราวพลอยเลือกเปิดเพลงที่ดูรื่นเริงมีความสุข สมกับบรรยากาศที่มีแต่รอยยิ้ม อาหารมากมายยังวางเรียงอยู่เหมือนเดิม เพราะพราวพลอยตักอาหารไปนั่งกินกับแม่และพ่อของเธอที่ชานบ้าน ส่วนชิดจันทร์และภูวนนท์นั่งคุยกันเพียงลำพังอยู่ที่โต๊ะกลางสนาม เสียงโทรศัพท์ทำให้ชิดจันทร์ต้องขอตัวเดินห่างออกไปจากแฟนหนุ่ม ภูวนนท์รู้สึกแปลกใจ ทำไมชิดจันทร์ต้องเดินออกไปคุยโทรศัพท์ไกลจากเขา ตั้งแต่คบกันมาเขากับชิดจันทร์ไม่เคยมีความลับต่อกัน รวมทั้งเรื่องที่แม่ของเธอไม่ชอบเขา ภูวนนท์คิดไม่ออกถึงเหตุผลที่แฟนสาวลุกเดินไกลออกไปหลังจากมีโทรศัพท์เข้ามา แต่ด้วยมารยาทก็คงทำได้แค่เพียงนั่งรออยู่ที่เดิม “ภูคะ ดึกแล้วเอยขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ” ยังไม่ทันที่ภูวนนท์จะเอ่ยถามอะไร ชิดจันทร์ก็เป็นคนพูดก่อนเมื่อเดินถึงโต๊ะอาหาร เธอมาถึงที่นี่ยังไม่ถึงชั่วโมง อาหารที่จัดวางไว้เธอก็ยังไม่ได้กินสักอย่าง ท่าทางเร่งร
“เหม...ดื่มเหล้ากัน” เหมราชเพื่อนสนิทคนเดียวของภูวนนท์ เขาเป็นชายโสดที่พร้อมจะว่างเสมอ ถ้าภูวนนท์โทรชวนมากินเหล้า “เครียดอะไรอีกล่ะไอ้ภู” ปลายสายรู้ใจคนโทรมา “สมกับเป็นเพื่อนรัก เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ฉันไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนว่ะ” ภูวนนท์ไม่ได้พักอยู่บ้านหลังเดียวกับกฤษฎาและอภิรดี แต่อยู่ในรั้วเดียวกัน การชวนเพื่อนมานั่งดื่มที่บ้าน จึงเป็นเรื่องที่เขาไม่ต้องขออนุญาตใครก่อน และเขาก็มักจะชวนเหมราชอยู่บ่อยๆ เพียงไม่กี่นาที เหมราชก็พาตัวเองมาถึงบ้านของเกลอคนสนิท เพราะเวลานี้เริ่มดึกแล้ว รถไม่ติด เขาเตรียมเสื้อผ้ามานอนที่นี่ด้วยเลย เพราะทำเช่นนี้เป็นประจำ “ไหนเล่าให้ฟังสิ คนอย่างคุณภูมีเรื่องอะไรทุกข์ใจ” เหมราชไม่รอคนนั่งรอเล่า เขาขอจู่โจมถามก่อนเลยด้วยความอยากรู้ ภูวนนท์บอกเล่าเรื่องราวของความสงสัยที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ จนต้องโทรตามเพื่อนคนสนิทมาดื่มเพื่อขอคำปรึกษา แค่ได้ยินว่าเป็นเรื่องของชิดจันทร์ก็ทำเอาเหมราชให้ความสนใจอย่างเห็นได้ชัด “นี่นายกำลังคิดว่า เอยมีคนอื่นเหรอ บ้า! ไปแล้ว” เหมราชตะคอกใส่หน้าภูวนนท์
บทที่4สูญเสีย “หากมันคือความต้องการของลูก พ่อก็ไม่ห้าม” มินรญาตัดสินใจ คุยถึงอนาคตที่เธอคิดไว้ แล้วทุกอย่างก็เป็นเหมือนที่เธอคาดการณ์ พ่อและแม่เลี้ยงของเธอ เข้าใจและเห็นด้วยกับการที่เธอตัดสินใจจะกลับไปดูแม่ ที่อยู่ที่เมืองไทยเพียงคนเดียว “ลูกตั้งใจว่าจะไปสมัครงานตามร้านเสื้อผ้า เขาคงอยากรับลูกอยู่ เพราะดีกรีความเป็นนักเรียนนอก ลูกจะขอเงินเดือนไม่มากนัก ขอให้มีงานทำก็พอ” มินรญาตั้งใจแบบที่พูด เพราะเธอไม่อยากรบกวนเงินของบิดาอีกแล้ว “โอ้! ไม่ๆ ถ้าจะไปเมืองไทยแล้วต้องไปเป็นลูกจ้างเขาแบบนั้นแม่ไม่ยอม” แคโรลีนเธอเป็นแค่แม่เลี้ยงของมินรญาก็จริง แต่เธอรักและห่วงลูกเลี้ยงคนนี้เหมือนลูกแท้ๆ เพราะเธอและอิมรานไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้ และหญิงสาวก็ทำให้เธอตกหลุมรักอย่างสุดหัวใจ เธอจึงแทนตัวเองว่าแม่ทุกคำ “ทำไมล่ะคะ ทำไมมิ้นจะไปเป็นลูกจ้างใครไม่ได้ มิ้นไม่ได้มีเงินมีทองมากมาย” “แต่! พ่อมี และทุกอย่างของพ่อก็คือของลูก” อิมรานยืนพูดอย่างเอาจริง “ร้านเสื้อผ้าของเรายังไม่มีสาขาที่เมืองไทย เคยมีอยู่แค่สาขาเดียว แต่ก็ปิดตัวลง
“มาหาข้าวกิน...ฟังดูแล้วกระดากหูจัง” ภูวนนท์ส่ายหัวไม่เชื่อในสิ่งที่เพื่อนพูดแต่ก็ดึงแขนเพื่อน เดินนำไปบ้านใหญ่เพื่อกินอาหารเช้า“จัดเพิ่มอีกหนึ่งที่นะครับน้าฟ้ารุ่ง”ภูวนนท์และเหมราชมาถึงโต๊ะอาหารก่อนคนอื่น ฟ้ารุ่งกำลังจัดเตรียมทุกอย่างบนโต๊ะให้เรียบร้อย ก่อนที่ทุกคนจะลงมาพร้อมเพียงกัน“นายนั่งรอที่นี่แหละ เราขอไปหาแม่เดี๋ยวมา” ทุกเช้าภูวนนท์จะเข้ามาคุยกับมารดาก่อนกินข้าวทุกเช้าภูวนนท์เดินหันหลังไปยังไม่พ้นประตู พราวพลอยก็เดินลงมาจากห้องนอนชั้นบน ผมที่ยาวสวยถึงกางหลัง กับชุดกระโปรงสีขาวยาว ทำให้เธอดูเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัว“สวัสดีค่ะ” พราวพลอยทักทายเพื่อนพี่ชายยังไม่ทันที่เหมราชจะกล่าวทักทาย น้องสาวคนสวยของภูวนนท์ เสียงโวยวายเอะอะ ดังออกมาจากห้องนอนของอภิรดี กฤษฎาวิ่งลงบันไดมุ่งตรงไปตามเสียงนั้น ทุกคนต่างพากันวิ่งตามด้วยความตกใจภาพที่อยู่ตรงหน้าของทุกคน ภูวนนท์สวมกอดมารดา เขย่าร่างที่ไร้วิญญาณ เสียงสะอื้นดังลั่นห้อง กฤษฎาเดินตรงเข้าไปกอดภรรยาด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา เรี่ยวแรงมันแทบจะไม่มีพอที่จะพาร่างกายของเขาเข้าไปถึงเตียงคนป่วยได้“คุณทำไมไม่รอผม ผมอาบน้ำนานไปใช่ไหม ผมไม่ควรทิ้
“ไม่ได้มาหลายปี เปลี่ยนไปหมด”มินรญาเดินทางมาเมืองไทย โดยที่ไม่ยอมส่งข่าวบอกมารดาล่วงหน้า เขากะไว้ว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยเข้าไปหาแม่ ที่บ้านที่มารดาของเธอเคยให้ที่อยู่ไว้ คืนนี้หญิงสาวเลยออกมาเดินเล่นที่สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อยู่ใกล้กับโรงแรมที่เธอพัก แต่สายตาก็เธอก็ไปสะดุดกับภาพของผู้ชายตรงหน้า“นี่คุณจะทำอะไร”มินรญากระโดดคว้าตัวชายหนุ่มที่กำลังจะกระโดดลงจากสะพานด้วยความตกใจ เธอไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอกระโดดคว้าตัวเขา แต่เธอรู้แค่ว่าเธอต้องทำ“ปล่อย บอกให้ปล่อย” ภูวนนท์ตะโกนใส่หน้าคนที่กระโดดคว้าเขา“ผู้ชายอะไรว่ะ ขี้แพ้ชะมัด เสียแรงเกิดเป็นคน มีเรื่องอะไรถึงกับจะต้องฆ่าตัวตาย” มินรญาก็ตะโกนใส่หน้ากลับไปด้วยเสียงที่ดังกว่า“แล้วมายุ่งอะไรด้วย ปล่อย โดดลงไปจะได้ตายๆซะ” ถึงจะดิ้นแค่ไหนแต่หญิงสาวก็กอดเขาไว้แน่นเหมือนกัน“เอาสิ ถ้าคุณโดด ฉันก็โดด จะให้มาปล่อยให้คนตายไปต่อหน้าทำไม่ได้หรอก เอาโดดเลย จะได้ตายกันทั้งคู่” มินรญาเปลี่ยนจากห้ามเป็นทำท่าจะกระโดดตาม“บ้า! เธอมันบ้า” ภูวนนท์ค่อยๆนั่งลงหลังพิงสะพาน“จะบ้าไปแล้วไง จะมาตายอะไรกับผม รู้จักกันหรือก็เปล่า” ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวอย่างง