ฟ้ารุ่งรู้สึกตัวเองมีค่าตัวที่สูงมากหลังจากได้รับรู้หน้าที่ และนำมาเทียบกับค่าตอบแทนที่เธอได้ หน้าที่ทำกับข้าวเป็นงานที่เธอถนัดมาก แต่ระยะหลังเธอก็ไม่ได้เข้าครัวนานแล้วเพราะใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง จึงเลือกที่จะกินอยู่อย่างง่ายๆเอาพยาบาลเรียกตัวเธอไปสอนวิธีการดูแลคนป่วย ฟ้ารุ่งเธอมีมารดาเป็นพยาบาลจึงไม่ยากที่เรียนรู้ และเธอก็ยินดีที่จะได้ดูแลภรรยาของคนที่มีพระคุณกับเธอเมนูอาหารมื้อแรกที่แม่ครัวคนใหม่เลือกที่จะทำ ก็เกิดจากการสอบถามจากยิ้มสาวใช้ของบ้านถึงเมนูโปรดของคนในบ้าน“หนูทำกับข้าวไม่ได้เรื่องเลย โดนคุณภูบ่นประจำ ฝากน้าด้วยนะคะ” ยังโชคดีอยู่บ้างที่เธอถูกเรียกว่าน้านึกว่าจะกลายเป็นป้าซะแล้วฟ้ารุ่งยิ้มในใจ“แม่ครัวคนใหม่ของคุณพ่อฝีมือใช้ได้เลยนะครับ” ภูวนนท์กินอาหารจนเกลี้ยงจานเพราะถูกปากกับรสมือของแม่ครัวคนใหม่“เมื่อเย็นแม่ของลูกกินข้าวต้มได้เกือบหมดถ้วยเลย” ปกติอภิรดีจะกินข้าวเย็นเพียงไม่กี่คำ เพราะหล่อนไม่ชอบกินข้าวต้ม แต่ด้วยรสชาติที่ถูกใจวันนี้เลยกินได้มากคืนแรกในบ้านหลังใหญ่ที่มีสมาชิกหลายคนอาศัยอยู่ ฟ้ารุ่งคุยเรื่องราวต่างๆให้ลูกสาวได้รับรู้ผ่านทางเฟสบุ๊ค นานแล้วที่เธอใช้ชีวิ
บทที่3 ดูแล “พรุ่งนี้น้องจะปิดเทอมแล้วนะ” กฤษฎาบอกลูกชายที่กำลังนอนเล่นบนโซฟาข้างๆมารดา “ไม่ต้องกลับไปเรียนแล้วใช่ไหมครับ” พราวพลอยเธอถูกส่งให้ไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติตั้งแต่เด็กๆ เพราะช่วงนั้นกฤษฎาโหมทำงานหนัก อภิรดีก็ต้องคอยตามไปช่วยตลอด ทั้งคู่ไม่มีเวลาดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ภูวนนท์เป็นเด็กผู้ชายยังไม่ค่อยเป็นห่วง พราวพลอยเลยถูกส่งไปเรียนโรงเรียนประจำเพียงคนเดียว “ไม่ต้อง เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว กลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาดีกว่า” เป็นคำตอบที่คนถามได้ยินแล้วก็สุขใจ ถึงแม้พราวพลอยและภูวนนท์จะมีเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่มากนัก แต่สำหรับพี่ชายคนนี้เธอคือแก้วตาดวงใจของเขาเลย เพราะพราวพลอยเป็นเด็กสาวที่สดใส น่ารัก และมีน้ำใจกับทุกๆคน “เรามีงานเลี้ยงต้อนรับยายพลอยกันดีไหมครับพ่อ” ตั้งแต่มารดาของเขาป่วยหนัก ภูวนนท์ก็ไม่เคยเห็นบ้านหลังนี้มีงานเลี้ยงรื่นเริงเลยสักครั้ง คราวนี้คงเป็นโอกาสที่ดี มารดาของเขาเองก็คงอยากให้บ้านหลังนี้ได้มีความรื่นเริงบ้าง เพราะก่อนที่แม่ของเขาจะล้มป่วย อภิรดีชอ
“การพนันใช่ไหม” นาธานพอรู้มาบ้างว่าฟ้ารุ่งติดการพนัน “ใช่...แต่แม่บอกว่าจะเลิก ไม่กลับไปยุ่งกับมันอีก” “อีกแล้ว เลิกอีกแล้ว” นาธานทำเสียงให้เพื่อนสาวของเขารู้ว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่มารดาของเธอบอก “แต่เธอทำถูกแล้ว อย่างไรเขาก็แม่ เงินเราก็เหมือนเงินแม่ พระคุณที่ทำให้เราเกิดมายิ่งใหญ่จนคิดเป็นมูลค่าไม่ได้หรอก” มินรญาโผเข้ากอดเพื่อนชาย ใบหน้าขาวคมซบลงกับอกกว้าง เขาเป็นมากกว่าเพื่อนๆจริงๆ ทุกๆครั้งที่เธอมีทุกข์ใดๆก็ตาม ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะเป็นที่พักพิงให้เธอไม่ได้ “ขอบคุณนะที่อยู่ข้างๆกัน และเข้าใจเรามาตลอด ขอบคุณจริงๆ” น้ำใสๆไหลออกจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยที่กำลังสับสนกับความคิดกับตัวเอง มินรญาตัดสินใจกับเส้นทางชีวิตของตัวเองได้แล้ว เธอคงต้องหาโอกาสเหมาะๆ บอกให้พ่อของเธอรู้ และหวังว่าเขาคงเข้าใจและไม่คัดค้านเธอ เพราะถ้ามีการคัดค้านมินรญาเองก็ไม่เชื่อใจตัวเองเหมือนกัน ว่าตัวเธอเองจะไม่เปลี่ยนแปลงความคิด เพราะในหัวใจส่วนลึก เธอก็รักอิมรานและแคโรลีนมากเหมือนกัน “งานอะไรคะนี่” พราวพ
“ดีจ๊ะ เห็นทุกคนมีความสุข น้าก็พลอยสุขไปด้วย” คนป่วยตอบช้าๆอย่างเหนื่อยๆด้วยรอยยิ้ม ภูวนนท์พาชิดจันทร์เดินมานั่งที่โต๊ะอาหารกลางสนามหญ้า อาหารมากมายถูกจัดวางอย่างสวยงาม พราวพลอยเลือกเปิดเพลงที่ดูรื่นเริงมีความสุข สมกับบรรยากาศที่มีแต่รอยยิ้ม อาหารมากมายยังวางเรียงอยู่เหมือนเดิม เพราะพราวพลอยตักอาหารไปนั่งกินกับแม่และพ่อของเธอที่ชานบ้าน ส่วนชิดจันทร์และภูวนนท์นั่งคุยกันเพียงลำพังอยู่ที่โต๊ะกลางสนาม เสียงโทรศัพท์ทำให้ชิดจันทร์ต้องขอตัวเดินห่างออกไปจากแฟนหนุ่ม ภูวนนท์รู้สึกแปลกใจ ทำไมชิดจันทร์ต้องเดินออกไปคุยโทรศัพท์ไกลจากเขา ตั้งแต่คบกันมาเขากับชิดจันทร์ไม่เคยมีความลับต่อกัน รวมทั้งเรื่องที่แม่ของเธอไม่ชอบเขา ภูวนนท์คิดไม่ออกถึงเหตุผลที่แฟนสาวลุกเดินไกลออกไปหลังจากมีโทรศัพท์เข้ามา แต่ด้วยมารยาทก็คงทำได้แค่เพียงนั่งรออยู่ที่เดิม “ภูคะ ดึกแล้วเอยขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ” ยังไม่ทันที่ภูวนนท์จะเอ่ยถามอะไร ชิดจันทร์ก็เป็นคนพูดก่อนเมื่อเดินถึงโต๊ะอาหาร เธอมาถึงที่นี่ยังไม่ถึงชั่วโมง อาหารที่จัดวางไว้เธอก็ยังไม่ได้กินสักอย่าง ท่าทางเร่งร
“เหม...ดื่มเหล้ากัน” เหมราชเพื่อนสนิทคนเดียวของภูวนนท์ เขาเป็นชายโสดที่พร้อมจะว่างเสมอ ถ้าภูวนนท์โทรชวนมากินเหล้า “เครียดอะไรอีกล่ะไอ้ภู” ปลายสายรู้ใจคนโทรมา “สมกับเป็นเพื่อนรัก เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ฉันไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนว่ะ” ภูวนนท์ไม่ได้พักอยู่บ้านหลังเดียวกับกฤษฎาและอภิรดี แต่อยู่ในรั้วเดียวกัน การชวนเพื่อนมานั่งดื่มที่บ้าน จึงเป็นเรื่องที่เขาไม่ต้องขออนุญาตใครก่อน และเขาก็มักจะชวนเหมราชอยู่บ่อยๆ เพียงไม่กี่นาที เหมราชก็พาตัวเองมาถึงบ้านของเกลอคนสนิท เพราะเวลานี้เริ่มดึกแล้ว รถไม่ติด เขาเตรียมเสื้อผ้ามานอนที่นี่ด้วยเลย เพราะทำเช่นนี้เป็นประจำ “ไหนเล่าให้ฟังสิ คนอย่างคุณภูมีเรื่องอะไรทุกข์ใจ” เหมราชไม่รอคนนั่งรอเล่า เขาขอจู่โจมถามก่อนเลยด้วยความอยากรู้ ภูวนนท์บอกเล่าเรื่องราวของความสงสัยที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ จนต้องโทรตามเพื่อนคนสนิทมาดื่มเพื่อขอคำปรึกษา แค่ได้ยินว่าเป็นเรื่องของชิดจันทร์ก็ทำเอาเหมราชให้ความสนใจอย่างเห็นได้ชัด “นี่นายกำลังคิดว่า เอยมีคนอื่นเหรอ บ้า! ไปแล้ว” เหมราชตะคอกใส่หน้าภูวนนท์
บทที่4สูญเสีย “หากมันคือความต้องการของลูก พ่อก็ไม่ห้าม” มินรญาตัดสินใจ คุยถึงอนาคตที่เธอคิดไว้ แล้วทุกอย่างก็เป็นเหมือนที่เธอคาดการณ์ พ่อและแม่เลี้ยงของเธอ เข้าใจและเห็นด้วยกับการที่เธอตัดสินใจจะกลับไปดูแม่ ที่อยู่ที่เมืองไทยเพียงคนเดียว “ลูกตั้งใจว่าจะไปสมัครงานตามร้านเสื้อผ้า เขาคงอยากรับลูกอยู่ เพราะดีกรีความเป็นนักเรียนนอก ลูกจะขอเงินเดือนไม่มากนัก ขอให้มีงานทำก็พอ” มินรญาตั้งใจแบบที่พูด เพราะเธอไม่อยากรบกวนเงินของบิดาอีกแล้ว “โอ้! ไม่ๆ ถ้าจะไปเมืองไทยแล้วต้องไปเป็นลูกจ้างเขาแบบนั้นแม่ไม่ยอม” แคโรลีนเธอเป็นแค่แม่เลี้ยงของมินรญาก็จริง แต่เธอรักและห่วงลูกเลี้ยงคนนี้เหมือนลูกแท้ๆ เพราะเธอและอิมรานไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้ และหญิงสาวก็ทำให้เธอตกหลุมรักอย่างสุดหัวใจ เธอจึงแทนตัวเองว่าแม่ทุกคำ “ทำไมล่ะคะ ทำไมมิ้นจะไปเป็นลูกจ้างใครไม่ได้ มิ้นไม่ได้มีเงินมีทองมากมาย” “แต่! พ่อมี และทุกอย่างของพ่อก็คือของลูก” อิมรานยืนพูดอย่างเอาจริง “ร้านเสื้อผ้าของเรายังไม่มีสาขาที่เมืองไทย เคยมีอยู่แค่สาขาเดียว แต่ก็ปิดตัวลง
“มาหาข้าวกิน...ฟังดูแล้วกระดากหูจัง” ภูวนนท์ส่ายหัวไม่เชื่อในสิ่งที่เพื่อนพูดแต่ก็ดึงแขนเพื่อน เดินนำไปบ้านใหญ่เพื่อกินอาหารเช้า“จัดเพิ่มอีกหนึ่งที่นะครับน้าฟ้ารุ่ง”ภูวนนท์และเหมราชมาถึงโต๊ะอาหารก่อนคนอื่น ฟ้ารุ่งกำลังจัดเตรียมทุกอย่างบนโต๊ะให้เรียบร้อย ก่อนที่ทุกคนจะลงมาพร้อมเพียงกัน“นายนั่งรอที่นี่แหละ เราขอไปหาแม่เดี๋ยวมา” ทุกเช้าภูวนนท์จะเข้ามาคุยกับมารดาก่อนกินข้าวทุกเช้าภูวนนท์เดินหันหลังไปยังไม่พ้นประตู พราวพลอยก็เดินลงมาจากห้องนอนชั้นบน ผมที่ยาวสวยถึงกางหลัง กับชุดกระโปรงสีขาวยาว ทำให้เธอดูเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัว“สวัสดีค่ะ” พราวพลอยทักทายเพื่อนพี่ชายยังไม่ทันที่เหมราชจะกล่าวทักทาย น้องสาวคนสวยของภูวนนท์ เสียงโวยวายเอะอะ ดังออกมาจากห้องนอนของอภิรดี กฤษฎาวิ่งลงบันไดมุ่งตรงไปตามเสียงนั้น ทุกคนต่างพากันวิ่งตามด้วยความตกใจภาพที่อยู่ตรงหน้าของทุกคน ภูวนนท์สวมกอดมารดา เขย่าร่างที่ไร้วิญญาณ เสียงสะอื้นดังลั่นห้อง กฤษฎาเดินตรงเข้าไปกอดภรรยาด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา เรี่ยวแรงมันแทบจะไม่มีพอที่จะพาร่างกายของเขาเข้าไปถึงเตียงคนป่วยได้“คุณทำไมไม่รอผม ผมอาบน้ำนานไปใช่ไหม ผมไม่ควรทิ้
“ไม่ได้มาหลายปี เปลี่ยนไปหมด”มินรญาเดินทางมาเมืองไทย โดยที่ไม่ยอมส่งข่าวบอกมารดาล่วงหน้า เขากะไว้ว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยเข้าไปหาแม่ ที่บ้านที่มารดาของเธอเคยให้ที่อยู่ไว้ คืนนี้หญิงสาวเลยออกมาเดินเล่นที่สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อยู่ใกล้กับโรงแรมที่เธอพัก แต่สายตาก็เธอก็ไปสะดุดกับภาพของผู้ชายตรงหน้า“นี่คุณจะทำอะไร”มินรญากระโดดคว้าตัวชายหนุ่มที่กำลังจะกระโดดลงจากสะพานด้วยความตกใจ เธอไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอกระโดดคว้าตัวเขา แต่เธอรู้แค่ว่าเธอต้องทำ“ปล่อย บอกให้ปล่อย” ภูวนนท์ตะโกนใส่หน้าคนที่กระโดดคว้าเขา“ผู้ชายอะไรว่ะ ขี้แพ้ชะมัด เสียแรงเกิดเป็นคน มีเรื่องอะไรถึงกับจะต้องฆ่าตัวตาย” มินรญาก็ตะโกนใส่หน้ากลับไปด้วยเสียงที่ดังกว่า“แล้วมายุ่งอะไรด้วย ปล่อย โดดลงไปจะได้ตายๆซะ” ถึงจะดิ้นแค่ไหนแต่หญิงสาวก็กอดเขาไว้แน่นเหมือนกัน“เอาสิ ถ้าคุณโดด ฉันก็โดด จะให้มาปล่อยให้คนตายไปต่อหน้าทำไม่ได้หรอก เอาโดดเลย จะได้ตายกันทั้งคู่” มินรญาเปลี่ยนจากห้ามเป็นทำท่าจะกระโดดตาม“บ้า! เธอมันบ้า” ภูวนนท์ค่อยๆนั่งลงหลังพิงสะพาน“จะบ้าไปแล้วไง จะมาตายอะไรกับผม รู้จักกันหรือก็เปล่า” ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวอย่างง
“ท้อง” อยู่ดีๆคำว่าท้องก็ผลุดขึ้นในหัวของมินรญา เธอมีอะไรกับเขาถึงสองครั้งโดยไม่ได้ป้องกัน และนี่ก็เกินกำหนดที่ประจำเดือนเธอจะต้องมา “คุณคืนนี้คุณจะไหม...” หญิงสาวกระซิบถามคนข้างๆแบบไม่กล้าพูดตรงๆ “อะไร คุณพูดอะไรมินรญา ผมฟังไม่รู้เรื่อง” เสียงคนถามที่เบาโดนเสียงพ่อค้าแม่ค้าในตลาดกลบเสียงหมด “คืนนี้คุณจะนอนกับฉันไหมคะ” “นอนสิ ก็เราตกลงกันแล้ว หรือคุณจะไล่ให้ผมไปนอนที่อื่น” ภูวนนท์ทำท่าสงสัย “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้หมายความถึงนอนแบบนั้น” หญิงสาวเริ่มหน้าแดง “อ๋อ..คุณถามทำไม หรือคุณมีอะไรจะทำให้ผมแปลกใจ” ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาใกล้ๆคนตัวเล็กกว่าเพื่อหยอกเธอที่กำลังหน้าแดงเพราะเขินอาย “ฉันกลัวท้อง ประจำเดือน็ยังไม่มา ครั้งนี้เราก็ควรจะป้องกัน” หญิงสาวรวบรวมความกล้า เพราะเธอคงไม่กล้าไปซื้อถุงยางอนามัยเองแน่ๆ “เข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจัดการเอง” ภูวนนท์เอื้อมือมาโอบเอวหญิงสาวเข้ามาเดินใกล้ๆกับเขา ร้านขายยาตั้งอยู่อีกฝั่งของถนน มินรญาเลยขอรออยู่ฝั่งนี้เพราะไม่อยากข้ามไปซื้อกับเขา เธอไม่
บทที่16มันเรียกว่าความรักใช่ไหม “คุณภู คุณมาที่ได้ยังไง”ยังไม่ทันที่มินรญาจะถามจบ ร่างหนาใช้ฝ่ามือที่แข็งแรงดันประตูห้องเข้ามาและกดล็อคห้องทันที “ก็ไม่ได้ยากอะไร สามีจะตามหาภรรยามันเป็นเรื่องง่ายๆ” “คุณภู คุณออกไปที่นี่ห้องฉัน ไม่ใช่บ้านของคุณ คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาโดยที่เจ้าของห้องยังไม่อนุญาต”หญิงสาวเดินมาเกรี้ยวกราดชายหนุ่มที่เดินมานั่งบนโซฟารับแขกตัวใหม่ “สิทธิ์ของความเป็นผัวอย่างไร”ภูวนนท์ทำหน้านิ่งตอบอย่างไม่รู้สึกอะไร “คำก็ผัว สองคำก็ผัว ไอ้ที่นอนกันไม่กี่ครั้ง อย่ามาเรียกตัวเองว่าผัวเลย คุณมันก็แค่ผู้ชายที่ชอบรังแกผู้หญิง ถ้าคุณไม่ออกไป ฉันไปเอง” มือหนาชุดร่างบางที่กำลังหันหลังเพื่อเดินออกนอกห้อง เขาฉุดมือเธออย่างแรงจนตัวแทบปลิว ร่างน้อยตกลงบนตักของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว “มันอยู่ไหน” ผู้บุกรุกส่งเสียงถามคำรามข้างหูคนที่นอนตัวเกร็งอยู่บนตัก “คุณหมายถึงใคร” มินรญาไม่เข้าใจว่า มัน ของเขาคือใคร “ก็ไอ้นาธาน แฟนเธอไง มันอยู่ไหน ผมจะได้บอกมัน ว่าแฟนมันแต่เป็นเมียผม”
แบบนี้ เขาได้แต่กำมือแน่นมองมินรญาด้วยสายตาที่เกี้ยวกราด ทำเอาหญิงสาวหายใจติดๆขัด น้ำตามันไหลออกมาคลอสองตา เธอทั้งกลัวทั้งโกรธกับคำพูดของเขา “วันหลังเราคงได้พบกันอีกนะครับ คุณนาธาน คุณมินรญา” ภูวนนท์พูดทิ้งท้ายเมื่อมินตราลุกขึ้นมาคล้องแขนเขาดึงกลับไปนั่งที่เดิม เพราะกลัวทั้งคู่จะมีเรื่องกันเสียก่อน “พี่ภูคะ มันอะไรกันคะนี่ ผิงกลัวจะมีเรื่องกันจังเลย ตกลงพี่รู้จักหรือเคยทะเลาะกับสองคนนี้มาก่อนเหรอคะ” “กลับกันเถอะผมไม่อยากกินแล้ว กินไม่ลง” ภูวนนท์ไม่ตอบคำถามแต่กลับลุกเดินนำดาราสาวไปรอที่รถที่จอดอยู่ด้านหลังของร้าน “นาธานทำไมพูดกับเขาแบบนั้น” มินรญากล้าละสายตาจากโต๊ะเมื่อร่างหนาที่เธอคุ้นเคยเดินพ้นจากโต๊ะเดินออกไปนอกประตูร้านแล้ว “แบบไหน ที่บอกเป็นแฟนเธอ หรือที่บอกว่าเขากับเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน มิยรญาเธอเปลี่ยนไปมาก จากผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเอง เก่ง ไม่กลัวใคร แต่วันนี้เธอกลับเป็นมินรญาที่สงบเสงี่ยม มีแต่ความกลัว มิ้นเธอต้องคุยกับตัวเองให้ดี ว่าจริงๆแล้วใจเธอต้องการอะไรกันแน่” นาธานเริ่มแน่ใจ ว่าเพื่อนรักของเขามอบหัวใจใ
บทที่15หวง ห่วง “ห้องเล็กไปไหมมิ้น มีหวังแครลีนมาเห็นเธออยู่ห้องแบบนี้ เรียกเธอกลับฝรั่งเศสแน่นอน” เสร็จจากธุระกับญาติพี่น้อง นาธานก็มาหามินรญาตามสัญญา ห้องเล้กที่มีพื้นที่ใช้สอยน้อยมาก ทำเอาเพื่อนชายรู้สึกไม่เข้าใจ ว่าเจ้าของจะอาศัยอยู่ได้จริงๆเหรอ “อยู่ไปก่อน เราแค่เช่าไม่ได้ซื้อ ไว้ได้เงินเดือนค่อยขยับขยาย” มินรญาให้เหตุผล “โอเค แล้วแต่เธอแล้วกันมิ้น ไป เราไปซื้อเฟอร์กันเถอะ เดี๋ยวไปช้ากว่าเขาจะเอามาส่งอีก” มินรญาชวนให้นาธานมาช่วยเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าห้อง เพราะเธอเองเลือกของพวกนี้ไม่ค่อยเป็น เลยพาเพื่อนมาดูห้องก่อน “มิ้น ทำแบบนี้จะหนีเขาได้จริงๆใช่ไหม” ระหว่างเดินทางทั้งคู่เริ่มคุยเรื่องระหว่างมินรญากับภูวนนท์ “เราไม่แน่ใจ แต่มันคงดีดว่าการที่เราต้องอยู่ใกล้ๆเขา เราไม่อยากเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ของเขาอีก” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ “มิ้น แน่ใจนะว่าไม่ได้รักนายคนนั้นเข้าแล้ว” นาธานเห็นแววตา น้ำเสียงของเพื่อนที่คบกันมานาน เขาเริ่มไม่แน่ในว่ามินรญาหนีเพราะเกลียดหรือหนีเพราะรัก
ถ้านาธานเป็นผู้หญิงมิรญาจะบังคับให้เขามานอนอยู่กับเธอที่นี่เสียเลย เพราะตอนนี้เธอกำลังต้องการใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน ยิ่งมาอยู่คนเดียวแบบนี้ หัวใจของเธอมันคิดถึงแต่หน้าขอวภูวนนท์ คิดถึงอ้อมกอด คิดถึงรสรักที่เขามอบให้ แต่อีกใจมันก็คิดถึงคำดูถูกและรู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ เธอมันก็แค่ของเล่น“พราววันนี้ไปไหนมาบ้าง เล่าให้พี่ฟังสิ” พี่ชายถามน้องสาวเพราะเธอออกจากบ้านทุกวัน“ไปหาอ่านหนังสือตามร้านหนังสือมาค่ะ” พราวพลอยปดคำโต“นึกว่าแอบไปหาแฟน ถ้ามีแฟนก็พามาแนะนำให้พี่รู้จักบ้างแล้วกัน นี่ก็อีกไม่กี่วันจะเปิดเทอมแล้วเตรียมตัวให้พร้อมนะ อย่ามัวแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ ” ภูวนนท์พูดเปิดทางให้น้องสาวเผื่อเธอจะหลุดปากบอกอะไร“ค่ะพี่ชายสุดที่รัก พราวอยู่บ้านก็เหงา พี่ภูไปทำงานมาตอนนี้พี่มิ้นก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น พราวเลยออกไปหาอะไรทำแก้เหงา”“มิ้นไปไหน ทำไมเขาไม่บอกพี่ ทำไมไม่มีใครบอกพี่เลย ” ชายหนุ่มลืมตัวโวยวายเสียงดังกลางโต๊ะอาหาร“น้าต้องขอโทษแทนมิ้นด้วยนะคะ พอดีต้องรีบไปจัดคอนโดเพราะร้านใกล้จะเปิดแล้ว เลยไม่ได้อยู่รอบอกคุณภู ไว้วันหลังน้าจะให้มิ้นเข้ามาบอกลานะคะ” ฟ้ารุ่งขอโทษแทนลูกสาว
บทที่14หนีหัวใจตัวเอง “เสร็จภายในสองสัปดาห์แน่นอนครับ” ช่างที่ทางห้างติดต่อให้มาปรับปรุงตกแต่งร้านให้ รับรองว่าอีกสองสัปดาห์สามารถนำสินค้ามาวางขายได้แน่นอน ร้านเสื้อผ้าที่หญิงสาวกำลังจะเปิด เป็นร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่พ่อของเธอเป็นหุ้นส่วนใหญ่ มินรญาเองก็ถือหุ้นอยู่จำนวนหนึ่ง แต่เงินรายได้ พ่อของเธอกับแคโรรีนจัดการเก็บไว้ให้ เพราะรู้จักนิสัยลูกสาว ว่าเป็นใจอ่อน ขี้สงสาร กลัวเธอจะส่งมาให้มารดาหมด เสื้อผ้าที่จะนำมาขายในร้านส่วนหนึ่งก็เป็นการออกแบบของมินรญาเอง เพราะเธอเรียนจบทางนี้มาโดยตรง และเป็นงานที่ถนัดและรักมากด้วย เสร็จจากธุระเรื่องร้าน หญิงสาวก็ตระเวนหาเช่าคอนโดใกล้กับห้างที่เปิดร้าน โชคดีมีคอนโดอยู่หนึ่งห้อง คนเช้าเก่าออกไปเมื่อเดือนที่แล้ว เธอสามารถเข้าอยู่ได้เลย เป็นคอนโดขนาดเล็ก พื้นที่ใช้สอยน้อย ขนาดห้องแค่พอนอนและมีมุมทำคนัวเล็กน้อย ค่าเช่าที่ค่อยข้างถูกและอยู่ใกล้กับร้านของเธอโดยที่ใช้เดินเพียงไม่กี่นาที ทำให้มินรญาตัดสินใจเช่าที่นี่ และจะย้ายมาอยู่ให้เร็วที่สุด ข้าวของเครื่องใช้ของเธอมีไม่มากนัก เพราะเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยไ
มินรญา รีบควานหาผ้านวมมาคลุมกายแต่เขาก็กระชากผ้านวมผืนใหญ่ที่ดูจะเกะกะมากตอนนี้ ทิ้งลงข้างเตียง และใช้ร่างกายของเขาทับแนบลงบนร่างขาวใสนั้นแทนผ้านวมที่เพิ่งทิ้งลงไป มือหนาซุกซนบีบเคล้นยอดอกที่ชูชันตอบรับสัมผัส ปากหนาไล่จูบตั้งแต่หน้าผากสวยได้รูป ลงมาหยุดที่ยอดอกชูชัน ปากหนาใช้ลิ้นตวัดรัดเลาะรอบๆยอดชมพูก่อนจะดูดคลึงอย่างผ่อนหนักผ่อนเบา จนมินรญากลั่นเสียงครางไว้ไม่ไหว ร่างใหญ่ซุกไซร้ลงมาถึงจุดสุดท้ายของความเสียวซ่าน เขาพาความเป็นชายของเขา รุกเร้าเข้าสู่ส่วนสงวนของหญิงสาวที่เริ่มบิดเกร็ง “เจ็บ เจ็บค่ะ” เมื่อร่างกายของทั้งคู่รวมเป็นคนเดียวกันหญิงสาวยังคงหลงเหลือความเจ็บเพราะมันคือครั้งที่สองในชีวิตเธอ “อย่าเกร็ง ปล่อยตามสบาย อีกนิดนะ เดี๋ยวมันจะค่อยๆดีขึ้น” ภูวนนท์กระซิบตอบพร้อมเล้าโลมเพิ่มอารมณ์ให้สาวน้อยที่กำลังกัดฟันเพราะทั้งเสียวและเจ็บ ลมแห่งความเสน่หาลุกโชติช่วงจนถึงขีดสุด เสียงครางสุดท้ายของทั้งคู่กรีดเสียงออกมาพร้อมกัน ก่อนพากันขึ้นสวรรค์ชั้นสูงสุด “ชอบไหม” ร่างหนาหมดแรงปล่อยตัวทับลงบนร่างบางที่นอนหมดแรงอยู่บนเ
บทที่13รักหรือของเล่น “คงไม่อร่อยเท่าฝีมือแม่คุณนะ แต่รับรองว่ากินได้แน่นอน” มินรญาเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน กลิ่นบะหมี่ลอยคลุ้งหอมจนเธอเริ่มหิว ชุดนอนที่เธอใส่อยู่ถูกผูกเอวไว้ข้างๆ เพื่อกันไม่ให้มันหลุดลงไปกองกับพื้น เจ้าของชุดยืนมองอย่างขำๆ ที่หญิงสาวแต่งตัวแบบนี้ “แต่งตัวแบบนี้ก็น่ารักดีนะ ผมเห็นแต่คุณแต่งชุดอะไรก็ไม่รู้ รู้แล้วว่าหุ่นดี ไม่ต้องโชว์มากก็ได้ มันดูไม่มีราคา” ภูวนนท์ไม่ชอบชุดที่มินรญาใส่ในแต่ละวัน เพราะมันจะดูโชว์รูปร่างและผิวขาวเปล่งประกายของหญิงสาว “ถ้าฉันแต่งตัวเรียบร้อย ฉันมีราคาใช่ไหม เพราะตอนนี้ฉันเหมือนของฟรี....” คำถามที่แทงใจคนฟัง ทำเอาภูวนนท์ไม่กล้าเงยหน้าจากชาวบะหมี่ เพราะไม่อยากสบตาคนถาม เขารู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำกับเธอมันผิด แต่ไม่รู้ทำไม เขาหยุดมันไม่ได้ รู้แต่ว่าร่างกายมันต้องการเธอ ส่วนหัวใจของเขาคงมีแต่ชิดจันทร์ยังไม่เปลี่ยนแปลง “พูดอะไรจัง มากิน เดี๋ยวหายร้อนก็ไม่อร่อย” เจ้าของบ้านเปลี่ยนเรื่องพูด ด้วยความหิวมินรญากินบะหมี่จนหมดถ้วย แต่หัวใจของเธอไม่อิ่มเลย เขาทำให้เธอ
ผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ สงสัย อยู่ดีๆ วันนี้ชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งหน้าขรึม ไม่พูดไม่จาในวงข้าว กลับมาถามหาหญิงสาวที่เขาไม่เคยจะสนใจแถมไม่ค่อยชอบด้วยซ้ำ“มิ้นเขาจะเปิดห้องเสื้อ เมื่อวานเขาไปดูทำเลมาแล้ว วันนี้เลยตั้งใจจะไปติดต่อทำสัญญา” ฟ้ารุ่งตอบตามที่มินรญาบอกเธอไว้ก่อนออกจากบ้าน“ถามถึงหนูมิ้นทำไมล่ะ ปกติหน้ายังไม่เห็นอยากจะมอง” กฤษฎาพูดแซวลูกชาย“ผมก็ถามในฐานะเจ้าของบ้าน มาอาศัยบ้านคนอื่นอยู่ กลับก็ค่ำมืด เช้าก็รีบออกไป และน้องล่ะครับพ่อ ผมไม่เห็นลงมากินข้าวเลย” คิดถึงเรื่องเมื่อคืน ทำให้ชายหนุ่มนึกถึงสิ่งที่มินรญาบอกกับเขาเมื่อคืน“นั่นก็อีกคนที่กลับดึก ป่านนี้ยังไม่ตื่นเลย เดี๋ยวสายๆก็คงออกไปไหนอีก” ผู้เป้นพ่อส่ายหัวให้กับลูกสาวที่กำลังเริ่มเป็นวันรุ่นเต็มตัว“น้องบอกคุณพ่อไหม ว่าที่ออกๆไปทุกวัน ไปไหน ไปกับใคร”“พ่อเคยถาม ก็บอกไปดูหนัง ไปบ้านเพื่อน ไปเดินเล่นซื้อของ บอกเบื่ออยู่บ้าน นั่น...ลงมาแล้วถามกันเอาเองเลย” พราวพลอยเดินลงมาจากห้องนอนชั้นสองทั้งชุดนอนเพราะยังไม่ได้อาบน้ำ“นินทาอะไรพราวอยู่คะ” พราวพลอยลากเก้าอี้มานั่งข้างบิดากอดแขนอย่างออดอ้อนฟ้ารุ่งค่อยๆลุกออกจ