'อินทิรา' จำยอมเดินทางไปลาสเวกัสเพื่อรับจ้างเป็นแม่อุ้มบุญให้กับนักธุรกิจหนุ่มชาวอเมริกันนามว่า 'บาสเตียน’ เพื่อนำเงินมารักษาแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็ง แต่เมื่อไปถึงที่นั่นแล้วกลับไม่เป็นอย่างที่เธอเข้าใจ เพราะเขาต้องการให้เธอเป็นแม่แท้ ๆ ของลูกซะอย่างนั้น เป็นเช่นนี้แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไป จะเอาตัวรอดจากกลรักครั้งนี้ได้ไหม มาร่วมลุ้นไปพร้อม ๆ กัน
Узнайте большеบทที่ 1
ความบังเอิญ
หญิงสาวร่างเล็กใบหน้าเรียวรูปไข่หน้าตาสะสวย เดินไหล่ตกออกมาจากห้องตรวจด้วยสีหน้าวิตกกังวล เดินเรื่อยเปื่อยมาได้สักพักเธอก็หย่อนก้นลงบนเก้าอี้ ในมุมนั่งเล่นของโรงพยาบาลอย่างหมดอาลัยตายอยาก
‘อินทิรา’ เพิ่งจะได้รับข่าวร้ายจากคุณหมอมาหยกๆ เพราะแม่ของเธอเป็นมะเร็งลำไส้ระยะที่สองต้องเข้ารับการผ่าตัดและทำเคมีบำบัดควบคู่กันไป นั่นทำให้ค่ารักษาสูงลิ่วและนั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้เธอต้องมานั่งกลุ้มใจอยู่ในตอนนี้
‘อินทิรา เจริญกิจกุล’ หรือที่เพื่อนเรียก ‘อิน’ สาวน้อยวัยยี่สิบสองกะรัต เพิ่งจะจบการศึกษาด้านกฎหมายมาได้เพียงสองเดือน ยังไม่ได้แม้แต่จะหางานทำเลยด้วยซ้ำ แต่มารดาผู้เป็นเสาหลักก็ต้องมาป่วยเข้าเสียก่อน มารดาของเธอมีอาชีพขายข้าวแกงข้างทางรายได้เพียงน้อยนิด แต่ต้องมาเลี้ยงดูส่งเสียเธอและน้องชายวัยสิบแปดปีที่เพิ่งจะจบชั้นมัธยมปลายมาหมาดๆ
“แม่จ๋าหนูจะทำทุกทางเพื่อหาเงินมารักษาแม่ให้ได้ ฮือออออ...” เจ้าหล่อนอดไม่ได้ที่จะปล่อยโฮออกมา นั่นเพราะคิดหาหนทางไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะหาเงินจำนวนมหาศาลขนาดนั้นมาจากไหนได้ในระยะเวลาอันสั้น
เอ๋!!!
“ฮัลโลค่ะคุณบาสเตียน ตอนนี้เมย์กำลังหาอยู่ค่ะ สาวพรหมจรรย์ที่ไหนจะมารับงานอย่างนี้ล่ะคะ ติดต่อใครไปก็ปฏิเสธทุกราย แต่ฉันจะพยายามหาให้ได้นะคะไม่ต้องห่วง”
เมื่อได้ยินเสียงใครบางคนกำลังคุยสายอยู่ข้างๆ อินทิราจึงเอี้ยวหน้าไปมองอย่างงงๆ ก่อนจะใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มจนหมด จากนั้นก็ลุกขึ้นจะเดินไป
“เพิ่มให้อีกห้าล้าน เป็นสิบล้านเลยเหรอคะ!”
ได้ยินอย่างนั้นอินทิราก็ชะงักฝีเท้าทันที ก่อนจะเอี้ยวหน้าไปมองหญิงสาวคนนั้นอีกครั้งอย่างสนใจ
สิบล้านบาทเลยงั้นหรือทำไมถึงได้มากมายมหาศาลขนาดนี้นะ
ว่าแต่มันคืองานอะไรกันแน่ทำไมถึงได้มีค่าจ้างมากมายมหาศาลขนาดนี้ แต่ไม่ว่ามันจะเป็นงานอะไรก็ตาม เธอจะยอมทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมารักษามารดาให้จงได้
“ขอโทษนะคะ” เธอยอมหน้าด้านเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายก่อน
“มีอะไรเหรอคะ”
แรกพบคนแปลกหน้าก็ทำเอา ‘ปราลี’ ถึงกับตะลึงงันกับความสวยของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เห็นอย่างนี้แล้วมีหรือที่เธอจะยอมปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ เพราะเหลือระยะเวลาอีกไม่นานก็จะถึงเส้นตายที่บาสเตียนได้ขีดไว้ให้แล้ว ไม่งั้นค่าจ้างก้อนใหญ่ที่เธอจะได้รับคงจะหลุดมือไปแน่ๆ
“คือ...ฉันสนใจงานที่คุณพูดถึงเมื่อครู่ค่ะ” อินทิรากลั้นใจพูดออกไปรวดเดียวจนจบ ก้มหน้ารอคำตอบด้วยกลัวว่าจะโดนปฏิเสธ
“คุณพูดจริงเหรอคะ” ปราลียิ้มกว้างกระโดดตัวโหยงๆ ด้วยความดีอกดีใจ
“จริงค่ะ...ว่าแต่ได้สิบล้านจริงหรือเปล่าคะ” ใครจะหาว่าเธอเห็นแก่เงินก็ช่าง เพราะชีวิตของมารดาสำคัญที่สุด
“จริงสิคะ สิบล้านบาทแต่มันก็มีข้อแม้ที่ค่อนข้างจะยุ่งยากพอสมควร”
“งานที่ว่าคืออะไรคะฉันทำได้ทุกอย่างเลย”
“ฉันว่าเราไปนั่งคุยกันที่อื่นดีกว่าไหมคะตรงนี้คนเยอะอาจจะไม่สะดวก”
“ได้ค่ะ”
อินทิราเริ่มยิ้มออกเมื่อรู้ว่ากำลังเข้าใกล้เงินสิบล้านมากขึ้นทุกที แม้จะยังไม่ได้รู้เลยว่ามันคืองานอะไรกันแน่
ทั้งสองเดินมาถึงบริเวณโซนที่นั่งปลอดคนในชั้นเดียวกัน จากนั้นปราลีก็เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา
“ก่อนอื่นต้องแนะนำตัวก่อนนะคะฉันชื่อปราลี เคยทำงานเป็นเลขาส่วนตัวคุณบาสเตียนที่ลาสเวกัส และเมื่อไม่นานมานี้ท่านติดต่อมาเพราะต้องการให้ฉันหาแม่อุ้มบุญให้”
“ห๊ะ! มะ...แม่อุ้มบุญ” อินทิราแทบไม่เชื่อหูตัวเอง มิน่าล่ะจำนวนเงินถึงได้มหาศาลขนาดนี้ เธออาจจะตกใจที่ได้ยินอย่างนั้น แต่ถ้าถามว่าจะทำไหม เธอตอบได้เต็มปากว่า…ทำจ้า!!!
“ใช่ค่ะ ถ้าคุณเอ่อ....”
“ฉันอินทิราค่ะ”
“ค่ะ ถ้าคุณอินทิราไม่โอเคก็ไม่เป็นไรนะคะ ฉันชินแล้วกับการโดนปฏิเสธ” ปราลีพูดอย่างไร้ซึ่งความหวังเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตกใจของอินทิรา
“ไม่มีปัญหาค่ะฉันตกลง”
“ห๊ะ! ทะ...ทำไมมันง่ายอย่างนี้เนี่ย” ปราลีตะลึงงันปนดีใจเมื่ออีกฝ่ายตอบรับโดยเร็วแทบไม่ต้องคิดอะไรมาก บทจะง่ายก็แทบไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย
“ตอนนี้ฉันร้อนเงินมากค่ะ แม่ฉันเป็นมะเร็งลำไส้ระยะที่สองแล้วต้องผ่าตัดด่วน ค่าใช้จ่ายเยอะอย่างนี้ฉันไม่รู้จะไปหาเงินที่ไหนทันน่ะสิคะ คุณปราลีต้องช่วยดิฉันนะคะ งานนี้เป็นความหวังเดียวที่จะทำให้ฉันมีเงินรักษาแม่” อินทิรายอมเล่าถึงความจำเป็นให้ฟัง เผื่อว่าอีกฝ่ายจะเห็นใจและเลือกเธอให้ทำงานนี้
“มิน่าล่ะ ฉันเห็นใจคุณนะคะแต่ว่าคุณต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดและยอมรับข้อตกลงที่ฉันจะบอกได้”
“บอกมาเลยค่ะฉันไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”
“ข้อแรกคุณต้องเป็นสาวพรหมจรรย์ ข้อสองหลังจากคลอดลูกแล้วคุณจะต้องรีบกลับเมืองไทยทันทีไม่มีสิทธิ์ในตัวเด็ก ส่วนข้อสุดท้ายคุณต้องปิดเรื่องนี้ให้เป็นความลับอย่าให้ใครรู้เด็ดขาด”
“แค่นี้ใช่ไหมคะ”
“ค่ะแค่สามข้อเท่านั้น ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยที่เขาบอกฉันมาคุณถือว่าผ่านฉลุย ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาและบุคลิกภาพ” ปราลียอมรับว่าเธอคนนี้เป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยมาก สวยจนสามารถเป็นดาราได้เลยทีเดียว เธอหวังว่าอินทิราจะยอมรับข้อเสนอได้และงานของเธอจะได้จบสิ้นลงเสียที
“ฉันยังบริสุทธิ์ค่ะ ส่วนข้อสองกับสามฉันมั่นใจว่าทำได้แน่ไม่มีปัญหาค่ะ” อินทิราเอ่ยอย่างมั่นใจ
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอถ่ายรูปคุณส่งไปให้คุณบาสเตียนดูก่อนได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ”
อินทิราพยายามเซ็ทผมให้ดูดีที่สุด ก่อนจะนั่งฉีกยิ้มต่อหน้ากล้องมือถือยี่ห้อดัง
แชะ!
“รอสักครู่นะคะฉันขอส่งภาพให้คุณบาสเตียนก่อน ว่าแต่คุณต้องใช้เงินวันไหนคะฉันจะได้บอกท่าน” ปราลีเอ่ยขณะส่งภาพให้คนที่อยู่ต่างประเทศ
“อาทิตย์หน้าค่ะ” อินทิราตอบด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้เธอดีใจมากที่สุดในชีวิตเพราะสามารถหาเงินมารักษามารดาได้แล้ว ถึงแม้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้างเธอก็ยอมที่จะเสี่ยง
“ว้าว!!! คุณบาสเตียนตอบตกลงมาแล้วค่ะ” ปราลีเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ด้วยความดีใจ “ดีใจด้วยนะคะสงสัยคุณคงจะถูกใจเขามาก”
“คนที่จ้างฉันชื่อคุณบาสเตียนเหรอคะ” เธออยากถามให้มั่นใจอีกครั้งว่าคนชื่อนี้เป็นนายจ้างของเธอจริงๆ
“ใช่ค่ะคุณบาสเตียนเป็นนักธุรกิจที่รวยมากในลาสเวกัส” ปราลีบอก
“ออค่ะ ว่าแต่ฉันจะได้เงินตอนไหนคะ”
“อ้อ! เรื่องเงินจะแบ่งเป็นสองก้อนนะคะ หลังจากเซ็นต์สัญญาคุณจะได้ห้าล้านบาท ส่วนอีกห้าล้านจะได้ตอนที่คุณกลับมาเมืองไทย”
“ขอบคุณมากๆ นะคะ ฟ้าต้องส่งให้คุณมาเจอฉันแน่ๆ ถ้าไม่ได้เจอคุณตอนนี้ฉันคงจะนั่งกลุ้มอยู่คนเดียวแน่ๆ” อินทิรายกมือไหว้ด้วยความดีอกดีใจ จนน้ำตาซึมออกทางหางตา
“ฉันเองก็ต้องขอบคุณคุณเหมือนกันที่ทำให้งานฉันเสร็จสักที ยังไงก็ขอให้แม่คุณหายไวๆ นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่เราจะเซ็นต์สัญญากันวันไหนดีคะ”
“พรุ่งนี้คุณมาที่โรงพยาบาลอีกไหมคะ” ปราลีถาม
“มาค่ะ ตอนนี้แม่ฉันนอนที่โรงพยาบาลต้องมาที่นี่ทุกวัน”
“ถ้างั้นพรุ่งนี้เจอกันนะคะ เตรียมเลขบัญชีคุณมาด้วยฉันจะได้โอนเงินให้”
“ฉันขอกอดคุณได้ไหมคะ ฉันดีใจจนไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้ว”
“ได้สิคะ” ปราลียิ้มด้วยความยินดี
อินทิราโผเข้ากอดคนที่เพิ่งจะเจอหน้ากันไม่ถึงชั่วโมงอย่างแนบแน่น แม้ว่าปราลีจะไม่ใช่คนที่จ้างวานเธอ แต่ทว่าปราลีคือผู้ที่จุดเทียนให้แสงสว่างกับเธอขณะอยู่ในความมืดมิด
“ว่าแต่คุณปราลีมาเยี่ยมใครที่โรงบาลคะเนี่ย”
“พอดีเพื่อนฉันไม่สบายค่ะพรุ่งนี้หมอก็ให้กลับบ้านได้แล้ว ฉันขอเบอร์ติดต่อคุณหน่อยสิคะ”
“ได้ค่ะ”
อินทิรารีบกดเบอร์โทรให้ทันที
“ไว้เจอกันนะคะ แล้วเราค่อยมาคุยรายละเอียดกัน” ปราลีเอ่ย
“สวัสดีค่ะ”
หลังจากปราลีเดินไปแล้วอินทิราก็รีบเร่งฝีเท้าไปยังห้องน้ำทันที เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครในนั้นเธอก็ส่งเสียงกรี๊ดด้วยความดีใจ ในที่สุดมารดาของเธอก็จะสามารถเข้ารับการรักษาโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายแล้ว แม้จะต้องตายเธอก็ไม่กลัวหากจะทำให้มารดามีชีวิตรอดต่อไป
บทที่ 33อวสานหลังจากเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันบนโต๊ะหมู่บูชาแล้ว อินทิราก็บอกให้ลูกทั้งสองคนกราบพระประธานที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างบนสุด จากนั้นก็หันไปมองยังมุมห้องที่มีโกศเล็กๆ วางอยู่พร้อมกับรูปถ่ายของผู้เป็นมารดา อินทิราส่งยิ้มให้มารดาทุกครั้งที่เข้ามาในห้องแห่งนี้“กราบคุณยายสิคะ” เจ้าหล่อนบอกกับลูกทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม“ทำไมมัมต้องพาพวกเรามากราบคุณยายทุกวันด้วยครับ” แมทธิวเอ่ยกับมารดาด้วยสีหน้าสงสัย“คุณยายเคยเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็ก เราจะปล่อยให้คุณยายเหงาได้ยังไง ถ้ามัมไม่อยู่แล้วแมทธิวเองก็ต้องทำอย่างนี้เหมือนกันเข้าใจไหมครับ”“เข้าใจแล้วครับมัม ผมจะมากราบคุณยายพร้อมมัมทุกวันเลยครับ คุณยายจะได้ไม่เหงา”“ดีมากจ๊ะลูก” อินทิราลูบกลางกระหม่อมลูกชายเบาๆ อย่างเอ็นดู “แล้วแอนนาล่ะคะ”“กราบ...ยาย” เด็กหญิงตอบรับเป็นคำๆ ราวกับเข้าใจเป็นอย่างดีเช่นเดียวกันจากนั้นเด็กทั้งสองก็ก้มกราบโกศสีทองแ
บทที่ 32พลอยดาวสามปีต่อมาในสถานบันเทิงชื่อดังใจกลางเมืองลาสเวกัส นักท่องราตรีหลากหลายเชื้อชาติต่างก็เข้ามาหาความสุขกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ดนตรีเพลงละตินดังก้องโลกทำให้บรรดาหนุ่มสาวเกิดความคึกคะนอง ต่างก็โยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างสนุกสนานฉายภาพมาที่ห้องวีไอพีสุดหรูซึ่งเป็นธุรกิจแอบแฝงของที่นี่ กลุ่มนักดื่มสูงวัยผิวสีสามสี่คนกำลังโอบกอดหญิงสาวชาวเอเชียที่แต่งตัววับแวมล่อเสือล่อตะเข้ คอยเอาอกเอาใจแขกคนสำคัญอย่างรู้งาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพลอยดาวหลังจากวันที่โดนไล่ละเพิดออกมาจากคฤหาสน์ของบาสเตียน เจ้าหล่อนก็บังเอิญเจอกับมาเฟียหนุ่มใหญ่เจ้าของซ่องที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส ตอนแรกเขาต้อนรับเธอเข้ามาอยู่ในฐานะเมียดูแลซะดิบดี แต่ทว่าพอเบื่อแล้วเจ้าหล่อนก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในบรรดาสาวๆ ที่ต้องเข้าไปทำงานในซ่องพลีกายให้กับบรรดานักธุรกิจแก่ตัณหากลับหลากหลายเชื้อชาติ ที่เข้ามาใช้บริการด้วยวงเงินที่สูงพอตัวพลอยดาวกำลังนั่งบนตักลูกค้าผิวสีคนหนึ่งอายุราวหกสิบเห็นจะได้ แม้ว่าเขาจะถูกใจเธอมากเป็นพิเศษ แต
บทที่ 31ห้องนอนน้อยๆหลังจากทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน ภายในห้องนอนเล็กๆ ซึ่งเป็นที่ซุกหัวนอนของอินทิรามาตั้งแต่เด็กจนโต ข้าวของทุกอย่างยังคงถูกวางไว้ที่เดิม ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่เสียนานเตียงนอนขนาดเล็กทำให้ไม่สามารถนอนพร้อมกันได้สองคน บาสเตียนจึงต้องปูฟูกนอนอยู่ข้างเตียง นุ่งผ้าขาวม้านอนคุยไลน์กับเลขาส่วนตัวเรื่องงาน ส่วนอินทิราก็นอนจ้องมองเพดานห้องลูบท้องตัวเองเบาๆ ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มน้อยๆ ฉายออกมาตลอดเวลา บ่งบอกว่าเจ้าหล่อนมีความสุขมากแค่ไหน“เธอ…นอนยัง?” เสียงคนที่นอนอยู่ข้างล่างเอ่ยเรียก อินทิราจึงเอียงใบหน้าสวยหันไปมองยังต้นเสียง แม้จะมองไม่เห็นหน้าเขาก็ตามที“ยัง...ทำไมเหรอ?”“ฉันไม่ได้นอนกอดเธอ...นอนไม่หลับอ่ะ”“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” อินทิรายิ้มน้อยๆ รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังต้องการอะไร“ฟูกข้างล่างนุ่มมาก แถมยังกว้างอีกด้วยนะ”“แล้วจะบอกฉันทำไม
บทที่ 30ความเข้าใจ“มาแล้วคร้าบบบ”หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว บาสเตียนจึงรีบวิ่งลงมาจากห้องเพื่อร่วมวงทานข้าว เมื่อมาถึงก็พบว่าทั้งสามได้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ที่บ้านของอินทิราใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมาโดยตลอด เพราะทุกคนคุ้นชินกับการปูเสื่อนั่งล้อมวงทานข้าวกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่สำหรับบาสเตียนมันคือเรื่องแปลกใหม่มากๆ“นั่งลงสิ” อินทิราเงยหน้าขึ้นไปเอ่ยเมื่อเห็นบาสเตียนเอาแต่ยืนมองดูไม่ยอมนั่งลงเสียที“คงจะรับไม่ได้สินะที่ต้องมานั่งกินข้าวแบบบ้านๆ อย่างนี้” แก้วกันยาเอ่ยประชด“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับคุณแม่ ผมอยู่ง่ายกินง่ายไม่เลือกมากคร้าบบ” บาสเตียนนั่งขัดสมาธิอย่างเก้ๆ กังๆ โปรยยิ้มให้ทุกคนก่อนจะหยิบช้อนแกงในจานข้าวจะไปตักอาหาร แต่กลับไม่คุ้นชินเมนูที่อยู่ในจานเลยอย่างบาสเตียนลังเลใจอยู่นานกว่าจะเลือกได้ และสุดท้ายหวยก็มาลงที่จานไข่เจียวขณะเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ อยู่นั้นบาสเตียนก็หันไปมองอินทิราด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยัก
บทที่ 29ตัวหอมหลังจากทำเคมีบำบัดครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นลง คุณหมอจึงอนุญาตให้แก้วกันยากลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ แม้ว่าช่วงเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาลบาสเตียนก็เอาอกเอาใจแม่ยาย ทำหน้าที่ยิ่งกว่าลูกแท้ๆ เสียอีก แต่ทว่าท่าทีของแก้วกานดากลับยังไม่อ่อนลงเลยสักนิด ตรงกันข้ามสำหรับอินทิราสถานการณ์กลับเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ออกปากไล่ตะเพิดเหมือนเมื่อครั้งที่เจอกันตอนแรกแล้วบาสเตียนไม่เคยปรนนิบัติพัดวีใครอย่างนี้มาก่อนนอกจากมารดาของตัวเอง แต่ทว่าสำหรับความรักครั้งนี้เจ้าตัวทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อจะได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบอย่างที่เคยมีในวัยเด็กอีกครั้งอาณัฐพยุงผู้เป็นมารดาลงมาจากรถแท็กซี่เข้าไปในบ้าน โดยมีอินทิราและบาสเตียนเดินตามหลังมาติดๆบ้านไม้สองชั้นเก่าๆ ริมคลอง มีเรือหางยาวแล่นผ่านเป็นระยะๆ ทำให้บาสเตียนเกิดความสนใจเป็นพิเศษ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้มาก่อน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไม่วุ่นวายเหมือนเมืองที่เคยอยู่มาตั้งแต่เกิดอย่างลาสเวกัสเลยสักนิด“บ้านเธอน่าอยู่ดีนะ” บาสเต
บทที่ 28ลูกเขยเจ้าเล่ห์วันต่อมา“อาร์ออกมาคุยกับพี่หน่อยสิ” บาสเตียนเอ่ยเรียกอาณัฐออกมาที่หน้าห้องพักผู้ป่วย ขณะคุณหมอเข้ามาตรวจผู้เป็นมารดาภายในห้องเดินออกมาถึงหน้าห้องแล้วบาสเตียนก็ยื่นบัตรเครดิตให้“อะไรครับพี่” อาณัฐมองหน้าอย่างงงๆ“บัตรเครดิตไง พี่ให้ไปช้อปปิ้ง เราดูแลแม่มานานคงอยากจะไปเที่ยวบ้าง จัดให้เต็มที่เลยนะเดี๋ยวพี่กับอินทิราจะดูแลคุณแม่ให้เองไม่ต้องห่วง”“ขอบคุณครับพี่” อาณัฐยกมือไหว้ด้วยความดีใจ ยิ้มไม่ยอมหุบ ก่อนจะยื่นมือไปรับมา “แล้วมันใช้ได้เท่าไหร่ครับพี่”“ไม่อั้น” บาสเตียนส่งยิ้มน้อยๆ ให้“เยส!!! ขอบคุณมากๆ ครับพี่” อาณัฐโผเข้ากอดบาสเตียนก่อนจะรีบเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีบาสเตียนยิ้มส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง“แม่คะทานข้าวนะเดี๋ยวหนูป้อน” อินทิรายกถาดข้าวต้มพร้อมทั้งแก้วน้ำดื่มมาวางไว้ข้างเตียง เตรียมพร้อมสำห
บทที่ 27แม่ยายจ๋าหลังจากเครื่องแลนดิ้งลงบนผืนแผ่นดินไทยแล้ว ทั้งสองก็รีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลในทันที นั่นเพราะมารดาของอินทิรากำลังพักฟื้นอยู่ที่นั่นตั้งแต่เมื่อครั้งเกิดเรื่องขึ้นนั่งแท็กซี่มาถึงโรงพยาบาลแล้ว ทั้งสองก็รีบขึ้นมายังห้องพักฟื้น บาสเตียนยื่นมือมาให้อีกฝ่ายประสานไว้อย่างแนบแน่น ส่งยิ้มให้กำลังใจกันและกัน ชายหนุ่มออกแรงบีบมือเจ้าหล่อนเบาๆ เพื่อเตือนสติให้รับรู้ว่า เขาพร้อมที่จะอยู่ข้างกันอย่างนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น“พร้อมแล้วใช่ไหม”“อื้อ...ฉันพร้อมแล้ว”จากนั้นบาสเตียนจึงเปิดประตูจูงมือคนรักเข้าไปในห้อง ก็เจอกับน้องชายที่กำลังป้อนข้าวผู้เป็นมารดาอยู่บนเตียง แวบแรกที่เห็นอินทิราถึงกับปล่อยโฮออกมา นั่นเพราะใบหน้าของมารดาซีดเซียวแตกต่างจากครั้งล่าสุดที่เธอเห็น บนศีรษะก็มีหมวกไหมพรมสวมไว้ เพื่อปกปิดอาการผมร่วงจากการทำคีโมนั่นเอง“แม่! ฮือ...” อินทิรารีบโผเข้าไปกอดผู้เป็นมารดา แต่ทว่ากลับได้รับการปฏิเสธจากทั้งคำพูดและการกระทำ จนเจ้า
บทที่ 26กลับบ้านเมื่อเดินเข้าไปในบ้านก็พบบาสเตียนกำลังนั่งปลอบใจอินทิราอยู่โซฟา โดยหญิงสาวกำลังร้องไห้ร้องห่มราวกับเจอเรื่องทุกข์ใจมาอย่างแสนสาหัส เห็นอย่างนั้นผู้มาใหม่ทั้งสองจึงรีบเดินตรงไป เพื่อจะถามไถ่ถึงเรื่องราวความเป็นมา“เกิดอะไรขึ้นครับบอส” แอนดริวเอ่ยถาม“นั่นสิทำไมคุณอินถึงได้ร้องไห้หนักขนาดนี้ เมื่อครู่กูเห็นพลอยดาวโดนการ์ดลากตัวออกไปหรือว่าเป็นฝีมือพลอยดาว” แม็กซ์เวลล์ถามต่อ“เพราะยัยนั่นล่ะ” บาสเตียนพูดด้วยสีหน้ายุ่งเล็กน้อย เห็นอินทิราไม่สบายใจอย่างนี้ก็ทำให้เขารู้สึกแย่ตามไปด้วย“ทิ้งมึงไปแล้วยังจะกลับมาหาหอกอะไรอีกวะ แถมยังมาทำร้ายคุณอินอีกต่างหาก” แม็กซ์เวลล์เป็นเดือดเป็นร้อนแทนเพื่อนรักซะเต็มประดา“กูถึงได้ไล่ออกจากบ้านไปยังไงล่ะ”“ว่าแต่พลอยดาวทำอะไรคุณอินวะ ถึงได้ร้องไห้ร้องห่มอย่างนี้” แม็กซ์เวลล์ถามต่อ“ยัยนั่นให้เพื่อนที่เมืองไทยไปบอกแม่อินทิราว่ามารับจ้างเป็นแม่
บทที่ 25จุดจบของนางร้าย“ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เพราะนับจากนี้ฉันจะอภัยให้เธอแล้ว เรื่องระหว่างเราจะถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น” บาสเตียนบอกกับหญิงสาวเมื่อได้ยินอย่างนั้นพลอยดาวก็เริ่มยิ้มออก เธอไม่นึกไม่ฝันว่าบาสเตียนจะคำนี้ออกมา ทั้งที่แต่ก่อนเอาแต่ก่นด่าเธอทุกครั้งที่เจอหน้ากัน“ขอบคุณนะคะบาสเตียน”“ที่ฉันยอมเพราะอินทิราเป็นคนขอร้อง ฉันไม่อยากให้เมียฉันต้องคิดมากกับเรื่องนี้อีก คงเข้าใจแล้วนะว่าทำไมเธอถึงเทียบอินทิราไม่ติดเลยสักนิด” บาสเตียนเอ่ยพลางกระชับอ้อมแขนโอบไหล่อินทิราให้แน่นขึ้นไปอีกพลอยดาวแทบเปลี่ยนอารมณ์ไม่ทัน เมื่อบาสเตียนสาธยายความจริงให้เธอได้รับฟัง เขาพูดราวกับว่าเธอไม่ได้มีค่าในสายตาเลยสักนิด เป็นเพราะอินทิราคนเดียวที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันแย่ลงอย่างนี้ นั่นทำให้เธอเกลียดอินทิราเข้าไส้มากขึ้นไปอีก“กรี๊ดดดด!!! ทำไมต้องเอาพลอยไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงคนนี้ด้วย ผู้หญิงชั้นต่ำที่เอาตัวเองมาแลกกับเงินอย่างนี้”
Комментарии