บทที่ 3
แรกเจอ
การเซ็นสัญญาผ่านไปด้วยดีพร้อมๆ กับการผ่าตัดของมารดา นั่นทำให้อินทิราโล่งใจเป็นที่สุด แม้การผ่าตัดจะผ่านไปได้ด้วยดีแต่ทว่ายังคงต้องทำเคมีบำบัดต่อไปอีกจนกว่าจะหายขาด อีกไม่กี่วันเธอจะต้องเดินทางไปอเมริกาแล้วแต่ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับมารดาและน้องชายเลย วันนี้จึงตัดสินใจจะบอกเรื่องนี่ให้คนทั้งสองรับรู้
“แม่คะหนูมีเรื่องจะบอก” เจ้าหล่อนเอ่ยกับมารดาขณะนั่งอยู่ข้างเตียงในห้องพักผู้ป่วย ส่วนน้องชายนั่งอยู่อีกฝั่ง
“แม่ก็มีเรื่องจะถามแกเหมือนกัน” แม้จะเพิ่งฟื้นจากการผ่าตัดแต่กันยาก็ยังไม่คลายความสงสัย ลูกสาวเอาเงินมากมายจากไหน จนสามารถจ่ายค่าผ่าตัดรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
“แม่มีอะไรเหรอจ๊ะ”
“แกเอาเงินที่ไหนมาเป็นค่ารักษาแม่ เงินมันไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ”
“ก็นี่ไงจ๊ะแม่ หนูกำลังจะบอกว่าอีกสองวันหนูจะไปทำงานที่อเมริกาแล้วนะ เงินที่ใช้จ่ายก็เป็นเงินของเจ้านายหนูเอง” อินทิรายิ้มแย้มเพื่อทำให้ผู้เป็นแม่สบายใจ
“แกได้งานตั้งแต่ตอนไหนทำไมแม่ไม่เคยรู้” กันยายังคงสงสัยกับสิ่งที่ลูกสาวบอก
“หนูสมัครไว้นานแล้วเขาเพิ่งจะตอบรับมา เจ้านายหนูรวยและใจดีมากๆ เลยนะแม่ ท่านยอมให้หนูยืมเงินมารักษาแม่ก่อนแล้วค่อยใช้คืนทีหลัง” อินทิรายังคงยิ้มให้ผู้เป็นแม่
“แกไม่ได้โกหกแม่นะ”
“จริงสิจ๊ะแม่ หนูจะโกหกทำไม แม่อย่าคิดมากนะรีบรักษาตัวให้หายไวๆ หนูจะได้มีกำลังใจไปทำงานยังไงละ”
“แล้วงี้ผมก็ต้องอยู่ดูแลแม่คนเดียวอ่ะดิ” อาณัฐผู้เป็นน้องชายเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้างองุ้ม
“แกดูแลแม่ไม่ได้รึไงอา อย่ามาทำเป็นหน้างอ” อินทิราว่าให้น้องชาย
“ก็เปล่า...ดูแลได้แต่คงไม่มีเวลาเที่ยวอ่ะ”
“อย่ามาทำอิดออดนี่แม่เรานะ ถ้าฉันรู้ว่าแกหนีเที่ยวไม่ยอมดูแลแม่ฉันเอาแกตายแน่”
“รู้แล้วน่าใครจะปล่อยให้แม่อยู่คนเดียวล่ะ”
“ลองทำดูสิฉันกลับมาฆ่าแกแน่ เอาเป็นว่าไปถึงที่นั่นแล้วฉันจะซื้อของส่งมาให้ละกัน”
“จริงๆ นะ!” อาณัฐเริ่มยิ้มออกเมื่อพี่สาวเอาของมาล่อ
“ก็จริงน่ะสิ แต่จะเป็นของอะไรนั้นฉันจะเป็นคนเลือกให้เอง”
“ไม่มีปัญหา”
เธอยิ้มให้น้องชายก่อนจะหันไปเอ่ยกับมารดาต่อทันที
“แม่จ๋า แม่ต้องสู้นะจ๊ะจะได้หายไวๆ หนูสัญญาว่าจะโทรมาหาแม่ทุกวัน” เธอเอื้อมไปจับมือมารดาไว้แน่นเพื่อให้กำลังใจ
“แกไม่ต้องห่วงแม่สู้อยู่แล้ว แกเองก็ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ อย่าให้ใครเขาหลอกได้ที่นั่นไม่ใช่บ้านเราระวังตัวให้มากๆ นะ”
“จ๊ะแม่หนูจะดูแลตัวเองดีๆ” ยิ่งใกล้วันเดินทางเจ้าหล่อนยิ่งใจหาย น้ำตาไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว
“จะร้องทำไมเนี่ยฉันยังไม่ได้ตายซะหน่อย”
“แม่ก็...หนูคงจะคิดถึงแม่มากๆ เลยอ่ะ” อินทิราเอ่ยพลางยกหลังมือขึ้นปาดน้ำใสๆ ที่หางตาออก
“เป็นลูกแม่ต้องสู้รู้ไหม” กันยาเองก็อดน้ำตาซึมไม่ได้เมื่อรู้ว่าลูกสาวจะต้องห่างอกไปไกลถึงต่างประเทศ
“จ๊ะแม่” เจ้าหล่อนเริ่มยิ้มออกเมื่อได้กำลังใจจากมารดา
มารดาคงจะเสียใจมากถ้ารู้ว่างานที่เธอกำลังจะไปทำนั้นคืออะไร แต่มันคงไม่มีวันนั้นแน่นนเพราะเรื่องนี้จะถูกเก็บเป็นความลับไปตลอดชีวิต เธอจะไม่ปริปากบอกใครเลยแม้แต่คนเดียว
อินทิราใช้เวลาไม่กี่วันที่เหลือดูแลมารดาอย่างใกล้ชิด ก่อนจะเตรียมตัวบินไปทำงานที่คงไม่มีใครกล้าทำเหมือนอย่างเธอเป็นแน่
*-*-*-*-*-*-*
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง หลังจากร่ำลามารดาและน้องชายแล้ว อินทิราก็นั่งรถมากับปราลีที่ตั้งใจมารับไปส่งสนามบิน นี่คือครั้งแรกที่เธอได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ ทำให้เจ้าหล่อนตื่นเต้นไม่น้อย
“เดินทางปลอดภัยนะคะ” ปราลีเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากเดินมาส่งถึงในสนามบินแล้ว
“ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องนะคะ ฉันจะไม่มีวันลืมพระคุณคุณปราลีเลย”
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ มันคืองานของฉันอยู่แล้ว” ได้ยินอย่างนั้นปราลีก็รู้สึกผิดในใจที่ส่งอินทิราเข้าปากเสือ เธอได้แต่หวังว่าบาสเตียนจะเมตตาอินทิราเหมือนอย่างที่เคยสัญญาไว้
“ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณอยู่ดี”
“ความดีจะช่วยคุ้มครองคุณจากทุกเรื่องค่ะ ฉันมั่นใจว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้น เมื่อไปถึงสนามบินแมคคาร์เรนจะมีคนถือป้ายรอรับคุณอยู่ที่นั่นนะคะ ฉันประสานงานไว้ให้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะ”
“ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ฉันมาส่งคุณได้เท่านี้คงต้องกลับแล้ว”
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
อินทิราโผเข้ากอดปราลีอย่างแนบแน่น จากนั้นทั้งสองสาวก็แยกย้ายกัน อินทิราจ้องมองตั๋วเครื่องบินที่อยู่ในมือด้วยความกังวลใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถอนหายใจเสียงดัง จากนั้นก็เดินเข้าไปยังเกตเพื่อรอขึ้นเครื่อง เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางนั่นคือเมืองแห่งแสงสีและการเสี่ยงโชค...ลาสเวกัส
การเดินทางที่แสนยาวนานของเธอได้ผ่านพ้นไปแล้ว หลังจากเครื่องบินแลนดิ้งลงผืนแผ่นดินประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจการค้าโลกอย่างสหรัฐอเมริกา
ลงมาจากเครื่องแล้วอินทิราก็ชะเง้อมองหาป้ายชื่อตนเองท่ามกลางฝูงชนที่แน่นขนัด ไม่นานก็สะดุดตากับป้ายขนาดกลางๆ ที่อยู่ในมือหนุ่มหล่อคมเข้มตามฉบับหนุ่มละติน สวมชุดสูทสีเข้มดูเท่ไม่หยอก เห็นอย่างนั้นเจ้าหล่อนก็ยิ้มแล้วเดินเข้าไปหาโบกมือทักทายด้วยความดีใจ
“สวัสดีค่ะ ฉันอินทิราคนที่คุณมารอรับค่ะ”
“สวัสดีครับผม แอนดริวเป็นเลขาคุณบาสเตียน ท่านให้มารับคุณครับ” หนุ่มหล่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ขอบคุณค่ะ”
“เชิญทางนี้เลยครับ” แอนดริวผายมือให้ทางผู้มาใหม่ด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ”
ระหว่างนั่งรถลีมูซีนคันหรูมาด้วยกัน อินทิราก็เอาแต่นั่งเกร็งด้วยความตื่นเต้นปนตื่นตากับแสงสีของเมืองที่ผู้คนต่างกล่าวขานว่าเป็นเมืองบาป นั่นเพราะเมืองทั้งเมืองเจริญเติบโตขึ้นมาจากความก้าวหน้าของกิจการการพนัน ที่เป็นแรงดึดดูดให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามา แต่ปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนาไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ศูนย์ประชุม ร้านอาหารและห้างสรรพสินค้า เป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายทางที่ผู้คนทั่วโลกต้องมาสักครั้งในชีวิต
โชคดีที่แอนดริวเป็นคนช่างพูดทำให้อินทิรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น สามารถคุยกับชายหนุ่มได้อย่างไม่เคอะเขินเหมือนตอนแรกที่เจอกัน
“ถึงแล้วครับ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นอินทิราก็มองผ่านกระจกรถออกไป ก็พบกับคฤหาสน์หรูสไตล์ยุโรปหลังใหญ่โต แค่นี้เธอก็รู้แล้วว่าเขาคนนั้นรวยมากขนาดไหน เจ้าหล่อนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะผ่อนออกมาอย่างช้าๆ เพื่อเรียกความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับนายจ้างที่เขายังไม่เคยเห็นแม้กระทั่งรูปร่างหน้าตา
ลงจากรถแล้วแอนดริวก็สั่งให้คนขับรถนำกระเป๋าหญิงสาวผู้มาใหม่ขึ้นไปเก็บในบ้าน ก่อนจะเดินนำหน้าอินทิราพาเดินเข้าไปด้านใน เพื่อไปพบกับผู้เป็นเจ้านายที่นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น
“คุณแอนดริวทำงานกับคุณบาสเตียนนานรึยังคะ”
“ประมาณปีนึงแล้วครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ว่าแต่คุณรู้เรื่องฉันหรือเปล่าคะ” เธอเอ่ยถามไปตรงๆ เพราะหากแอนดริวรู้เรื่องแล้วจะได้ทำตัวถูก
“รู้สิครับ ถ้าเป็นเรื่องงานที่บอสสั่งให้ทำผมรู้หมดทุกเรื่อง เพราะผมเป็นเลขาเขานี่ครับ” ชายหนุ่มยิ้มให้
“ถ้างั้นคุณคงรู้เรื่องที่ฉันจะมาเป็นแม่อุ้มบุญแล้วสินะ” เธอเอ่ยออกไปตรงๆ
“แม่อุ้มบุญ!” ชายหนุ่มหน้าคมนัยน์ตาหวานหยุดชะงักด้วยความประหลาดใจ บาสเตียนไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเขาเลย บอกเพียงแค่ว่าให้มารับพนักงานคนใหม่เท่านั้นเอง
“คุณยังไม่รู้เรื่องนี้เหรอคะ”
“ใช่ครับ บอสบอกผมแค่ว่าคุณเป็นพนักงานคนใหม่เท่านั้นเอง”
“ใช่ค่ะฉันเป็นลูกจ้างเขา ส่วนงานที่ฉันจะมาทำนั่นคือการเป็นแม่อุ้มบุญ”
“ผมยังงงเล็กน้อยว่าทำไมจู่ๆ บอสถึงได้อยากมีทายาท ทั้งๆ ที่ท่านยังไม่มี...” แอนดริวพูดยังไม่ทันจบป้าสมัยก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน
“อ้าว! มาถึงกันแล้วเหรอคุณบาสเตียนรออยู่ด้านในนานแล้วค่ะ”
ท้งสองหันไปมองยังต้นเสียงพร้อมกัน
“กำลังจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับป้า” แอนดริวเอ่ยกับแม่บ้านสูงวัยที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
“สวัสดีค่ะป้า” เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนไทยด้วยกัน อินทิราจึงยกมือไหว้ตามมารยาท
“สวัสดีค่ะ ที่แท้แขกคุณบาสเตียนก็คือคุณนี่เอง แถมยังเป็นคนไทยอีกด้วย ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ป้าชื่อสมัยเป็นแม่บ้านที่นี่” ป้าสมัยเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“หนูชื่ออินทิราค่ะป้าเรียกหนูว่าอินก็ได้ ดีใจจังที่ได้เจอคนไทยด้วยกัน” อินทิราเริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้างเมื่อรู้ว่าอย่างน้อยก็มีคนไทยอยู่ที่นี่ พอให้เธอได้พูดคุยสนทนาด้วยได้
“เข้าไปกันเถอะค่ะตอนนี้คุณบาสเตียนกำลังรออยู่นานแล้ว”
จากนั้นทั้งสามก็เดินเข้าไปยังห้องนั่งเล่น ที่ผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้กำลังนั่งคอรอยการมาถึงของหญิงสาวอย่างใจจดใจจ่อ
“คุณบาสเตียนคะมาถึงกันแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นชายหนุ่มผู้ซึ่งนั่งสนใจแท็บเล็ตในมือ ก็ละสายตาขึ้นไปมองหน้าหญิงสาวที่เขาตั้งตารอมานานหลายวัน ใบหน้าเรียวรูปไข่ที่สวยละมุนทำเอาชายหนุ่มหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ช่างคล้ายกับพลอยดาวเหลือเกินนั่นคือสิ่งที่มาเฟียหนุ่มคิดในใจ
บทที่ 4ปะทะคารมตอนแรกอินทิราเข้าใจว่าอีกฝ่ายจะแก่จนหัวหงอกซะอีก แต่ทว่ามันกลับต่างกันลิบลับ ผมเขายังดำขลับ ยังหนุ่มยังแน่น แถมหน้าตายังหล่อบาดใจอีกด้วย แต่เธอไม่ชอบสายตาคมคู่นั้นเอาซะเลย เพราะตั้งแต่มาถึงเขาเอาแต่จ้องมองเหยียดๆ ราวกับเธอเป็นตัวอะไรซะอย่างนั้น“สวัสดีค่ะ” อินทิรายกมือไหว้ตามมารยาทไทย ไม่ยอมละสายตาจากเขาเช่นเดียวกัน“อืม” น้ำเสียงเย็นชาทำเอาอินทิราสตั๊นไปสามวินาที เธอไม่นึกว่าเขาจะมีอัธยาศัยแย่ขนาดนี้ ทำเอาอินทิราถึงกับต้องคิดหนักขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว“บอสครับเอ่อ...” แอนดริวกำลังจะเอ่ยปากถามเรื่องอินทิราแต่ทว่าผู้เป็นเจ้านายกลับสั่งให้ออกไปซะงั้น“นายกลับไปก่อนพรุ่งนี้ค่อยมาหาฉันที่นี่”“ครับ” แอนดริวยืนนิ่งตอบรับแต่โดยดี“ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ” เขาเอ่ยกับบาสเตียนก่อนจะหันไปเอ่ยกับคนที่ยืนข้างกัน “ผมกลับแล้วนะครับคุณอินไว้พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน”“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์ไปรับ แล้วเจอกันค่ะ” อินทิราเอ่ยกับชายหนุ่มด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“ครับผม”หลังจากแอนดริวออกไปแล้วภายในห้องกลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศที่สุดแสนจะอึดอัด อินทิรายังคงยืนอยู่อย่างนั้นไม่กล้านั่งลง“จะยืนค้ำหัว
บทที่ 5ผู้บุกรุกจอมหื่นหลังจากโทรหามารดาและน้องชายเรียบร้อยแล้ว อินทิราก็พยายามโทรติดต่อปราลีหลายต่อหลายครั้งแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับปิดเครื่องหนี ทำเอาเจ้าหล่อนถึงกับหัวเสียเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีแล้ว อยากมีใครสักคนไว้เป็นที่ปรึกษา แต่รู้สึกว่าปราลีคงจะไม่รับสายเธออีกแล้วเป็นแน่แท้หลังจากอาบน้ำชำระล้างร่างกายจนสดชื่นแล้ว เจ้าหล่อนก็นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพผมเปียกพอหมาดๆ ก่อนจะนั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมไปด้วย จ้องมองดวงหน้าสวยของตัวเองผ่านกระจกไปด้วยแม้ว่าเธอจะหน้าตาสะสวยแต่ทว่ายังไม่เคยมีคนรักมาก่อน มีผู้ชายมาจีบอยู่ไม่ขาดสายแต่เธอเลือกที่จะปฏิเสธ อาจเป็นเพราะว่าอยากจะตั้งใจเรียนให้จบ เพื่อจะได้ทำงานเลี้ยงดูมารดาให้ได้ก่อนค่อยคิดเรื่องความรักอีกที“เรื่องแค่นี้แกต้องทนให้ได้นะอินทิรา เพื่อแม่ เพื่อน้อง ท่องไว้ให้ขึ้นใจ” อินทิราเอ่ยกับตัวเองในกระจกก่อนจะถอนหายใจเสียงดัง ในวินาทีนี้คงไม่มีใครที่จะให้กำลังใจเธอได้ดีกว่าตัวเองแล้วล่ะ“คนบ้าอะไรพูดกับตัวเองก็เป็น”เอ๋!!!เสียงเข้มดังขึ้นจากด้านหลัง เจ้าหล่อนเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ก่อนจะเห็นดวงห
บทที่ 6รู้สึกดีไหมเวลาที่โดนฉันจูบ“บอสครับ มีลูกค้าไม่ยอมจ่ายหนี้เราอยู่สองราย รวมๆ แล้วก็หลายหมื่นดอลลาร์จะให้จัดการยังไงดีครับ” แอนดริวเอ่ยกับผู้เป็นเจ้านาย หลังจากเดินทางมาหาตั้งแต่เช้าตรู่“จับตัวมันมาซ้อมให้หลาบจำ จากนั้นขังไว้ในคุกใต้ดินสักสองวัน หากยังหาเงินมาไม่ได้ก็จัดการตัดนิ้วมันซะ” เขานั่งไขว้ขาอยู่บนโซฟาสั่งการอย่างสบายๆอินทิราเดินเข้ามาได้ยินพอดี เธอถึงกับตกอกตกใจกับคำสั่งของบาสเตียน ไม่นึกว่าเขาจะจิตใจโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้ นั่นทำให้เธอต้องระวังตัวมากขึ้นไปอีก“ครับบอส ถ้างั้นผมจะเข้าไปคาสิโนเดี๋ยวนี้เลย” แอนดริวรับคำสั่งแล้วลุกขึ้นจากโซฟา จากนั้นหันหลังจะเดินออกไปก็เจอกับอินทิราเข้าเสียก่อน“สวัสดีค่ะคุณแอนดริว” เจ้าหล่อนเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“อ้าว! คุณอินสวัสดีครับ” เมื่อเห็นหญิงสาวแอนดริวก็ยิ้มทักทาย“จะกลับแล้วเหรอคะ”“ครับผม เอาไว้ค่อยคุยกันน
บทที่ 7สวยจนฉันทนไม่ไหวแล้วก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นฉุดให้หญิงสาวที่กำลังนั่งกลุ้มใจอยู่บนเตียงหลุดจากภวังค์ วันนี้ครบกำหนดที่บาสเตียนจะเข้ามาทวงสัญญาถึงในห้องแล้ว นั่นทำให้อินทิรานั่งตัวสั่นด้วยความกลัวปนตื่นเต้น เจ้าหล่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูหน้าห้อง ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปหมุนลูกบิดประตู“อ้าว! ป้าสมัยเองเหรอคะ” อินทิราโล่งใจเป็นที่สุดเมื่อรู้ว่าคนที่มาเคาะประตูห้องคือป้าสมัย“คิดว่าเป็นคุณบาสเตียนเหรอคะ” ป้าสมัยยิ้มให้ราวกับรู้ว่าวันนี้คือวันอะไร“เอ่อ..ค่ะป้า” เจ้าหล่อนหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเมื่อโดนแซว ตั้งแต่เมื่อวานที่ป้าสมัยเห็นบาสเตียนกอดจูบเธอในห้องนั่งเล่น เจ้าหล่อนยังคงอายทุกครั้งที่เห็นหน้าแม่บ้านใจดีคนนี้“คุณบาสเตียนให้ป้าเอาของมาให้ค่ะ” ว่าแล้วป้าสมัยก็ยื่นกล่องสี่เหลี่ยมแบนๆ ให้“ขอบคุณค่ะป้า ว่าแต่มันคืออะไรงั้นเหรอคะ”“ลองเปิดด
บทที่ 8ทำลูก“สะ...สวยเหลือเกิน สวยจนฉันทนไม่ไหวแล้ว” บาสเตียนเอื้อมมือไปลูบไล้เนินหญ้าอย่างละเมียดละไม จ้องมองความงดงามของเนินสาว กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่“อื้อ....”อินทิราร้องครางเมื่อได้รับสัมผัสที่แผ่วเบา เจ้าหล่อนเอียงหน้าหนีพร้อมทั้งหลับตาพริ้ม แถมยังตัวสั่นเทาด้วยความประหม่า เพราะนี่คือครั้งแรกที่โดยผู้ชายรุกล้ำเข้ามาในตัวแบบนี้“จะ...จะทำอะไร”เจ้าหล่อนร้องถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อโดนอีกฝ่ายจับขาเรียวแยกออกจากกันอ้าซ่า แถมยังเข้าไปนั่งยองๆ อยู่ตรงกลางอีกด้วย“เดี๋ยวก็รู้หึๆ”“อ๊ะ!”มาเฟียหน้าหล่อก้มหน้าลงไปที่กลางร่องแฉะ ใช้มือทั้งสองข้างแหวกกลีบแคมอูมทั้งสองออกจากกัน นั่นทำให้อินทิรารู้สึกเสียววาบจนต้องเกร็งท่อนขาวเรียวเข้าหากัน แต่ไม่สามารถหยุดความหื่นกระหายของบาสเตียนได้เลย“อย่าเกร็งสิ...เชื่อใจฉัน”เขาว่าพลางจ้องมองดวงหน้าสวยที่แสดงถึงความประหม่าอ
บทที่ 9แผนลวงใจค่ำคืนแห่งสงครามกามารมณ์อันยาวนานได้ผ่านพ้นมาแล้ว อินทิราแทบไม่กล้าสู้หน้าใครในบ้านหลังนี้เลยสักคน โดยเฉพาะบาสเตียน ผู้ชายที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอให้ขาดสะบั้นลงไปอย่างหน้าไม่อายตอนนี้อินทิราค่อยๆ ย่องลงมาจากชั้นบนเพื่อรับประทานอาหารเช้า กวาดสายตามองหาคนในบ้าน เจ้าหล่อนแทบอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี เพราะทุกคนในบ้านหลังนี้รู้ดีว่าเมื่อคืนเธอกับบาสเตียนทำอะไรกันในห้องนอน โดยเฉพาะป้าสมัยที่เป็นคนรู้ดีกว่าใครๆ“อ้าว! คุณอินมาทานข้าวเช้าสิคะ ป้าเตรียมสำรับไว้รอตั้งนานแล้ว” เมื่อเห็นหญิงสาวร่างเล็กกำลังเดินเข้ามาอย่างเก้ๆ กังๆ ป้าสมัยก็รีบเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม ทำให้ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่หัวโต๊ะมองด้วยหางตาก่อนจะกระตุกยิ้มร้าย“ขอบคุณค่ะป้า หนูขอโทษที่ลงมาช้า” เจ้าหล่อนตอบพลางเดินไปนั่งลงข้างโต๊ะ ซึ่งเป็นที่นั่งติดกับบาสเตียนแต่ไม่ยอมสบตาเขาแม้แต่แวบเดียว“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ป้าทำอาหารไทยให้คุณด้วยนะคะ ผัดผักรวมมิตรกั
บทที่ 10บอกรักหลังจากอาบน้ำอาบท่าแล้วอินทิราก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ เจ้าหล่อนเดินตรงมาเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกชุดนอนมาสวมใส่ แต่ในขณะนั้นก็สะดุดตากับชุดนอนสายเดี่ยวซีทรูสีขาววางแอ้งแม้งอยู่ ทำให้นึกถึงคำพูดของบาสเตียนเมื่อช่วงเช้า มือเรียวจึงค่อยๆ เอื้อมไปหยิบมันขึ้นมา“ฉันต้องใส่ชุดบ้าบอนี่จริงๆ เหรอเนี่ย” เจ้าหล่อนบ่นกับตัวเองจากนั้นจึงตัดสินใจสวมชุดวาบหวิวนั่น เดินไปยังหน้ากระจกบานใหญ่เพื่อสำรวจความเรียบร้อย เอี้ยวตัวไปมาก่อนจะยิ้มอย่างพอใจกับความสวยของตัวเอง เรือนร่างอันเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าเนื้อบางที่เห็นทุกสัดส่วน เนินอกเต่งตึงชูชันโดดเด้งออกมาให้เห็นถนัดตา หากชายใดได้มาเห็นอย่างบาสเตียนคงไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้เป็นแน่หมับ!!!!“อุ๊ย! ...ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ มาไม่ให้สุ้มให้เสียงรู้ไหมว่าคนตกใจ” อินทิราสะดุ้งโหยงเมื่อโดนกอดจากด้านหลัง แถมมือหนายังวางหมับไว้บนเนินอกพอดิบพอดี มองในกระจกเงาก็เห็นรอยยิ้มกระชากใจสาวบนใบหน้าหล่อที่เกยค
บทที่ 11สวนแห่งรัก“ป้าสมัยคะ หนูขอคุยด้วยสักครู่ได้ไหม” อินทิราเดินมาหาป้าสมัยถึงในครัวเพราะต้องการพูดอะไรบางอย่างที่คิดไตร่ตรองมาทั้งคืน“คุณอินมีอะไรจะคุยกับป้าเหรอคะ” ป้าสมัยที่กำลังนั่งเตรียมของทำมื้อเที่ยงอยู่หันมายิ้มให้“คือ...เรื่องที่ป้าขอร้องให้ช่วย หนูตกลงจะช่วยนะคะ”“จริงเหรอคะคุณอิน! ป้าดีใจที่สุดเลยค่ะ” ป้าสมัยยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อได้ยินข่าวดี“แต่ไม่รู้ว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหนนะคะ”“ไม่เป็นไรค่ะป้ามั่นใจว่าคุณอินจะต้องทำได้ อีกอย่างตอนนี้ป้าก็รู้สึกว่าคุณบาสเตียนเริ่มยิ้มบ่อยขึ้น แสดงว่าคุณอินต้องมีของดีอะไรบางอย่างแน่ๆ อีกไม่นานก็จะมีเจ้าตัวเล็กแล้ว คุณอินต้องได้เป็นคุณผู้หญิงของบ้านหลังนี้แน่นอนค่ะ”“หนูไม่คิดไปไกลถึงขนาดนั้นหรอกค่ะป้า” อินทิรายิ้มแหยๆ เมื่อรู้ว่าป้าสมัยตั้งความหวังกับเธอไว้สูงขนาดนั้น“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกค่ะ ป้ามั่นใจว่าคุณอินต้องทำได้และทำไ
บทที่ 33อวสานหลังจากเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันบนโต๊ะหมู่บูชาแล้ว อินทิราก็บอกให้ลูกทั้งสองคนกราบพระประธานที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างบนสุด จากนั้นก็หันไปมองยังมุมห้องที่มีโกศเล็กๆ วางอยู่พร้อมกับรูปถ่ายของผู้เป็นมารดา อินทิราส่งยิ้มให้มารดาทุกครั้งที่เข้ามาในห้องแห่งนี้“กราบคุณยายสิคะ” เจ้าหล่อนบอกกับลูกทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม“ทำไมมัมต้องพาพวกเรามากราบคุณยายทุกวันด้วยครับ” แมทธิวเอ่ยกับมารดาด้วยสีหน้าสงสัย“คุณยายเคยเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็ก เราจะปล่อยให้คุณยายเหงาได้ยังไง ถ้ามัมไม่อยู่แล้วแมทธิวเองก็ต้องทำอย่างนี้เหมือนกันเข้าใจไหมครับ”“เข้าใจแล้วครับมัม ผมจะมากราบคุณยายพร้อมมัมทุกวันเลยครับ คุณยายจะได้ไม่เหงา”“ดีมากจ๊ะลูก” อินทิราลูบกลางกระหม่อมลูกชายเบาๆ อย่างเอ็นดู “แล้วแอนนาล่ะคะ”“กราบ...ยาย” เด็กหญิงตอบรับเป็นคำๆ ราวกับเข้าใจเป็นอย่างดีเช่นเดียวกันจากนั้นเด็กทั้งสองก็ก้มกราบโกศสีทองแ
บทที่ 32พลอยดาวสามปีต่อมาในสถานบันเทิงชื่อดังใจกลางเมืองลาสเวกัส นักท่องราตรีหลากหลายเชื้อชาติต่างก็เข้ามาหาความสุขกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ดนตรีเพลงละตินดังก้องโลกทำให้บรรดาหนุ่มสาวเกิดความคึกคะนอง ต่างก็โยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างสนุกสนานฉายภาพมาที่ห้องวีไอพีสุดหรูซึ่งเป็นธุรกิจแอบแฝงของที่นี่ กลุ่มนักดื่มสูงวัยผิวสีสามสี่คนกำลังโอบกอดหญิงสาวชาวเอเชียที่แต่งตัววับแวมล่อเสือล่อตะเข้ คอยเอาอกเอาใจแขกคนสำคัญอย่างรู้งาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพลอยดาวหลังจากวันที่โดนไล่ละเพิดออกมาจากคฤหาสน์ของบาสเตียน เจ้าหล่อนก็บังเอิญเจอกับมาเฟียหนุ่มใหญ่เจ้าของซ่องที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส ตอนแรกเขาต้อนรับเธอเข้ามาอยู่ในฐานะเมียดูแลซะดิบดี แต่ทว่าพอเบื่อแล้วเจ้าหล่อนก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในบรรดาสาวๆ ที่ต้องเข้าไปทำงานในซ่องพลีกายให้กับบรรดานักธุรกิจแก่ตัณหากลับหลากหลายเชื้อชาติ ที่เข้ามาใช้บริการด้วยวงเงินที่สูงพอตัวพลอยดาวกำลังนั่งบนตักลูกค้าผิวสีคนหนึ่งอายุราวหกสิบเห็นจะได้ แม้ว่าเขาจะถูกใจเธอมากเป็นพิเศษ แต
บทที่ 31ห้องนอนน้อยๆหลังจากทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน ภายในห้องนอนเล็กๆ ซึ่งเป็นที่ซุกหัวนอนของอินทิรามาตั้งแต่เด็กจนโต ข้าวของทุกอย่างยังคงถูกวางไว้ที่เดิม ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่เสียนานเตียงนอนขนาดเล็กทำให้ไม่สามารถนอนพร้อมกันได้สองคน บาสเตียนจึงต้องปูฟูกนอนอยู่ข้างเตียง นุ่งผ้าขาวม้านอนคุยไลน์กับเลขาส่วนตัวเรื่องงาน ส่วนอินทิราก็นอนจ้องมองเพดานห้องลูบท้องตัวเองเบาๆ ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มน้อยๆ ฉายออกมาตลอดเวลา บ่งบอกว่าเจ้าหล่อนมีความสุขมากแค่ไหน“เธอ…นอนยัง?” เสียงคนที่นอนอยู่ข้างล่างเอ่ยเรียก อินทิราจึงเอียงใบหน้าสวยหันไปมองยังต้นเสียง แม้จะมองไม่เห็นหน้าเขาก็ตามที“ยัง...ทำไมเหรอ?”“ฉันไม่ได้นอนกอดเธอ...นอนไม่หลับอ่ะ”“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” อินทิรายิ้มน้อยๆ รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังต้องการอะไร“ฟูกข้างล่างนุ่มมาก แถมยังกว้างอีกด้วยนะ”“แล้วจะบอกฉันทำไม
บทที่ 30ความเข้าใจ“มาแล้วคร้าบบบ”หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว บาสเตียนจึงรีบวิ่งลงมาจากห้องเพื่อร่วมวงทานข้าว เมื่อมาถึงก็พบว่าทั้งสามได้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ที่บ้านของอินทิราใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมาโดยตลอด เพราะทุกคนคุ้นชินกับการปูเสื่อนั่งล้อมวงทานข้าวกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่สำหรับบาสเตียนมันคือเรื่องแปลกใหม่มากๆ“นั่งลงสิ” อินทิราเงยหน้าขึ้นไปเอ่ยเมื่อเห็นบาสเตียนเอาแต่ยืนมองดูไม่ยอมนั่งลงเสียที“คงจะรับไม่ได้สินะที่ต้องมานั่งกินข้าวแบบบ้านๆ อย่างนี้” แก้วกันยาเอ่ยประชด“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับคุณแม่ ผมอยู่ง่ายกินง่ายไม่เลือกมากคร้าบบ” บาสเตียนนั่งขัดสมาธิอย่างเก้ๆ กังๆ โปรยยิ้มให้ทุกคนก่อนจะหยิบช้อนแกงในจานข้าวจะไปตักอาหาร แต่กลับไม่คุ้นชินเมนูที่อยู่ในจานเลยอย่างบาสเตียนลังเลใจอยู่นานกว่าจะเลือกได้ และสุดท้ายหวยก็มาลงที่จานไข่เจียวขณะเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ อยู่นั้นบาสเตียนก็หันไปมองอินทิราด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยัก
บทที่ 29ตัวหอมหลังจากทำเคมีบำบัดครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นลง คุณหมอจึงอนุญาตให้แก้วกันยากลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ แม้ว่าช่วงเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาลบาสเตียนก็เอาอกเอาใจแม่ยาย ทำหน้าที่ยิ่งกว่าลูกแท้ๆ เสียอีก แต่ทว่าท่าทีของแก้วกานดากลับยังไม่อ่อนลงเลยสักนิด ตรงกันข้ามสำหรับอินทิราสถานการณ์กลับเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ออกปากไล่ตะเพิดเหมือนเมื่อครั้งที่เจอกันตอนแรกแล้วบาสเตียนไม่เคยปรนนิบัติพัดวีใครอย่างนี้มาก่อนนอกจากมารดาของตัวเอง แต่ทว่าสำหรับความรักครั้งนี้เจ้าตัวทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อจะได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบอย่างที่เคยมีในวัยเด็กอีกครั้งอาณัฐพยุงผู้เป็นมารดาลงมาจากรถแท็กซี่เข้าไปในบ้าน โดยมีอินทิราและบาสเตียนเดินตามหลังมาติดๆบ้านไม้สองชั้นเก่าๆ ริมคลอง มีเรือหางยาวแล่นผ่านเป็นระยะๆ ทำให้บาสเตียนเกิดความสนใจเป็นพิเศษ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้มาก่อน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไม่วุ่นวายเหมือนเมืองที่เคยอยู่มาตั้งแต่เกิดอย่างลาสเวกัสเลยสักนิด“บ้านเธอน่าอยู่ดีนะ” บาสเต
บทที่ 28ลูกเขยเจ้าเล่ห์วันต่อมา“อาร์ออกมาคุยกับพี่หน่อยสิ” บาสเตียนเอ่ยเรียกอาณัฐออกมาที่หน้าห้องพักผู้ป่วย ขณะคุณหมอเข้ามาตรวจผู้เป็นมารดาภายในห้องเดินออกมาถึงหน้าห้องแล้วบาสเตียนก็ยื่นบัตรเครดิตให้“อะไรครับพี่” อาณัฐมองหน้าอย่างงงๆ“บัตรเครดิตไง พี่ให้ไปช้อปปิ้ง เราดูแลแม่มานานคงอยากจะไปเที่ยวบ้าง จัดให้เต็มที่เลยนะเดี๋ยวพี่กับอินทิราจะดูแลคุณแม่ให้เองไม่ต้องห่วง”“ขอบคุณครับพี่” อาณัฐยกมือไหว้ด้วยความดีใจ ยิ้มไม่ยอมหุบ ก่อนจะยื่นมือไปรับมา “แล้วมันใช้ได้เท่าไหร่ครับพี่”“ไม่อั้น” บาสเตียนส่งยิ้มน้อยๆ ให้“เยส!!! ขอบคุณมากๆ ครับพี่” อาณัฐโผเข้ากอดบาสเตียนก่อนจะรีบเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีบาสเตียนยิ้มส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง“แม่คะทานข้าวนะเดี๋ยวหนูป้อน” อินทิรายกถาดข้าวต้มพร้อมทั้งแก้วน้ำดื่มมาวางไว้ข้างเตียง เตรียมพร้อมสำห
บทที่ 27แม่ยายจ๋าหลังจากเครื่องแลนดิ้งลงบนผืนแผ่นดินไทยแล้ว ทั้งสองก็รีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลในทันที นั่นเพราะมารดาของอินทิรากำลังพักฟื้นอยู่ที่นั่นตั้งแต่เมื่อครั้งเกิดเรื่องขึ้นนั่งแท็กซี่มาถึงโรงพยาบาลแล้ว ทั้งสองก็รีบขึ้นมายังห้องพักฟื้น บาสเตียนยื่นมือมาให้อีกฝ่ายประสานไว้อย่างแนบแน่น ส่งยิ้มให้กำลังใจกันและกัน ชายหนุ่มออกแรงบีบมือเจ้าหล่อนเบาๆ เพื่อเตือนสติให้รับรู้ว่า เขาพร้อมที่จะอยู่ข้างกันอย่างนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น“พร้อมแล้วใช่ไหม”“อื้อ...ฉันพร้อมแล้ว”จากนั้นบาสเตียนจึงเปิดประตูจูงมือคนรักเข้าไปในห้อง ก็เจอกับน้องชายที่กำลังป้อนข้าวผู้เป็นมารดาอยู่บนเตียง แวบแรกที่เห็นอินทิราถึงกับปล่อยโฮออกมา นั่นเพราะใบหน้าของมารดาซีดเซียวแตกต่างจากครั้งล่าสุดที่เธอเห็น บนศีรษะก็มีหมวกไหมพรมสวมไว้ เพื่อปกปิดอาการผมร่วงจากการทำคีโมนั่นเอง“แม่! ฮือ...” อินทิรารีบโผเข้าไปกอดผู้เป็นมารดา แต่ทว่ากลับได้รับการปฏิเสธจากทั้งคำพูดและการกระทำ จนเจ้า
บทที่ 26กลับบ้านเมื่อเดินเข้าไปในบ้านก็พบบาสเตียนกำลังนั่งปลอบใจอินทิราอยู่โซฟา โดยหญิงสาวกำลังร้องไห้ร้องห่มราวกับเจอเรื่องทุกข์ใจมาอย่างแสนสาหัส เห็นอย่างนั้นผู้มาใหม่ทั้งสองจึงรีบเดินตรงไป เพื่อจะถามไถ่ถึงเรื่องราวความเป็นมา“เกิดอะไรขึ้นครับบอส” แอนดริวเอ่ยถาม“นั่นสิทำไมคุณอินถึงได้ร้องไห้หนักขนาดนี้ เมื่อครู่กูเห็นพลอยดาวโดนการ์ดลากตัวออกไปหรือว่าเป็นฝีมือพลอยดาว” แม็กซ์เวลล์ถามต่อ“เพราะยัยนั่นล่ะ” บาสเตียนพูดด้วยสีหน้ายุ่งเล็กน้อย เห็นอินทิราไม่สบายใจอย่างนี้ก็ทำให้เขารู้สึกแย่ตามไปด้วย“ทิ้งมึงไปแล้วยังจะกลับมาหาหอกอะไรอีกวะ แถมยังมาทำร้ายคุณอินอีกต่างหาก” แม็กซ์เวลล์เป็นเดือดเป็นร้อนแทนเพื่อนรักซะเต็มประดา“กูถึงได้ไล่ออกจากบ้านไปยังไงล่ะ”“ว่าแต่พลอยดาวทำอะไรคุณอินวะ ถึงได้ร้องไห้ร้องห่มอย่างนี้” แม็กซ์เวลล์ถามต่อ“ยัยนั่นให้เพื่อนที่เมืองไทยไปบอกแม่อินทิราว่ามารับจ้างเป็นแม่
บทที่ 25จุดจบของนางร้าย“ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เพราะนับจากนี้ฉันจะอภัยให้เธอแล้ว เรื่องระหว่างเราจะถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น” บาสเตียนบอกกับหญิงสาวเมื่อได้ยินอย่างนั้นพลอยดาวก็เริ่มยิ้มออก เธอไม่นึกไม่ฝันว่าบาสเตียนจะคำนี้ออกมา ทั้งที่แต่ก่อนเอาแต่ก่นด่าเธอทุกครั้งที่เจอหน้ากัน“ขอบคุณนะคะบาสเตียน”“ที่ฉันยอมเพราะอินทิราเป็นคนขอร้อง ฉันไม่อยากให้เมียฉันต้องคิดมากกับเรื่องนี้อีก คงเข้าใจแล้วนะว่าทำไมเธอถึงเทียบอินทิราไม่ติดเลยสักนิด” บาสเตียนเอ่ยพลางกระชับอ้อมแขนโอบไหล่อินทิราให้แน่นขึ้นไปอีกพลอยดาวแทบเปลี่ยนอารมณ์ไม่ทัน เมื่อบาสเตียนสาธยายความจริงให้เธอได้รับฟัง เขาพูดราวกับว่าเธอไม่ได้มีค่าในสายตาเลยสักนิด เป็นเพราะอินทิราคนเดียวที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันแย่ลงอย่างนี้ นั่นทำให้เธอเกลียดอินทิราเข้าไส้มากขึ้นไปอีก“กรี๊ดดดด!!! ทำไมต้องเอาพลอยไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงคนนี้ด้วย ผู้หญิงชั้นต่ำที่เอาตัวเองมาแลกกับเงินอย่างนี้”