บทที่ 4
ปะทะคารม
ตอนแรกอินทิราเข้าใจว่าอีกฝ่ายจะแก่จนหัวหงอกซะอีก แต่ทว่ามันกลับต่างกันลิบลับ ผมเขายังดำขลับ ยังหนุ่มยังแน่น แถมหน้าตายังหล่อบาดใจอีกด้วย แต่เธอไม่ชอบสายตาคมคู่นั้นเอาซะเลย เพราะตั้งแต่มาถึงเขาเอาแต่จ้องมองเหยียดๆ ราวกับเธอเป็นตัวอะไรซะอย่างนั้น
“สวัสดีค่ะ” อินทิรายกมือไหว้ตามมารยาทไทย ไม่ยอมละสายตาจากเขาเช่นเดียวกัน
“อืม” น้ำเสียงเย็นชาทำเอาอินทิราสตั๊นไปสามวินาที เธอไม่นึกว่าเขาจะมีอัธยาศัยแย่ขนาดนี้ ทำเอาอินทิราถึงกับต้องคิดหนักขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
“บอสครับเอ่อ...” แอนดริวกำลังจะเอ่ยปากถามเรื่องอินทิราแต่ทว่าผู้เป็นเจ้านายกลับสั่งให้ออกไปซะงั้น
“นายกลับไปก่อนพรุ่งนี้ค่อยมาหาฉันที่นี่”
“ครับ” แอนดริวยืนนิ่งตอบรับแต่โดยดี
“ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ” เขาเอ่ยกับบาสเตียนก่อนจะหันไปเอ่ยกับคนที่ยืนข้างกัน “ผมกลับแล้วนะครับคุณอินไว้พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน”
“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์ไปรับ แล้วเจอกันค่ะ” อินทิราเอ่ยกับชายหนุ่มด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ครับผม”
หลังจากแอนดริวออกไปแล้วภายในห้องกลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศที่สุดแสนจะอึดอัด อินทิรายังคงยืนอยู่อย่างนั้นไม่กล้านั่งลง
“จะยืนค้ำหัวฉันอีกนานไหม!” บาสเตียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ทำเอาคนที่ยืนอยู่รีบหย่อนก้นลงบนโซฟาตรงข้ามทันที
“ขอโทษค่ะ” แม้จะเอ่ยขอโทษไปแต่ในใจกลับมีแต่คำก่นด่าสารพัด คนอย่างเธอเคยยอมคนซะที่ไหนกันล่ะ
“ไหนลองแนะนำตัวสั้นๆ ให้ฉันรู้จักเธอมากขึ้นหน่อยสิ”
“เอ่อ..ฉันชื่ออินทิรา เจริญกิจกุล เรียกว่าน้ำก็ได้ค่ะ อายุ 22 ปี เพิ่งเรียนจบกฎหมายจากมหาวิทยาลัยXXXค่ะ”
“รู้ใช่ไหมว่าฉันชื่ออะไร”
“ทราบค่ะ”
ในระหว่างนั้นป้าสมัยก็นำน้ำส้มคั้นมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
“น้ำส้มคั้นค่ะ”
“ขอบคุณค่ะป้า”
ป้าสมัยยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้คนทั้งสองคุยกันต่อ
“พร้อมแค่ไหนที่จะมาเป็นแม่ของลูกฉัน” บาสเตียนยิงคำถามไปตรงๆ ยิ้มมุมปากอย่างพอใจเมื่อเห็นสีหน้าเหลอหลาของหญิงสาว
“พะ...พร้อมค่ะ”
“เธอมั่นใจนะว่าไม่เคยผ่านมือผู้ชายคนไหนมาก่อน ฉันไม่อยากให้ลูกเกิดจากผู้หญิงที่มีมลทิน”
“ถ้าคุณไม่มั่นใจในตัวฉัน ไปให้หมอที่โรงพยาบาลตรวจก่อนก็ได้นะคะ ยังไงก็ต้องไปโรงพยาบาลอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” อินทิราเริ่มรู้สึกไม่พอใจกับคำถามบวกกับน้ำเสียงของเขา ผู้ชายอะไรจะไม่ให้เกียรติผู้หญิงขนาดนี้
“ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลหรอกฉันมีวิธีพิสูจน์หึๆ” ชายหนุ่มแสยะยิ้มมองหญิงสาวด้วยหางตา
“คุณหมายความว่ายังไง?” อินทิราเริ่มไม่แน่ใจว่าผู้ชายคนนี้ปกติดีหรือเปล่า สายตาที่เขามองมาราวกับเธอเคยทำอะไรให้ขุ่นข้องหมองใจซะอย่างนั้น
“ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นล่ะ ฉันเคยผ่านผู้หญิงมามากรู้ดีว่าผู้หญิงคนไหนเคยหรือไม่เคยมาก่อน” บาสเตียนเริ่มแผ่รังสีความหื่นออกมาจนอินทิรารับรู้ได้
“คุณพูดบ้าอะไรฉันมาที่นี่เพื่อเป็นแม่อุ้มบุญ ไม่ได้มาเป็นเมียคุณนะ” อินทิราขึ้นเสียงใส่เขาทันที ยิ่งได้คุยกันยิ่งทำให้เธอไม่ไว้ใจ
“อ้าวเหรอ! ฉันไม่เคยบอกเธอเลยสักคำว่าจะให้มาเป็นแม่อุ้มบุญ” บาสเตียนตีมึนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ก็คุณปราลีเป็นคนบอกฉัน แล้วคุณปราลีก็รับคำสั่งมาจากคุณอีกทีไง”
“อย่างนั้นเหรอ! สงสัยปราลีจะหูเพี้ยนฟังผิดไปแล้ว ฉันให้เธอมาที่นี่เพื่อมีลูกให้ฉันก็จริง แต่ไม่ต้องพึ่งวิธีของหมอ เราจะทำลูกด้วยกันเองต่างหากล่ะหึๆ” พูดจบเขาก็แสยะยิ้มร้ายหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบอย่างสบายใจ
“คุณมันบ้าไปแล้ว ทำไมไม่บอกกันตั้งแต่แรกเนี่ย” อินทิราลุกขึ้นจากโซฟาจ้องหน้าเขาด้วยความโกรธเคืองอย่างหนัก ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่ต่างจากการขายตัวเลยสักนิด แย่ไปกว่านั้นเด็กที่จะเกิดมาก็ต้องเป็นลูกของเธอด้วย เธอจะทิ้งลงคอได้อย่างไรเล่า เป็นอย่างนี้แล้วขอยกเลิกสัญญายังจะดีกว่า
“ถ้าบอกตั้งแต่แรกเธอจะมาหาฉันถึงที่นี่เหรอ”
“ถ้างั้นฉันขอยกเลิกสัญญา ฉันไม่มีทางยอมทำตามข้อเสนอบ้าๆ ของคุณหรอก”
“ไม่มีทาง...ฉันไม่มีทางยอมเด็ดขาด เธอเอาเงินฉันไปแล้วจะมาชิ่งอย่างนี้ไม่ได้” บาสเตียนเริ่มขึ้นเสียงใส่
“ฉันจะหามาคืนทุกบาททุกสตางค์ ฉันต้องการกลับเมืองไทยเดี๋ยวนี้!” อินทิรายังคงยืนกรานตามความคิดตัวเอง
“คนอย่างเธอจะมีปัญญางั้นเหรอ เงินตั้งห้าล้านบาท เธออ่านสัญญาดีรึยังว่าถ้าผิดสัญญาจะต้องใช้คืนเท่าไร”
“ฉัน....” อินทิรารู้สึกเหมือนน้ำท่วมปากไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้ เธอสะเพร่าเองเพราะตอนนั้นต้องการเงินด่วนจนลืมอ่านสัญญาซะสนิทเลย
“สิบเท่าของเงินที่จ่ายไปแล้ว นั่นหมายความว่าเธอต้องใช้เงินคืนให้ฉันห้าสิบล้าน ฉันจะปล่อยเธอกลับไปตอนนี้ก็ได้ แต่ต้องหาเงินมาจ่ายให้ฉันตอนนี้ จะเอายังไงว่ามา” ความเป็นต่อทำให้บาสเตียนยังคงนั่งนิ่งกระหยิ่มยิ้มอย่างผู้ชนะ
“กรี๊ดดดด!! ไอ้ผู้ชายโรคจิต คุณมันซาตานชัดๆ ทำอย่างนี้กับผู้หญิงเพศแม่ได้ยังไงกัน” อินทิราเหลืออดจึงร้องกรี๊ดจนคนทั้งคฤหาสน์ได้ยินถนัด ก่อนจะชี้หน้าด่าคนที่นั่งยิ้มมุมปากยู่ตรงหน้า
“หยุด! ถ้าเธอยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป มันจะอะไรนักหนากะอีแค่มีลูกกับฉัน”
“คุณอย่างคุณเป็นพ่อคนไม่ได้หรอก!”
“เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย” ป้าสมัยรีบวิ่งหน้าตาตื่นมาจากในครัวพร้อมกับสาวใช้อีกคน
“ไม่มีอะไร พาผู้หญิงคนนี้ขึ้นไปพักผ่อนบนห้องที่เตรียมไว้เดี๋ยวนี้เลย ผมไม่อยากเห็นหน้าเธอแล้ว” ชายหนุ่มเหลือบตามองอินทิราอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเล่นต่ออย่างสบายใจ
“คุณจะได้รู้ว่าคิดผิดที่เลือกฉัน คอยดูละกัน!” อินทิรากำมือจนสั่น เอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“...”
เขายังคงนั่งนิ่งไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองแม้แต่น้อย
“ไปกับป้าเถอะค่ะคุณอิน ป้าจะพาขึ้นไปดูห้องพัก” ป้าสมัยจับมืออินทิราไว้พยายามปลอบให้เธออารมณ์เย็นลง เธอคิดไว้แล้วว่าบาสเตียนจะต้องทำเรื่องยุ่งๆ อะไรสักอย่างในที่สุดก็เป็นจริง
“ค่ะป้า”
พูดจบเจ้าหล่อนก็ถอนหายใจเสียงดัง ใบหน้าที่เคยขาวใสกลับแดงระเรื่อด้วยความโมโห จากนั้นก็เดินตามหลังป้าสมัยขึ้นไปยังห้องพัก
บาสเตียนได้แต่มองตามหลังไป แสยะยิ้มราวกับซาตานร้าย ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นคนหัวอ่อนอย่างที่เขาคิดไว้ คาดว่าอีกไม่นานเจ้าหล่อนจะต้องแผลงฤทธิ์อย่างแน่นอน เขาต้องเตรียมรับมือเอาไว้ให้หนักๆ เลยทีเดียว
“คนอย่างเธอไม่มีทางเอาชนะฉันได้หรอก”
อินทิราเดินตามหลังป้าสมัยและสาวใช้ที่ชื่อนงคราญขึ้นมาบนห้องพักซึ่งอยู่ชั้นสอง ความหรูหราและใหญ่โตไม่สามารถดึงความสนใจจากผู้มาใหม่ได้เลยสักนิด เพราะในใจมัวแต่คิดเรื่องที่เพิ่งประสบพบเจอมาเมื่อสักครู่ หล่อนจะไม่มีทางยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบนายนั่นแน่นอน
“ถึงแล้วค่ะ นี่คือห้องพักของคุณ”
“ขอบคุณนะคะป้า แต่ตอนนี้หนูคงอยู่ที่นี่ลำบากซะแล้วล่ะ ดันมาเจอคนโรคจิตเข้าให้ซะงั้น หนูขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ อดไม่ได้จริงๆ” อินทิรายืนบ่นอยู่หน้าประตูห้อง
“ไม่เป็นไรค่ะ ป้าว่าเราเข้าไปคุยกันในห้องดีกว่า”
“ค่ะป้า”
เมื่อเข้ามาในห้องแล้วอินทิราก็รู้สึกโล่งอกไปได้มากพอสมควร อย่างน้อยก็ยังมีพื้นที่ส่วนตัวให้เธอในคฤหาสน์แห่งนี้
“มันเกิดอะไรขึ้นคะทำไมคุณถึงได้กรี๊ดลั่นบ้านซะขนาดนั้น”
“ตอนแรกคุณปราลีบอกหนูว่าจะให้มาเป็นแม่อุ้มบุญ แต่พอมาถึงอีตาบ้านั่นกลับจะให้หนูเป็นทั้งเมียและแม่ของลูกซะงั้น มันไม่เหมือนอย่างที่เคยคุยเอาไว้เลยสักนิด สรุปว่าคุณปราลีหลอกหนูมาให้อีตาบ้านี้แน่ๆ” เจ้าหล่อนบ่นให้คนทั้งสองฟัง
“ป้าว่าไม่น่าใช่ คุณปราลีเธอไม่ใช่คนกลับกลอกอย่างนั้นสักหน่อย มันต้องเป็นแผนของคุณบาสเตียนแน่ๆ” ป้าสมัยเอ่ยอย่างมั่นใจ
“ป้ารู้จักคุณปราลีด้วยเหรอคะ”
“รู้จักสิ แต่ก่อนเธอก็มาทำงานเป็นเลขาคุณบาสเตียนที่นี่”
“หนูไม่รู้จะทำยังไงแล้วป้า ป้าต้องช่วยหนูนะถึงยังไงเราก็เป็นคนไทยด้วยกัน หนูไม่อยากเป็นเมียนายโรคจิตนั่นเลย” อินทิรายกมือขึ้นไหว้ป้าสมัยพลางเอ่ยขอร้อง
“ป้าว่าคุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะ คุณบาสเตียนไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นหรอก อ้อ! ป้าลืมบอกไปว่าคุณหน้าเหมือนกับแฟนเก่าของคุณบาสเตียนอย่างกับแกะเลย”
“แฟนเก่า! แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหนูล่ะป้า”
“ก็แฟนเก่าคุณบาสเตียนเคยทิ้งไปแต่งงานกับเศรษฐีชาวอังกฤษน่ะสิ จนคุณบาสเตียนเป็นบ้าเป็นบอไปหลายเดือน จากที่เคยเป็นคนน่ารัก ร่าเริง พูดคุยเก่งกลายมาเป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ ป้าคิดว่าเธอคงจะอยากได้คุณมาเป็นตัวแทนแฟนเก่าเพื่อ...” ป้าสมัยแทบไม่อยากเอ่ยต่อไป เพราะกลัวว่าอินทิราจะคิดมาก
“เพื่ออะไรคะป้า บอกหนูมาเถอะจะได้รับมือตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะถึงยังไงหนูก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว”
“เพื่อแก้แค้นคืนไงคะ”
“บ้าไปแล้ว!! ผู้ชายคนนี้โรคจิตจริงๆ”
“ป้ามีเรื่องอยากขอร้องคุณค่ะ”
“เรื่องอะไรคะ อย่างหนูจะช่วยอะไรป้าได้เนี่ย”
“ป้าอยากให้คุณทำให้คุณบาสเตียนคนเดิมกลับมาได้ไหมคะ ป้าเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็กรู้ดีว่าเนื้อแท้ของเธอไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น” เมื่อนึกถึงบาสเตียนคนก่อนที่น่ารัก ทำเอาป้าสมัยถึงกับถอนหายใจเสียงดัง เพราะอยากได้บาสเตียนคนเดิมกลับมา
“หนูคงรับปากป้าไม่ได้หรอกค่ะ ลำพังหนูเองยังเอาตัวไม่รอดเลย” อินทิรารีบปฏิเสธทันที เพราะเธอยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของผู้ชายคนนี้เลยสักนิด
“ป้าเข้าใจค่ะ เอาเป็นว่าป้าไม่รบกวนแล้ว พักผ่อนให้สบายนะคะ ถ้าต้องการอะไรเรียกป้าหรือนงได้”
“ค่ะป้า ขอบคุณมากๆ นะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะคนไทยเหมือนกันเราไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว” ป้าสมัยยิ้มให้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับนงคราญ
เมื่ออยู่เพียงลำพังแล้วอินทิราก็รีบล็อกประตูห้องไว้ ก่อนจะเดินกลับมานั่งข้างเตียง กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องด้วยความหวาดกลัว แม้ที่นี่อาจจะดูหรูหรามากแต่กลับไม่ทำให้เธออยากอยู่แม้แต่น้อย เธออยากจะหนีออกไปในตอนนี้เสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ไม่มีใครที่พอจะช่วยได้ แถมยังมีปัญหาเรื่องเงินอีกต่างหาก ทุกอย่างมันมืดแปดด้านไปหมด
ในเมื่อเลือกทางเดินนี้แล้วจะต้องเดินไปให้สุด เพื่อไม่ให้มารดาที่กำลังรักษาตัวอยู่ต้องเป็นห่วง ชีวิตเธอมันไม่มีเคยมีทางเลือกมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เป็นอย่างนี้ทุกครั้งไป คงต้องทำใจยอมรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ให้ได้
บทที่ 5ผู้บุกรุกจอมหื่นหลังจากโทรหามารดาและน้องชายเรียบร้อยแล้ว อินทิราก็พยายามโทรติดต่อปราลีหลายต่อหลายครั้งแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับปิดเครื่องหนี ทำเอาเจ้าหล่อนถึงกับหัวเสียเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีแล้ว อยากมีใครสักคนไว้เป็นที่ปรึกษา แต่รู้สึกว่าปราลีคงจะไม่รับสายเธออีกแล้วเป็นแน่แท้หลังจากอาบน้ำชำระล้างร่างกายจนสดชื่นแล้ว เจ้าหล่อนก็นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพผมเปียกพอหมาดๆ ก่อนจะนั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมไปด้วย จ้องมองดวงหน้าสวยของตัวเองผ่านกระจกไปด้วยแม้ว่าเธอจะหน้าตาสะสวยแต่ทว่ายังไม่เคยมีคนรักมาก่อน มีผู้ชายมาจีบอยู่ไม่ขาดสายแต่เธอเลือกที่จะปฏิเสธ อาจเป็นเพราะว่าอยากจะตั้งใจเรียนให้จบ เพื่อจะได้ทำงานเลี้ยงดูมารดาให้ได้ก่อนค่อยคิดเรื่องความรักอีกที“เรื่องแค่นี้แกต้องทนให้ได้นะอินทิรา เพื่อแม่ เพื่อน้อง ท่องไว้ให้ขึ้นใจ” อินทิราเอ่ยกับตัวเองในกระจกก่อนจะถอนหายใจเสียงดัง ในวินาทีนี้คงไม่มีใครที่จะให้กำลังใจเธอได้ดีกว่าตัวเองแล้วล่ะ“คนบ้าอะไรพูดกับตัวเองก็เป็น”เอ๋!!!เสียงเข้มดังขึ้นจากด้านหลัง เจ้าหล่อนเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ก่อนจะเห็นดวงห
บทที่ 6รู้สึกดีไหมเวลาที่โดนฉันจูบ“บอสครับ มีลูกค้าไม่ยอมจ่ายหนี้เราอยู่สองราย รวมๆ แล้วก็หลายหมื่นดอลลาร์จะให้จัดการยังไงดีครับ” แอนดริวเอ่ยกับผู้เป็นเจ้านาย หลังจากเดินทางมาหาตั้งแต่เช้าตรู่“จับตัวมันมาซ้อมให้หลาบจำ จากนั้นขังไว้ในคุกใต้ดินสักสองวัน หากยังหาเงินมาไม่ได้ก็จัดการตัดนิ้วมันซะ” เขานั่งไขว้ขาอยู่บนโซฟาสั่งการอย่างสบายๆอินทิราเดินเข้ามาได้ยินพอดี เธอถึงกับตกอกตกใจกับคำสั่งของบาสเตียน ไม่นึกว่าเขาจะจิตใจโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้ นั่นทำให้เธอต้องระวังตัวมากขึ้นไปอีก“ครับบอส ถ้างั้นผมจะเข้าไปคาสิโนเดี๋ยวนี้เลย” แอนดริวรับคำสั่งแล้วลุกขึ้นจากโซฟา จากนั้นหันหลังจะเดินออกไปก็เจอกับอินทิราเข้าเสียก่อน“สวัสดีค่ะคุณแอนดริว” เจ้าหล่อนเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“อ้าว! คุณอินสวัสดีครับ” เมื่อเห็นหญิงสาวแอนดริวก็ยิ้มทักทาย“จะกลับแล้วเหรอคะ”“ครับผม เอาไว้ค่อยคุยกันน
บทที่ 7สวยจนฉันทนไม่ไหวแล้วก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นฉุดให้หญิงสาวที่กำลังนั่งกลุ้มใจอยู่บนเตียงหลุดจากภวังค์ วันนี้ครบกำหนดที่บาสเตียนจะเข้ามาทวงสัญญาถึงในห้องแล้ว นั่นทำให้อินทิรานั่งตัวสั่นด้วยความกลัวปนตื่นเต้น เจ้าหล่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูหน้าห้อง ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปหมุนลูกบิดประตู“อ้าว! ป้าสมัยเองเหรอคะ” อินทิราโล่งใจเป็นที่สุดเมื่อรู้ว่าคนที่มาเคาะประตูห้องคือป้าสมัย“คิดว่าเป็นคุณบาสเตียนเหรอคะ” ป้าสมัยยิ้มให้ราวกับรู้ว่าวันนี้คือวันอะไร“เอ่อ..ค่ะป้า” เจ้าหล่อนหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเมื่อโดนแซว ตั้งแต่เมื่อวานที่ป้าสมัยเห็นบาสเตียนกอดจูบเธอในห้องนั่งเล่น เจ้าหล่อนยังคงอายทุกครั้งที่เห็นหน้าแม่บ้านใจดีคนนี้“คุณบาสเตียนให้ป้าเอาของมาให้ค่ะ” ว่าแล้วป้าสมัยก็ยื่นกล่องสี่เหลี่ยมแบนๆ ให้“ขอบคุณค่ะป้า ว่าแต่มันคืออะไรงั้นเหรอคะ”“ลองเปิดด
บทที่ 8ทำลูก“สะ...สวยเหลือเกิน สวยจนฉันทนไม่ไหวแล้ว” บาสเตียนเอื้อมมือไปลูบไล้เนินหญ้าอย่างละเมียดละไม จ้องมองความงดงามของเนินสาว กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่“อื้อ....”อินทิราร้องครางเมื่อได้รับสัมผัสที่แผ่วเบา เจ้าหล่อนเอียงหน้าหนีพร้อมทั้งหลับตาพริ้ม แถมยังตัวสั่นเทาด้วยความประหม่า เพราะนี่คือครั้งแรกที่โดยผู้ชายรุกล้ำเข้ามาในตัวแบบนี้“จะ...จะทำอะไร”เจ้าหล่อนร้องถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อโดนอีกฝ่ายจับขาเรียวแยกออกจากกันอ้าซ่า แถมยังเข้าไปนั่งยองๆ อยู่ตรงกลางอีกด้วย“เดี๋ยวก็รู้หึๆ”“อ๊ะ!”มาเฟียหน้าหล่อก้มหน้าลงไปที่กลางร่องแฉะ ใช้มือทั้งสองข้างแหวกกลีบแคมอูมทั้งสองออกจากกัน นั่นทำให้อินทิรารู้สึกเสียววาบจนต้องเกร็งท่อนขาวเรียวเข้าหากัน แต่ไม่สามารถหยุดความหื่นกระหายของบาสเตียนได้เลย“อย่าเกร็งสิ...เชื่อใจฉัน”เขาว่าพลางจ้องมองดวงหน้าสวยที่แสดงถึงความประหม่าอ
บทที่ 9แผนลวงใจค่ำคืนแห่งสงครามกามารมณ์อันยาวนานได้ผ่านพ้นมาแล้ว อินทิราแทบไม่กล้าสู้หน้าใครในบ้านหลังนี้เลยสักคน โดยเฉพาะบาสเตียน ผู้ชายที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอให้ขาดสะบั้นลงไปอย่างหน้าไม่อายตอนนี้อินทิราค่อยๆ ย่องลงมาจากชั้นบนเพื่อรับประทานอาหารเช้า กวาดสายตามองหาคนในบ้าน เจ้าหล่อนแทบอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี เพราะทุกคนในบ้านหลังนี้รู้ดีว่าเมื่อคืนเธอกับบาสเตียนทำอะไรกันในห้องนอน โดยเฉพาะป้าสมัยที่เป็นคนรู้ดีกว่าใครๆ“อ้าว! คุณอินมาทานข้าวเช้าสิคะ ป้าเตรียมสำรับไว้รอตั้งนานแล้ว” เมื่อเห็นหญิงสาวร่างเล็กกำลังเดินเข้ามาอย่างเก้ๆ กังๆ ป้าสมัยก็รีบเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม ทำให้ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่หัวโต๊ะมองด้วยหางตาก่อนจะกระตุกยิ้มร้าย“ขอบคุณค่ะป้า หนูขอโทษที่ลงมาช้า” เจ้าหล่อนตอบพลางเดินไปนั่งลงข้างโต๊ะ ซึ่งเป็นที่นั่งติดกับบาสเตียนแต่ไม่ยอมสบตาเขาแม้แต่แวบเดียว“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ป้าทำอาหารไทยให้คุณด้วยนะคะ ผัดผักรวมมิตรกั
บทที่ 10บอกรักหลังจากอาบน้ำอาบท่าแล้วอินทิราก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ เจ้าหล่อนเดินตรงมาเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกชุดนอนมาสวมใส่ แต่ในขณะนั้นก็สะดุดตากับชุดนอนสายเดี่ยวซีทรูสีขาววางแอ้งแม้งอยู่ ทำให้นึกถึงคำพูดของบาสเตียนเมื่อช่วงเช้า มือเรียวจึงค่อยๆ เอื้อมไปหยิบมันขึ้นมา“ฉันต้องใส่ชุดบ้าบอนี่จริงๆ เหรอเนี่ย” เจ้าหล่อนบ่นกับตัวเองจากนั้นจึงตัดสินใจสวมชุดวาบหวิวนั่น เดินไปยังหน้ากระจกบานใหญ่เพื่อสำรวจความเรียบร้อย เอี้ยวตัวไปมาก่อนจะยิ้มอย่างพอใจกับความสวยของตัวเอง เรือนร่างอันเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าเนื้อบางที่เห็นทุกสัดส่วน เนินอกเต่งตึงชูชันโดดเด้งออกมาให้เห็นถนัดตา หากชายใดได้มาเห็นอย่างบาสเตียนคงไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้เป็นแน่หมับ!!!!“อุ๊ย! ...ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ มาไม่ให้สุ้มให้เสียงรู้ไหมว่าคนตกใจ” อินทิราสะดุ้งโหยงเมื่อโดนกอดจากด้านหลัง แถมมือหนายังวางหมับไว้บนเนินอกพอดิบพอดี มองในกระจกเงาก็เห็นรอยยิ้มกระชากใจสาวบนใบหน้าหล่อที่เกยค
บทที่ 11สวนแห่งรัก“ป้าสมัยคะ หนูขอคุยด้วยสักครู่ได้ไหม” อินทิราเดินมาหาป้าสมัยถึงในครัวเพราะต้องการพูดอะไรบางอย่างที่คิดไตร่ตรองมาทั้งคืน“คุณอินมีอะไรจะคุยกับป้าเหรอคะ” ป้าสมัยที่กำลังนั่งเตรียมของทำมื้อเที่ยงอยู่หันมายิ้มให้“คือ...เรื่องที่ป้าขอร้องให้ช่วย หนูตกลงจะช่วยนะคะ”“จริงเหรอคะคุณอิน! ป้าดีใจที่สุดเลยค่ะ” ป้าสมัยยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อได้ยินข่าวดี“แต่ไม่รู้ว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหนนะคะ”“ไม่เป็นไรค่ะป้ามั่นใจว่าคุณอินจะต้องทำได้ อีกอย่างตอนนี้ป้าก็รู้สึกว่าคุณบาสเตียนเริ่มยิ้มบ่อยขึ้น แสดงว่าคุณอินต้องมีของดีอะไรบางอย่างแน่ๆ อีกไม่นานก็จะมีเจ้าตัวเล็กแล้ว คุณอินต้องได้เป็นคุณผู้หญิงของบ้านหลังนี้แน่นอนค่ะ”“หนูไม่คิดไปไกลถึงขนาดนั้นหรอกค่ะป้า” อินทิรายิ้มแหยๆ เมื่อรู้ว่าป้าสมัยตั้งความหวังกับเธอไว้สูงขนาดนั้น“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกค่ะ ป้ามั่นใจว่าคุณอินต้องทำได้และทำไ
บทที่ 12เพื่อน(สาว)ตั้งแต่แอนดริวย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน อินทิราก็รู้สึกไม่เหงาเหมือนเมื่อก่อน เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงปรับตัวเข้ากับผู้ชายคนนี้ได้ง่ายดายอย่างนี้ แอนดริวเป็นผู้ชายที่มีนิสัยน่ารัก พูดเก่ง แถมยังคอยแนะนำเรื่องต่างๆ ให้เธอได้เป็นอย่างดี นับเป็นเพื่อนผู้ชายคนแรกที่เธอสนิทใจได้ในระยะเวลาอันสั้นตอนนี้ทั้งสองกำลังนั่งสนทนากันอยู่ในศาลาในสวน ตรงกลางโต๊ะมีจานขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มวางอยู่เสร็จสรรพเมื่อหมดเรื่องคุยกันแล้วแอนดริวก็นั่งพิมพ์งานในแล็ปท็อปอย่างตั้งใจ ส่วนอินทิราก็นั่งอ่านหนังสือนวนิยายรักพร้อมทั้งอมยิ้มอยู่ข้างกันในระหว่างนั้นก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเดินตรงเข้ามาหาคนทั้งสองอย่างเงียบๆ“สวัสดีครับ”เมื่อได้ยินเสียงเอ่ยทักทายคนทั้งสองจึงเงยหน้าขึ้น หันไปมองยังต้นเสียงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย“อ้าว! คุณแม็กซ์เวลล์” แอนดริวยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าเป็นใคร‘แม็กซ์เวลล์’ เป็นเพื่อนรักของบาส
บทที่ 15ข่าวดีหนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากคืนวันนั้นอินทิราก็รู้สึกผิดกับแอนดริวเป็นที่สุด นั่นเพราะทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดคิดไว้เลยสักนิด แม็กซ์เวลล์ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองได้ร่วมหลับนอนกับเลขาของเพื่อนรัก ซึ่งเป็นผู้ชายด้วยกันทำให้เขารับไม่ได้ ต่อยหน้าแอนดริวไปสองหมัดติดก่อนจะรีบออกจากบ้านไป จากวันนั้นถึงวันนี้ยังไม่มาให้แอนดริวเห็นหนี้อีกเลยสักครั้ง“ฉันขอโทษนะคะ ไม่นึกว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างนี้” อินทิราเอ่ยกับแอนดริวเสียงอ่อย ขณะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น“ไม่เป็นไรครับ ผมต้องขอบคุณคุณอินมากกว่า ที่อย่างน้อยก็ทำให้ผมกล้าทำสิ่งที่ตัวเองไม่เคยกล้า ถึงยังไงเรื่องของผมกับเขามันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นถือเป็นกำไรชีวิตที่มีค่ามาก” แอนดริวยิ้มอย่างสบายใจ สื่อให้อินทิรารู้ว่าเขาเริ่มทำใจได้บ้างแล้ว“ฉันมั่นใจว่าจะช่วยคุณได้แน่ๆ แต่ขอเวลาอีกแปบนึงนะคะ” อินทิรายังดึงดันที่จะช่วย เธอมั่นใจว่าความดีของแอนดริวจะเอาชนะใจแม็กซ์เวลล์
บทที่ 14ทำลูก2ตกเย็นก็มีงานปาร์ตี้เล็กๆ ภายในห้องคาราโอเกะสุดหรู โซฟาแบรนด์ดังดีไซน์รูปครึ่งวงกลมถูกจับจองไปด้วยคนทั้งสี่ บาสเตียนนั่งตรงกลางโดยมีเพื่อนรักนั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือ ส่วนทางขวามือก็เป็นอินทิราและเลขาส่วนตัวตามลำดับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกรินใส่แก้วครั้งแล้วครั้งเล่า จนตอนนี้บาสเตียนและแม็กซ์เวลล์เริ่มจะทรงตัวไม่ไหว ส่วนอีกสองคนยังคงนั่งจ้องหน้าจอทีวีขนาดยักษ์อย่างเพลิดเพลิน นั่นเพราะดื่มเพียงน้ำอัดลมธรรมดาเท่านั้น“เอ๊าโชนนน!!!”แกร๊ง!หนุ่มขี้เมาทั้งสองยกแก้วขึ้นชนกันก่อนจะดื่มน้ำสีอำพันลงไปจนหมดแก้ว ในขณะนั้นบาสเตียนก็ยกมืออีกข้างไปวางพาดบนบ่าอินทิราแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ด้วยความรำคาญเจ้าหล่อนจึงปัดมันออกให้พ้นตัวราวกับรำคาญเต็มทน“เมาแล้ววุ่นวายจริงๆ” เจ้าหล่อนบ่นให้คนที่นั่งข้างกัน“สงสัยคืนนี้คุณอินคงจะยุ่งน่าดูนะครับ” แอนดริวยิ้มน้อยๆ หลังจากเอ่ยแซวเจ้าหล่อน“ฉันว่าคุณนั่นล่ะจะยุ่ง” อินทิรายิ้มมุมปาก
บทที่ 13เมาตกเย็นก็มีงานปาร์ตี้เล็กๆ ภายในห้องคาราโอเกะสุดหรู โซฟาแบรนด์ดังดีไซน์รูปครึ่งวงกลมถูกจับจองไปด้วยคนทั้งสี่ บาสเตียนนั่งตรงกลางโดยมีเพื่อนรักนั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือ ส่วนทางขวามือก็เป็นอินทิราและเลขาส่วนตัวตามลำดับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกรินใส่แก้วครั้งแล้วครั้งเล่า จนตอนนี้บาสเตียนและแม็กซ์เวลล์เริ่มจะทรงตัวไม่ไหว ส่วนอีกสองคนยังคงนั่งจ้องหน้าจอทีวีขนาดยักษ์อย่างเพลิดเพลิน นั่นเพราะดื่มเพียงน้ำอัดลมธรรมดาเท่านั้น“เอ๊าโชนนน!!!”แกร๊ง!หนุ่มขี้เมาทั้งสองยกแก้วขึ้นชนกันก่อนจะดื่มน้ำสีอำพันลงไปจนหมดแก้ว ในขณะนั้นบาสเตียนก็ยกมืออีกข้างไปวางพาดบนบ่าอินทิราแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ด้วยความรำคาญเจ้าหล่อนจึงปัดมันออกให้พ้นตัวราวกับรำคาญเต็มทน“เมาแล้ววุ่นวายจริงๆ” เจ้าหล่อนบ่นให้คนที่นั่งข้างกัน“สงสัยคืนนี้คุณอินคงจะยุ่งน่าดูนะครับ” แอนดริวยิ้มน้อยๆ หลังจากเอ่ยแซวเจ้าหล่อน“ฉันว่าคุณนั่นล่ะจะยุ่ง” อินทิรายิ้มมุมปากราว
บทที่ 12เพื่อน(สาว)ตั้งแต่แอนดริวย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน อินทิราก็รู้สึกไม่เหงาเหมือนเมื่อก่อน เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงปรับตัวเข้ากับผู้ชายคนนี้ได้ง่ายดายอย่างนี้ แอนดริวเป็นผู้ชายที่มีนิสัยน่ารัก พูดเก่ง แถมยังคอยแนะนำเรื่องต่างๆ ให้เธอได้เป็นอย่างดี นับเป็นเพื่อนผู้ชายคนแรกที่เธอสนิทใจได้ในระยะเวลาอันสั้นตอนนี้ทั้งสองกำลังนั่งสนทนากันอยู่ในศาลาในสวน ตรงกลางโต๊ะมีจานขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มวางอยู่เสร็จสรรพเมื่อหมดเรื่องคุยกันแล้วแอนดริวก็นั่งพิมพ์งานในแล็ปท็อปอย่างตั้งใจ ส่วนอินทิราก็นั่งอ่านหนังสือนวนิยายรักพร้อมทั้งอมยิ้มอยู่ข้างกันในระหว่างนั้นก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเดินตรงเข้ามาหาคนทั้งสองอย่างเงียบๆ“สวัสดีครับ”เมื่อได้ยินเสียงเอ่ยทักทายคนทั้งสองจึงเงยหน้าขึ้น หันไปมองยังต้นเสียงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย“อ้าว! คุณแม็กซ์เวลล์” แอนดริวยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าเป็นใคร‘แม็กซ์เวลล์’ เป็นเพื่อนรักของบาส
บทที่ 11สวนแห่งรัก“ป้าสมัยคะ หนูขอคุยด้วยสักครู่ได้ไหม” อินทิราเดินมาหาป้าสมัยถึงในครัวเพราะต้องการพูดอะไรบางอย่างที่คิดไตร่ตรองมาทั้งคืน“คุณอินมีอะไรจะคุยกับป้าเหรอคะ” ป้าสมัยที่กำลังนั่งเตรียมของทำมื้อเที่ยงอยู่หันมายิ้มให้“คือ...เรื่องที่ป้าขอร้องให้ช่วย หนูตกลงจะช่วยนะคะ”“จริงเหรอคะคุณอิน! ป้าดีใจที่สุดเลยค่ะ” ป้าสมัยยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อได้ยินข่าวดี“แต่ไม่รู้ว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหนนะคะ”“ไม่เป็นไรค่ะป้ามั่นใจว่าคุณอินจะต้องทำได้ อีกอย่างตอนนี้ป้าก็รู้สึกว่าคุณบาสเตียนเริ่มยิ้มบ่อยขึ้น แสดงว่าคุณอินต้องมีของดีอะไรบางอย่างแน่ๆ อีกไม่นานก็จะมีเจ้าตัวเล็กแล้ว คุณอินต้องได้เป็นคุณผู้หญิงของบ้านหลังนี้แน่นอนค่ะ”“หนูไม่คิดไปไกลถึงขนาดนั้นหรอกค่ะป้า” อินทิรายิ้มแหยๆ เมื่อรู้ว่าป้าสมัยตั้งความหวังกับเธอไว้สูงขนาดนั้น“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกค่ะ ป้ามั่นใจว่าคุณอินต้องทำได้และทำไ
บทที่ 10บอกรักหลังจากอาบน้ำอาบท่าแล้วอินทิราก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ เจ้าหล่อนเดินตรงมาเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกชุดนอนมาสวมใส่ แต่ในขณะนั้นก็สะดุดตากับชุดนอนสายเดี่ยวซีทรูสีขาววางแอ้งแม้งอยู่ ทำให้นึกถึงคำพูดของบาสเตียนเมื่อช่วงเช้า มือเรียวจึงค่อยๆ เอื้อมไปหยิบมันขึ้นมา“ฉันต้องใส่ชุดบ้าบอนี่จริงๆ เหรอเนี่ย” เจ้าหล่อนบ่นกับตัวเองจากนั้นจึงตัดสินใจสวมชุดวาบหวิวนั่น เดินไปยังหน้ากระจกบานใหญ่เพื่อสำรวจความเรียบร้อย เอี้ยวตัวไปมาก่อนจะยิ้มอย่างพอใจกับความสวยของตัวเอง เรือนร่างอันเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าเนื้อบางที่เห็นทุกสัดส่วน เนินอกเต่งตึงชูชันโดดเด้งออกมาให้เห็นถนัดตา หากชายใดได้มาเห็นอย่างบาสเตียนคงไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้เป็นแน่หมับ!!!!“อุ๊ย! ...ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ มาไม่ให้สุ้มให้เสียงรู้ไหมว่าคนตกใจ” อินทิราสะดุ้งโหยงเมื่อโดนกอดจากด้านหลัง แถมมือหนายังวางหมับไว้บนเนินอกพอดิบพอดี มองในกระจกเงาก็เห็นรอยยิ้มกระชากใจสาวบนใบหน้าหล่อที่เกยค
บทที่ 9แผนลวงใจค่ำคืนแห่งสงครามกามารมณ์อันยาวนานได้ผ่านพ้นมาแล้ว อินทิราแทบไม่กล้าสู้หน้าใครในบ้านหลังนี้เลยสักคน โดยเฉพาะบาสเตียน ผู้ชายที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอให้ขาดสะบั้นลงไปอย่างหน้าไม่อายตอนนี้อินทิราค่อยๆ ย่องลงมาจากชั้นบนเพื่อรับประทานอาหารเช้า กวาดสายตามองหาคนในบ้าน เจ้าหล่อนแทบอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี เพราะทุกคนในบ้านหลังนี้รู้ดีว่าเมื่อคืนเธอกับบาสเตียนทำอะไรกันในห้องนอน โดยเฉพาะป้าสมัยที่เป็นคนรู้ดีกว่าใครๆ“อ้าว! คุณอินมาทานข้าวเช้าสิคะ ป้าเตรียมสำรับไว้รอตั้งนานแล้ว” เมื่อเห็นหญิงสาวร่างเล็กกำลังเดินเข้ามาอย่างเก้ๆ กังๆ ป้าสมัยก็รีบเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม ทำให้ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่หัวโต๊ะมองด้วยหางตาก่อนจะกระตุกยิ้มร้าย“ขอบคุณค่ะป้า หนูขอโทษที่ลงมาช้า” เจ้าหล่อนตอบพลางเดินไปนั่งลงข้างโต๊ะ ซึ่งเป็นที่นั่งติดกับบาสเตียนแต่ไม่ยอมสบตาเขาแม้แต่แวบเดียว“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ป้าทำอาหารไทยให้คุณด้วยนะคะ ผัดผักรวมมิตรกั
บทที่ 8ทำลูก“สะ...สวยเหลือเกิน สวยจนฉันทนไม่ไหวแล้ว” บาสเตียนเอื้อมมือไปลูบไล้เนินหญ้าอย่างละเมียดละไม จ้องมองความงดงามของเนินสาว กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่“อื้อ....”อินทิราร้องครางเมื่อได้รับสัมผัสที่แผ่วเบา เจ้าหล่อนเอียงหน้าหนีพร้อมทั้งหลับตาพริ้ม แถมยังตัวสั่นเทาด้วยความประหม่า เพราะนี่คือครั้งแรกที่โดยผู้ชายรุกล้ำเข้ามาในตัวแบบนี้“จะ...จะทำอะไร”เจ้าหล่อนร้องถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อโดนอีกฝ่ายจับขาเรียวแยกออกจากกันอ้าซ่า แถมยังเข้าไปนั่งยองๆ อยู่ตรงกลางอีกด้วย“เดี๋ยวก็รู้หึๆ”“อ๊ะ!”มาเฟียหน้าหล่อก้มหน้าลงไปที่กลางร่องแฉะ ใช้มือทั้งสองข้างแหวกกลีบแคมอูมทั้งสองออกจากกัน นั่นทำให้อินทิรารู้สึกเสียววาบจนต้องเกร็งท่อนขาวเรียวเข้าหากัน แต่ไม่สามารถหยุดความหื่นกระหายของบาสเตียนได้เลย“อย่าเกร็งสิ...เชื่อใจฉัน”เขาว่าพลางจ้องมองดวงหน้าสวยที่แสดงถึงความประหม่าอ
บทที่ 7สวยจนฉันทนไม่ไหวแล้วก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นฉุดให้หญิงสาวที่กำลังนั่งกลุ้มใจอยู่บนเตียงหลุดจากภวังค์ วันนี้ครบกำหนดที่บาสเตียนจะเข้ามาทวงสัญญาถึงในห้องแล้ว นั่นทำให้อินทิรานั่งตัวสั่นด้วยความกลัวปนตื่นเต้น เจ้าหล่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูหน้าห้อง ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปหมุนลูกบิดประตู“อ้าว! ป้าสมัยเองเหรอคะ” อินทิราโล่งใจเป็นที่สุดเมื่อรู้ว่าคนที่มาเคาะประตูห้องคือป้าสมัย“คิดว่าเป็นคุณบาสเตียนเหรอคะ” ป้าสมัยยิ้มให้ราวกับรู้ว่าวันนี้คือวันอะไร“เอ่อ..ค่ะป้า” เจ้าหล่อนหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเมื่อโดนแซว ตั้งแต่เมื่อวานที่ป้าสมัยเห็นบาสเตียนกอดจูบเธอในห้องนั่งเล่น เจ้าหล่อนยังคงอายทุกครั้งที่เห็นหน้าแม่บ้านใจดีคนนี้“คุณบาสเตียนให้ป้าเอาของมาให้ค่ะ” ว่าแล้วป้าสมัยก็ยื่นกล่องสี่เหลี่ยมแบนๆ ให้“ขอบคุณค่ะป้า ว่าแต่มันคืออะไรงั้นเหรอคะ”“ลองเปิดด