บทที่ 11
สวนแห่งรัก
“ป้าสมัยคะ หนูขอคุยด้วยสักครู่ได้ไหม” อินทิราเดินมาหาป้าสมัยถึงในครัวเพราะต้องการพูดอะไรบางอย่างที่คิดไตร่ตรองมาทั้งคืน
“คุณอินมีอะไรจะคุยกับป้าเหรอคะ” ป้าสมัยที่กำลังนั่งเตรียมของทำมื้อเที่ยงอยู่หันมายิ้มให้
“คือ...เรื่องที่ป้าขอร้องให้ช่วย หนูตกลงจะช่วยนะคะ”
“จริงเหรอคะคุณอิน! ป้าดีใจที่สุดเลยค่ะ” ป้าสมัยยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อได้ยินข่าวดี
“แต่ไม่รู้ว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหนนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะป้ามั่นใจว่าคุณอินจะต้องทำได้ อีกอย่างตอนนี้ป้าก็รู้สึกว่าคุณบาสเตียนเริ่มยิ้มบ่อยขึ้น แสดงว่าคุณอินต้องมีของดีอะไรบางอย่างแน่ๆ อีกไม่นานก็จะมีเจ้าตัวเล็กแล้ว คุณอินต้องได้เป็นคุณผู้หญิงของบ้านหลังนี้แน่นอนค่ะ”
“หนูไม่คิดไปไกลถึงขนาดนั้นหรอกค่ะป้า” อินทิรายิ้มแหยๆ เมื่อรู้ว่าป้าสมัยตั้งความหวังกับเธอไว้สูงขนาดนั้น
“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกค่ะ ป้ามั่นใจว่าคุณอินต้องทำได้และทำไ
บทที่ 12เพื่อน(สาว)ตั้งแต่แอนดริวย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน อินทิราก็รู้สึกไม่เหงาเหมือนเมื่อก่อน เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงปรับตัวเข้ากับผู้ชายคนนี้ได้ง่ายดายอย่างนี้ แอนดริวเป็นผู้ชายที่มีนิสัยน่ารัก พูดเก่ง แถมยังคอยแนะนำเรื่องต่างๆ ให้เธอได้เป็นอย่างดี นับเป็นเพื่อนผู้ชายคนแรกที่เธอสนิทใจได้ในระยะเวลาอันสั้นตอนนี้ทั้งสองกำลังนั่งสนทนากันอยู่ในศาลาในสวน ตรงกลางโต๊ะมีจานขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มวางอยู่เสร็จสรรพเมื่อหมดเรื่องคุยกันแล้วแอนดริวก็นั่งพิมพ์งานในแล็ปท็อปอย่างตั้งใจ ส่วนอินทิราก็นั่งอ่านหนังสือนวนิยายรักพร้อมทั้งอมยิ้มอยู่ข้างกันในระหว่างนั้นก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเดินตรงเข้ามาหาคนทั้งสองอย่างเงียบๆ“สวัสดีครับ”เมื่อได้ยินเสียงเอ่ยทักทายคนทั้งสองจึงเงยหน้าขึ้น หันไปมองยังต้นเสียงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย“อ้าว! คุณแม็กซ์เวลล์” แอนดริวยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าเป็นใคร‘แม็กซ์เวลล์’ เป็นเพื่อนรักของบาส
บทที่ 13เมาตกเย็นก็มีงานปาร์ตี้เล็กๆ ภายในห้องคาราโอเกะสุดหรู โซฟาแบรนด์ดังดีไซน์รูปครึ่งวงกลมถูกจับจองไปด้วยคนทั้งสี่ บาสเตียนนั่งตรงกลางโดยมีเพื่อนรักนั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือ ส่วนทางขวามือก็เป็นอินทิราและเลขาส่วนตัวตามลำดับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกรินใส่แก้วครั้งแล้วครั้งเล่า จนตอนนี้บาสเตียนและแม็กซ์เวลล์เริ่มจะทรงตัวไม่ไหว ส่วนอีกสองคนยังคงนั่งจ้องหน้าจอทีวีขนาดยักษ์อย่างเพลิดเพลิน นั่นเพราะดื่มเพียงน้ำอัดลมธรรมดาเท่านั้น“เอ๊าโชนนน!!!”แกร๊ง!หนุ่มขี้เมาทั้งสองยกแก้วขึ้นชนกันก่อนจะดื่มน้ำสีอำพันลงไปจนหมดแก้ว ในขณะนั้นบาสเตียนก็ยกมืออีกข้างไปวางพาดบนบ่าอินทิราแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ด้วยความรำคาญเจ้าหล่อนจึงปัดมันออกให้พ้นตัวราวกับรำคาญเต็มทน“เมาแล้ววุ่นวายจริงๆ” เจ้าหล่อนบ่นให้คนที่นั่งข้างกัน“สงสัยคืนนี้คุณอินคงจะยุ่งน่าดูนะครับ” แอนดริวยิ้มน้อยๆ หลังจากเอ่ยแซวเจ้าหล่อน“ฉันว่าคุณนั่นล่ะจะยุ่ง” อินทิรายิ้มมุมปากราว
บทที่ 14ทำลูก2ตกเย็นก็มีงานปาร์ตี้เล็กๆ ภายในห้องคาราโอเกะสุดหรู โซฟาแบรนด์ดังดีไซน์รูปครึ่งวงกลมถูกจับจองไปด้วยคนทั้งสี่ บาสเตียนนั่งตรงกลางโดยมีเพื่อนรักนั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือ ส่วนทางขวามือก็เป็นอินทิราและเลขาส่วนตัวตามลำดับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกรินใส่แก้วครั้งแล้วครั้งเล่า จนตอนนี้บาสเตียนและแม็กซ์เวลล์เริ่มจะทรงตัวไม่ไหว ส่วนอีกสองคนยังคงนั่งจ้องหน้าจอทีวีขนาดยักษ์อย่างเพลิดเพลิน นั่นเพราะดื่มเพียงน้ำอัดลมธรรมดาเท่านั้น“เอ๊าโชนนน!!!”แกร๊ง!หนุ่มขี้เมาทั้งสองยกแก้วขึ้นชนกันก่อนจะดื่มน้ำสีอำพันลงไปจนหมดแก้ว ในขณะนั้นบาสเตียนก็ยกมืออีกข้างไปวางพาดบนบ่าอินทิราแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ด้วยความรำคาญเจ้าหล่อนจึงปัดมันออกให้พ้นตัวราวกับรำคาญเต็มทน“เมาแล้ววุ่นวายจริงๆ” เจ้าหล่อนบ่นให้คนที่นั่งข้างกัน“สงสัยคืนนี้คุณอินคงจะยุ่งน่าดูนะครับ” แอนดริวยิ้มน้อยๆ หลังจากเอ่ยแซวเจ้าหล่อน“ฉันว่าคุณนั่นล่ะจะยุ่ง” อินทิรายิ้มมุมปาก
บทที่ 15ข่าวดีหนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากคืนวันนั้นอินทิราก็รู้สึกผิดกับแอนดริวเป็นที่สุด นั่นเพราะทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดคิดไว้เลยสักนิด แม็กซ์เวลล์ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองได้ร่วมหลับนอนกับเลขาของเพื่อนรัก ซึ่งเป็นผู้ชายด้วยกันทำให้เขารับไม่ได้ ต่อยหน้าแอนดริวไปสองหมัดติดก่อนจะรีบออกจากบ้านไป จากวันนั้นถึงวันนี้ยังไม่มาให้แอนดริวเห็นหนี้อีกเลยสักครั้ง“ฉันขอโทษนะคะ ไม่นึกว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างนี้” อินทิราเอ่ยกับแอนดริวเสียงอ่อย ขณะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น“ไม่เป็นไรครับ ผมต้องขอบคุณคุณอินมากกว่า ที่อย่างน้อยก็ทำให้ผมกล้าทำสิ่งที่ตัวเองไม่เคยกล้า ถึงยังไงเรื่องของผมกับเขามันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นถือเป็นกำไรชีวิตที่มีค่ามาก” แอนดริวยิ้มอย่างสบายใจ สื่อให้อินทิรารู้ว่าเขาเริ่มทำใจได้บ้างแล้ว“ฉันมั่นใจว่าจะช่วยคุณได้แน่ๆ แต่ขอเวลาอีกแปบนึงนะคะ” อินทิรายังดึงดันที่จะช่วย เธอมั่นใจว่าความดีของแอนดริวจะเอาชนะใจแม็กซ์เวลล์
บทที่ 16ท้อง@โรงพยาบาล“สรุปภรรยาผมท้องหรือเปล่าครับหมอ”“ยินดีด้วยนะครับภรรยาคุณตั้งครรภ์ได้สี่สัปดาห์แล้ว”“เย้!!! จะเป็นพ่อคนแล้วโว้ยย” ด้วยความดีใจบาสเตียนเผลอกอดคนที่นั่งข้างกันแน่น จนอินทิราแทบหายใจไม่ออก จึงพยายามห้ามอีกฝ่ายด้วยคำพูด“อย่าเว่อร์...นี่ในห้องตรวจนะ” อินทิราเองก็ยิ้มไม่หุบเช่นเดียวกันตอนนี้กำลังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องให้ต้องดูแลแล้ว คิดแล้วก็นึกถึงใบหน้าผู้เป็นมารดาขึ้นมาทันที เธอรู้แล้วว่าการเป็นแม่คนมันมีความสุขมากขนาดไหน“ก็ฉันดีใจนี่นา”“ใครๆ ฉันก็ดีใจแต่ไม่ทำตัวเว่อร์เหมือนนายสักนิด”“อย่าว่าให้สามีคุณเลยครับ มากกว่านี้ผมก็เคยเจอมาแล้ว” คุณหมอผมทองเอ่ยกับอินทิรา“ค่ะคุณหมอ”“เห็นไหมล่ะเธอนี่ไม่รู้อะไรเลย”“ต่อไปนี้คุณต้องดูแลตัวเองดีๆ ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอและที่สำคัญอย่าเครียดเ
บทที่ 17เรื่องที่ของานเลี้ยงฉลองต้อนรับสมาชิกใหม่ซึ่งอยู่ในท้องของอินทิราดำเนินขึ้นในช่วงเย็นวันนั้น แม็กซ์เวลล์จำใจยอมเข้ามาที่คฤหาสน์ตามคำเชื้อเชิญแกมบังคับของเพื่อนรัก หากไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเช่นนี้เขาไม่มีทางยอมมาแน่นอน เพราะไม่อยากเห็นหน้าคนที่ทำให้ต้องรู้สึกขยะแขยงตัวเอง“ยินดีด้วยนะครับคุณอิน”“ขอบคุณค่ะ”“มึงควรแสดงความยินดีกับกูมากกว่านะเพื่อน” บาสเตียนปรายตามองเพื่อนอย่างไม่วางใจ แม้ว่าอินทิราจะนั่งฝั่งตรงข้ามก็ตามที“ก็คุณอินท้องมึงไม่ได้ท้องนี่หว่า”“แต่กูเป็นคนทำให้ท้องเว้ย”ได้ยินอย่างนั้นอินทิราก็แยกเขี้ยวใส่คนที่นั่งตรงข้ามทันที“แต่หลังจากนี้นายคงไม่มีสิทธิ์แตะเนื้อต้องตัวฉันอีกแล้วล่ะ” อินทิราพูดกระแทกแดกดันให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าตอนนี้เธอได้ตั้งท้องตามสัญญาแล้ว เรื่องความสัมพันธ์ทางกายถือว่าเป็นอันสิ้นสุดลงแล้ว“ใครบอกเธอ” บาสเตียนไม่สะทกสะท้านกับคำพูดนั้น
บทที่ 18เรื่องบนเตียง“เดินระวังๆ ดิเดี๋ยวก็ได้กลิ้งลงไปหรอก”“ฉันก็เดินปกตินี่นา เป็นเพราะนายนั่นล่ะโอบไหล่ฉันไม่ยอมปล่อย ทำให้เดินไม่ถนัด”อินทิราบ่นอุบให้บาสเตียนขณะกำลังเดินลงบันไดมาจากชั้นบนในเช้าวันใหม่ ตั้งแต่เดินออกมาจากห้องบาสเตียนก็เอาแต่เดินโอบไหล่มาตลอดทาง ราวกับว่าเธอเป็นนผู้ป่วยเดินเองไม่ได้ซะอย่างนั้น“ก็ฉันกลัวเธอจะหกล้มนี่นา”“เว่อร์ไปแล้ว เอามือออกแล้วเดินไปดีๆ”เมื่อเห็นสายตาอันดุดันของหญิงสาว บาสเตียนก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นสื่อว่าเขายอมแพ้แล้ว “โอเคๆ ยอมก็ได้คร้าบบ”“ก็แค่นี้ล่ะ”เมื่อทั้งสองเดินลงมาถึงห้องโถงแล้ว อินทิราก็กวาดสายตามองหาแอนดริวแต่กลับไม่พบตัว ปกติแล้วอีกฝ่ายจะมานั่งทบทวนงานอยู่ที่ห้องนั่งเล่นในยามเช้าเสมอ“มองหาใครอยู่เหรอ” บาสเตียนเองก็มองตามอย่างสงสัย“ก็คุณแอนดริวน่ะสิ ปกติลงมาก็เจออยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว แต่วันนี้ผิดปกติ&rd
บทที่ 19รักฉันไหม“ฉันรู้...ไม่เป็นไรฉันไปช่วยตัวเองในห้องน้ำก็ได้ ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะบังคับขืนใจเธอหรอกนะ” บาสเตียนรู้ดีว่ามันไม่ควร แต่ตอนนี้เขามีความต้องการมากเหลือเกิน แต่สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้นั่นคือการช่วยตัวเองเท่านั้น จึงทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียงไปแต่ทว่าอินทิรากลับคว้าหมับที่แขนรั้งตัวไว้เสียก่อน“นายจะไปไหนอ่ะ”“ก็จะไปช่วยตัวเองไงล่ะ ปล่อยมือฉันได้แล้ว” ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อยราวกับงอนอีกฝ่ายเสียเหลือเกิน“ไม่ต้องไปแล้วเดี๋ยวฉันช่วยเอง” อินทิรายิ้มให้เขา“จริงๆ นะ ฉันรักเธอที่สุดในโลกเลย” เมื่อได้ยินอย่างนั้นบาสเตียนก็เบิกตาโพลงด้วยความดีใจ รีบทะยานตัวเข้าไปกอดอีกฝ่ายไว้ทันที“ปล่อยฉันก่อนดิหายใจไม่ออกแล้วเนี่ย”“โอเคๆ ปล่อยแล้วครับ ปล่อยแล้ว” บาสเตียนคลายอ้อมกอดปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระ จากนั้นก็รีบจัดการถอดกางเกงบ็อกเซอร์ออกโดยเร็วอินทิราเองก็ปลดเปลื้องเสื้อสายเดี่ยวตั
บทที่ 33อวสานหลังจากเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันบนโต๊ะหมู่บูชาแล้ว อินทิราก็บอกให้ลูกทั้งสองคนกราบพระประธานที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างบนสุด จากนั้นก็หันไปมองยังมุมห้องที่มีโกศเล็กๆ วางอยู่พร้อมกับรูปถ่ายของผู้เป็นมารดา อินทิราส่งยิ้มให้มารดาทุกครั้งที่เข้ามาในห้องแห่งนี้“กราบคุณยายสิคะ” เจ้าหล่อนบอกกับลูกทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม“ทำไมมัมต้องพาพวกเรามากราบคุณยายทุกวันด้วยครับ” แมทธิวเอ่ยกับมารดาด้วยสีหน้าสงสัย“คุณยายเคยเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็ก เราจะปล่อยให้คุณยายเหงาได้ยังไง ถ้ามัมไม่อยู่แล้วแมทธิวเองก็ต้องทำอย่างนี้เหมือนกันเข้าใจไหมครับ”“เข้าใจแล้วครับมัม ผมจะมากราบคุณยายพร้อมมัมทุกวันเลยครับ คุณยายจะได้ไม่เหงา”“ดีมากจ๊ะลูก” อินทิราลูบกลางกระหม่อมลูกชายเบาๆ อย่างเอ็นดู “แล้วแอนนาล่ะคะ”“กราบ...ยาย” เด็กหญิงตอบรับเป็นคำๆ ราวกับเข้าใจเป็นอย่างดีเช่นเดียวกันจากนั้นเด็กทั้งสองก็ก้มกราบโกศสีทองแ
บทที่ 32พลอยดาวสามปีต่อมาในสถานบันเทิงชื่อดังใจกลางเมืองลาสเวกัส นักท่องราตรีหลากหลายเชื้อชาติต่างก็เข้ามาหาความสุขกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ดนตรีเพลงละตินดังก้องโลกทำให้บรรดาหนุ่มสาวเกิดความคึกคะนอง ต่างก็โยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างสนุกสนานฉายภาพมาที่ห้องวีไอพีสุดหรูซึ่งเป็นธุรกิจแอบแฝงของที่นี่ กลุ่มนักดื่มสูงวัยผิวสีสามสี่คนกำลังโอบกอดหญิงสาวชาวเอเชียที่แต่งตัววับแวมล่อเสือล่อตะเข้ คอยเอาอกเอาใจแขกคนสำคัญอย่างรู้งาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพลอยดาวหลังจากวันที่โดนไล่ละเพิดออกมาจากคฤหาสน์ของบาสเตียน เจ้าหล่อนก็บังเอิญเจอกับมาเฟียหนุ่มใหญ่เจ้าของซ่องที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส ตอนแรกเขาต้อนรับเธอเข้ามาอยู่ในฐานะเมียดูแลซะดิบดี แต่ทว่าพอเบื่อแล้วเจ้าหล่อนก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในบรรดาสาวๆ ที่ต้องเข้าไปทำงานในซ่องพลีกายให้กับบรรดานักธุรกิจแก่ตัณหากลับหลากหลายเชื้อชาติ ที่เข้ามาใช้บริการด้วยวงเงินที่สูงพอตัวพลอยดาวกำลังนั่งบนตักลูกค้าผิวสีคนหนึ่งอายุราวหกสิบเห็นจะได้ แม้ว่าเขาจะถูกใจเธอมากเป็นพิเศษ แต
บทที่ 31ห้องนอนน้อยๆหลังจากทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน ภายในห้องนอนเล็กๆ ซึ่งเป็นที่ซุกหัวนอนของอินทิรามาตั้งแต่เด็กจนโต ข้าวของทุกอย่างยังคงถูกวางไว้ที่เดิม ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่เสียนานเตียงนอนขนาดเล็กทำให้ไม่สามารถนอนพร้อมกันได้สองคน บาสเตียนจึงต้องปูฟูกนอนอยู่ข้างเตียง นุ่งผ้าขาวม้านอนคุยไลน์กับเลขาส่วนตัวเรื่องงาน ส่วนอินทิราก็นอนจ้องมองเพดานห้องลูบท้องตัวเองเบาๆ ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มน้อยๆ ฉายออกมาตลอดเวลา บ่งบอกว่าเจ้าหล่อนมีความสุขมากแค่ไหน“เธอ…นอนยัง?” เสียงคนที่นอนอยู่ข้างล่างเอ่ยเรียก อินทิราจึงเอียงใบหน้าสวยหันไปมองยังต้นเสียง แม้จะมองไม่เห็นหน้าเขาก็ตามที“ยัง...ทำไมเหรอ?”“ฉันไม่ได้นอนกอดเธอ...นอนไม่หลับอ่ะ”“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” อินทิรายิ้มน้อยๆ รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังต้องการอะไร“ฟูกข้างล่างนุ่มมาก แถมยังกว้างอีกด้วยนะ”“แล้วจะบอกฉันทำไม
บทที่ 30ความเข้าใจ“มาแล้วคร้าบบบ”หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว บาสเตียนจึงรีบวิ่งลงมาจากห้องเพื่อร่วมวงทานข้าว เมื่อมาถึงก็พบว่าทั้งสามได้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ที่บ้านของอินทิราใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมาโดยตลอด เพราะทุกคนคุ้นชินกับการปูเสื่อนั่งล้อมวงทานข้าวกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่สำหรับบาสเตียนมันคือเรื่องแปลกใหม่มากๆ“นั่งลงสิ” อินทิราเงยหน้าขึ้นไปเอ่ยเมื่อเห็นบาสเตียนเอาแต่ยืนมองดูไม่ยอมนั่งลงเสียที“คงจะรับไม่ได้สินะที่ต้องมานั่งกินข้าวแบบบ้านๆ อย่างนี้” แก้วกันยาเอ่ยประชด“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับคุณแม่ ผมอยู่ง่ายกินง่ายไม่เลือกมากคร้าบบ” บาสเตียนนั่งขัดสมาธิอย่างเก้ๆ กังๆ โปรยยิ้มให้ทุกคนก่อนจะหยิบช้อนแกงในจานข้าวจะไปตักอาหาร แต่กลับไม่คุ้นชินเมนูที่อยู่ในจานเลยอย่างบาสเตียนลังเลใจอยู่นานกว่าจะเลือกได้ และสุดท้ายหวยก็มาลงที่จานไข่เจียวขณะเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ อยู่นั้นบาสเตียนก็หันไปมองอินทิราด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยัก
บทที่ 29ตัวหอมหลังจากทำเคมีบำบัดครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นลง คุณหมอจึงอนุญาตให้แก้วกันยากลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ แม้ว่าช่วงเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาลบาสเตียนก็เอาอกเอาใจแม่ยาย ทำหน้าที่ยิ่งกว่าลูกแท้ๆ เสียอีก แต่ทว่าท่าทีของแก้วกานดากลับยังไม่อ่อนลงเลยสักนิด ตรงกันข้ามสำหรับอินทิราสถานการณ์กลับเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ออกปากไล่ตะเพิดเหมือนเมื่อครั้งที่เจอกันตอนแรกแล้วบาสเตียนไม่เคยปรนนิบัติพัดวีใครอย่างนี้มาก่อนนอกจากมารดาของตัวเอง แต่ทว่าสำหรับความรักครั้งนี้เจ้าตัวทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อจะได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบอย่างที่เคยมีในวัยเด็กอีกครั้งอาณัฐพยุงผู้เป็นมารดาลงมาจากรถแท็กซี่เข้าไปในบ้าน โดยมีอินทิราและบาสเตียนเดินตามหลังมาติดๆบ้านไม้สองชั้นเก่าๆ ริมคลอง มีเรือหางยาวแล่นผ่านเป็นระยะๆ ทำให้บาสเตียนเกิดความสนใจเป็นพิเศษ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้มาก่อน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไม่วุ่นวายเหมือนเมืองที่เคยอยู่มาตั้งแต่เกิดอย่างลาสเวกัสเลยสักนิด“บ้านเธอน่าอยู่ดีนะ” บาสเต
บทที่ 28ลูกเขยเจ้าเล่ห์วันต่อมา“อาร์ออกมาคุยกับพี่หน่อยสิ” บาสเตียนเอ่ยเรียกอาณัฐออกมาที่หน้าห้องพักผู้ป่วย ขณะคุณหมอเข้ามาตรวจผู้เป็นมารดาภายในห้องเดินออกมาถึงหน้าห้องแล้วบาสเตียนก็ยื่นบัตรเครดิตให้“อะไรครับพี่” อาณัฐมองหน้าอย่างงงๆ“บัตรเครดิตไง พี่ให้ไปช้อปปิ้ง เราดูแลแม่มานานคงอยากจะไปเที่ยวบ้าง จัดให้เต็มที่เลยนะเดี๋ยวพี่กับอินทิราจะดูแลคุณแม่ให้เองไม่ต้องห่วง”“ขอบคุณครับพี่” อาณัฐยกมือไหว้ด้วยความดีใจ ยิ้มไม่ยอมหุบ ก่อนจะยื่นมือไปรับมา “แล้วมันใช้ได้เท่าไหร่ครับพี่”“ไม่อั้น” บาสเตียนส่งยิ้มน้อยๆ ให้“เยส!!! ขอบคุณมากๆ ครับพี่” อาณัฐโผเข้ากอดบาสเตียนก่อนจะรีบเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีบาสเตียนยิ้มส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง“แม่คะทานข้าวนะเดี๋ยวหนูป้อน” อินทิรายกถาดข้าวต้มพร้อมทั้งแก้วน้ำดื่มมาวางไว้ข้างเตียง เตรียมพร้อมสำห
บทที่ 27แม่ยายจ๋าหลังจากเครื่องแลนดิ้งลงบนผืนแผ่นดินไทยแล้ว ทั้งสองก็รีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลในทันที นั่นเพราะมารดาของอินทิรากำลังพักฟื้นอยู่ที่นั่นตั้งแต่เมื่อครั้งเกิดเรื่องขึ้นนั่งแท็กซี่มาถึงโรงพยาบาลแล้ว ทั้งสองก็รีบขึ้นมายังห้องพักฟื้น บาสเตียนยื่นมือมาให้อีกฝ่ายประสานไว้อย่างแนบแน่น ส่งยิ้มให้กำลังใจกันและกัน ชายหนุ่มออกแรงบีบมือเจ้าหล่อนเบาๆ เพื่อเตือนสติให้รับรู้ว่า เขาพร้อมที่จะอยู่ข้างกันอย่างนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น“พร้อมแล้วใช่ไหม”“อื้อ...ฉันพร้อมแล้ว”จากนั้นบาสเตียนจึงเปิดประตูจูงมือคนรักเข้าไปในห้อง ก็เจอกับน้องชายที่กำลังป้อนข้าวผู้เป็นมารดาอยู่บนเตียง แวบแรกที่เห็นอินทิราถึงกับปล่อยโฮออกมา นั่นเพราะใบหน้าของมารดาซีดเซียวแตกต่างจากครั้งล่าสุดที่เธอเห็น บนศีรษะก็มีหมวกไหมพรมสวมไว้ เพื่อปกปิดอาการผมร่วงจากการทำคีโมนั่นเอง“แม่! ฮือ...” อินทิรารีบโผเข้าไปกอดผู้เป็นมารดา แต่ทว่ากลับได้รับการปฏิเสธจากทั้งคำพูดและการกระทำ จนเจ้า
บทที่ 26กลับบ้านเมื่อเดินเข้าไปในบ้านก็พบบาสเตียนกำลังนั่งปลอบใจอินทิราอยู่โซฟา โดยหญิงสาวกำลังร้องไห้ร้องห่มราวกับเจอเรื่องทุกข์ใจมาอย่างแสนสาหัส เห็นอย่างนั้นผู้มาใหม่ทั้งสองจึงรีบเดินตรงไป เพื่อจะถามไถ่ถึงเรื่องราวความเป็นมา“เกิดอะไรขึ้นครับบอส” แอนดริวเอ่ยถาม“นั่นสิทำไมคุณอินถึงได้ร้องไห้หนักขนาดนี้ เมื่อครู่กูเห็นพลอยดาวโดนการ์ดลากตัวออกไปหรือว่าเป็นฝีมือพลอยดาว” แม็กซ์เวลล์ถามต่อ“เพราะยัยนั่นล่ะ” บาสเตียนพูดด้วยสีหน้ายุ่งเล็กน้อย เห็นอินทิราไม่สบายใจอย่างนี้ก็ทำให้เขารู้สึกแย่ตามไปด้วย“ทิ้งมึงไปแล้วยังจะกลับมาหาหอกอะไรอีกวะ แถมยังมาทำร้ายคุณอินอีกต่างหาก” แม็กซ์เวลล์เป็นเดือดเป็นร้อนแทนเพื่อนรักซะเต็มประดา“กูถึงได้ไล่ออกจากบ้านไปยังไงล่ะ”“ว่าแต่พลอยดาวทำอะไรคุณอินวะ ถึงได้ร้องไห้ร้องห่มอย่างนี้” แม็กซ์เวลล์ถามต่อ“ยัยนั่นให้เพื่อนที่เมืองไทยไปบอกแม่อินทิราว่ามารับจ้างเป็นแม่
บทที่ 25จุดจบของนางร้าย“ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เพราะนับจากนี้ฉันจะอภัยให้เธอแล้ว เรื่องระหว่างเราจะถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น” บาสเตียนบอกกับหญิงสาวเมื่อได้ยินอย่างนั้นพลอยดาวก็เริ่มยิ้มออก เธอไม่นึกไม่ฝันว่าบาสเตียนจะคำนี้ออกมา ทั้งที่แต่ก่อนเอาแต่ก่นด่าเธอทุกครั้งที่เจอหน้ากัน“ขอบคุณนะคะบาสเตียน”“ที่ฉันยอมเพราะอินทิราเป็นคนขอร้อง ฉันไม่อยากให้เมียฉันต้องคิดมากกับเรื่องนี้อีก คงเข้าใจแล้วนะว่าทำไมเธอถึงเทียบอินทิราไม่ติดเลยสักนิด” บาสเตียนเอ่ยพลางกระชับอ้อมแขนโอบไหล่อินทิราให้แน่นขึ้นไปอีกพลอยดาวแทบเปลี่ยนอารมณ์ไม่ทัน เมื่อบาสเตียนสาธยายความจริงให้เธอได้รับฟัง เขาพูดราวกับว่าเธอไม่ได้มีค่าในสายตาเลยสักนิด เป็นเพราะอินทิราคนเดียวที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันแย่ลงอย่างนี้ นั่นทำให้เธอเกลียดอินทิราเข้าไส้มากขึ้นไปอีก“กรี๊ดดดด!!! ทำไมต้องเอาพลอยไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงคนนี้ด้วย ผู้หญิงชั้นต่ำที่เอาตัวเองมาแลกกับเงินอย่างนี้”