บทที่ 1
ความบังเอิญ
หญิงสาวร่างเล็กใบหน้าเรียวรูปไข่หน้าตาสะสวย เดินไหล่ตกออกมาจากห้องตรวจด้วยสีหน้าวิตกกังวล เดินเรื่อยเปื่อยมาได้สักพักเธอก็หย่อนก้นลงบนเก้าอี้ ในมุมนั่งเล่นของโรงพยาบาลอย่างหมดอาลัยตายอยาก
‘อินทิรา’ เพิ่งจะได้รับข่าวร้ายจากคุณหมอมาหยกๆ เพราะแม่ของเธอเป็นมะเร็งลำไส้ระยะที่สองต้องเข้ารับการผ่าตัดและทำเคมีบำบัดควบคู่กันไป นั่นทำให้ค่ารักษาสูงลิ่วและนั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้เธอต้องมานั่งกลุ้มใจอยู่ในตอนนี้
‘อินทิรา เจริญกิจกุล’ หรือที่เพื่อนเรียก ‘อิน’ สาวน้อยวัยยี่สิบสองกะรัต เพิ่งจะจบการศึกษาด้านกฎหมายมาได้เพียงสองเดือน ยังไม่ได้แม้แต่จะหางานทำเลยด้วยซ้ำ แต่มารดาผู้เป็นเสาหลักก็ต้องมาป่วยเข้าเสียก่อน มารดาของเธอมีอาชีพขายข้าวแกงข้างทางรายได้เพียงน้อยนิด แต่ต้องมาเลี้ยงดูส่งเสียเธอและน้องชายวัยสิบแปดปีที่เพิ่งจะจบชั้นมัธยมปลายมาหมาดๆ
“แม่จ๋าหนูจะทำทุกทางเพื่อหาเงินมารักษาแม่ให้ได้ ฮือออออ...” เจ้าหล่อนอดไม่ได้ที่จะปล่อยโฮออกมา นั่นเพราะคิดหาหนทางไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะหาเงินจำนวนมหาศาลขนาดนั้นมาจากไหนได้ในระยะเวลาอันสั้น
เอ๋!!!
“ฮัลโลค่ะคุณบาสเตียน ตอนนี้เมย์กำลังหาอยู่ค่ะ สาวพรหมจรรย์ที่ไหนจะมารับงานอย่างนี้ล่ะคะ ติดต่อใครไปก็ปฏิเสธทุกราย แต่ฉันจะพยายามหาให้ได้นะคะไม่ต้องห่วง”
เมื่อได้ยินเสียงใครบางคนกำลังคุยสายอยู่ข้างๆ อินทิราจึงเอี้ยวหน้าไปมองอย่างงงๆ ก่อนจะใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มจนหมด จากนั้นก็ลุกขึ้นจะเดินไป
“เพิ่มให้อีกห้าล้าน เป็นสิบล้านเลยเหรอคะ!”
ได้ยินอย่างนั้นอินทิราก็ชะงักฝีเท้าทันที ก่อนจะเอี้ยวหน้าไปมองหญิงสาวคนนั้นอีกครั้งอย่างสนใจ
สิบล้านบาทเลยงั้นหรือทำไมถึงได้มากมายมหาศาลขนาดนี้นะ
ว่าแต่มันคืองานอะไรกันแน่ทำไมถึงได้มีค่าจ้างมากมายมหาศาลขนาดนี้ แต่ไม่ว่ามันจะเป็นงานอะไรก็ตาม เธอจะยอมทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมารักษามารดาให้จงได้
“ขอโทษนะคะ” เธอยอมหน้าด้านเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายก่อน
“มีอะไรเหรอคะ”
แรกพบคนแปลกหน้าก็ทำเอา ‘ปราลี’ ถึงกับตะลึงงันกับความสวยของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เห็นอย่างนี้แล้วมีหรือที่เธอจะยอมปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ เพราะเหลือระยะเวลาอีกไม่นานก็จะถึงเส้นตายที่บาสเตียนได้ขีดไว้ให้แล้ว ไม่งั้นค่าจ้างก้อนใหญ่ที่เธอจะได้รับคงจะหลุดมือไปแน่ๆ
“คือ...ฉันสนใจงานที่คุณพูดถึงเมื่อครู่ค่ะ” อินทิรากลั้นใจพูดออกไปรวดเดียวจนจบ ก้มหน้ารอคำตอบด้วยกลัวว่าจะโดนปฏิเสธ
“คุณพูดจริงเหรอคะ” ปราลียิ้มกว้างกระโดดตัวโหยงๆ ด้วยความดีอกดีใจ
“จริงค่ะ...ว่าแต่ได้สิบล้านจริงหรือเปล่าคะ” ใครจะหาว่าเธอเห็นแก่เงินก็ช่าง เพราะชีวิตของมารดาสำคัญที่สุด
“จริงสิคะ สิบล้านบาทแต่มันก็มีข้อแม้ที่ค่อนข้างจะยุ่งยากพอสมควร”
“งานที่ว่าคืออะไรคะฉันทำได้ทุกอย่างเลย”
“ฉันว่าเราไปนั่งคุยกันที่อื่นดีกว่าไหมคะตรงนี้คนเยอะอาจจะไม่สะดวก”
“ได้ค่ะ”
อินทิราเริ่มยิ้มออกเมื่อรู้ว่ากำลังเข้าใกล้เงินสิบล้านมากขึ้นทุกที แม้จะยังไม่ได้รู้เลยว่ามันคืองานอะไรกันแน่
ทั้งสองเดินมาถึงบริเวณโซนที่นั่งปลอดคนในชั้นเดียวกัน จากนั้นปราลีก็เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา
“ก่อนอื่นต้องแนะนำตัวก่อนนะคะฉันชื่อปราลี เคยทำงานเป็นเลขาส่วนตัวคุณบาสเตียนที่ลาสเวกัส และเมื่อไม่นานมานี้ท่านติดต่อมาเพราะต้องการให้ฉันหาแม่อุ้มบุญให้”
“ห๊ะ! มะ...แม่อุ้มบุญ” อินทิราแทบไม่เชื่อหูตัวเอง มิน่าล่ะจำนวนเงินถึงได้มหาศาลขนาดนี้ เธออาจจะตกใจที่ได้ยินอย่างนั้น แต่ถ้าถามว่าจะทำไหม เธอตอบได้เต็มปากว่า…ทำจ้า!!!
“ใช่ค่ะ ถ้าคุณเอ่อ....”
“ฉันอินทิราค่ะ”
“ค่ะ ถ้าคุณอินทิราไม่โอเคก็ไม่เป็นไรนะคะ ฉันชินแล้วกับการโดนปฏิเสธ” ปราลีพูดอย่างไร้ซึ่งความหวังเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตกใจของอินทิรา
“ไม่มีปัญหาค่ะฉันตกลง”
“ห๊ะ! ทะ...ทำไมมันง่ายอย่างนี้เนี่ย” ปราลีตะลึงงันปนดีใจเมื่ออีกฝ่ายตอบรับโดยเร็วแทบไม่ต้องคิดอะไรมาก บทจะง่ายก็แทบไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย
“ตอนนี้ฉันร้อนเงินมากค่ะ แม่ฉันเป็นมะเร็งลำไส้ระยะที่สองแล้วต้องผ่าตัดด่วน ค่าใช้จ่ายเยอะอย่างนี้ฉันไม่รู้จะไปหาเงินที่ไหนทันน่ะสิคะ คุณปราลีต้องช่วยดิฉันนะคะ งานนี้เป็นความหวังเดียวที่จะทำให้ฉันมีเงินรักษาแม่” อินทิรายอมเล่าถึงความจำเป็นให้ฟัง เผื่อว่าอีกฝ่ายจะเห็นใจและเลือกเธอให้ทำงานนี้
“มิน่าล่ะ ฉันเห็นใจคุณนะคะแต่ว่าคุณต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดและยอมรับข้อตกลงที่ฉันจะบอกได้”
“บอกมาเลยค่ะฉันไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”
“ข้อแรกคุณต้องเป็นสาวพรหมจรรย์ ข้อสองหลังจากคลอดลูกแล้วคุณจะต้องรีบกลับเมืองไทยทันทีไม่มีสิทธิ์ในตัวเด็ก ส่วนข้อสุดท้ายคุณต้องปิดเรื่องนี้ให้เป็นความลับอย่าให้ใครรู้เด็ดขาด”
“แค่นี้ใช่ไหมคะ”
“ค่ะแค่สามข้อเท่านั้น ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยที่เขาบอกฉันมาคุณถือว่าผ่านฉลุย ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาและบุคลิกภาพ” ปราลียอมรับว่าเธอคนนี้เป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยมาก สวยจนสามารถเป็นดาราได้เลยทีเดียว เธอหวังว่าอินทิราจะยอมรับข้อเสนอได้และงานของเธอจะได้จบสิ้นลงเสียที
“ฉันยังบริสุทธิ์ค่ะ ส่วนข้อสองกับสามฉันมั่นใจว่าทำได้แน่ไม่มีปัญหาค่ะ” อินทิราเอ่ยอย่างมั่นใจ
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอถ่ายรูปคุณส่งไปให้คุณบาสเตียนดูก่อนได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ”
อินทิราพยายามเซ็ทผมให้ดูดีที่สุด ก่อนจะนั่งฉีกยิ้มต่อหน้ากล้องมือถือยี่ห้อดัง
แชะ!
“รอสักครู่นะคะฉันขอส่งภาพให้คุณบาสเตียนก่อน ว่าแต่คุณต้องใช้เงินวันไหนคะฉันจะได้บอกท่าน” ปราลีเอ่ยขณะส่งภาพให้คนที่อยู่ต่างประเทศ
“อาทิตย์หน้าค่ะ” อินทิราตอบด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้เธอดีใจมากที่สุดในชีวิตเพราะสามารถหาเงินมารักษามารดาได้แล้ว ถึงแม้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้างเธอก็ยอมที่จะเสี่ยง
“ว้าว!!! คุณบาสเตียนตอบตกลงมาแล้วค่ะ” ปราลีเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ด้วยความดีใจ “ดีใจด้วยนะคะสงสัยคุณคงจะถูกใจเขามาก”
“คนที่จ้างฉันชื่อคุณบาสเตียนเหรอคะ” เธออยากถามให้มั่นใจอีกครั้งว่าคนชื่อนี้เป็นนายจ้างของเธอจริงๆ
“ใช่ค่ะคุณบาสเตียนเป็นนักธุรกิจที่รวยมากในลาสเวกัส” ปราลีบอก
“ออค่ะ ว่าแต่ฉันจะได้เงินตอนไหนคะ”
“อ้อ! เรื่องเงินจะแบ่งเป็นสองก้อนนะคะ หลังจากเซ็นต์สัญญาคุณจะได้ห้าล้านบาท ส่วนอีกห้าล้านจะได้ตอนที่คุณกลับมาเมืองไทย”
“ขอบคุณมากๆ นะคะ ฟ้าต้องส่งให้คุณมาเจอฉันแน่ๆ ถ้าไม่ได้เจอคุณตอนนี้ฉันคงจะนั่งกลุ้มอยู่คนเดียวแน่ๆ” อินทิรายกมือไหว้ด้วยความดีอกดีใจ จนน้ำตาซึมออกทางหางตา
“ฉันเองก็ต้องขอบคุณคุณเหมือนกันที่ทำให้งานฉันเสร็จสักที ยังไงก็ขอให้แม่คุณหายไวๆ นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่เราจะเซ็นต์สัญญากันวันไหนดีคะ”
“พรุ่งนี้คุณมาที่โรงพยาบาลอีกไหมคะ” ปราลีถาม
“มาค่ะ ตอนนี้แม่ฉันนอนที่โรงพยาบาลต้องมาที่นี่ทุกวัน”
“ถ้างั้นพรุ่งนี้เจอกันนะคะ เตรียมเลขบัญชีคุณมาด้วยฉันจะได้โอนเงินให้”
“ฉันขอกอดคุณได้ไหมคะ ฉันดีใจจนไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้ว”
“ได้สิคะ” ปราลียิ้มด้วยความยินดี
อินทิราโผเข้ากอดคนที่เพิ่งจะเจอหน้ากันไม่ถึงชั่วโมงอย่างแนบแน่น แม้ว่าปราลีจะไม่ใช่คนที่จ้างวานเธอ แต่ทว่าปราลีคือผู้ที่จุดเทียนให้แสงสว่างกับเธอขณะอยู่ในความมืดมิด
“ว่าแต่คุณปราลีมาเยี่ยมใครที่โรงบาลคะเนี่ย”
“พอดีเพื่อนฉันไม่สบายค่ะพรุ่งนี้หมอก็ให้กลับบ้านได้แล้ว ฉันขอเบอร์ติดต่อคุณหน่อยสิคะ”
“ได้ค่ะ”
อินทิรารีบกดเบอร์โทรให้ทันที
“ไว้เจอกันนะคะ แล้วเราค่อยมาคุยรายละเอียดกัน” ปราลีเอ่ย
“สวัสดีค่ะ”
หลังจากปราลีเดินไปแล้วอินทิราก็รีบเร่งฝีเท้าไปยังห้องน้ำทันที เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครในนั้นเธอก็ส่งเสียงกรี๊ดด้วยความดีใจ ในที่สุดมารดาของเธอก็จะสามารถเข้ารับการรักษาโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายแล้ว แม้จะต้องตายเธอก็ไม่กลัวหากจะทำให้มารดามีชีวิตรอดต่อไป
บทที่ 2ซาตานหน้าหล่อณ ลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกาคฤหาสน์หรูสไตล์ยุโรปบนพื้นที่หลายสิบไร่ตั้งอยู่ชานเมืองลาสเวกัส รายล้อมไปด้วยบอดี้การ์ดหลายสิบนายยืนเฝ้ายามตามจุดต่างๆ ตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้านายซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองแห่งแสงสีนี้ เขาคือ ‘บาสเตียน ฮาร์ริสสัน’ หนุ่มหล่อวัยสามสิบห้ากะรัต ลูกครึ่งไทยอเมริกัน ผู้ซึ่งสามารถพูดได้สองภาษานั่นคือไทยและอังกฤษด้วยความเป็นคนมีชื่อเสียงของเมืองลาสเวกัส บวกกับความหล่อคมเข้มตามฉบับหนุ่มลูกครึ่ง ทำให้บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ต่างก็หมายปองอยากจะเป็นเจ้าสาวของเขา แต่ทว่าบาสเตียนกลับเห็นพวกเธอเป็นแค่เพียงที่ระบายความใคร่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นบาสเตียนมองผู้หญิงเป็นเพียงแค่ตุ๊กตายางระบายความใคร่มาตั้งแต่เมื่อครั้งที่โดนแฟนสาวชาวไทยทิ้งไปแต่งงานกับเศรษฐีชาวอังกฤษอย่างไม่ไยดี ทำเอาชายหนุ่มผู้เคยมองโลกในแง่ดีต้องกลายเป็นคนเย็นชาเรื่องความรักนับตั้งแต่นั้นมาการจ้างแม่อุ้มบุญมันเป็นเพียงแค่แผน เขาต้องการผู้หญิงไทยสักคนมาเป็นตัวแทนของอดีตแฟนสาว ทำให้เธอคนนั้นต้องเจ็บปวดเหมือนที่แฟนสาวเคยทำกับเขา เพราะเชื่อว่าจะช่วยคลายปมในใจที่มีมานานตลอดหลายปีได้“ค
บทที่ 3แรกเจอการเซ็นสัญญาผ่านไปด้วยดีพร้อมๆ กับการผ่าตัดของมารดา นั่นทำให้อินทิราโล่งใจเป็นที่สุด แม้การผ่าตัดจะผ่านไปได้ด้วยดีแต่ทว่ายังคงต้องทำเคมีบำบัดต่อไปอีกจนกว่าจะหายขาด อีกไม่กี่วันเธอจะต้องเดินทางไปอเมริกาแล้วแต่ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับมารดาและน้องชายเลย วันนี้จึงตัดสินใจจะบอกเรื่องนี่ให้คนทั้งสองรับรู้“แม่คะหนูมีเรื่องจะบอก” เจ้าหล่อนเอ่ยกับมารดาขณะนั่งอยู่ข้างเตียงในห้องพักผู้ป่วย ส่วนน้องชายนั่งอยู่อีกฝั่ง“แม่ก็มีเรื่องจะถามแกเหมือนกัน” แม้จะเพิ่งฟื้นจากการผ่าตัดแต่กันยาก็ยังไม่คลายความสงสัย ลูกสาวเอาเงินมากมายจากไหน จนสามารถจ่ายค่าผ่าตัดรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้“แม่มีอะไรเหรอจ๊ะ”“แกเอาเงินที่ไหนมาเป็นค่ารักษาแม่ เงินมันไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ”“ก็นี่ไงจ๊ะแม่ หนูกำลังจะบอกว่าอีกสองวันหนูจะไปทำงานที่อเมริกาแล้วนะ เงินที่ใช้จ่ายก็เป็นเงินของเจ้านายหนูเอง” อินทิรายิ้มแย้มเพื่อทำให้ผู้เป็นแม่สบายใจ“แกได้งานตั้งแต่ตอนไหนทำไมแม่ไม่เคยรู้” กันยายังคงสงสัยกับสิ่งที่ลูกสาวบอก“หนูสมัครไว้นานแล้วเขาเพิ่งจะตอบรับมา เจ้านายหนูรวยและใจดีมากๆ เลยนะแม่ ท่านยอมให้หนูยื
บทที่ 4ปะทะคารมตอนแรกอินทิราเข้าใจว่าอีกฝ่ายจะแก่จนหัวหงอกซะอีก แต่ทว่ามันกลับต่างกันลิบลับ ผมเขายังดำขลับ ยังหนุ่มยังแน่น แถมหน้าตายังหล่อบาดใจอีกด้วย แต่เธอไม่ชอบสายตาคมคู่นั้นเอาซะเลย เพราะตั้งแต่มาถึงเขาเอาแต่จ้องมองเหยียดๆ ราวกับเธอเป็นตัวอะไรซะอย่างนั้น“สวัสดีค่ะ” อินทิรายกมือไหว้ตามมารยาทไทย ไม่ยอมละสายตาจากเขาเช่นเดียวกัน“อืม” น้ำเสียงเย็นชาทำเอาอินทิราสตั๊นไปสามวินาที เธอไม่นึกว่าเขาจะมีอัธยาศัยแย่ขนาดนี้ ทำเอาอินทิราถึงกับต้องคิดหนักขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว“บอสครับเอ่อ...” แอนดริวกำลังจะเอ่ยปากถามเรื่องอินทิราแต่ทว่าผู้เป็นเจ้านายกลับสั่งให้ออกไปซะงั้น“นายกลับไปก่อนพรุ่งนี้ค่อยมาหาฉันที่นี่”“ครับ” แอนดริวยืนนิ่งตอบรับแต่โดยดี“ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ” เขาเอ่ยกับบาสเตียนก่อนจะหันไปเอ่ยกับคนที่ยืนข้างกัน “ผมกลับแล้วนะครับคุณอินไว้พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน”“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์ไปรับ แล้วเจอกันค่ะ” อินทิราเอ่ยกับชายหนุ่มด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“ครับผม”หลังจากแอนดริวออกไปแล้วภายในห้องกลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศที่สุดแสนจะอึดอัด อินทิรายังคงยืนอยู่อย่างนั้นไม่กล้านั่งลง“จะยืนค้ำหัว
บทที่ 5ผู้บุกรุกจอมหื่นหลังจากโทรหามารดาและน้องชายเรียบร้อยแล้ว อินทิราก็พยายามโทรติดต่อปราลีหลายต่อหลายครั้งแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับปิดเครื่องหนี ทำเอาเจ้าหล่อนถึงกับหัวเสียเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีแล้ว อยากมีใครสักคนไว้เป็นที่ปรึกษา แต่รู้สึกว่าปราลีคงจะไม่รับสายเธออีกแล้วเป็นแน่แท้หลังจากอาบน้ำชำระล้างร่างกายจนสดชื่นแล้ว เจ้าหล่อนก็นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพผมเปียกพอหมาดๆ ก่อนจะนั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมไปด้วย จ้องมองดวงหน้าสวยของตัวเองผ่านกระจกไปด้วยแม้ว่าเธอจะหน้าตาสะสวยแต่ทว่ายังไม่เคยมีคนรักมาก่อน มีผู้ชายมาจีบอยู่ไม่ขาดสายแต่เธอเลือกที่จะปฏิเสธ อาจเป็นเพราะว่าอยากจะตั้งใจเรียนให้จบ เพื่อจะได้ทำงานเลี้ยงดูมารดาให้ได้ก่อนค่อยคิดเรื่องความรักอีกที“เรื่องแค่นี้แกต้องทนให้ได้นะอินทิรา เพื่อแม่ เพื่อน้อง ท่องไว้ให้ขึ้นใจ” อินทิราเอ่ยกับตัวเองในกระจกก่อนจะถอนหายใจเสียงดัง ในวินาทีนี้คงไม่มีใครที่จะให้กำลังใจเธอได้ดีกว่าตัวเองแล้วล่ะ“คนบ้าอะไรพูดกับตัวเองก็เป็น”เอ๋!!!เสียงเข้มดังขึ้นจากด้านหลัง เจ้าหล่อนเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ก่อนจะเห็นดวงห
บทที่ 6รู้สึกดีไหมเวลาที่โดนฉันจูบ“บอสครับ มีลูกค้าไม่ยอมจ่ายหนี้เราอยู่สองราย รวมๆ แล้วก็หลายหมื่นดอลลาร์จะให้จัดการยังไงดีครับ” แอนดริวเอ่ยกับผู้เป็นเจ้านาย หลังจากเดินทางมาหาตั้งแต่เช้าตรู่“จับตัวมันมาซ้อมให้หลาบจำ จากนั้นขังไว้ในคุกใต้ดินสักสองวัน หากยังหาเงินมาไม่ได้ก็จัดการตัดนิ้วมันซะ” เขานั่งไขว้ขาอยู่บนโซฟาสั่งการอย่างสบายๆอินทิราเดินเข้ามาได้ยินพอดี เธอถึงกับตกอกตกใจกับคำสั่งของบาสเตียน ไม่นึกว่าเขาจะจิตใจโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้ นั่นทำให้เธอต้องระวังตัวมากขึ้นไปอีก“ครับบอส ถ้างั้นผมจะเข้าไปคาสิโนเดี๋ยวนี้เลย” แอนดริวรับคำสั่งแล้วลุกขึ้นจากโซฟา จากนั้นหันหลังจะเดินออกไปก็เจอกับอินทิราเข้าเสียก่อน“สวัสดีค่ะคุณแอนดริว” เจ้าหล่อนเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“อ้าว! คุณอินสวัสดีครับ” เมื่อเห็นหญิงสาวแอนดริวก็ยิ้มทักทาย“จะกลับแล้วเหรอคะ”“ครับผม เอาไว้ค่อยคุยกันน
บทที่ 7สวยจนฉันทนไม่ไหวแล้วก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นฉุดให้หญิงสาวที่กำลังนั่งกลุ้มใจอยู่บนเตียงหลุดจากภวังค์ วันนี้ครบกำหนดที่บาสเตียนจะเข้ามาทวงสัญญาถึงในห้องแล้ว นั่นทำให้อินทิรานั่งตัวสั่นด้วยความกลัวปนตื่นเต้น เจ้าหล่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูหน้าห้อง ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปหมุนลูกบิดประตู“อ้าว! ป้าสมัยเองเหรอคะ” อินทิราโล่งใจเป็นที่สุดเมื่อรู้ว่าคนที่มาเคาะประตูห้องคือป้าสมัย“คิดว่าเป็นคุณบาสเตียนเหรอคะ” ป้าสมัยยิ้มให้ราวกับรู้ว่าวันนี้คือวันอะไร“เอ่อ..ค่ะป้า” เจ้าหล่อนหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเมื่อโดนแซว ตั้งแต่เมื่อวานที่ป้าสมัยเห็นบาสเตียนกอดจูบเธอในห้องนั่งเล่น เจ้าหล่อนยังคงอายทุกครั้งที่เห็นหน้าแม่บ้านใจดีคนนี้“คุณบาสเตียนให้ป้าเอาของมาให้ค่ะ” ว่าแล้วป้าสมัยก็ยื่นกล่องสี่เหลี่ยมแบนๆ ให้“ขอบคุณค่ะป้า ว่าแต่มันคืออะไรงั้นเหรอคะ”“ลองเปิดด
บทที่ 8ทำลูก“สะ...สวยเหลือเกิน สวยจนฉันทนไม่ไหวแล้ว” บาสเตียนเอื้อมมือไปลูบไล้เนินหญ้าอย่างละเมียดละไม จ้องมองความงดงามของเนินสาว กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่“อื้อ....”อินทิราร้องครางเมื่อได้รับสัมผัสที่แผ่วเบา เจ้าหล่อนเอียงหน้าหนีพร้อมทั้งหลับตาพริ้ม แถมยังตัวสั่นเทาด้วยความประหม่า เพราะนี่คือครั้งแรกที่โดยผู้ชายรุกล้ำเข้ามาในตัวแบบนี้“จะ...จะทำอะไร”เจ้าหล่อนร้องถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อโดนอีกฝ่ายจับขาเรียวแยกออกจากกันอ้าซ่า แถมยังเข้าไปนั่งยองๆ อยู่ตรงกลางอีกด้วย“เดี๋ยวก็รู้หึๆ”“อ๊ะ!”มาเฟียหน้าหล่อก้มหน้าลงไปที่กลางร่องแฉะ ใช้มือทั้งสองข้างแหวกกลีบแคมอูมทั้งสองออกจากกัน นั่นทำให้อินทิรารู้สึกเสียววาบจนต้องเกร็งท่อนขาวเรียวเข้าหากัน แต่ไม่สามารถหยุดความหื่นกระหายของบาสเตียนได้เลย“อย่าเกร็งสิ...เชื่อใจฉัน”เขาว่าพลางจ้องมองดวงหน้าสวยที่แสดงถึงความประหม่าอ
บทที่ 9แผนลวงใจค่ำคืนแห่งสงครามกามารมณ์อันยาวนานได้ผ่านพ้นมาแล้ว อินทิราแทบไม่กล้าสู้หน้าใครในบ้านหลังนี้เลยสักคน โดยเฉพาะบาสเตียน ผู้ชายที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอให้ขาดสะบั้นลงไปอย่างหน้าไม่อายตอนนี้อินทิราค่อยๆ ย่องลงมาจากชั้นบนเพื่อรับประทานอาหารเช้า กวาดสายตามองหาคนในบ้าน เจ้าหล่อนแทบอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี เพราะทุกคนในบ้านหลังนี้รู้ดีว่าเมื่อคืนเธอกับบาสเตียนทำอะไรกันในห้องนอน โดยเฉพาะป้าสมัยที่เป็นคนรู้ดีกว่าใครๆ“อ้าว! คุณอินมาทานข้าวเช้าสิคะ ป้าเตรียมสำรับไว้รอตั้งนานแล้ว” เมื่อเห็นหญิงสาวร่างเล็กกำลังเดินเข้ามาอย่างเก้ๆ กังๆ ป้าสมัยก็รีบเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม ทำให้ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่หัวโต๊ะมองด้วยหางตาก่อนจะกระตุกยิ้มร้าย“ขอบคุณค่ะป้า หนูขอโทษที่ลงมาช้า” เจ้าหล่อนตอบพลางเดินไปนั่งลงข้างโต๊ะ ซึ่งเป็นที่นั่งติดกับบาสเตียนแต่ไม่ยอมสบตาเขาแม้แต่แวบเดียว“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ป้าทำอาหารไทยให้คุณด้วยนะคะ ผัดผักรวมมิตรกั
บทที่ 15ข่าวดีหนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากคืนวันนั้นอินทิราก็รู้สึกผิดกับแอนดริวเป็นที่สุด นั่นเพราะทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดคิดไว้เลยสักนิด แม็กซ์เวลล์ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองได้ร่วมหลับนอนกับเลขาของเพื่อนรัก ซึ่งเป็นผู้ชายด้วยกันทำให้เขารับไม่ได้ ต่อยหน้าแอนดริวไปสองหมัดติดก่อนจะรีบออกจากบ้านไป จากวันนั้นถึงวันนี้ยังไม่มาให้แอนดริวเห็นหนี้อีกเลยสักครั้ง“ฉันขอโทษนะคะ ไม่นึกว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างนี้” อินทิราเอ่ยกับแอนดริวเสียงอ่อย ขณะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น“ไม่เป็นไรครับ ผมต้องขอบคุณคุณอินมากกว่า ที่อย่างน้อยก็ทำให้ผมกล้าทำสิ่งที่ตัวเองไม่เคยกล้า ถึงยังไงเรื่องของผมกับเขามันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นถือเป็นกำไรชีวิตที่มีค่ามาก” แอนดริวยิ้มอย่างสบายใจ สื่อให้อินทิรารู้ว่าเขาเริ่มทำใจได้บ้างแล้ว“ฉันมั่นใจว่าจะช่วยคุณได้แน่ๆ แต่ขอเวลาอีกแปบนึงนะคะ” อินทิรายังดึงดันที่จะช่วย เธอมั่นใจว่าความดีของแอนดริวจะเอาชนะใจแม็กซ์เวลล์
บทที่ 14ทำลูก2ตกเย็นก็มีงานปาร์ตี้เล็กๆ ภายในห้องคาราโอเกะสุดหรู โซฟาแบรนด์ดังดีไซน์รูปครึ่งวงกลมถูกจับจองไปด้วยคนทั้งสี่ บาสเตียนนั่งตรงกลางโดยมีเพื่อนรักนั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือ ส่วนทางขวามือก็เป็นอินทิราและเลขาส่วนตัวตามลำดับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกรินใส่แก้วครั้งแล้วครั้งเล่า จนตอนนี้บาสเตียนและแม็กซ์เวลล์เริ่มจะทรงตัวไม่ไหว ส่วนอีกสองคนยังคงนั่งจ้องหน้าจอทีวีขนาดยักษ์อย่างเพลิดเพลิน นั่นเพราะดื่มเพียงน้ำอัดลมธรรมดาเท่านั้น“เอ๊าโชนนน!!!”แกร๊ง!หนุ่มขี้เมาทั้งสองยกแก้วขึ้นชนกันก่อนจะดื่มน้ำสีอำพันลงไปจนหมดแก้ว ในขณะนั้นบาสเตียนก็ยกมืออีกข้างไปวางพาดบนบ่าอินทิราแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ด้วยความรำคาญเจ้าหล่อนจึงปัดมันออกให้พ้นตัวราวกับรำคาญเต็มทน“เมาแล้ววุ่นวายจริงๆ” เจ้าหล่อนบ่นให้คนที่นั่งข้างกัน“สงสัยคืนนี้คุณอินคงจะยุ่งน่าดูนะครับ” แอนดริวยิ้มน้อยๆ หลังจากเอ่ยแซวเจ้าหล่อน“ฉันว่าคุณนั่นล่ะจะยุ่ง” อินทิรายิ้มมุมปาก
บทที่ 13เมาตกเย็นก็มีงานปาร์ตี้เล็กๆ ภายในห้องคาราโอเกะสุดหรู โซฟาแบรนด์ดังดีไซน์รูปครึ่งวงกลมถูกจับจองไปด้วยคนทั้งสี่ บาสเตียนนั่งตรงกลางโดยมีเพื่อนรักนั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือ ส่วนทางขวามือก็เป็นอินทิราและเลขาส่วนตัวตามลำดับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกรินใส่แก้วครั้งแล้วครั้งเล่า จนตอนนี้บาสเตียนและแม็กซ์เวลล์เริ่มจะทรงตัวไม่ไหว ส่วนอีกสองคนยังคงนั่งจ้องหน้าจอทีวีขนาดยักษ์อย่างเพลิดเพลิน นั่นเพราะดื่มเพียงน้ำอัดลมธรรมดาเท่านั้น“เอ๊าโชนนน!!!”แกร๊ง!หนุ่มขี้เมาทั้งสองยกแก้วขึ้นชนกันก่อนจะดื่มน้ำสีอำพันลงไปจนหมดแก้ว ในขณะนั้นบาสเตียนก็ยกมืออีกข้างไปวางพาดบนบ่าอินทิราแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ด้วยความรำคาญเจ้าหล่อนจึงปัดมันออกให้พ้นตัวราวกับรำคาญเต็มทน“เมาแล้ววุ่นวายจริงๆ” เจ้าหล่อนบ่นให้คนที่นั่งข้างกัน“สงสัยคืนนี้คุณอินคงจะยุ่งน่าดูนะครับ” แอนดริวยิ้มน้อยๆ หลังจากเอ่ยแซวเจ้าหล่อน“ฉันว่าคุณนั่นล่ะจะยุ่ง” อินทิรายิ้มมุมปากราว
บทที่ 12เพื่อน(สาว)ตั้งแต่แอนดริวย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน อินทิราก็รู้สึกไม่เหงาเหมือนเมื่อก่อน เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงปรับตัวเข้ากับผู้ชายคนนี้ได้ง่ายดายอย่างนี้ แอนดริวเป็นผู้ชายที่มีนิสัยน่ารัก พูดเก่ง แถมยังคอยแนะนำเรื่องต่างๆ ให้เธอได้เป็นอย่างดี นับเป็นเพื่อนผู้ชายคนแรกที่เธอสนิทใจได้ในระยะเวลาอันสั้นตอนนี้ทั้งสองกำลังนั่งสนทนากันอยู่ในศาลาในสวน ตรงกลางโต๊ะมีจานขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มวางอยู่เสร็จสรรพเมื่อหมดเรื่องคุยกันแล้วแอนดริวก็นั่งพิมพ์งานในแล็ปท็อปอย่างตั้งใจ ส่วนอินทิราก็นั่งอ่านหนังสือนวนิยายรักพร้อมทั้งอมยิ้มอยู่ข้างกันในระหว่างนั้นก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเดินตรงเข้ามาหาคนทั้งสองอย่างเงียบๆ“สวัสดีครับ”เมื่อได้ยินเสียงเอ่ยทักทายคนทั้งสองจึงเงยหน้าขึ้น หันไปมองยังต้นเสียงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย“อ้าว! คุณแม็กซ์เวลล์” แอนดริวยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าเป็นใคร‘แม็กซ์เวลล์’ เป็นเพื่อนรักของบาส
บทที่ 11สวนแห่งรัก“ป้าสมัยคะ หนูขอคุยด้วยสักครู่ได้ไหม” อินทิราเดินมาหาป้าสมัยถึงในครัวเพราะต้องการพูดอะไรบางอย่างที่คิดไตร่ตรองมาทั้งคืน“คุณอินมีอะไรจะคุยกับป้าเหรอคะ” ป้าสมัยที่กำลังนั่งเตรียมของทำมื้อเที่ยงอยู่หันมายิ้มให้“คือ...เรื่องที่ป้าขอร้องให้ช่วย หนูตกลงจะช่วยนะคะ”“จริงเหรอคะคุณอิน! ป้าดีใจที่สุดเลยค่ะ” ป้าสมัยยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อได้ยินข่าวดี“แต่ไม่รู้ว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหนนะคะ”“ไม่เป็นไรค่ะป้ามั่นใจว่าคุณอินจะต้องทำได้ อีกอย่างตอนนี้ป้าก็รู้สึกว่าคุณบาสเตียนเริ่มยิ้มบ่อยขึ้น แสดงว่าคุณอินต้องมีของดีอะไรบางอย่างแน่ๆ อีกไม่นานก็จะมีเจ้าตัวเล็กแล้ว คุณอินต้องได้เป็นคุณผู้หญิงของบ้านหลังนี้แน่นอนค่ะ”“หนูไม่คิดไปไกลถึงขนาดนั้นหรอกค่ะป้า” อินทิรายิ้มแหยๆ เมื่อรู้ว่าป้าสมัยตั้งความหวังกับเธอไว้สูงขนาดนั้น“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกค่ะ ป้ามั่นใจว่าคุณอินต้องทำได้และทำไ
บทที่ 10บอกรักหลังจากอาบน้ำอาบท่าแล้วอินทิราก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ เจ้าหล่อนเดินตรงมาเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกชุดนอนมาสวมใส่ แต่ในขณะนั้นก็สะดุดตากับชุดนอนสายเดี่ยวซีทรูสีขาววางแอ้งแม้งอยู่ ทำให้นึกถึงคำพูดของบาสเตียนเมื่อช่วงเช้า มือเรียวจึงค่อยๆ เอื้อมไปหยิบมันขึ้นมา“ฉันต้องใส่ชุดบ้าบอนี่จริงๆ เหรอเนี่ย” เจ้าหล่อนบ่นกับตัวเองจากนั้นจึงตัดสินใจสวมชุดวาบหวิวนั่น เดินไปยังหน้ากระจกบานใหญ่เพื่อสำรวจความเรียบร้อย เอี้ยวตัวไปมาก่อนจะยิ้มอย่างพอใจกับความสวยของตัวเอง เรือนร่างอันเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าเนื้อบางที่เห็นทุกสัดส่วน เนินอกเต่งตึงชูชันโดดเด้งออกมาให้เห็นถนัดตา หากชายใดได้มาเห็นอย่างบาสเตียนคงไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้เป็นแน่หมับ!!!!“อุ๊ย! ...ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ มาไม่ให้สุ้มให้เสียงรู้ไหมว่าคนตกใจ” อินทิราสะดุ้งโหยงเมื่อโดนกอดจากด้านหลัง แถมมือหนายังวางหมับไว้บนเนินอกพอดิบพอดี มองในกระจกเงาก็เห็นรอยยิ้มกระชากใจสาวบนใบหน้าหล่อที่เกยค
บทที่ 9แผนลวงใจค่ำคืนแห่งสงครามกามารมณ์อันยาวนานได้ผ่านพ้นมาแล้ว อินทิราแทบไม่กล้าสู้หน้าใครในบ้านหลังนี้เลยสักคน โดยเฉพาะบาสเตียน ผู้ชายที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอให้ขาดสะบั้นลงไปอย่างหน้าไม่อายตอนนี้อินทิราค่อยๆ ย่องลงมาจากชั้นบนเพื่อรับประทานอาหารเช้า กวาดสายตามองหาคนในบ้าน เจ้าหล่อนแทบอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี เพราะทุกคนในบ้านหลังนี้รู้ดีว่าเมื่อคืนเธอกับบาสเตียนทำอะไรกันในห้องนอน โดยเฉพาะป้าสมัยที่เป็นคนรู้ดีกว่าใครๆ“อ้าว! คุณอินมาทานข้าวเช้าสิคะ ป้าเตรียมสำรับไว้รอตั้งนานแล้ว” เมื่อเห็นหญิงสาวร่างเล็กกำลังเดินเข้ามาอย่างเก้ๆ กังๆ ป้าสมัยก็รีบเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม ทำให้ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่หัวโต๊ะมองด้วยหางตาก่อนจะกระตุกยิ้มร้าย“ขอบคุณค่ะป้า หนูขอโทษที่ลงมาช้า” เจ้าหล่อนตอบพลางเดินไปนั่งลงข้างโต๊ะ ซึ่งเป็นที่นั่งติดกับบาสเตียนแต่ไม่ยอมสบตาเขาแม้แต่แวบเดียว“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ป้าทำอาหารไทยให้คุณด้วยนะคะ ผัดผักรวมมิตรกั
บทที่ 8ทำลูก“สะ...สวยเหลือเกิน สวยจนฉันทนไม่ไหวแล้ว” บาสเตียนเอื้อมมือไปลูบไล้เนินหญ้าอย่างละเมียดละไม จ้องมองความงดงามของเนินสาว กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่“อื้อ....”อินทิราร้องครางเมื่อได้รับสัมผัสที่แผ่วเบา เจ้าหล่อนเอียงหน้าหนีพร้อมทั้งหลับตาพริ้ม แถมยังตัวสั่นเทาด้วยความประหม่า เพราะนี่คือครั้งแรกที่โดยผู้ชายรุกล้ำเข้ามาในตัวแบบนี้“จะ...จะทำอะไร”เจ้าหล่อนร้องถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อโดนอีกฝ่ายจับขาเรียวแยกออกจากกันอ้าซ่า แถมยังเข้าไปนั่งยองๆ อยู่ตรงกลางอีกด้วย“เดี๋ยวก็รู้หึๆ”“อ๊ะ!”มาเฟียหน้าหล่อก้มหน้าลงไปที่กลางร่องแฉะ ใช้มือทั้งสองข้างแหวกกลีบแคมอูมทั้งสองออกจากกัน นั่นทำให้อินทิรารู้สึกเสียววาบจนต้องเกร็งท่อนขาวเรียวเข้าหากัน แต่ไม่สามารถหยุดความหื่นกระหายของบาสเตียนได้เลย“อย่าเกร็งสิ...เชื่อใจฉัน”เขาว่าพลางจ้องมองดวงหน้าสวยที่แสดงถึงความประหม่าอ
บทที่ 7สวยจนฉันทนไม่ไหวแล้วก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นฉุดให้หญิงสาวที่กำลังนั่งกลุ้มใจอยู่บนเตียงหลุดจากภวังค์ วันนี้ครบกำหนดที่บาสเตียนจะเข้ามาทวงสัญญาถึงในห้องแล้ว นั่นทำให้อินทิรานั่งตัวสั่นด้วยความกลัวปนตื่นเต้น เจ้าหล่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูหน้าห้อง ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปหมุนลูกบิดประตู“อ้าว! ป้าสมัยเองเหรอคะ” อินทิราโล่งใจเป็นที่สุดเมื่อรู้ว่าคนที่มาเคาะประตูห้องคือป้าสมัย“คิดว่าเป็นคุณบาสเตียนเหรอคะ” ป้าสมัยยิ้มให้ราวกับรู้ว่าวันนี้คือวันอะไร“เอ่อ..ค่ะป้า” เจ้าหล่อนหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเมื่อโดนแซว ตั้งแต่เมื่อวานที่ป้าสมัยเห็นบาสเตียนกอดจูบเธอในห้องนั่งเล่น เจ้าหล่อนยังคงอายทุกครั้งที่เห็นหน้าแม่บ้านใจดีคนนี้“คุณบาสเตียนให้ป้าเอาของมาให้ค่ะ” ว่าแล้วป้าสมัยก็ยื่นกล่องสี่เหลี่ยมแบนๆ ให้“ขอบคุณค่ะป้า ว่าแต่มันคืออะไรงั้นเหรอคะ”“ลองเปิดด