Share

บทที่สี่สิบสาม

“แต่งงานเหรอแก้วไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ไม่รักแก้วเด็ดขาดการแต่งงานมันต้องเกิดจากความรักเมื่อไม่เคยรักกันแต่งกันไปเดี๋ยวก็มีปัญหากันอยู่ดี”  ที่หญิงสาวพูดออกมามันก็จริงอยู่ที่ไม่ได้รักกันแต่งงานกันไปมันก็คงจะไม่มีความสุขอยู่ดีเพราะตอนนี้ชายหนุ่มเองก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ว่ารักหญิงสาวหรือเปล่าหรือแค่ชอบเท่านั้น

“มันก็จริงอย่างที่คุณพูดถึงผมจะยังให้คำตอบคุณไม่ได้ว่าผมรักคุณหรือเปล่าแต่ยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบคุณ”  คำตอบจากปากของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวน้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้รู้สึกเจ็บที่หัวใจแปลกๆตอนที่เขาบอกว่าเขาไม่ได้รักเธอที่เขามาดูแลเธอก็คงอยากที่จะรับผิดชอบกับการกระทำของเขาเท่านั้นเธอรู้สึกโมโหตัวเองที่เมื่อคืนยอมเผลอไผลไปกับเขาอย่างลืมตัวลืมอายมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดของตัวเองให้กับผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอเลยสักนิด

“คุณไม่ต้องรับผิดชอบแก้วหรอกในเมื่อเราไม่ได้รักกันแก้วจะถือว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นความผิดพลาดที่เราไม่ได้ตั้งใจต่อไปนี้เรื่องระหว่างคุณกับแก้วขอให้ลืมมันไปคิดซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”  ลูกแก้วกลั้นใจพูดแบบนั้นออกไปเพราะคิดว่าที่เขาจะรับผิดชอบเธอเพราะรู้สึกผิดเท่านั้นถ้าแค่ความรู้สึกผิดแล้วมารับผิดชอบเธอแบบนั้นเธอไม่ต้องการสู้ใจแข็งบอกเขาว่าไม่ต้องมารับผิดชอบซะเลยดีกว่าทั้งที่ในใจเจ็บปวดแทบใจจะขาด

“แต่....”

“ไม่มีแต่ค่ะถ้าคุณอยากให้แก้วช่วยงานคุณต่อก็ขอให้เป็นไปตามข้อตกลงนี้นะคะ”  พีรพัตรรู้สึกจุกแน่นในอกอย่างบอกไม่ถูกคำที่หญิงสาวพูดว่าเราไม่ได้รักกันทำไมในใจของเขามันรู้สึกเจ็บ

   ยิ่งเธอบอกว่าถ้าอยากให้เธอช่วยงานต่อก็ขอให้ลืมเรื่องนี้ไปซะเขายิ่งรู้สึกหน่วงในอกเข้าไปใหญ่แต่ก็ไม่อยากขัดอะไรเธอเพราะใจเขาก็กลัวว่าเธอจะไม่อยู่ช่วยงานเขาจริงๆอย่างที่ปากพูดใจจริงเรื่องช่วยงานไม่สำคัญอะไรเมื่อนึกถึงวันที่ไม่มีเธอทำงานด้วยและไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอต่อไปเขาแล้วโลกของเขาเองก็คงจะเหมือนขาดอะไรไปแน่ๆ​

“โอเคถ้าคุณต้องการแบบนั้นก็ได้...งั้นผมขอตัวนี่ยาคุณทานข้าวแล้วก็ทานยาด้วยนะพรุ่งนี้เจอกันสิบโมงเช้าเราจะกลับเมืองไทยกันวันพรุ่งนี้”

“ค่ะ”

ในใจตอนที่เดินออกมาเขาเองก็ยังแอบห่วงหญิงสาวอยู่ไม่น้อยแต่ถ้าขืนเขาเองยังฝืนอยู่ในห้องเธอก็คงยังไม่ได้พักผ่อนแน่ๆ

   หลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกจากห้องไปหญิงสาวก็ปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ตอนนี้เธอสับสนเหลือเกินใจนึงก็อยากให้เขารับผิดชอบแต่อีกใจนึงก็มีทิฐิในเมื่อชายหนุ่มไม่รัก

   เธอไม่อยากที่จะใช้ประเด็นนี้ผูกมัดตัวเขาเอาไว้มันเห็นแก่ตัวเกินไปเธอรู้ว่าที่ชายหนุ่มทำไปเพราะฤทธิ์ยาและที่เขาต้องการที่จะรับผิดชอบตัวเธอเพราะรู้สึกผิดเท่านั้น

    ทางด้านพีรพัตนเมื่อกลับมาถึงห้องใช้มือกุมขมับเสยผมเป็นการใหญ่ทำไมเขาต้องรู้สึกหน่วงๆในใจด้วยในเมื่อหญิงสาวต้องการแบบนั้นเขาเองก็ควรไม่คิดอะไรจะได้ไม่ต้องไปผูกมัดกับเธอที่ไม่เต็มใจ..แต่อีกใจทำไมถึงรู้สึกหงุดหงิดที่เธอปฏิเสธเขาและต้องให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาโมโหเธอเรื่องนี้จริงๆ

   เขาไม่เข้าใจทำไมเธอต้องปฏิเสธเรื่องที่เขาจะรับผิดชอบเธอด้วยคนอย่างเขามันไม่น่าแต่งงานด้วยขนาดนั้นเลยหรือไงชายหนุ่มเดินคิดวนไปวนมาอยู่ในห้องยิ่งเมื่อคิดถึงตอนที่เธอขู่ว่าจะไม่อยู่ช่วยงานมันยิ่งบีบหัวใจ

เช้าวันต่อมา

   หลังจากที่ได้นอนพักผ่อนเต็มที่หญิงสาวก็มีสีหน้าที่สดใสขึ้นมาบ้างเธอเดินลงมารอชายหนุ่มตามนัดตรงเวลาพอดีเมื่อชายหนุ่มเห็นว่าหญิงสาวอาการดีขึ้นแล้วเขาจึงโล่งใจถึงแม้เธอจะไม่ยอมพูดกับเขาเลยก็ตาม

   ในระหว่างที่นั่งเครื่องกลับมาทั้งสองนั่งเหมือนคนไม่รู้จักกันเมื่อชายหนุ่มถามคำหญิงสาวก็ตอบคำโดยที่เธอไม่เคยสบตาเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เมื่อทั้งสองกลับมาถึงคอนโดที่เมืองไทยหญิงสาวก็รีบปลีกตัวกลับเข้าห้องโดยที่ไม่รอชายหนุ่มความรู้สึกของพีรพัตรตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองอกหักโดนเมินไม่มีค่าแก่สายตาของเธอที่จะมองยิ่งคิดก็ยิ่งอึดอัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าอยู่นิ่งๆแบบนี้ไปก่อน

   ในหัวของเขาตอนนี้คิดว่าเขาควรปล่อยให้เวลามันล่วงเลยไปสักพักแล้วค่อยกลับมาคุยเรื่องนี้กับเธอใหม่เพราะเขาคงทนไม่ได้ตลอดไปแน่ๆที่หญิงสาวทำเมินเขาแบบนี้

   หลังจากที่กลับจากอเมริกาลูกแก้วก็ขอสลับหน้าที่กับสาวิตรีหญิงสาวให้เหตุผลกับสาวิตรีว่าเธออยากจะทำงานส่วนที่สาวิตรีทำบ้างและเปลี่ยนให้สาวิตรีทำตำแหน่งเลขาแทนเธอ

   แล้วยังไม่ยอมให้พีรพัตรไปรับไปส่งเหมือนเดิมอีกต่างหากพีรพัตรเองก็ไม่ได้ขัดอะไรเพราะคิดว่าหญิงสาวคงอึดอัดใจที่ต้องอยู่ใกล้ๆเขาถึงเธอจะไม่ได้ทำตำแหน่งเลขาขอแค่เธอทำงานอยู่ที่นี่เขาก็พอใจแล้ว

    ดวงแขและพิไลรู้ข่าวว่าทั้งสองกลับมาถึงเมืองไทยแล้วก็รีบบินตรงมาที่กรุงเทพเพื่อมาหาทั้งสองถึงที่บริษัทโดยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าเพื่อมาถามถึงเรื่องในคลิปว่าตกลงมันเป็นยังไงกันแน่

   พีรพัตรและลูกแก้วจึงเล่าความจริงให้ฟังคุณหญิงทั้งสองแอบเสียดายอยู่นิดๆที่มันไม่เป็นเรื่องจริงทั้งสองอยู่คุยกับทั้งพีรพัตรและลูกแก้วสักพักก็ขอตัวกลับเพราะไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของทั้งคู่สักเท่าไร

    แต่ด้วยคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างคุณหญิงทั้งสองเมื่อมองแปปเดียวก็รู้ว่าเด็กทั้งสองคนต้องมีอะไรในใจกันอยู่แน่ๆทั้งเวลาพูดคุยยังไม่ค่อยจะสบตากันทั้งยังชอบเหลือบมองกันไปเหลือบมองกันมาอีกด้วยแต่พวกเธอก็ไม่ได้เอะอะอะไรไปเพราะคิดว่าถ้าทั้งคู่สบายใจที่จะบอกพวกเธอก็คงจะบอกเอง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status