“แต่งงานเหรอแก้วไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ไม่รักแก้วเด็ดขาดการแต่งงานมันต้องเกิดจากความรักเมื่อไม่เคยรักกันแต่งกันไปเดี๋ยวก็มีปัญหากันอยู่ดี” ที่หญิงสาวพูดออกมามันก็จริงอยู่ที่ไม่ได้รักกันแต่งงานกันไปมันก็คงจะไม่มีความสุขอยู่ดีเพราะตอนนี้ชายหนุ่มเองก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ว่ารักหญิงสาวหรือเปล่าหรือแค่ชอบเท่านั้น
“มันก็จริงอย่างที่คุณพูดถึงผมจะยังให้คำตอบคุณไม่ได้ว่าผมรักคุณหรือเปล่าแต่ยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบคุณ” คำตอบจากปากของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวน้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้รู้สึกเจ็บที่หัวใจแปลกๆตอนที่เขาบอกว่าเขาไม่ได้รักเธอที่เขามาดูแลเธอก็คงอยากที่จะรับผิดชอบกับการกระทำของเขาเท่านั้นเธอรู้สึกโมโหตัวเองที่เมื่อคืนยอมเผลอไผลไปกับเขาอย่างลืมตัวลืมอายมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดของตัวเองให้กับผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอเลยสักนิด
“คุณไม่ต้องรับผิดชอบแก้วหรอกในเมื่อเราไม่ได้รักกันแก้วจะถือว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นความผิดพลาดที่เราไม่ได้ตั้งใจต่อไปนี้เรื่องระหว่างคุณกับแก้วขอให้ลืมมันไปคิดซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ลูกแก้วกลั้นใจพูดแบบนั้นออกไปเพราะคิดว่าที่เขาจะรับผิดชอบเธอเพราะรู้สึกผิดเท่านั้นถ้าแค่ความรู้สึกผิดแล้วมารับผิดชอบเธอแบบนั้นเธอไม่ต้องการสู้ใจแข็งบอกเขาว่าไม่ต้องมารับผิดชอบซะเลยดีกว่าทั้งที่ในใจเจ็บปวดแทบใจจะขาด
“แต่....”
“ไม่มีแต่ค่ะถ้าคุณอยากให้แก้วช่วยงานคุณต่อก็ขอให้เป็นไปตามข้อตกลงนี้นะคะ” พีรพัตรรู้สึกจุกแน่นในอกอย่างบอกไม่ถูกคำที่หญิงสาวพูดว่าเราไม่ได้รักกันทำไมในใจของเขามันรู้สึกเจ็บ
ยิ่งเธอบอกว่าถ้าอยากให้เธอช่วยงานต่อก็ขอให้ลืมเรื่องนี้ไปซะเขายิ่งรู้สึกหน่วงในอกเข้าไปใหญ่แต่ก็ไม่อยากขัดอะไรเธอเพราะใจเขาก็กลัวว่าเธอจะไม่อยู่ช่วยงานเขาจริงๆอย่างที่ปากพูดใจจริงเรื่องช่วยงานไม่สำคัญอะไรเมื่อนึกถึงวันที่ไม่มีเธอทำงานด้วยและไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอต่อไปเขาแล้วโลกของเขาเองก็คงจะเหมือนขาดอะไรไปแน่ๆ
“โอเคถ้าคุณต้องการแบบนั้นก็ได้...งั้นผมขอตัวนี่ยาคุณทานข้าวแล้วก็ทานยาด้วยนะพรุ่งนี้เจอกันสิบโมงเช้าเราจะกลับเมืองไทยกันวันพรุ่งนี้”
“ค่ะ”
ในใจตอนที่เดินออกมาเขาเองก็ยังแอบห่วงหญิงสาวอยู่ไม่น้อยแต่ถ้าขืนเขาเองยังฝืนอยู่ในห้องเธอก็คงยังไม่ได้พักผ่อนแน่ๆ
หลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกจากห้องไปหญิงสาวก็ปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ตอนนี้เธอสับสนเหลือเกินใจนึงก็อยากให้เขารับผิดชอบแต่อีกใจนึงก็มีทิฐิในเมื่อชายหนุ่มไม่รัก
เธอไม่อยากที่จะใช้ประเด็นนี้ผูกมัดตัวเขาเอาไว้มันเห็นแก่ตัวเกินไปเธอรู้ว่าที่ชายหนุ่มทำไปเพราะฤทธิ์ยาและที่เขาต้องการที่จะรับผิดชอบตัวเธอเพราะรู้สึกผิดเท่านั้น
ทางด้านพีรพัตนเมื่อกลับมาถึงห้องใช้มือกุมขมับเสยผมเป็นการใหญ่ทำไมเขาต้องรู้สึกหน่วงๆในใจด้วยในเมื่อหญิงสาวต้องการแบบนั้นเขาเองก็ควรไม่คิดอะไรจะได้ไม่ต้องไปผูกมัดกับเธอที่ไม่เต็มใจ..แต่อีกใจทำไมถึงรู้สึกหงุดหงิดที่เธอปฏิเสธเขาและต้องให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาโมโหเธอเรื่องนี้จริงๆ
เขาไม่เข้าใจทำไมเธอต้องปฏิเสธเรื่องที่เขาจะรับผิดชอบเธอด้วยคนอย่างเขามันไม่น่าแต่งงานด้วยขนาดนั้นเลยหรือไงชายหนุ่มเดินคิดวนไปวนมาอยู่ในห้องยิ่งเมื่อคิดถึงตอนที่เธอขู่ว่าจะไม่อยู่ช่วยงานมันยิ่งบีบหัวใจ
เช้าวันต่อมา
หลังจากที่ได้นอนพักผ่อนเต็มที่หญิงสาวก็มีสีหน้าที่สดใสขึ้นมาบ้างเธอเดินลงมารอชายหนุ่มตามนัดตรงเวลาพอดีเมื่อชายหนุ่มเห็นว่าหญิงสาวอาการดีขึ้นแล้วเขาจึงโล่งใจถึงแม้เธอจะไม่ยอมพูดกับเขาเลยก็ตาม
ในระหว่างที่นั่งเครื่องกลับมาทั้งสองนั่งเหมือนคนไม่รู้จักกันเมื่อชายหนุ่มถามคำหญิงสาวก็ตอบคำโดยที่เธอไม่เคยสบตาเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เมื่อทั้งสองกลับมาถึงคอนโดที่เมืองไทยหญิงสาวก็รีบปลีกตัวกลับเข้าห้องโดยที่ไม่รอชายหนุ่มความรู้สึกของพีรพัตรตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองอกหักโดนเมินไม่มีค่าแก่สายตาของเธอที่จะมองยิ่งคิดก็ยิ่งอึดอัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าอยู่นิ่งๆแบบนี้ไปก่อน
ในหัวของเขาตอนนี้คิดว่าเขาควรปล่อยให้เวลามันล่วงเลยไปสักพักแล้วค่อยกลับมาคุยเรื่องนี้กับเธอใหม่เพราะเขาคงทนไม่ได้ตลอดไปแน่ๆที่หญิงสาวทำเมินเขาแบบนี้
หลังจากที่กลับจากอเมริกาลูกแก้วก็ขอสลับหน้าที่กับสาวิตรีหญิงสาวให้เหตุผลกับสาวิตรีว่าเธออยากจะทำงานส่วนที่สาวิตรีทำบ้างและเปลี่ยนให้สาวิตรีทำตำแหน่งเลขาแทนเธอ
แล้วยังไม่ยอมให้พีรพัตรไปรับไปส่งเหมือนเดิมอีกต่างหากพีรพัตรเองก็ไม่ได้ขัดอะไรเพราะคิดว่าหญิงสาวคงอึดอัดใจที่ต้องอยู่ใกล้ๆเขาถึงเธอจะไม่ได้ทำตำแหน่งเลขาขอแค่เธอทำงานอยู่ที่นี่เขาก็พอใจแล้ว
ดวงแขและพิไลรู้ข่าวว่าทั้งสองกลับมาถึงเมืองไทยแล้วก็รีบบินตรงมาที่กรุงเทพเพื่อมาหาทั้งสองถึงที่บริษัทโดยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าเพื่อมาถามถึงเรื่องในคลิปว่าตกลงมันเป็นยังไงกันแน่
พีรพัตรและลูกแก้วจึงเล่าความจริงให้ฟังคุณหญิงทั้งสองแอบเสียดายอยู่นิดๆที่มันไม่เป็นเรื่องจริงทั้งสองอยู่คุยกับทั้งพีรพัตรและลูกแก้วสักพักก็ขอตัวกลับเพราะไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของทั้งคู่สักเท่าไร
แต่ด้วยคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างคุณหญิงทั้งสองเมื่อมองแปปเดียวก็รู้ว่าเด็กทั้งสองคนต้องมีอะไรในใจกันอยู่แน่ๆทั้งเวลาพูดคุยยังไม่ค่อยจะสบตากันทั้งยังชอบเหลือบมองกันไปเหลือบมองกันมาอีกด้วยแต่พวกเธอก็ไม่ได้เอะอะอะไรไปเพราะคิดว่าถ้าทั้งคู่สบายใจที่จะบอกพวกเธอก็คงจะบอกเอง
3 เดือนผ่านไป17.50 น.“พี่สาครับลูกแก้วกลับไปแล้วเหรอครับ” พีรพัตรที่พึ่งออกมาจากห้องประชุมเขาเหลือบมองไปที่ห้องของลูกแก้วซึ่งเคยเป็นห้องของสาวิตรีมาก่อนพบว่าไฟปิดลงเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าวันนี้หญิงสาวกลับไปแล้วแต่ก็อยากรู้ว่าหญิงสาวกลับไปเมื่อไรจึงเอ่ยถามสาวิตรี“ค่ะพึ่งกลับไปเมื่อสักพักนี้เองค่ะ”“ครับงั้นผมกลับก่อนนะครับ”“ค่ะคุณพรีม..เอ่อคุณพรีมคะช่วยดูอาการของลูกแก้วหน่อยก็ดีนะคะพี่เห็นลูกแก้วมักจะวูบๆอยู่บ่อยๆน่ะค่ะพี่บอกให้ไปหาหมอตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่ยอมไปค่ะ”“งั้นเหรอครับโอเคครับเดี๋ยวผมจะดูเธอให้” สาวิตรีคิดว่าทั้งสองต้องมีปัญหากันตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาแน่นอนทั้งการที่หญิงสาวขอเปลี่ยนตำแหน่งกับเธอและตอนนี้ก็ยังไปกลับที่ทำงานเองอีกด้วยเธอไม่อยากจะก้าวก่ายเรื่องของทั้งสองมากนักแต่เมื่อเห็นอาการของลูกแก้วเธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้เธอคิดว่าถ้าให้พีรพัตรเป็นคนบอกหญิงสาวเธอก็น่าจะฟังบ้างและนี่ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ทั้งสองอาจจะมีโอกาศพูดคุยกันและกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ได้ พีรพัตรเองหลังๆมานี้ก็แอบเห็นอาการของลูกแก้วเหมือนกันแต่เขาไม่ใช่ว่าเขาไม่ห่วงเธอเขาพยายามจะเข้าหาเธอหลายรอบแล้ว
20นาทีผ่าน“คุณยังไม่หายคลื่นไส้อีกเหรอ” พีรพัตรเดินสำรวจห้องครัวของหญิงสาวเรียบร้อยแล้วก็ออกมานั่งที่ห้องนั่งเล่นเมื่อตอนเดินกลับมาเขาเองยังได้ยินเสียงของหญิงสาวอาเจียนยังไม่ยอมหยุดเขาเองอยากจะไปดูอาการเธอใกล้ๆแต่ก็กลัวเมื่อเข้าไปใกล้หญิงสาวแล้วอาการของเธอจะหนักขึ้นกว่าเดิมจึงได้แต่ตะโกนถามเธอแต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรได้ยินแต่เสียงอาเจียนที่ดังออกมาเท่านั้น เขานั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นของเธอสักพักหมอก็มาถึงเมื่อหมอเข้ามาเขาก็เดินพาหมอมาดูอาการของลูกแก้วที่กำลังเป็นตอนนี้ทันที“ช่วยตรวจเธอให้ละเอียดเลยนะครับหมอผมว่าอาการเธอน่าจะหนักอยู่ครับ” หมอและพยาบาลมาประคองลูกแก้วไปนอนที่เตียงและตรวจอาการของเธออย่างละเอียดอีกครั้งหญิงสาวไม่ให้ชายหนุ่มเข้าใกล้หมอเลยให้ชายหนุ่มรออยู่ด้านนอกเพราะยิ่งชายหนุ่มเข้าใกล้เธอยิ่งทำให้อาการของเธอกำเริบขึ้นมาอีก“ยาที่ผมให้ไว้ยังทานอยู่ไหมครับคุณลูกแก้ว”“ทานอยู่ค่ะแต่ก็ใกล้จะหมดแล้วค่ะ”“งั้นเดี๋ยวหมอให้ยาเพิ่มไว้นะครับ”“ค่ะ”“ยังไงช่วงนี้ก็ทานผักผลไม้เยอะๆนะครับ..ถ้าไม่มีอะไรแล้วเดี๋ยวหมอกลับก่อนนะครับ”“ขอบคุณค่ะหมอ” ลูกแก้วรู้ดีว่าเมื่อหมอออกไปชา
“พอเลยคุณผมไม่เคยลำบากใจที่จะรับผิดชอบตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณยังดูไม่ออกอีกเหรอว่าผมคิดยังไงกับคุณ” ชายหนุ่มยืนพูดอยู่ที่ปลายเตียงของหญิงสาวไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้เธอเพราะกลัวเธอจะอาเจียนออกมาอีกทั้งที่ในใจอยากเข้าไปกอดปลอบคนที่ร้องให้สะอึกสะอื้นอยู่ตอนนี้ใจจะขาด“ฮือๆ..แล้วคุณพรีมคิดอะไรก็บอกแก้วมาสิ….ฮือๆๆ” ร่างบางที่นั่งสะอื้นอยู่ที่เตียงก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าตอนนี้ชายหนุ่มคิดยังไงกับเธอกันแน่ก็ตอนนั้นบอกว่าไม่รักแล้วตอนนี้บอกว่าเธอไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงอีกเธอสับสนกับคำพูดเขาจริงๆ“คุณหยุดร้องแล้วฟังผมก่อนได้ไหม” พีรพัตรต้องปรามหญิงสาวให้หยุดร้องจะได้คุยกันให้รู้เรื่องสักทีถ้าเธอยังสะอึกสะอื้นอยู่อย่างนี้วันนี้คงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ“แก้วก็อยาก….กก…จะหยุดแต่มัน…..ฮึกๆ…หยุดไม่ได้…ฮือๆ” ลูกแก้วเองก็อยากจะหยุดแต่เมื่อมองหน้าเขาได้ยินคำที่เขาพูดน้ำตาเธอมันก็ไหลออกมาตลอดเธอไม่รู้ว่าจะหยุดมันยังไง“งั้นก็ฟังผมนะ…คือ..ผมรักคุณ…ผมไม่รู้ว่ารักตั้งแต่เมื่อไรแต่ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณแต่งงานกับผมเถอะนะ” ในเมื่อเธอไม่หยุดร้องเขาก็บอกรักเธอทั้งๆที่ยังร้องอยู่ละกันเผื่อเธอจะยอมหยุดร้องแล้
“คุณก็รู้นี่ว่าสามีของคุณเป็นถึงผู้บริหารของบริษัทจะให้ภรรยาตัวเองหยุดทำงานบ้างคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง...นั่งก่อนเดี๋ยวผมไปยกอาหารมาให้นะครับ” ชายหนุ่มใช้สองมือดันตัวหญิงสาวจากด้านหลังแล้วพาไปนั่งที่โต๊ะทานข้าวให้เธอนั่งรอเขาเอาอาหารมาเสริฟ ลุกแก้วเองก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งหน้าแดงไม่กล้าสบตาคนที่คุยด้วยเพราะเขินคำพูดที่เขาพูดว่าตัวเองเป็นสามีและเธอป็นภรรยาของเขา เธอไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีช่วงเวลาดีๆแบบนี้กับชายหนุ่มผู้ชายที่เคร่งขรึมเจ้าระเบียบหน้ายักษ์คนที่เธอเจอครั้งแรกตอนนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเขาดูอ่อนโยนอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเธอขอให้เขาเป็นแบบนี้กับเธอตลอดไปไม่ใช่แค่ช่วงที่เป็นโปรโมชั่นเท่านั้น“โหทำไมมันเยอะจังเลยล่ะคะคุณพรีม” ลูกแก้วมองพีรพัตรยกจานอาหารมาให้เธอคราแรกก็คิดว่าหมดแล้วนี่เขายังเดินไปหยิบมาจนเต็มโต๊ะอาหารเธอไม่รู้ว่าอาหารที่เขาทำเธอจะทานได้หรือเปล่าเพราะไอ้อาการแพ้ท้องของเธอนี่แหละจนต้องทำให้เธอทานข้าวต้มกับไข่เค็มอยู่ทุกวันเพราะทานได้แค่นั้น...เธอเคยลองทานอาหารที่เขาบอกว่าดีต่อผู้หญิงตั้งครรภ์หลายต่อหลายอย่างแต่เมื่อตักเข้าปากเท่าไม่ทันได้เคี้ยวเท่าไรก็ต้อง
“อืม..ยัยหนู” แผ่นดินรู้สึกตัวตื่นเพราะแรงฝ่ามือของลูกสาวที่กำลังตีหน้าเขาอยู่จึงใช้แขนทั้งสองข้างรวบตัวลูกสาวตัวกลมของเขามากอดไว้บนอกและเริ่มการทำโทษลูกสาวด้วยการใช้ไรหนวดฟัดไปที่แก้มพองๆก่อนจะพลิกตัวกลับมาฟัดที่พุงกลมๆของเจ้าก้อนอีกที“อร๊าย...แอ้.เฮ่อๆ”“พอแล้วค่ะพี่พอลเลิกแกล้งยัยหนูได้แล้วค่ะลูกหัวเราะจนจะไม่มีเสียงอยู่แล้ว” พลอยไพลินที่เห็นคนเป็นสามีกำลังแกล้งลูกสาวหัวเราะจนจะไม่มีเสียงอยู่แล้วจึงส่งเสียงปรามคนตัวโตซะหน่อย“โถ่พลอย..ก็พลอยปล่อยให้ยัยหนูแกล้งพี่ก่อนทำไมล่ะ”“พี่พอลจะมาโทษพลอยไม่ได้นะคะก็พี่พอลตื่นสายเองพลอยก็เลยปล่อยให้ยัยหนูก็เลยปลุกเท่านั้นเองค่ะ” พลอยไพลินแสร้งพูดก่อนจะอมยิ้มแล้วมองไปทางอื่น“พี่รู้สึกมึนๆหัวน่ะพลอยพี่ขอนอนต่ออีกสักพักนะ” วันนี้แผ่นดินรู้สึกมึนหัวอ่อนล้าอ่อนเพลียผิดปกติเขาเลยตื่นสายไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกันปกติก็ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยคิดว่าจะนอนต่ออีกสักพักก็อาการก็คงจะดีขึ้นเอง“พี่พอลเป็นอะไรหรือเปล่าคะไปหาหมอดีไหม” เมื่อเห็นผู้เป็นสามีหน้าซีดผิดปกติแถมยังบ่นว่ามึนหัวขอนอนต่ออีกเธอเห็นท่าไม่ดีเพราะปกติเธอก็ไม่เคยเห็นคนที่แข็งแรงแ
30 นาทีต่อมา“อาการของลูกชายดิฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ” ตอนนี้ในห้องมีทั้งพิไลดวงแขและพลอยไพลินรอฟังอาการของชายหนุ่มอยู่ข้างๆเตียงหลังจากหมอตรวจเสร็จคนเป็นแม่ของคนนอนป่วยก็เอ่ยปากถามหมอทันทีเพราะอยากรู้อาการของลูกชายตัวเองที่ตอนนี้นอนงัวเงียอยู่บนเตียงเต็มทน“เอ่อ...จากที่ผมตรวจอาการของคุณพอลไม่มีอะไรผิดปกตินะครับแต่ถ้าฟังจากที่พวกคุณเล่ามาผมคงต้องขอตรวจคุณพลอยแทนนะครับ”“คะ....ตรวจฉันเหรอคะ” พลอยไพลินมีสีหน้าที่สงสัยอยู่ดีๆหมอก็จะขอตรวจเธอทั้งๆที่เธอสบายดี“ครับ....ผมขอถามคุณพลอยว่าประจำเดือนคุณขาดกี่เดือนแล้วครับ” หลังจากที่ได้ยินคำถามจากคุณหมอหญิงสาวเองก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าประจำเดือนเธอขาดมาสองเดือนแล้วนี่นา“เอ่อ...น่าจะสองเดือนแล้วค่ะ”“งั้นผมว่าอาการที่คุณพอลเป็นน่าจะแพ้ท้องแทนภรรยาแล้วหละครับเคสแบบนี้ผมเจอมาบ่อยน่าจะไม่พลาดนะครับ” พลอยไพลินถึงกับยิ้มหน้าบานอย่างตื้นตันว่าเธอกำลังจะมีน้องให้ยัยหนูอีกคนนึงแล้ว“ยังไงผมขอนัดคุณพลอยไปตรวจและฝากครรภ์ทีโรงพยาบาลได้เลยนะครับส่วนคุณพอลคงต้องให้ยาไปตามอาการถ้าเรียบร้อยแล้วหมอขอตัวนะครับ”“ขอบคุณค่ะคุณหมอ” หลังจากหมอตรวจเสร็จเรียบร
“ตายแล้วคุณพี่น้องจะเป็นลม”“คุณแม่/คุณแม่” ทั้งพีรพัตรและลูกแก้วเมื่อเห็นอาการไม่ดีของพิไลก็รีบโผเข้ามาดูอาการอยู่ใกล้ๆ“ผมขอโทษครับที่ทำให้คุณแม่เสียใจ” พีรพัตรรู้สึกผิดที่ทำให้ผู้เป็นแม่ต้องเกือบจะเป็นลมเพราะตนเองทำให้ผูเป็นแม่เสียใจจึงเอ่ยขอโทษออกมา“เสียใจอะไรกันล่ะตาพรีมแม่ดีใจมากต่างหากล่ะ...น้องจะมีหลานกับเค้าแล้วค่ะคุณพี่” พิไลที่ดีใจจนเกือบเป็นลมเพราะได้ลูกสะใภ้สมใจแล้วอยู่ดีๆก็ได้หลานมาด้วยเธอจึงหันไปคุยอวดผู้เป็นพี่สาวว่าจะมีหลานยกใหญ่“แล้วนี่ท้องได้กี่เดือนแล้วจ้ะลูกแก้ว” พลอยไพลินที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆก็นั่งยิ้มดีใจกับน้องสาวของตนที่จะมีครอบครัวและมีคนที่ดีๆดูแลซะที“สี่เดือนแล้วค่ะพี่พลอยไม่โกรธแก้วใช่ไหมคะที่แก้วไม่ได้บอกพี่พลอยก่อน”“พี่จะโกรธทำไมพี่รู้ว่าลูกแก้วเป็นคนมีเหตุผลพี่ดีใจน้าที่น้องสาวพี่มีคนดีๆอย่างคุณพรีมดูแล” สองพี่น้องโอบกอดกันภาพตอนนี้ดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่น“ดีจังเลยนะครอบครัวเราจะมีสมาชิกเพิ่มอีกตั้งสองคนแน่ะ” ดวงแขคราแรกก็ตกใจกับเรื่องที่พีรพัตรโพล่งพูดออกมารวดเดียวแต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วจะได้ไม่ต้องเสียเวลาจับคู่เธอดีใจที่
ทุกคนนั่งทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันที่โต้ะอาหารยกเว้นจอมขวัญตอนนี้ที่ยังไม่กลับดวงแขนั่งทานข้าวไปคุยกับลูกๆหลานๆบนโต๊ะไปก็สังเกตเห็นลูกชายของตนนั่งเกาะแขนคนเป็นภรรยาอยู่นานแล้วไม่ยอมปล่อยเสียทีเธอจึงเอ่ยถามขึ้น“แล้วนั่นเป็นอะไรอีกล่ะตาพอลกลัวหนูพลอยจะหายหรือไงเกาะไม่ปล่อยซะขนาดนั้น”“คือพี่พอลบอกว่าเค้าอยู่ใกล้ๆพลอยแล้วอาการดีขึ้นน่ะค่ะคุณแม่ตั้งแต่ตื่นมาก็ไม่ยอมห่างเลยค่ะ” หญิงสาวตอบคนเป็นแม่สามีด้วยสีหน้าที่อ่อนใจเธอเองก็รู้สึกชักจะรำคาญคนตัวโตอยู่เหมือนกันที่เอาแต่เกาะไม่ปล่อยตอนนี้หญิงสาวรู้สึกเหมือนเธอมีลูกชายเพิ่มมาอีกคน“ใช่ครับคุณแม่เวลาผมอยู่ใกล้พลอยแล้วไอ้อาการเวียนหัวมันก็ดีขึ้นทุกทีเลยครับเลยต้องเกาะกันอยู่แบบนี้” เขาเองตอบตามความจริงเมื่ออยู่ใกล้ภรรยาทีไรอาการเขาก็ดีขึ้นทุกทีเลยจำเป็นต้องเกาะกันแจอยู่แบบนี้“อย่างงั้นเองเหรอ” ดวงแขนึกสงสารทั้งลูกชายและลูกสะใภ้แต่ก็คิดว่าพอลูกสะใภ้เธอท้องโตอีกหน่อยอาการของลูกชายเธอก็คงจะหายไปเองตอนนี้ก็ทำได้แต่ให้กำลังใจทั้งสองให้อดทนเอาหน่อย“คงเป็นเพราะอาการแพ้ท้องแทนเมียน่ะค่ะคุณพี่อีกหน่อยคงดีขึ้นเอง”“พี่ก็ว่างั้นแหละ”“ผมว่าอ